Get more detail for your trip

ภูผาวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




Since Aug 2009
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ภูผาวารี's blog to your web]
Links
 

 

รีวิว บินหรู อยู่สบาย ช้อปกระจาย ที่ฮ่องกง-มาเก๊า: โบรชัวร์สินาคาถูกช่วง Sale ของห้าง SOGO ฮ่องกง

รีวิว บินหรู อยู่สบาย ช้อปกระจาย ที่ฮ่องกง-มาเก๊า: โบรชัวร์สินค้าราคาถูกช่วง Sale ของห้าง SOGO ฮ่องกง


วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา บังเอิญเดินผ่านห้าง SOGO ที่ฮ่องกง เห็นคนแน่นห้างมากๆ บางบู๊ทถึงกับต่อคิวแถวยาวออกไปนอกห้างกันเลยทีเดียว เลยสงสัยว่าห้างนี้แจกของช่วยน้ำท่วมหรือไง เหลียวซ้ายแลขวาก็มาถึงบางอ้อว่า ช่วงนี้มีงาน Sale ของ SOGO ที่เรียกว่า 26 Anniversary Thankful Week (นอกนั้นอ่านไม่ออก) และน่าจะจัดในช่วงเดียวกันทุกปีเนื่องจากมันเป็น Anniversary คาดว่าราคา sale นี้น่าจะระดับเดียวกับช่วง Sale ทั้งเกาะฮ่องกงซึ่งเริ่มปลายเดือนมิถุนายน ยังไงลองดูราคาสินค้าในโบรชัวร์ที่ผมเก็บมาฝากกันดูนะครับว่าน่าสนใจแค่ไหน







































































































ผมเคยเห็น SOGO อยู่สองสาขาที่สถานีรถไฟฟ้า MTR Tsim Sha Tsui และ Causeway Bay ครับ



วันนั้นผมไปที่ Causeway Bay โดย ขึ้นรถไฟฟ้า MTR ไปตามสายสีน้ำเงิน ลงที่สถานี Causeway Bay ทางออก Exit D3 จะเข้าสู่ห้างชั้น B1 ได้ทันทีครับ





 

Create Date : 08 มิถุนายน 2554    
Last Update : 1 กันยายน 2554 22:17:28 น.
Counter : 26969 Pageviews.  

รีวิว บินหรู อยู่สบาย ช้อปกระจาย ที่ฮ่องกง-มาเก๊า: เตรียมตัวบินหรูทันใจ ราคาประหยัดกับCathay Pacific

รีวิว บินหรู อยู่สบาย ช้อปกระจาย ที่ฮ่องกง-มาเก๊า: เตรียมตัวบินหรูทันใจ ราคาประหยัด กับ Cathay Pacific


เนื่องในโอกาส ที่ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นวันพิเศษสำหรับผมกับแฟน เลยอยากจะ Surprise เธอด้วยการพาไปเที่ยวและช้อปที่ฮ่องกง แต่เนื่องด้วยความขี้ลืมจึงไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าไว้ รู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปวันที่ 20 พฤษภาคมแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องจัดทริปอย่างเร่งด่วน รีวิวการเตรียมตัวเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวฮ่องกงแบบเร่งด่วนทันใจ จองวันนี้ไปสัปดาห์หน้า (ไม่ต้องรอโปร 0 บาท) หรือคนที่อยากไปเที่ยวฮ่องกงแบบบินหรู อยู่สบายด้วยราคาที่ไม่แพง

การหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกเป็นปัญหาแน่นอนสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวฮ่องกงแบบเร่งด่วนทันใจ ผมเริ่มต้นที่หางแดงเจ้าประจำเพราะคิดว่ายังไงเสีย ราคาก็น่าจะถูกกว่าถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น ปรากฏว่าไม่ได้ถูกอย่างที่คิด ราคาตั๋วของหางแดงรวมภาษีและค่าสัมภาระอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท ต่อคน (ยังไม่มีค่าอาหารและประกัน) ด้วยราคาขนาดนี้จึงทำให้ผมมองหาตั๋วเครื่องบินที่ไม่ใช่ low cost airline หรือที่เรียกว่า full service

ผมลองเข้าไปเช็ค 2 สายการบินที่เคยใช้บริการนั่นคือการบินไทย และ Emirates ซึ่งราคาอยู่ที่ 13,500 และ 15,200 ต่อคนตามลำดับ แต่ในระหว่างที่กำลังหาโรงแรมและที่เที่ยวอยู่ก็เจอโฆษณาโปรโมชั่นของ Cathay Pacific ซึ่งราคารวมภาษีอยู่ที่ 10,000 บาทต่อคน (ราคาเท่ากับหางแดง แต่มีอาหารบนเครื่องและประกันให้) ซึ่งก็ยอมรับว่าผมไม่เคยบินกับ Cathay Pacific มาก่อนเลย แต่ด้วยราคาที่ยั่วยวนใจมากๆ จึงทำให้ผมไม่รีรอที่จะเข้าไปดูรายละเอียดในเวปของ Cathay Pacific คลิ๊กเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ



หลังจากคลิ๊กตรง Special Fare offer to Hong Kong at THB 7,000 และเลือกวันเดินทางแล้ว จะเจอหน้าตาแบบนี้ครับ สามารถเลือกได้ครับว่าจะไปกลับวันไหน ซึ่งทุกวันมีราคาโปรโมชั่นเกือบหมดเลย ผมเลยเลือกวันที่ผมต้องการ



พอเข้ามาได้จะมีให้เลือกเวลาเดินทาง ซึ่งเป็นเวลาบินที่ดีมาก สามารถเดินทางไปแปดโมงเช้า และกลับสี่ทุ่มได้ และสามารถเลือกเวลาได้ถึง 5 ช่วง เพราะบินไปกลับฮ่องกงถึง 5 เที่ยวบินต่อวัน แต่เนื่องจากตอนเช้าวันเดินทางผมมีธุระและไม่อยากกลับดึกเลยเลือกไป 11:10 น. และกลับ 17:15 น. แต่สำหรับใครที่อยากเที่ยวเยอะๆ ก็ไม่ว่ากันครับ



สุดท้ายก็ได้บินหรูด้วยราคาเดียวกับตั๋วเครื่องบิน Low cost



มาถึงรีวิววันเดินทางจริงครับ เนื่องจากผมใช้บริการ Check-in online ซึ่งสามารถทำรายกายผ่านทางมือถือ BB ไอโฟนและไอแพดได้ ( ดูรายละเอียดคลิ๊กที่นี่) เข้าไปเลือกที่นั่ง และยังสามารถเลือกเมนูของอาหารได้ เช่นอาหารมังสวิรัติ วันเดินทางจริงแค่นำ Passport ไปยื่นที่ Counter M10 (ตามที่ web แจ้งไว้) ก็สามารถรับ Boarding Pass ได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้ e-ticket หรือเอกสารอื่นเลย ส่วนเรื่องการโหลดกระเป๋า สามารถโหลดได้คนละ 20 กิโลกรัมและหิ้วขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัมตามปรกติของสายการบินที่ไม่ใช่ low cost ครับ แต่ตอนขึ้นเครื่องก็ไม่มีการตรวจน้ำหนักสัมภาระว่าเกิน 7 กิโลกรัมหรือไม่ ทั้งขาไปขากลับเลยครับ

ผมชอบตรงที่ ก่อนการเดินทางจะมี SMS แจ้งว่าเครื่องล่าช้าหรือไม่ การเดินทางไปกลับฮ่องกงคราวนี้ไม่มีเครื่องบินล่าช้าแต่อย่างใด



เข้ามาในเครื่องบินครับ ได้ยินแต่คนพูดภาษาจีนกัน พึ่งมารู้ทีหลังว่า Cathay Pacific เป็นสายการบินหลักของฮ่องกง และลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนฮ่องกง คนไทยที่บินกับ Cathay Pacific ก็จะได้ประโยชน์ตรงนี้แหละครับ เนื่องจากตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นราคาถูกก็จะเหลือสำหรับบินจากฮ่องกงมากรุงเทพตอนเย็นหรือกลางคืน และบินจากกรุงเทพไปฮ่องกงตอนเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนฮ่องกงมักไม่ค่อยบินมาเที่ยวเมืองไทยกัน



มาถึงที่นั่งครับ Cathay Pacific มีบริการทีวีส่วนตัว แก้เซ็งระหว่างการเดินทางด้วยครับ



สามารถเลือกได้ทั้งความบันเทิง ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ข้อมูลการเดินทางรวมถึงบริการต่างๆ ในเครื่องบิน



ความบันเทิงก็มีทั้งหนัง เพลง เกมส์ และสำหรับเด็ก



ไม่ทันไร คนข้างๆ ผมเข้าไปดูการ์ตูน Disney ซะแล้ว



หลังจากนั้นไม่นาน คุณเธอก็จับรีโมทขึ้นมาเล่นเกมส์ (ทำตัวเหมือนยังไม่โต - - “)



ส่วนหน้าจอผมเหรอ เทปเชลซีดวลกับสเปอร์



และต่อด้วยฟังเพลงแจ๊ส สบายๆ ส่วนคุณเธอข้างๆ ผม นั่งฟังเพลงเกาหลี - - “



มาดูกันต่อว่านอกจากทีวีส่วนตัวแล้ว ยังมีอะไรอีกบ้าง... เปิดถาดรองอาหารออกมาเจอ ปลั๊กไฟ ไว้บริการสำหรับโน๊ตบุคและอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ แต่เป็นรูปลั๊กแบบฮ่องกงนะครับ



หนังสือช้อปปิ้ง Duty free on board ซึ่งสามารถซื้อของได้บนเครื่องเลย ถูกใจคนข้างๆ ผมมากเลย



ผม ชอบการปรับเอนเก้าอี้นั่งของ Cathay Pacific มากเลยครับ เพราะการเอนเก้าอี้นั่งของเราไม่กระทบต่อคนข้างหลังเลย การเอนเก้าอี้นั่งของคนข้างหน้าก็ไม่กระทบต่อเราด้วยครับ ซึ่งโดยทั่วไปถ้าเราเอนนอนก็จะเกรงใจคนข้างหลัง ถือเป็นการออกแบบเก้าอี้นั่งที่ถูกใจผมจริงๆ



มาถึงเรื่องอาหารการกินกันบ้าง ตามรูปเลยครับ มี ผ้าเช็ดมือ ขนมปังเนย อาหารจานหลัก ขนม ผลไม้ Soft drink และ น้ำดื่ม ส่วนชา กาแฟ มาเสริฟทีหลัง ผมชอบเนยที่ใช้ทาขนมปังมากเลยครับ รสชาติดีมาก ส่วนอาหารจานหลัก ขนม และ ผลไม้ ขาไปจากประเทศไทยรสชาติถูกปาก อร่อยดีครับ (คาดว่าทำโดยคนไทย) ส่วนขากลับรสชาติเฉยๆ ครับ (คาดว่าปรุงโดยคนฮ่องกง)






เรื่องการบริการของพนักงาน Cathay Pacific ถือว่าดีมากครับ ผมกดเรียกพนักงานไม่ถึงครึ่งนาที ก็มีพนักงานเดินมาบริการถึงที่แล้วครับ



นอกจากตั๋วเครื่องบินถูก ยังมีโปรโมชั่น Visit Hong Kong now, Hong Kong Super city ซึ่งเป็นแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินรวมโรงแรมและรถรับส่งระหว่างโรงแรมและสนามบิน ราคาเริ่มต้นที่ 13,100 และ Hong Kong Disneyland Magic in the Air ซึ่งเป็นแพ็คเกจ Disneyland ซื้อ 2 แถม 1 เหมาะสำหรับพ่อแม่ลูก เข้าไปดูรายละเอียดแต่ละแพ็คเกจ คลิ๊กที่นี่ครับ

การซื้อเพจเกจนี้ได้ Asia Miles ด้วยนะครับ ซึ่งไมล์นี้สามารถใช้ได้กับโรงแรมสินค้า และบริการเกือบทั้งหมดในฮ่องกง เช่น 4000 ไมล์ก็สามารถแลกตั๋ว Turbo Jet ไปมาเก๊าได้ และทุกครั้งที่นั่ง Turbo Jet ก็จะได้ไมล์ด้วยครับ และยังสามารถเปลี่ยนคะแนนบัตรเครดิต American Express, Citibank, HSBC เป็น Asia Miles ได้ด้วย ดูรายละเอียดคลิ๊กที่นี่ครับ



ไว้เป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับการบินไปช๊อปปิ้งและเที่ยวที่ฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง Sale ของเกาะฮ่องกงซึ่งเริ่มต้นปลายเดือนมิถุนายน ดูรีวิวสินค้าราคาถูกช่วง Sale ของห้าง SOGO ฮ่องกง คลิ๊กที่นี่ครับ

สำหรับวันนี้ลากันด้วยภาพเกาะฮ่องกงที่ถ่ายจากบนเครื่องบินภาพนี้ครับ





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2554    
Last Update : 1 กันยายน 2554 22:18:54 น.
Counter : 12285 Pageviews.  

ฮ่องกง มาเก๊า Temple, Ngongping, Coloane, Venatian, Senado

รีวิว Backpack ที่ฮ่องกง มาเก๊า 4 วัน 3 คืน พร้อมแผนที่และข้อมูลแน่นๆ Temple, Ngongping, Coloane, Venatian, Senado Square


เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สาม วัด Wang Ta Sin, วัดนางชี Chi Lin Nunnery, กระเช้า Ngong Ping, City Gate, เดินทางไปมาเก๊า (Mon 19 Apr 10)
7:00 – 8:00 (1 ชั่วโมง) ทานอาหารเช้าแถวที่พัก Mong Kok
8:00 – 8:25 (25 นาที) ออกเดินทางไปเที่ยววัด Wang Ta Sin
8:25 – 9:10 (45 นาที) เที่ยววัด Wang Ta Sin
9:10 – 9:30 (30 นาที) เที่ยวสวน Good Wish Garden วัด Wang Ta Sin
9:30 – 10:05 (35 นาที) ออกเดินทางไปเที่ยววัดนางชี Chi Lin Nunnery
10:05 – 11:10 (1 ชั่วโมง 5 นาที) เดินชมวัดนางชีและสวนหน้าวัด
11:10 – 11:40 (30 นาที) กลับมาที่ Mong Kok
11:40 – 13:10 (1 ชั่วโมง 30 นาที) Check out และ ทานข้าวกลางวันแถว Mong Kok
13:10 – 14:05 (55 นาที) MTR ไปสถานี Tung Chung
14:05 – 14:25 (20 นาที) เดินไปซื้อตั๋ว(ไม่มีคิว) และรอคิวขึ้นกระเช้า Ngong Ping (7 นาที)
14:25 – 15:00 (35 นาที) นั่งกระเช้า Ngong Ping ขาขึ้น
15:00 – 15:50 (50 นาที) เดินเล่นแถวด้านล่างพระใหญ่ แต่ไม่ได้ขึ้นไปไหว้พระใหญ่
15:50 – 16:05 (15 นาที) รอคิวกระเช้า
16:05 – 16:40 (35 นาที) นั่งกระเช้า Ngong Ping ขาลง
16:40 – 17:40 (1 ชั่วโมง) ช๊อปปิ้งที่ City Gate
17:40 – 18:30 (50 นาที) MTR ไปสถานี Mong Kok เพื่อเอาของที่ฝากไว้
18:30 – 19:45 (1 ชั่วโมง 15 นาที) กินอาหารรองท้อง เอาของที่ฝากไว้ แล้ว MTR ไปสถานี Sheung Wan
19:45 – 20:30 (45 นาที) เดินไปซื้อตั๋ว ผ่านตม ฮ่องกง และรอเรือไปมาเก๊ารอบ 20:30
20:30 – 21:50 (1 ชั่วโมง 20 นาที) นั่งเรือ Cotai Jet ไปมาเก๊าฝั่งไทปา ผ่าน ตม มาเก๊า
21:50 – 22:00 (10 นาที) นั่งแท็กซี่จากท่าเรือไปโรงแรม Best Western Taipa
22:00 เช็คอินที่โรงแรม Best Western Taipa และหาอะไรทานแถวที่พัก

7:00 พร้อมออกเดินทาง แต่ Oisuen Guesthouse ไม่พร้อมให้เรา Check out และฝากของเนื่องจาก อาแป่ะที่พูดภาษาอังกฤษไม่อยู่ เจอแม่บ้านที่พูดกันไม่รู้เรื่อง คงจะเช้าเกินไป เราจึงตัดสินใจว่าจะกลับมา Check out อีกทีตอนเที่ยง เช้านี้ทานข้าวกันที่ร้านข้าวมันไก่ Ngan Lung Restuarant แต่ไม่มีข้าวมันไก่ให้ทาน เนื่องจากยังเช้าอยู่จึงมีอาหารอื่นแทน พึ่งรู้ว่าร้านอาหารที่ฮ่องกงเกือบทุกร้านจะมีเมนูตอนเช้า กลางวัน และดึก แตกต่างกัน จึงอดกินข้าวมันไก่ ได้ทานชุดอาหารเช้า กาแฟ และขนมปังแทน ค่าอาหารที่ฮ่องกงตามร้านข้างทางทั่วไปตกคนละ 30 – 50 HKD ต่อมื้อครับ

8:00 ขึ้น MTR จากสถานี Mongkok ไปยัง Wong Tai Sin ออก Exit B3 ก็จะถึงวัด Wong Tai Sin เข้าไปด้านในก็จะเจอกับสิงโตตัวนี้



เห็นคนจีนเสี่ยงเซียมซี แต่ทำไมเขาเสี่ยงเซียมซีหลายๆ ครั้งและจดเบอร์ที่ได้ลงในกระดาษ คนไทยก็มักจะเสี่ยงเอาแค่เลขเดียว พวกเราจึงลองดูบ้าง นำไปแลกใบทำนายที่ร้านหน้าวัด เขาถามผมว่า “คนไทย คนไทย?” สงสัยจะเป็นวัดที่คนไทยไปกันมาก เสียค่าใบทำนาย 5 HKD แต่เป็นภาษาจีน ผมขอภาษาอังกฤษ เขาบอกว่า 50 HKD โอ้... กลับไปเสี่ยงเซียมซีที่เมืองไทยดีกว่า

9:10 เข้าไปด้านหลังของวัด จะเป็นสวน Good Wish Garden สไตล์จีนแท้



ค่าเข้าชมแล้วแต่ศรัทธา เพราะมีกล่องบริจาควางด้านหน้า



ดอกไม้ในสวน สวยดี



ทางออกจะเจอสิงโตตัวน้อยเรียงรายระหว่างทาง



9:30 ขึ้น MTR จากสถานี Wong Tai Sin ไปยัง Diamond Hill ออก Exit C2 ออก เดินข้ามถนนไปอีกนิดจะถึง Nan Lian Garden เป็นสวนของวัดนางชี Chi Lin Nunnery ซึ่งสวยและยิ่งใหญ่มาก ถ้าใครชอบต้นไม้ประเภทบอนไซ มาที่นี่คงมีความสุขน่าดู ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมครับ



เป็นสวนที่ถูกรายล้อมไปด้วยคอนโดสูงใหญ่ เราใช้เวลาทอดน่องอยู่ในสวนนี้นานมาก เพราะมันค่อนข้างใหญ่และมันเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปวัดนางชี Chi Lin Nunnery



เข้ามาในวัดนางชี Chi Lin Nunnery เข้าลึกกว่านี้ก็ห้ามถ่ายรูปแล้วครับ



11:10 เดินทางกลับที่พักด้วย MTR จากสถานี Diamond Hill ไปยัง Mongkok เพื่อทางอาหารกลางวัน Check out และฝากของไว้ พวกเราเลือกบะหมี่เป็ดแถว Oisuen ร้านนี้เป็ดและหมูกรอบเฉยๆ แต่หมูแดงรสชาติอร่อยมาก

13:10 MTR ไปสถานี Tung Chung โดยเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Lai King

14:05 ถึงสถานี Tung Chung เดินตามป้าย Ngong Ping 360 เพื่อขึ้นกระเช้าที่เป็น Highlight ของฮ่องกง กระเช้ามีให้เลือกสองแบบคือ Crystal Car ซึ่งพื้นของกระเช้าเป็นกระจกและสามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้ชัดเจน กับ Standard Car ที่เป็นพื้นทึบ ผมซื้อตั๋วแบบผสมคือ ขาไปขึ้น Crystal Car ขากลับขึ้น Standard Car ค่าตั๋ว 142HKD สำหรับผู้ใหญ่ 120HKD สำหรับคนแก่ และ 89HKD สำหรับเด็ก ผมใช้ e-coupon ลด 10% จากราคาดังกล่าวก็ลดไปได้มากอยู่ ดูวิธีซื้อตั๋วราคาถูกคลิ๊กที่นี่ ด้านบนมีสถานที่ที่ต้องเสียค่าเข้าชมคือ Walking with Buddha และ Monkey's Tale Theatre attractions แต่ผมไม่ได้เข้าไปครับ ลองดูรายละเอียดราคาตั๋วทั้งหมดที่ //www.np360.com.hk/html/eng/booking/prices.html



เป็นกระเช้าที่ยาวมาก ข้ามทั้งทะเล



ทั้งภูเขา



ก่อนที่กระเช้าจะจอดเทียบท่าอีกฝั่ง จะมีกล้องถ่ายรูปคนในกระเช้าพร้อมวิวเพื่อเอาไปทำพวงกุญแจหรือกรอบรูป ซึ่งรูปแบบนี้เราถ่ายเองไม่ได้อยู่แล้ว เสียดายที่ผมไม่ทันคิดและเตรียมตัวไม่ทันเลยอดได้รูปสวยๆ เป็นที่ระลึก ถ้าอยากได้รูปถ่ายสวยๆ คู่กับกระเช้า Nong Ping อย่าลืมเตรียมตัวตั้งท่าถ่ายรูปก่อนถึงจุดหมายด้วยนะครับ

15:00สุดท้ายก็ถึงพระใหญ่วัด Po Lin แต่บุญไม่ถึง ได้แต่ยืนดูอยู่ด้านล่าง เพราะหมดแรงขึ้นเขากันทุกคนเนื่องจากความล้าจากการเดินติดต่อกันมา 3 วันเต็มๆ



15:45 นั่งกระเช้าลงไปช้อปปิ้งที่ City Gate ขาลงคิวจะยาวกว่าขาขึ้นเนื่องจากผมลงด้วยกระเช้าแบบ Standard Car ที่คนต่อคิวมากกว่ากระเช้าแบบ Crystal Car (ขาขึ้นรอคิวประมาณ 7 นาทีแต่ขาลงรอคิวประมาณ 15 นาที) ถ้าใครต้องการความรวดเร็วและความเป็นส่วนตัว ลงจากวัดด้วย Crystal Car ก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ ผมเห็น Crystal Car บางกระเช้ามีผู้โดยสารแค่คนเดียวเอง



16:40 City Gate ได้เวลาปลดปล่อยของนักช้อป แต่แล้วนักช้อปก็ต้องผิดหวังเนื่องจากช่วงเวลาที่ไปไม่ค่อยมีรายการลดราคามากนัก ถึงกระนั้นก็ยังได้ของติดมือกลับมามากอยู่ ใช้เวลาช้อปประมาณ 1 ชั่วโมงก็ขึ้น MTR กลับไปที่สถานี Mongkok

18:30 MTR สถานี Mongkok เอาของที่ฝากไว้ที่ Oisuen Guesthouse เดินผ่านร้านลูกชิ้นที่หัวมุมตึก Sincere House มาก็หลายครั้ง ก่อนกลับเลยแวะซื้อชิมซักสองไม้ ลูกชิ้นเนื้ออร่อยมากเลย ตั้งแต่ทานอาหารฮ่องกงมา รู้สึกประทับใจลูกชิ้นเนื้อไม้นี้ที่สุด

20:00 MTR สถานี Sheung Wan แลกเงินที่เหลือและเงินมัดจำ Octopus Card คืน พวกเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยแวะซื้อน้ำและขนมรองท้องที่ 7-11 ผมขอถุงพลาสติกเนื่องจากเราซื้อของมากชิ้น ก็เลยได้ความรู้ใหม่ว่า7-11 ในฮ่องกงไม่มีถุงพลาสติกให้ อยากได้ถุงพลาสติกต้องซื้อเอา เป็นวิธีลดโลกร้อนที่ได้ผลดีนะครับ ผมจึงใช้มือทั้งสองหอบเสบียงอาหารไปที่ทางออก D เพื่อไปขึ้น Cotai Jet กลับมาเก๊า ระวังขึ้นเรือผิดเจ้านะครับ เพราะท่าเรือนี้มีทั้ง Cotai Jet และ Turbo Jet ผมเสียค่าเรือในอัตราNight Sailing ซึ่งจะแพงกว่าเดิมถึง 22 เหรียญหรือเกือบร้อยบาท เนื่องจากเดินทางหลังหกโมงเย็น ผมเลยตัดสินใจซื้อตั๋วผีจากคนเร่ขายตั๋วหน้าท่าเรือด้วยราคา 140 HKD ประหยัดไป 28 HKD จากราคาเต็ม 168HKD ผมต้องการขึ้นเรือรอบ 20:30 แต่ในตั๋วผีระบุรอบเรือเวลา 22:30 ซึ่งคนขายยืนยันว่าใช้ได้เหมือนกัน ตอนเช็คตั๋วผมก็หวั่นใจอยู่ว่าตั๋วมันจะใช้ได้จริงหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีปัญหาครับ ประหยัดไปคนละ 130 บาท 6 คนก็ 780 บาทเลยทีเดียว

21:50 หาแท็กซี่จาก Taipa Ferry ไป Best Western Taipa จำใจต้องตัดโปรแกรมที่จะไป City of Dream อย่างถาวร และเลื่อนการไปเยือน Venetian ไปเป็นวันพรุ่งนี้เนื่องจากทุกคนอ่อนเพลียและต้องการพักผ่อน แท็กซี่มาเก๊าก็ยังคงเหมือนเดิมครับ บอกว่าไป Best Western Taipa แกจะทำหน้างง ต้องเอาแผนที่มาชี้ให้ดู ท่าเรือกับโรงแรม Best Western Taipa อยู่ใกล้กันมาก ใช้เวลาเดินทางโดยแท็กซี่ไม่ถึง 10 นาที เสียค่าแท็กซี่ไม่เกิน 30 MOP



22:00 เช็คอินที่โรงแรม Best Western Taipa ผมจองโรงแรม Best Western Taipa ผ่านเวป //www.pyotravel.com ในราคา 1736 บาทซึ่งเป็นราคาถูกที่สุดที่ผมหาได้ในขณะนั้น หลังจากเก็บของและพักผ่อนกันจนหายเมื่อยแล้ว ก็ลงไปหาอะไรทานแถวโรงแรมซึ่งเงียบมาก โชคดีที่ยังมีร้านอาหารไทยเปิดบริการอยู่ คุณยายที่ไม่ค่อยถูกปากกับอาหารสไตล์ฮ่องกงยิ้มและเดินเข้าร้านราวกับว่าฉันได้เจอโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย พร้อมกับสั่งกะเพราหมูไข่ดาวเผ็ดๆ หนึ่งจาน รสชาติก็อร่อยแบบบ้านเรานั่นแหละครับ ทั้งคนทำและคนเสริฟก็เป็นคนไทย พูดภาษาไทย บางครั้งก็ว่าวลาวกัน ในร้านมีช่องสามให้ดู บรรยากาศเหมือนทานร้านอาหารตามสั่งแถวบ้าน แต่ราคาช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะกระเพราหมูไข่ดาวที่นี่จานละ 36 MOP หรือประมาณ 150 บาทเลยทีเดียว แต่ก็เป็นร้านที่ถูกใจคุณยายที่สุดในทริปนี้เลย

ก่อนนอน ผมเดินสำรวจแถวโรงแรม เจอร้านมินิมาร์ทร้านหนึ่งซึ่งราคาสินค้าภายในร้านจะถูกกว่าปกติ บางรายการก็ถูกกว่าประเทศไทยเช่นฟริงเกิ้ลกระป๋องละ 10 MOP เท่านั้น ได้น้ำและขนมแปลกๆ มาลิ้มลองมากมาย และยังเจอร้านอาหารอีกหลายร้านในซอยเดียวกับร้านมินิมาร์ท ตำแหน่งของร้านอยู่ตามแผนที่ด้านล่างครับ






เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สี่ Coloane, Venetian, วัดอาม่า, Senado Square, ซากโบสถ์เซนต์ปอล, เจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่ง, Food Street (Tue 18 Apr 10)
9:10 – 9:25 (15 นาที) Check out และฝากสัมภาระไว้ที่ Best Western Taipa
9:25 – 9:50 (25 นาที) รอรถเมล์และขึ้นรถเมล์ไป Coloane
9:50 – 10:40 (50 นาที) เดินเล่นซื้อผลไม้ที่ตลาดเช้าและทานข้าวเช้าที่ร้าน Lord Stow’s Cafe
10:40 – 11:10 (30 นาที) เดินเล่น ถ่ายรูปที่โบสถ์ Francis Xavier
11:10 – 11:40 (30 นาที) ขึ้นรถเมล์ไป Venetian (10 นาที) เดินไปถ่ายรูปไป จากป้ายรถเมล์เข้าไปที่ Venetian (20 นาที)
11:40 – 13:30 (1 ชั่วโมง 50 นาที) เดินเที่ยวและช๊อปปิ้งใน Venetian
13:30 – 14:10 (40 นาที) เดินไปรอรถเมล์ (เดิน 7 นาที รอรถเมล์ 13 นาที) เพื่อไปวัดอาม่า (นั่งรถเมล์ 20 นาที)
14:10 – 14:30 (20 นาที) เที่ยววัดอาม่า
14:30 – 14:45 (15 นาที) รอรถเมล์ (5 นาที) เพื่อไป Senado Square (นั่งรถเมล์ 10 นาที ติดไฟแดง)
14:45 – 15:35 (50 นาที) เดินเล่น (15 นาที) กิน McDonald (35 นาที)
15:35 – 16:00 (25 นาที) เดินเล่นและช๊อปปิ้งจนถึง ซากวิหาร St Pual
16:00 – 16:20 (20 นาที) เดินชม St Pual ทั้งด้านนอกและด้านใน
16:20 – 16:35 (15 นาที) นั่งแท็กซี่ไปเจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่ง Kun Iam Statue
16:35 – 17:00 (25 นาที) เดินชม Kun Iam Statue ทั้งด้านนอกและด้านใน
17:00 – 17:25 (25 นาที) นั่งแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม Best Western Taipa
17:25 – 17:45 (20 นาที) เดินไปรอรถเมล์เพื่อไป Food Street
17:45 – 19:20 (1 ชั่วโมง 35 นาที) เดินไปรอรถเมล์เพื่อไป Food Street
19:20 – 19:40 (20 นาที) รอรถเมล์กลับโรงแรม Best Western Taipa
19:40 – 20:00 (20 นาที) เอาของที่ฝากไว้ แล้วเรียกแท็กซี่ไปสนามบินเพื่อกลับเที่ยวบิน 21:35

9:10 Check out และฝากกระเป๋าไว้ที่ Best Western Taipa เดินจากโรงแรมออกไปรอรถเมล์สาย 11, 21, 26 ที่ป้าย Flower City ผมรวบรวมตารางรถเมล์ที่ผ่านจุดสำคัญในมาเก๊าไว้ คลิ๊กดูได้ที่นี่ครับ

9:25 นั่งรถเมล์สาย 26 ไป A-Ma Temple แต่รถดันเลี้ยวไป Coloane! รู้ทีหลังว่ารถเมล์สาย 26 ซึ่งวิ่งระหว่าง A-Ma Temple และ Coloane จะผ่านป้าย Flower City ทั้งขาไปและขากลับ นอกจากจะรู้ว่ารถเมล์สายไหนจะไปที่ไหนแล้วยังต้องสังเกตที่หัวรถซึ่งมีตัวอักษรดิจิตอลบอกเราว่ารถเมล์กำลังจะไปที่ไหนเพราะรถขาไปและขากลับอาจผ่านป้ายเดียวกัน เช้านี้จึงได้ไปเที่ยว Coloane ด้วยความบังเอิญ

รถเมล์ในมาเก๊าไม่มีกระเป๋ารถเมล์ มีแต่กระป๋องใส่ค่าโดยสารและป้ายบอกว่าต้องจ่ายเท่าไร และไม่มีเงินทอน เพื่อความประหยัดในการขึ้นรถเมล์ในมาเก๊า ต้องมีเศษเหรียญ MOP หรือ HKD ทั้ง 1.00, 0.50 และ 0.20 ไว้พอสมควร ผมเตรียมการมาอย่างดีโดยเก็บเศษเหรียญ HKD ขณะที่ไปเที่ยวฮ่องกงไว้เต็มกระเป๋าเลย แต่จะไม่เก็บเหรียญ 10 HKD เนื่องจากเหรียญ 10 HKD ไม่สามารถใช้ในร้านค้าส่วนใหญ่ของมาเก๊าได้ แต่แบงค์ 10 HKD ใช้ได้ ไม่มีปัญหาครับ ค่าโดยสารรถเมล์มาเก๊าจะอยู่ที่ 3.2, 4.2 และ 6.4 MOP ดูรายละเอียดค่าโดยสารรถเมล์ในมาเก๊าบางส่วน คลิ๊กที่นี่ครับ

9:50 นั่งรถเมล์สาย 26 จากป้าย Flower city ประมาณ 20 นาทีก็จะเจอแฟนต้ายักษ์ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าคุณถึง Coloane แล้ว



ช่วงเวลาเช้าอย่างนี้ Coloane ยังเงียบสงบมาก กุ้งทอดกระเทียมพริกไทยหน้าโบสถ์ Francis Xavier ก็ยังไม่เปิดให้ลิ้มลอง เลยฝากท้องตอนเช้าไว้กับร้านนี้ Lord Stow’s Cafe



10:00 ว่ากันว่า ทาร์ตไข่ ร้านนี้อร่อยที่สุดในมาเก๊า ก็อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ แต่อาหารเช้าพวกขนมปังและครัวซองก็รสชาติเฉยๆ ไม่ถูกปากพวกเรามากนัก

หลังจากอิ่มท้องก็เดินไปเที่ยวโบสถ์ Francis Xavier ซึ่งเป็นโบสถ์แต่งงานในซีรีย์เกาหลีเรื่องดัง Princess Hours ในความคิดส่วนตัวผมโบสถ์นี้ก็ไม่ได้สวยอะไรมากเมื่อเทียบกับโบสถ์ในสมุทรสงครามหรือจันทบุรี



11:10 รอรถเมล์สาย 15, 25, 21, 21A, 26 และ 26A ที่แฟนต้ายักษ์ เพื่อเดินทางไป Venetian รถเมล์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ถึง Venetian แต่ไม่สามารถจอดหน้า Venetian ได้เพราะไม่มีป้ายรถเมล์ จึงส่งพวกเราลงข้างๆ Venetian ซึ่งต้องเดินอีกประมาณ 300 เมตรก็จะถึงทางเข้า Venetian ด้าน Main Lobby



ทางเข้าด้าน Main Lobby ตรงข้าม City of Dream



การตกแต่ง แสดงถึงความหรูหราอลังการ



จากทางเข้าด้าน Main Lobby เดินทะลุ Casino ไปก็จะถึง Grand Canal ซึ่งเป็นจุดที่จำลองเมือง Venice ของอิตาลีไว้ภายในห้างสรรพสินค้า แต่พวกเรามีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีมาด้วย จึงต้องเดินอ้อม Casino



ท้องฟ้าสวยไหมครับ คล้ายของจริงมากเลย



เหล่านักช้อปที่ผิดหวังจาก City Gate ที่ฮ่องกง รู้สึกใจชื้นเมื่อเจอสินค้าลดราคาใน Venetian ทำให้พวกเราใช้เวลาอยู่ในนี้นานเป็นพิเศษ



13:30 หลังจากเดินช้อปปิ้งใน Venetian อย่างจุใจแล้ว พวกเราจึงไปรอรถเมล์สาย 21, 21A, 26 หน้าโรงแรม Four Season เพื่อเดินทางไปวัดอาม่า (รอรถเมล์ประมาณ 10 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที)

14:10 A-Ma Temple ไหว้สักการะ องค์อาม่า โยนเหรียญลงอ่าง จุดธูปเกลียว พวกเราใช้เวลาอยู่ในวัดนี้ไม่นานนัก ก็เตรียมตัวเดินทางต่อ ไปยัง Senado Square



14:30 รอรถเมล์สาย 2, 5, 7 ,11, 21A ซึ่งพาเราไป Senado Square (รอรถเมล์ประมาณ 5 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที)

14:45 รถเมล์จะจอดก่อนถึง Senado Square ประมาณ 50 เมตรที่ป้าย Almeida Ribeiro/Rua Mercadores ซึ่งจะมีตัวอักษรดิจิตอลบอกในรถเมล์ว่าป้ายต่อไปคือป้ายอะไร (ทันสมัยเนอะ) ระหว่างเดินเรียบถนนไป Senado Square จะมีร้านแลกเงิน MOP ที่ให้อัตราดีกว่าจุดแลกเงินสนามบิน ผมจึงแลก HKD เป็น MOP ให้พอดีสำหรับการใช้วันนี้ ลองดูรีวิววิธีการแลกเงินและใช้บัตรเครดิตในฮ่องกง-มาเก๊าให้คุ้มค่าได้ที่นี่

15:00 เดินไปถ่ายรูปไปชักเริ่มหิว ก็ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลย มื้อนี้ตามใจเด็กน้อยซักมื้อ แวะร้าน McDonald ระหว่างเดินไปซากโบสถ์เซนต์ปอล การทานอาหารที่ร้าน McDonald ทำให้อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่ถูกที่สุดในทริปนี้เลย ตกคนละ 20 MOP เท่านั้นเอง ถ้าใครไปฮ่องกง-มาเก๊า แล้วสามารถทาน McDonald หรือ KFC ได้ทุกมื้อ คงประหยัดค่าอาหารไปได้มากเลย หลังจากอิ่มท้องเราก็มุ่งหน้าสู่ซากโบสถ์เซนต์ปอลแบบเดินไปช้อปไป



16:00 ถึงซักที ซากโบสถ์เซนต์ปอล Ruins of St.Paul’s ถ่ายรูปกับซากโบสถ์และเดินชมพิพิธภัณฑ์กันพอสมควร ก็ได้เวลาเดินทางไป Kun Iam Statue เจ้าแม่กวนอิมหน้าฝรั่ง คราวนี้ผมเดินทางโดย Taxi เนื่องจากรถเมล์ที่ผ่าน Kun Iam Statue มีค่อนข้างน้อย ใช้เวลาเดินทางโดย Taxi จาก Ruins of St.Paul’s ไปยัง Kun Iam Statue ประมาณ 15 นาที



16:35 Kun Iam Statue เข้าชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ใต้ฐานเจ้าแม่กวนอิม ว่ากันว่าเจ้าแม่กวนอิมนี้ซ่อนเลข 8 ไว้ 8 ตำแหน่ง ถ้าใครเจอครบ 8 ตำแหน่งจะโชคดี หาตั้งนานเจออยู่แค่ 4 ตำแหน่ง





17:00 เดินทางไป Taipa Village เนื่องจากพวกเรามี 6 คนและต้องใช้แท็กซี่สองคัน เลยเกรงว่าพวกเราจะไปลงคนละจุดและหากันไม่เจอ จึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรม Best Western Taipa ก่อน แล้วค่อยนั่งรถเมล์จากโรงแรมไป Taipa Village

17:30 ทุกคนพร้อมกันที่โรงแรม Best Western Taipa ก่อนจะเดินไปนั่งรถเมล์สาย 11, 15, 22, 30, 33 ที่ป้ายรถเมล์หน้าร้านอาหารไทย นั่งรถไปเพียงแค่ 1 ป้ายก็ถึง Food Street @ Taipa Village



หลังจากช้อปของกินของฝากกลับเมืองไทยกันอยู่พักใหญ่ก็เริ่มหิว เสียดายที่ร้านอาหารดังในย่าน Food Street ปิดไปหลายร้านแล้วไม่ว่าจะเป็นร้านลูกชิ้นทอดหน้าปากซอย หรือ Pork Chop Bun อร่อยๆ ที่ร้าน Café Tai Lei Loi Kei พวกเราจึงกลับไปกินร้านอาหารไทยสุดโปรดของคุณยายแถวโรงแรม



20:00 เดินทางด้วย Taxi จากโรงแรมถึง สนามบิน ด้วยเวลาไม่นานเพื่อขึ้นเครื่องบินที่มีกำหนดออกจาก Macau ในเวลา 21:45 จากนั้นก็กลับบ้านอย่างปลอดภัย




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 1 กันยายน 2554 22:19:44 น.
Counter : 14081 Pageviews.  

ฮ่องกง มาเก๊า The Peak, Avenue of stars, Disneyland

รีวิว Backpack ที่ฮ่องกง มาเก๊า 4 วัน 3 คืน พร้อมแผนที่และข้อมูลแน่นๆ The Peak, Avenue of stars, Disneyland


    ผมจำเป็นต้องเตรียมทริปนี้ให้มีข้อมูลมากที่สุด เนื่องจากผมไม่เคยไปฮ่องกงและมาเก๊ามาก่อนและยังต้องพ่วงคุณยายที่อายุเกือบ 70 และคุณแม่กับคุณน้าที่อายุ 50 กว่า รวมทั้งน้องที่อายุแค่ 11 ขวบ ร่วมเดินทางไปในทริปนี้ด้วย แต่ข้อมูลท่องเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊าที่มีอยู่มากมายในโลกอินเตอร์เน็ตก็ทำให้การท่องเที่ยวแบบ Backpack ในสองประเทศนี้ไม่ได้ลำบากอะไรสำหรับมือใหม่อย่างผมซึ่งเริ่มต้นจากการหาข้อมูลทั้งใน Blue Planet และ Hongkongfanclub รวมทั้งใช้เทคโนโลยีของ Google Map ก็ทำให้ผมพร้อมเดินทางด้วยความมั่นใจ สามารถดูข้อมูลที่ผมเตรียมก่อนการเดินทางรวมทั้งแผนที่ได้ที่นี่ครับ

    ทริปนี้ประหยัดมาก เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพียง 11,000 บาทต่อคน สำหรับ 4 วัน 3 คืน (ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเรือไปมาเก๊า ค่าตั๋ว Disneyland ค่าตั๋ว Ngong Ping) เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นของแอร์เอเชียไปกลับเพียง 2,000 บาท และนอนที่ Guesthouse ทุกคืน

เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันแรก The Peak, Avenue of stars (Sat 17 Apr 10)
4:45 – 6:00 (1ชั่วโมง 15 นาที) ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โหลดสัมภาระ ผ่านตม. และ เดินไป King Power Lounge
6:00 – 6:30 (30 นาที) ทานอาหารเช้าที่ King Power Lounge
6:30 – 7:00 (30 นาที) เดินไปอีกฟากของสนามบิน เอาของที่ซื้อไว้จาก King Power รางน้ำ ขึ้นเครื่อง
10:30 – 12:00 (1ชั่วโมง 30 นาที) ถึงมาเก๊า นั่งแท็กซี่ไปท่าเรือ Taipa Ferry ขึ้นเรือ Cotai Jet เสียเวลาหลงกับเพื่อนประมาณ 1 ชั่วโมง
12:00 – 13:45 (1ชั่วโมง 45 นาที) รอเรือเที่ยว 12:30 นั่งเรือไปเกาะฮ่องกง (MTR Sheung Wan)
13:45 – 14:40 (55 นาที) ผ่าน ตม. ฮ่องกง (10 นาที) นั่ง MRT ไปที่พัก Oisuen Guesthouse ที่ตึก Sincere House
14:40 – 15:40 (1ชั่วโมง) นั่งพัก ทานข้าวกลางวัน
15:40 – 16:30 (40 นาที) นั่ง MRT ไป Central และนั่ง 15C ไป Peak Tram (รอ 15C ประมาณ 15นาที)
16:30 – 17:10 (40 นาที) รอรถราง Peak Tram (30 นาที) ขึ้นรถรางไป The Peak (10 นาที)
17:10 – 18:00 (50 นาที) เดินเล่น ชมวิวที่ Sky Terrace
18:00 – 18:30 (30 นาที) รอรถราง Peak Tram (20 นาที) ขึ้นรถรางลงด้านล่าง (10 นาที)
18:30 – 19:30 (1ชั่วโมง) นั่งรถสาย 15 C ไป Pier 7 แล้วนั่ง Star Ferry ไป Avenue of Stars
19:30 – 20:30 (1ชั่วโมง) รอชม Symphony of light ตอนสองทุ่ม
20:30 นั่งแท็กซี่กลับ Mong Kok ทานมื้อเย็นและเข้านอน (เมื่อยขามาก ไปช๊อปต่อไม่ไหวแล้ว)

4:45 ผมถึงสนามบินก่อนเวลาที่กำหนดในโปรแกรมข้างต้น ถึงแม้จะเตรียมตัวมาอย่างดีแต่ก็ยังเรื่องตื่นเต้นก็เกิดขึ้นกับผม Passport ของผมอายุไม่ถึง 6 เดือน (อายุเหลือ 5 เดือน 26 วัน) ซึ่งเกิดจากความไม่รอบคอบของผมเอง เจ้าหน้าที่สายการบินบอกกับผมว่า ผมต้องเสียค่าปรับ 20,000 บาท โอ้แม่เจ้า 20,000 บาทเชียว เที่ยวฮ่องกงได้เป็นอาทิตย์เลย ผมเลยขอร้องกับเจ้าหน้าที่ว่า Passport มีอายุขาดไปแค่ 4 วันเอง สุดท้ายเจ้าหน้าสายการบินก็คุยกับเจ้าหน้าด้านในและยอมให้ผมผ่าน... รอดตัวไป

การเจรจาต่อรองเรื่องอายุ Passport ใช้เวลาไม่นานนัก โดยรวมแล้วการโหลดสัมภาระ การตรวจ Passport ผ่านตม. และการตรวจสัมภาระขึ้นเครื่องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

6:00 นั่งทานอาหารเช้าที่ King Power Lounge ซึ่งอาหารเช้าฟรีของบุคคลไม่พิเศษ ก็มีไห้เลือกไม่มาก และรสชาติก็เฉยๆ ถ้าคุณเคยเห็นรีวิวอาหารที่ King Power Lounge VIP จะต่างกับในอาหารรูปนี้แบบเที่ยบได้กับยอดเขาเอเวอเรสกับใต้มหาสมุทรแปซิฟิก



โชคยังดีที่เจอโจ๊กชามนี้ซึ่งทำให้เราอิ่มท้องด้วยรสชาติที่อร่อย



6:30 เริ่มย้ายก้นไปที่ boarding gate แวะเอาของที่ซื้อจาก King power ถ้าคุณซื้อของที่ King power รางน้ำ คุณต้องขนของไปต่างประเทศด้วย แต่ถ้าซื้อที่ King power สุวรรณภูมิก็สามารถฝากสินค้าและรับตอนกลับได้

10:30 ถึงมาเก๊า แลก US Dollar เป็นเงินมาเก๊า MOP ที่สนามบิน ซึ่งดูแล้วจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไรเมื่อเที่ยบกับการแลกที่ Senado Square จากนั้นขึ้นรถแท็กซี่ไปท่าเรือ Taipa Ferry เพื่อขึ้นเรือ Cotai Jet ซึ่งใกล้กับสนามบินมากจนบางคนก็ใช้วิธีเดินเท้าไป ผมต้องใช้แท็กซี่สองคันเนื่องจากมีลูกทัวร์ถึง 6 คน ผมถึงท่าเรือ Cotai Jet ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ไม่เกิน 10 นาทีและเสียค่าโดยสารแค่ 17 MOP แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง ผมหลงกับเพื่อนในมาเก๊า เนื่องจากแท็กซี่อีกคันไม่ได้ตามผมมา แต่เรื่องนี้ผมก็เตรียมการไว้แล้วโดยการเปิด Roaming ที่มาเก๊าและฮ่องกงไว้เผื่อโทรหากัน แต่โทรไปก็มีผู้หญิงเสียงเป็นทางการรับโทรศัพท์แล้วบอกว่าเบอร์นี้ยังไม่เปิดบริการ สมมุติฐานในหัวผมบอกว่าแท็กซี่อีกคันน่าจะไป Macau Ferry ซึ่งเป็นท่าเรือยอดนิยมดั้งเดิมที่ใช้ข้ามฝั่งจากมาเก๊าไปฮ่องกงและมีเรือชื่อดังอย่าง Turbo Jet และ First Ferry ให้บริการ ผมจึงนั่งแท็กซี่ตามไปที่ Macau Ferry เพื่อไปตามหาเพื่อนแต่ก็ไม่เจอ จึงวกกลับมาที่สนามบินอีกครั้งก็ยังหาเพื่อนไม่เจอ สุดท้ายคิดได้ว่าโทรกลับประเทศไทยต้องกด +66 นำหน้า ไม่ใช่กดแค่ 66 คุยกันจึงรู้ว่าสมมุติฐานผมถูกต้อง แท็กซี่ที่มาเก๊าฟังภาษาอังกฤษไม่ออก จึงพาเพื่อนผมไปส่งที่ท่าเรือ Macau Ferry และรู้จากแท็กซี่อีกว่า แท็กซี่ไม่รู้จัก Cotai Jet แต่จะรู้จักในชื่อของ Taipa Ferry อาจเป็นเพราะ Cotai Jet พึ่งเปิดให้บริการก็ได้ ทางที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับแท็กซี่คือใช้แผนที่และชี้ว่าเราจะไปที่ไหน

color="blue">สามารถขอแผนที่และข้อมูลการท่องเที่ยวมาเก๊าได้ฟรีเพียงส่ง E-mail ชื่อและที่อยู่ไปที่ mgto@plt.co.th

ระหว่างเดินเข้าไปท่าเรือเพื่อซื้อตั๋ว ก็มีคนเร่ขายตั๋วมาเสนอตั๋วซึ่งถูกกว่าตั๋วหน้า counter ถึง 20 – 30 เหรียญเลยทีเดียว แต่ผมไม่กล้าซื้อเพราะกลัวถูกหลอก รู้ทีหลังว่าตั๋วที่เร่ขายราคาถูกก็ใช้ได้เหมือนกัน ถ้าซื้อตั๋วเร่ขายก็จะประหยัดไปคนละ 100 ถึง 150 บาทเลยทีเดียว ซื้อตั๋วหน้า counter ที่ราคา 154 HKD สำหรับผู้ใหญ่และ 134 HKD สำหรับคนแก่อายุสูงกว่า 60 ปีและเด็กอายุต่ำกว่า 11 ปี (ปัจจุบันราคาอาจจะเปลี่ยนไป สามารถเช็คราคาได้จาก cotaijet.com.mo/sailing-schedule ) ได้รอบ 12:30 เสียเวลาเนื่องจากการหลงไป 1 ชั่วโมง ตอนนี้ทุกคนหิวมาก โชคดีที่ได้ขนมปังซึ่งขนใส่กระเป๋าจากเมืองไทยรองท้อง

13:45 เรือ Ferry ของ Cotai Jet ถึงเกาะฮ่องกงที่ MTR สถานี Sheung Wan ลืมไปว่าต้องผ่านตม.ของฮ่องกงอีกรอบ เลยเสียเวลากรอกใบตม. อยู่ที่ท่าเรือ แต่ก็ใช้เวลาผ่าน ตม.ไม่นานนัก ไม่น่าเกิน 10 นาทีถ้ากรอกใบตม.มาแล้ว พวกเรามาถึงฮ่องกงช้ากว่าโปรแกรมที่ผมกำหนดไว้มาก ผมจึงต้องจำใจตัด Repulse Bay ออกจากโปรแกรม (อดไหว้เจ้าแม่กวนอิม - -“) สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนขึ้นรถไฟฟ้า MTR คือ ซื้อ Octopus Card และเติมเงินให้เพียงพอสำหรับการเดินทางครั้งนี้ สำหรบผู้ใหญ่ 250 HKD สำหรับเด็กและคนแก่ 150 HKD รวมค่ามัดจำบัตร นั่ง MTR จาก Sheung Wan ไป Mongkok ออกประตู D2 เพื่อมุ่งหน้าไปที่ Oisuen Guesthouse ที่ตึก Sincere House

แผนที่ Location Map ของแต่ละสถานีสามารถบอกเราได้ว่าเราต้องออกประตูไหน สามารถ download แผนที่ได้จาก www.mtr.com.hk/eng/getting_around/lm.html



14:40 ถึงที่พัก Oisuen Guesthouse ที่ตึก Sincere House เจรจาต่อรองราคากับอาแป่ะเจ้าของ Oisuen สุดท้ายได้ราคา 280HKD สำหรับห้องไม่มีหน้าต่างและ 330HKD สำหรับห้องมีหน้าต่าง แต่หน้าต่างไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ห้องก็ขนาดพอๆ กัน จากนั้นลงมาหาอาหารกลางวันกระแทกปากที่ Eat Together ร้านดัง(สำหรับคนไทย) ในย่าน Mongkok อร่อยหรือหิวก็ไม่รู้ จานใหญ่ๆ ก็หมดเกลี้ยง ค่าเสียหายสำหรับ 6 คนประมาณ 180-220HKD ซึ่งค่าอาหารที่ฮ่องกงตกคนละประมาณ 30 – 50 HKD ต่อมื้อครับ

ผมรวบรวมรีวิวร้านอาหารพร้อมแผนที่ย่าน Mongkok ดูรายละเอียดคลิ๊กที่นี่

15:40 ได้เวลาเดินทางไป Peak Tram ผมตัดสินใจนั่ง MTRไปลงสถานี Central ออกประตู K ไปยืนรอรถเมล์สาย 15C ที่ตึก City Hall เพื่อจะได้นั่งรถเมล์สองชั้นประทุนชมเมืองฮ่องกง รออยู่ประมาณ 15 นาที รถเมล์สาย 15C ก็มาแต่ไม่ใช่รถเปิดประทุนอย่างที่อยากนั่ง ตัดสินใจขึ้นคันนี้เพราะเกรงว่าจะลงมาดู Symphony of life ไม่ทัน อ่านจากป้ายรถเมล์จึงรู้ว่า รถเมล์สาย 15C เปิดประทุนจะมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ใครอยากนั่งรถชมเมืองก็ต้องเผื่อเวลาด้วยครับ ขึ้นไปรูด Octopus card ก้นแตะเบาะได้ไม่นานก็ถึง Peak Tram (แค่เพียง 1 ป้ายรถเมล์เท่านั้น) ถ้าใครไม่ต้องการนั่งรถเปิดประทุนและต้องการความรวดเร็ว เดินออกประตู J2 แล้วเดินไปอีก 400 เมตรตามแผนที่ด้านล่าง ก็ถึง Peak Tram แล้วครับ



16:30 Peak Tram ขึ้น Cable Car ไปชมวิวเมืองฮ่องกงที่ The Peak วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดงานของฮ่องกง จึงทำให้คิวการใช้บริการ Cable Car ยาวมาก โชคยังดีที่มี Octopus Card ซึ่งจะมีแถวพิเศษที่ไม่ต้องรอซื้อตั๋ว แต่กระนั้นก็ยังไม่วายต้องรอคิวถึง 30 นาที ถ้าใครจะใช้บริการ Peak Tram วันเสาร์และอาทิตย์หรือตอนเย็นก็เผื่อเวลาไว้ด้วยนะครับ



17:10 The Peak ขึ้นบันไดเลื่อนประมาณ 7 ชั้นมุ่งตรงสู่ Sky Terrace ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่ด้านบนสุดของตึก หลังจากใช้ Octopus Card รูดเข้ามาใน Sky Terrace ก็จะเจอวิวอย่างนี้



เมืองฮ่องกงในดงหมอก



จากที่หาข้อมูลมานอกจาก Sky Terrace แล้ว The Peak ยังมีอะไรให้เที่ยวอีกมาก แต่ก็ต้องตัดใจ เพราะเวลามันจำกัดเหลือเกิน สามารถหาข้อมูลที่เที่ยวบน The Peak ได้เพิ่มเติมที่เวปไซต์นี้ครับ //www.thepeak.com.hk/en/home.asp



18:00 ลงจาก The Peak เพื่อไปชม Symphony of light ซึ่งจะเปิดการแสดงในเวลา 20:00 ขาลงก็ต้องต่อคิวอีกเช่นเคย รอประมาณ 20 นาที คนไม่มากเท่าขาขึ้น อาจเป็นเพราะหลายๆ คนอยู่รอชมวิวเมืองฮ่องกงยามค่ำคืน แต่ก็ต้องเลือกระหว่างวิวเมืองฮ่องกงยามค่ำคืนบน The Peak กับ Symphony of light ที่ Avenue of Stars

18:30 นั่งรถ 15C ปิดประทุน (อดชมวิวเมืองฮ่องกงเช่นเคย - -“) ไปสุดสายที่ Central Pier 7 เพื่อรูด Octopus Card ขึ้นเรือ Star Ferry ข้ามไปยังฝั่งเกาลูน เพื่อรอชม Symphony of light ที่ Avenue of Stars



19:30 จับจองที่นั่งย่าน Avenue of Stars การแสดง Symphony of light เริ่ม 20:00 เป็นการแสดงแสงสีประกอบดนตรีที่ประทับใจมาก เสียดายไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นรูปภาพได้



20:30 เดินเล่นแถว Avenue of Stars แต่ด้วยกำลังขาที่เหลืออันน้อยนิดของลูกทัวร์ จึงจำใจต้องนั่งแท็กซี่กลับที่พักและทานมื้อเย็นแถวนั้น (อดทานช้อปปิ้งและทานอาหารอร่อยแถว Tsim Sha Tsui เลย - -“) แท็กซี่ที่ฮ่องกงมีทักษะภาษาอังกฤษมากกว่ามาเก๊า จึงไม่ค่อยเป็นปัญหาที่จะกลับที่พักด้วยแท็กซี่ ถึงแม้จะกังวลอยู่บ้างก็ตาม

สำหรับมื้อเย็น ได้ลิ้มลองราเมน แชงการีล่า ราเมนชามใหญ่มากสำหรับผมอร่อยใช้ได้ แต่รสชาติไม่ถูกปากลูกทัวร์สูงวัยเอาเสียเลย จึงต้องไปหาของอร่อยใส่ท้องต่อที่โจ๊ก Sea View Congee ชามใหญ่พร้อมปาท่องโก๋ตัวเท่าแขนและอร่อยมากครับ ใช้ชีวิตในฮ่องกง 1 วันจึงรู้ว่าร้านอาหารที่ฮ่องกงให้ปริมาณอาหารต่อจานมากจนบางครั้งทานไม่หมด



เวลาจริงที่ใช้ท่องเที่ยวฮ่องกงมาเก๊าในวันที่สอง Disneyland ในช่วง Star Guest, Lady Market (Sun 18 Apr 10)
8:00 – 9:00 (1 ชั่วโมง) ทานโจ๊กแถวที่พัก
9:00 – 9:50 (50 นาที) นั่ง MTR จาก Mong Kok ไป Disneyland
9:50 – 10:45 (55 นาที) ถ่ายรูปหน้าน้ำพุรอประตูเปิด ต่อแถวเอา Star Guset
10:45 – 11:30 (45 นาที) เล่น Buzz Lightyear Astro Blasters และไปจอง Fast Pass
11:30 – 12:40 (1 ชั่วโมง 10นาที) ถ่ายรูปกับเจ้าหญิงที่ปราสาท เล่น Space Mountain และ The Adventure of Pooh
12:40 – 13:40 (1 ชั่วโมง) ทานข้าวกลางวัน
13:40 – 14:20 (40 นาที) ชม Small World
14:20 – 14:40 (20 นาที) ชม Mickey’s PhiharMagic
14:40 – 15:10 (30 นาที) ขึ้นรถไฟรอบ Disneyland ขบวนพิเศษสำหรับ Star Guest ที่ Fantasyland Train Station
15:10 – 16:10 (1 ชั่วโมง) รอดู Disney on Parade เวลา 15:30
16:10 – 17:10 (1 ชั่วโมง) ชมการแสดง The Lion King เวลา 16:30
17:10 – 17:40 (30 นาที) นั่งเรือข้ามฟาก Rafts and Tarzan’s Tree House
17:40 – 18:20 (40 นาที) ร่องเรือในป่าแอฟริกา Jungle River Cruise
18:20 – 18:30 (10 นาที) ถ่ายรูปกับ Terk ตัวละครใน Tarzan ด้วยบัตรเชิญ Star Guest
18:30 – 19:00 (30 นาที) ชม Stitch Encounter และถ่ายรูปกับ Stitch ด้วยบัตรเชิญ Star Guest
19:00 – 19:30 (30 นาที) นั่งม้าหมุน Cinderella Carousel
19:30 – 20:15 (45 นาที) รอชมพลุหน้าปราสาท
20:15 – 20:40 (250 นาที) ซื้อของที่ระลึก
**ตามโปรแกรมข้างต้นยังไม่ได้เล่น Orbitron, Dumbo the Flying Elephant, Mad Hatter Tea Cup, Autopia และเข้าชม The Golden Mickeys
20:40 – 21:30 (50 นาที) นั่ง MTR กลับ Mong Kok
21:30 – 22:00 (50 นาที) ทานข้าวหน้าเป็ดแถว Mong Kok
22:00 – 23:30 (1 ชั่วโมง 30 นาที) ช๊อปปิ้งที่ Lady’s Market และ shop แถว Mong Kok

8:00 ทานอาหารเช้ากันที่ร้าน โจ๊ก Fuk kee ชามใหญ่ทานไม่หมดอีกแล้ว สำหรับผมความอร่อยก็พอๆ กับโจ๊ก Sea View Congee แต่เช้านี้ลองสั่งเมนูตามโต๊ะข้างๆ คล้ายก๋วยเตี๋ยวหลอดบ้านเราทานกับซอสที่ออกเผ็ดๆ อร่อยใช้ได้เลยครับ

9:00 ออกเดินทางไป Disneylandโดยขึ้น MTR จากสถานี Mongkok เปลี่ยนขบวนรถไฟสองครั้งที่สถานี Lai King และ Sunny Bay (สามารถ download MTR route map ได้ที่ //www.mtr.com.hk/eng/train/system_map.html ) ถ้าคุณขึ้นรถไฟขบวนนี้ได้นั่นหมายความว่าคุณไปถึง Disneyland แน่นอน



9:50 Disneyland ถ่ายรูปที่น้ำพุหน้าทางเข้ากันก่อนประตูจะเปิดในเวลา 10:00 บัตรเข้า Disneyland สามารถซื้อได้หน้างานโดยไม่ต้องต่อแถวเลยในราคา 350HKD สำหรับผู้ใหญ่ 250HKD สำหรับเด็กและ 170HKDสำหรับคนแก่ เพราะทุกคนล้วนซื้อตั๋วมาก่อนเนื่องจากเกรงว่าจะต่อแถวยาว สำหรับผมก็ซื้อบัตรมาก่อนเช่นกัน ได้จากงานไทยเที่ยวไทยด้วยราคา 1400 บาทสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งคำนวณแล้วก็ประมาณ 330HKD ประหยัดไป 20HKD ที่ Disneyland ไม่มีค่าบริการเครื่องเล่นและการแสดงเหมือนบ้านเราครับ เพียงแค่เสียค่าบัตรผ่านประตู คุณก็สามารถเล่นได้ทุกอย่าง ดูได้ทุกโชว์ กี่รอบก็ได้ครับ



10:00 เข้า Disneyland เอาแผนที่พร้อมตารางเวลาการแสดงต่างๆ มาประมวลดูว่าจะไปไหนก่อนดี เหลือบซ้ายก็เห็นมิกกี้ยืนให้ถ่ายรูปคู่ซึ่งคิวยาวเป็นกิโล แลขวาก็เห็นผู้คนมากมายต่อแถวเข้าคิวเพื่อเอาป้ายคล้องคอมิกกี้และเข็มกลัดDisneyland ถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ามันคือป้ายคล้องคอสำหรับโปรแกรม Star guest ซึ่งจะทำให้วันของคุณเป็นวันที่พิเศษยิ่งขึ้น พิเศษยังไงไม่รู้หรอก แต่ได้ฟรีก็เอาไว้ก่อน โปรแกรม Star guest แจกให้ในจำนวนจำกัด ไปก่อนได้ก่อนนะครับ



กว่าจะได้มาซึ่ง Star Guest ก็ปาเข้าไป 10:45 หลังจากนั้นก็ไปดินแดนแห่งอนาคต Tomorrow land ย้อนระลึกถึงวัยเยาว์ด้วยการเล่น Buzz Lightyear Astro Blasters (ยิงปีศาจในอวกาศสะสมคะแนน) สนุกสนานกันทุกคนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่และคนชรา จนต้องเล่นรอบสอง สำหรับเครื่องเล่นไหนมีระบบ Fast Pass ก็จะเอาบัตรผ่านประตูไปรูดเพื่อให้ได้บัตร Fast Pass ซึ่งระบุเวลารอบที่ใช้บริการไว้ก่อน แล้วค่อยมาเล่นหรือชมการแสดงตามเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อคิวที่แสนยาว แต่ระบบเครื่องเล่นที่มีระบบ Fast Pass จะมีค่อนข้างน้อย ผมจึงอดเล่นเครื่องเล่นที่อยากเล่นอย่างเช่น Autopia (ขับรถแข่ง) ซึ่งคิวยาวเป็นชั่วโมงและไม่มีระบบ Fast Pass



11:30< พาลูกทัวร์เด็กน้อยมาถ่ายรูปกับเจ้าหญิงใน Disney เช่น Cinderella, Snow White และ Belle (Beauty and the Beast) รอบๆ ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา เล่น Space Mountain (รถไฟเหาะ) และเข้าชม The Adventure of Pooh ตามเวลาที่กำหนดไว้ใน Fast Pass



12:40 ทานข้าวที่ศูนย์อาหารใกล้ๆ กับ The Adventure of Pooh ซึ่งรสชาติแค่พอทานได้แต่ราคาแพ๊งแพง อาหารในสวนสนุกก็อย่างนี้แหละ ครั้นจะออกไปกินข้างนอกก็ไกลเสียเหลือเกิน ถ้าอยากประหยัดให้บรรทุกน้ำใส่กระเป๋ามาเยอะๆ น้ำใน Disneyland แพงกว่าข้างนอกประมาณ 5 – 6 เท่า พูดถึงเรื่องน้ำ ที่บ้านเราถ้าจะซื้อน้ำราคาถูกก็ต้อง 7-11 แต่ที่ฮ่องกงน้ำใน 7-11 หรือมินิมาร์ทจะแพงกว่าอาแป่ะข้างทางอยู่ 2-4 เหรียญเลยทีเดียว

13:40 น่าเสียดายที่วันนี้ The Golden Mickey ไม่เปิดการแสดง ผมจึงล่องเรือ ฟังเพลงบรรเลง พร้อมกับ ดูตุ๊กตุ่นน่ารักๆ ในSmall World แทน ลูกทัวร์สูงวัยชอบมากเลย



14:20 ต่อแถวเพื่อชมการแสดงภาพยนต์ 4 มิติ Mickey’s PhiharMagic อันนี้ลูกทัวร์สูงวัยก็สนุกสนานเช่นกัน บ้างก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยดูภาพยนต์ 4 มิติมาก่อน

14:40 ไป Fantasyland Train Station เพื่อขึ้นรถไฟชมรอบๆ Hongkong Disneyland แต่ปรากฎว่าคิวสำหรับรอบนี้เต็มแล้ว และรอบหน้าต้องรอจนกว่าขบวนพาเรดแสดงจบประมาณ 16:00 ระหว่างเดินออกมาอย่างหดหู่ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ถามว่า “Do you need surprise?” แล้วผมก็ได้ป้ายห้อยคอนี้มา ซึ่งสามารถใส่รวมกับป้าย Star Guest ที่ได้มาตอนเช้า



จากนั้นก็ได้ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษที่มี Mickey มาต้อนรับและให้ถ่ายรูปคู่ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องต่อแถวยากเป็นกิโล เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้มีป้าย Star Guest เท่านั้น ทำให้ความรู้สึกกับการต่อแถวที่ยาวนานในตอนเช้าคุ้มค่าขึ้นมาทันที



15:30 ลงจากรถไฟด้วยเวลาพอดีที่ Disney on Parade เริ่มขึ้น



บอลลูน Mickey ตัวยักษ์



Walt Disney Picture



The Seven Dwarfs



และ Snow White



รวมถึง Little Mermaid



และ Donald Duck



16:10 ไปที่ Advantureland เพื่อชมการแสดง The Lion King เวลา 16:30 การแสดงมีบางช่วงก็ตื่นเต้น โชว์ควงไฟ และ โชว์นางฟ้าบินไปมา แต่บางช่วงเผลอหลับไป อาจเป็นเพราะเที่ยวมาทั้งวันแล้วก็ได้

17:10 รอเรือข้ามฟากไป Rafts and Tarzan’s Tree House ซึ่งเป็นบ้านต้นไม้ของ Tarzan



เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีขอใช้ของ Tarzan ให้เล่น และมีประวัติต่างๆ ให้อ่าน



และมี Tarzan ตัวปลอมให้ถ่ายรูป



17:40 ร่องเรือ Jungle River Cruise เข้าป่าอเมซอนและแอฟริกา ขณะร่องเรือจะเจอทั้งจรเข้ ปลาปิรันย่า ช้างแอฟริกาพ่นน้ำ ฮิปโป คนป่า และยังมีไฟไหม้ป่าตอนช่วงท้ายอีก ทั้งหมดของปลอมครับ แต่ทำได้เหมือนจริงมาก ๆ จนเด็กคนหนึ่งถามพ่อแม่เขาว่า “Is it real?”



18:20 พวกเราได้รับสิทธิพิเศษกับโปรแกรม Star Guest อีกครั้ง ได้ถ่ายรูปกับ Terk ตัวละครใน Tarzan



18:30 และStar Guest ก็เชิญเราเป็นแขกพิเศษรอบสุดท้ายที่ได้ใกล้ชิดกับ Stitch ใน Stitch Encounter ซึ่งเป็น Stitch ในจอภาพยนต์ที่สามารถตอบโต้กับผู้ชมได้ หลายคนงงว่าทำได้ไง การตอบโต้กันระหว่าง Stitch กับเด็กๆ ตลกและกวนๆ ตามแบบฉบับของ Stitch สนุกดีครับ



ระหว่างรอชม Stitch Encounter ผมเห็นคนฮ่องกงคนนึ่งได้ป้าย Star Guest เยอะมาก มีทั้ง Minnie, Mulan, Little Mermaid และอื่นๆ อีกมากมาย ถามเขาจึงรู้ว่า ถ้าคุณมีป้าย Star Guest แล้วหมั่นถามพนักงานที่คุณเจอว่า “Do you have surprise?” คุณได้เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษๆ สนุกๆ อีกมากมาย ถึงว่าล่ะ... คนต่อแถวยาวเป็นกิโลเพื่อที่จะเอาป้าย Star Guest

19:00 เวลายังเหลือ ไปนั่งม้าหมุน Cinderella Carousel เล่นซักหน่อย

19:30 ชม พลุหน้าปราสาท ที่งามประทับใจก่อนกลับ

20:15 ซื้อของ Disney แท้ๆ (แพงๆ) จาก Hongkong Disneyland ก่อนกลับ

21:30 นั่ง MTR กลับมาแถว Mongkok ทานข้าวหน้าเป็ดจานใหญ่ (แม้จะหิวก็ทานไม่หมด) แถว Sincere House อร่อยดี แต่เป็ดย่าง MK แถวบ้านถูกปากผมมากกว่า

22:00 ช้อปปิ้งแถว Lady’s Market น้าผมจะซื้อของไปฝากเพื่อน ถูกใจของอยู่ชิ้นหนึ่งราคา 10 HKD ผมต่อรองราคาได้จนเหลือแค่ 5 HKD!!! น้องผมอยากได้เสื้อหนาวราคา 250 HKD ต่อรองเหลือแค่ 150 HKD เลยรู้ว่า ซื้อของที่ Lady’s Market ต้องต่อราคาให้มากเข้าไว้ จะได้ของถูก

จบวันที่สองของทริป ฮ่องกง-มาเก๊า ติดตามตอนต่อไปด้านล่างครับ

รีวิวฮ่องกง มาเก๊า 4 วัน 3 คืน Part 2 Temple, Nongping, Coloane, Venatian, Senado Square คลิ๊กที่นี่ครับ




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 1 กันยายน 2554 22:20:46 น.
Counter : 21867 Pageviews.  

เทคนิคการเที่ยวฮ่องกงแบบสบายๆ แต่ประหยัดเงินในกระเป๋า

เทคนิคการเที่ยวฮ่องกงแบบสบายๆ แต่ประหยัดเงินในกระเป๋า update Apr 2010

ดูเทคนิคการเที่ยวฮ่องกงแบบสบายๆ แต่ประหยัดเงินในกระเป๋าอัพเดจล่าสุดตามลิงค์ด้านล่างครับ







 

Create Date : 16 มิถุนายน 2553    
Last Update : 1 กันยายน 2554 22:22:25 น.
Counter : 10036 Pageviews.  

1  2  3  4  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.