It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
บทที่ ๒๖ ป่วย



ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาจอยตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็พบกับผู้หญิงคนนั้น เธอพูดกับหล่อนแต่หล่อนก็ไม่พูดตอบ แถมท่าทางจะกลัวติดไข้หวัดจากเธอมากมาย ดูการแต่งตัวเข้าสิ ปิดปากปิดจมูกมิดชิด แถมยังไม่ยอมเข้าใกล้เธออีกด้วย

“น่าจะเป็นฝรั่ง” จอยคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะถึงเธอพูด ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่โต้ตอบกับเธอ

“หรือว่าจะเป็นเวียดนาม” จอยรู้มาว่าพยาบาลแบบผีหมายถึงคนที่มาดูแลคนป่วยที่นี่ แบบที่ไม่ผ่านกรมแรงงานก็มีพวกเวียดนามที่มาหลบอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกัน ท่าทางผู้หญิงคนนี้จะเป็นเวียดนามเสียแล้วกระมัง เพราะท่าเป็นคนเอเชียประเทศอื่นๆ คงสื่อสารภาษาอังกฤษกับเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย

แล้วก็สงสัยอีกว่าผู้หญิงคนนี้คงกินและนอนอยู่ที่นี่กับเธอด้วยซ้ำไป จอยอยากจะเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนี้จริงๆ แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นก็จะเห็นเธอคนนั้นใส่หมวกคลุมผมเอาไว้ แถมยังปิดปากอีกต่างหาก โผล่ให้เห็นแค่ดวงตาที่จอยรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นเป็นอย่างมาก มันเหมือนใครสักคนแต่เธอคิดไม่ออกว่าหล่อนเหมือนใคร

คิดมากไปก็ปวดหัว กินยาแล้วก็นอนพักเหมือนเดิมจะดีกว่า แต่วันนี้เธอแข็งแรงแล้วอยากจะลุกจากที่นอนออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง เธอลุกจากที่นอนและยืนขึ้นแต่ก็เซไปนิดหน่อย ผู้หญิงคนนั้นเห็นเข้าก็เอ็ดเธอเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดถ้อยชัดคำ ราวกับว่าเป็นเจ้าของภาษาเองเลยทีเดียว

“ลุกขึ้นมาทำไมยังไม่หายดี”

ฉันได้ยินแล้วก็อดกลัวไม่ได้ นี่มันพยาบาลหรือพญามารกันแน่ ดุยิ่งกว่าเสืออีก หรือว่ายายคนนี้จะโหดเรียกพี่กันแน่นะ

“ยัยกิ๊กเอ๊ย ส่งพยาบาลมาก็เอาแบบโหดมาเว่ย” ฉันบ่นเป็นภาษาไทยเสียงอู้อี้ในลำคอ

“จะไปห้องน้ำหรือคะ” เสียงถามเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนเช่นเดิม

ฉันไม่ตอบได้แต่พยักหน้าช้าๆ เป็นการตอบเธอ กลัวว่าเธอจะดุฉันอีก

“กลัวนะเฟ้ยไม่ใช่ไม่กลัว” ก็แหมนะใครก็ไม่รู้แปลกหน้า อยู่ๆ ก็มาอยู่ห้องเดียวกัน เกิดคุณเธอโมโหแล้วฆ่าหมกฉันไว้ในห้องน้ำแบบข่าวที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เมืองไทยแล้วฉันจะทำอะไรได้ เรี่ยวแรงยังไม่ค่อยจะมีเลย

ตอนนี้ได้แต่เดินตามที่เธอพยุงฉันให้ไปเข้าห้องน้ำ ไข้ไม่มีแล้วอยากอาบน้ำเต็มทน ผมเหนียวไปหมด การนอนให้เช็ดตัวอย่างเดียวมันสบายก็จริง แต่เหนียวเนื้อตัวพิกล

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำได้ สิ่งแรกที่ทำก็คือ แปรงฟัน ไม่ได้โดนน้ำมานานแค่ไหนแล้วนี่ กี่วันแล้วนะ เกือบๆ สองสัปดาห์แล้วสิ ได้แต่เช็ดตัวอย่างเดียว จะลุกจะนั่งแทบไม่มีแรง น้ำอุ่นๆ ไหลผ่านก๊อกน้ำออกมา ทำเอาฉันสดชื่นขึ้นมาเป็นกอง และสุดท้ายก็ตัดสินใจอาบน้ำ ฉันอยู่ในห้องน้ำนานมากๆ ราวกับในห้องนี้เป็นสวรรค์

ไข้จะกลับมาอีกหรือเปล่าฉันไม่รู้ รู้เพียงอย่างเดียวว่า “ฉันอยากจะอาบน้ำ” ให้ความปวดเมื่อยลดลง

เค้าว่ากันว่าน้ำอุ่นๆ ช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ เห็นท่าจะจริง เมื่อร่างกายของฉัน โดนน้ำอุ่นๆ จนแทบจะร้อนเข้าไป รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อจะคลายตัว

อาบน้ำได้ก็สระผมซะเลยทีเดียวจะได้เสร็จๆ หมดเรื่องกันไป หลังจากฉันเสร็จภารกิจฉันก็ออกจากห้องน้ำ แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็แทบผงะ

แม่พญามารมาเฟียยืนจังก้าอยู่ที่หน้าห้องน้ำ

ตายล่ะหว่า!!!

ท่าทางใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าปิดปากนั้นคงจะกำลังดุฉันอยู่เป็นแน่ แล้วก็จริงดังคาด ถ้าเล่นหวยแล้วถูกแบบนี้ฉันคงรวยไปนานแล้วไม่ต้องมาทำงานแลกเงินอยู่จนทุกวันนี้หรอกนะ

“ยังไม่หายดีอาบน้ำได้ยังไง” เสียงดุๆ ของเธอทำเอาฉันที่กำลังสดชื่นแทบหดหัวกลับเข้าไปในกระดองเต่า

เธอเดินเข้ามาหาฉันและจับฉันนั่งลงที่เก้าอี้ จากนั้นก็เอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้ผมฉันแห้งเร็วขึ้น ฉันทำตามเธออย่างว่าง่าย เพราะรู้ตัวดีว่าผิดเต็มประตู จะเถียงก็ไม่กล้าหือ ปล่อยให้เธอ ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำเองมันสบายอยู่แล้ว จริงไหมเล่า

ฉันมองเข้าไปในห้องน้อนเห็นผ้าปูที่นอนเปลี่ยนใหม่ เธอคงเปลี่ยนให้ระหว่างที่ฉันเข้าไปอาบน้ำ ดูเหมือนเธอจะทำงานได้คุ้มค่าเงินที่กุ๊กกิ๊กจ้างเธอมาจริงๆ

ฝีมือการทำผมของเธอไม่เลวเลยทีเดียว ไม่รุนแรงกระชากผมกึกกั๊กแบบที่ร้านทำผมเคยทำกับฉัน และไม่ทำให้คนพึ่งฟื้นไข้อย่างฉันเจ็บเลยแม้แต่น้อย ระหว่างนั่งให้เธอจัดการผมของฉันให้แห้ง ฉันเริ่มรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ผอมมากๆ ทีเดียว สังเกตได้จากมือและข้อมือที่เรียวเล็ก แม้จะถูกพรางตาด้วยเสื้อผ้าตัวโคร่ง แต่ก็รู้ได้ว่าเจ้าของชุดโคร่งนั้นตัวผอมบาง

ดวงตาของเธอเหมือนใครที่ฉันรู้จักจริงๆ เพียงแต่คนที่ฉันรู้จักไม่ได้ทาสีเปลือกตาจนเข้มแบบนี้ และไม่ได้เขียนขอบตาจนน่ากลัวราวกับจะไปเล่นลิเกแบบนี้เท่านั้นเอง

“เหมือนใครกันนะ คิดไม่ออกจริงๆ” ฉันบ่นออกมาเบาๆ กับสมองที่แสนจะตื้อของตัวเอง

“เจ็บหรือคะ” เสียงถามฉันมาจากด้านหลัง

“เปล่าค่ะ”

“เสร็จแล้วก็กินอาหารและกินยานะคะ” คำสั่งภาษาอังกฤษ ยังคงดังออกมาจากปากของเธอเช่นเคย จากนั้นฉันก็เห็นเธอเดินออกไปจาห้อง

ก่อนออกไปฉันเห็นเธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู คงหมดเวลาจ้างของเธอแล้วสินะ ตรงเวลาดีจริงแม่พยาบาลคนนี้

ฉันเข้าไปในครัวจัดการกับซุปร้อนๆ ที่เธอทำเอาไว้ให้ และกินยาที่เธอวางเอาไว้ข้างๆ จนเรียบร้อย จากนั้นก็จัดการล้างจานที่ฉันเป็นคนกินเองจนเรียบร้อย ฉันเดินมาเปิดหน้าต่างรับลมหนาวที่พัดเข้ามา

อากาศที่อยู่ในห้องอุ่นเพราะเครื่องทำความร้อนทำงานของมันอยู่เรื่อยๆ หากไม่มีไอ้เจ้าเครื่องนี้ฉันคงแข็งตายเพราะอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งไปแล้วอย่างแน่นอน

หิมะข้างนอกเริ่มตกแล้วตกหนักเสียด้วยสิ อดห่วงไม่ได้กับเธอคนนั้นที่พึ่งเดินออกไปจากห้อง เธอคงต้องฝ่าปุยหิมะที่พึ่งจะตกลงมาและต้องเดินไปตามพื้นที่โรยกรวดเอาไว้กันลื่น มันคงไม่สบายนักถ้าต้องเดินไปขึ้นรถสาธารณะแบบนั้น

ความคิดของฉันก็ต้องหยุดลง เมื่อเสียงเปิดประตูเข้ามา ภาพที่ฉันเห็นทำเอาฉันตกใจ

“อ้าว” เสียงร้องเป็นภาษาไทยของฉันดังลั่นบ้าน เมื่อพยาบาลคนเดิมเดินกลับมาพร้อมกับตะกร้าผ้า เธอคงไปซักผ้าและที่เธอดูเวลาก็เพราะว่าเธอต้องลงไปเอาผ้าที่ซักและอบแห้งเอาไว้

“นี่คุณยังไม่เลิกงานหรอกหรือ” ฉันถามเพราะเข้าใจว่าเธอกลับบ้านไปแล้ว

“ยัง” คำตอบห้วนๆ นั้นทำเอาฉันไม่อยากจะพูดอะไรกับเธออีกเลย

“ฉันหายดีแล้วคงไม่ต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลอีกแล้วล่ะ ขอบใจนะ แต่ถ้าเธอจะอยู่ต่อจนกว่าหิมะจะหยุดตกก็ได้นะ ฉันจะจ่ายเงินค่าแรงให้เธอเอง”

“ไม่จำเป็น” ห้วนอีกตามเคยสำหรับคำตอบจากปากของเธอ

“แม่คนนี้คงทะเลาะกับแฟนมาแหง๋มเลย อารมณ์บ่อจอยก็ไม่บอกจะได้ไม่พูดด้วย” ฉันบ่นเป็นภาษาไทยเพื่อไม่ให้เธอรับรู้ เพราะฉันแอบบ่นบ่อยๆ เวลาที่เจ้านายแต่ละบ้านสั่งฉันทำโน่นทำนี่ แล้วคนพวกนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าฉันบ่นอะไร เพราะใบหน้าของฉันยิ้มพราย แต่คำพูดที่บ่นออกไปนั้นมันเป็นคำสบทที่แสบสันสำหรับคนไทยเลยทีเดียว

เรียกว่าปากอย่างแต่สีหน้าอีกอย่าง และตอนนี้ฉันก็กำลังทำแบบนั้นอีกครั้ง

แต่แปลก!!!

เหมือนกับฉันจะเห็นดวงตาคู่นั้นยิ้มให้กับฉัน มันแค่ชั่วเดี๋ยวเดียวเท่านั้นที่ฉันเห็น แล้วดวงตาดุคู่นั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม แถมยังจ้องมองฉันที่เปิดหน้าต่างห้องครัวรับลมเย็นๆ จากภายนอก เมื่อรู้ตัวว่าโดนดุทางสายตาก็รีบปิดหน้าต่างแทบจะทันที และรีบเดินเลี่ยงกลับไปยังที่นอนที่เธอคนนั้นพึ่งเปลี่ยนผ้าปูให้ใหม่

กลิ่นผ้าปูที่นอนใหม่หอมๆ น้ำยาซักผ้า ยั่วยวนให้คนพึ่งฟื้นไข้อย่างฉันล้มตัวลงนอนและหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่พึ่งจะกินเข้าไป และไม่รู้เลยว่าเธอจะกลับออกไปจากห้องของฉันตอนไหน


หญิงสาวที่อยู่บนเตียงร้องครางอีกแล้ว กี่คืนแล้วนะที่ผู้หญิงคนนี้ร้องครางเพราะพิษไข้ ตั้งแต่เธอมาดูแลไม่มีวันไหนเลยที่หญิงสาวตรงหน้าจะไม่มีไข้ เมื่อกลางวันก็ดูเหมือนจะหายดี แต่คงเพราะความซนไปอาบน้ำ ไข้ก็เลยกลับมาอีกครั้ง

เสียงร้องนั้นทำเอาคนที่นั่งเช็ดตัวให้ถึงกับน้ำตาซึม

“หนาวเหลือเกินต้อง พี่หนาวจังเลย”

เธอกอดผู้หญิงที่นอนซมอยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจรักที่มีต่อผู้หญิงคนนี้หมดทั้งใจ ไม่มีส่วนใดในสี่ห้องหัวใจของเธอที่จะว่างให้กับคนอื่นได้สอดแทรกเข้ามา แล้วนี่หรือคือสาเหตุที่ทำให้พี่จอยต้องมาอยู่เมืองอันแสนจะหนาวเย็นแบบนี้

ต้องกอดพี่จอยของเธอ ร้องไห้ซบอยู่กับอกที่กระเพื่อมขึ้นลง และร่างที่สั่นสะท้านเพราะพิษไข้

“เช็ดตัวให้เยอะๆ เข้าไว้นะต้องแล้วก็ให้ห่มผ้าหนาๆ อย่าให้ไข้สูงมากนัดจะชักได้ง่าย” เสียงหมอบิวที่สั่งเธอก่อนขึ้นเครื่องยังก้องอยู่ในหู เธอไม่คิดว่าการเป็นไข้ในเมืองหนาวแบบนี้จะทำให้พี่จอยต้องมานอนสั่นและทรมานแบบนี้

ตัวเธอเองก็เคยเป็นไข้เพราะอากาศเปลี่ยนแต่ก็ไม่ถึงกับนอนซม แบบที่พี่จอยกำลังเป็น พี่จอยผอมไปมาก จะเหลือแต่ซี่โครงอยู่แล้ว ต้องลูบไล้ไปที่แผ่นหลังและสะดุดกับเนื้อหนังที่ติดซี่โครงของพี่จอย

“คงทำงานหนักมากเลยใช่ไหมพี่ ถึงได้ผอมแบบนี้ ต้องขอโทษนะคะ ที่มัวแต่ห่วงเรื่องไร่ ต้องน่าจะตามหาพี่จอยก่อนหน้านี้ อย่าเป็นอะไรนะคะ รู้ไหมคนดี ต้องรักพี่คนเดียวนะคะ รีบๆ หายเร็วๆ น้า จะได้มาทะเลาะกับต้องอีกนะคะคนดีของต้อง” แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดไปนั้นคนที่นอนซมอยู่จะไม่รับรู้แต่เธอก็อยากจะพูด

ต้องโอบกอดคนรักของเธอเอาไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายและความรักของเธอจะคอยปกป้องคนรักของเธอให้ผ่านคืนอันทรมานไปได้อย่างแน่นอน เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกไว้ใต้ปีก เธอจะทำเช่นนั้นจนกว่าพี่จอยจะหายดี เธอทำได้ผลมาแล้วนี่นา ทำอีกสักครั้งจะเป็นไรไป เพื่อให้คนเจ็บหายเหมือนที่เคยผ่านมา


ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน รู้สึกหนักๆ ที่อกของตัวเอง เหมือนถูกอะไรทับไว้บนตัว จะขยับตัวก็ไม่ได้ตัวชาไปหมด จะลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น หนังตามันช่างหนักเหลือเกิน นี่ฉันคนเป็นไข้ซ้ำอีกวันแล้วล่ะสิ ไม่น่าอาบน้ำสระผมเลยเมื่อวานนี้ ฉันพยายามขยับตัวอีกครั้งแต่ก็ขยับไม่ได้

“อ๊ะหรือว่าจะโดนผีอำ” ความคิดมันมีได้เรื่อยเปื่อย มาอยู่เมืองฝรั่งแต่ดันคิดถึงเรื่องผีอำ ก็นะคนไทยต่อให้ไปอยู่ที่ไหน ศิวิลัยเพียงใด ความคิดก็ยังเป็นไทยแบบเดิมๆ

แต่พอลืมตาขึ้นมาดู ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าผีอำ ตายแล้วแม่พญามาร มานอนทับอะไรบนอกฉันนี่

“หมดกัน ยายบ้าเอ๊ย” ฉันผลักและดันพยาบาลคนนั้นให้ออกไปจากอกของตัวเอง

ไม่ใช่อะไรหรอก มันไม่ใช่เรื่องดี ที่อยู่ๆ ผู้หญิงไทยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างฉันจะมาให้คนแปลกหน้ามานอนทับหน้าอกหน้าใจ แม้จะมีไม่มากมายเท่ากุ๊กกิ๊ก แต่ก็มีแล้วกันเฟ้ย

อีกอย่างเป็นแค่พยาบาลรับจ้าง มาแตะเนื้อต้องตัวคนไข้เกินหน้าที่ก็ดูไม่ถูกต้องแล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันทำจะทำให้แม่พญามารตื่นขึ้นมาแล้ว ท่าทางเธอจะตกใจไม่เบาเมื่อเห็นฉันนอนลืมตาโพลงมองเธอที่ทับอกของฉันอยู่

“ขอโทษค่ะ ฉันคงง่วงมากๆ เมื่อคืนเลยนอนทับคุณ” น้ำเสียงของเธออ่อนลงไปมาก และรีบลุกจากที่นอนอันแสนอุ่นของฉันไปยืนที่ปลายเตียง

ฉันขบฟันและพูดลอดไรฟันออกมาเป็นภาษาไทยเบาๆ “ขอโทษแล้วมันหายชาหรือไงยะแม่คุ๊ณ” และจากนั้นก็ตอบไปเป็นภาษาที่เธอฟังออกว่า

“ไม่เป็นไร” และครั้งนี้ฉันเสียงแข็งบ้าง “แต่คราวหลังอย่ามานอนทับฉันอีกนะฉันหายใจไม่ออก” บอกได้แค่นั้นเธอก็เดินออกไปจากห้องนอนของฉันหน้าตาเฉย โดยไม่ฟังที่ฉันจะต่อว่าเธออีก

“ดูเหมือนแม่นี่ท่าทางจะประสาทนิดๆ แฮะ” ฉันบ่นตามหลัง ก็นะ คนอะไร เหมือนหุ่นยนต์ไม่มีหัวใจ หรือพวกหมอพยาบาลจะเป็นแบบนี้กันหมดทั้งโลกก็ไม่รู้


ฉันเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จแต่ไม่ได้อาบน้ำเพราะกลัวว่าไข้จะกลับมาอีกครั้ง ฉันเห็นเธอทำซุปให้ฉันอีกแล้ว แต่วันนี้มีไข่ดาวกับหมูแฮมทอดด้วย

“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ฉันถามเพราะออกจะเกรงใจเธอ ที่ต้องปิดหน้าปิดตาตลอดเวลา

เธอส่ายหน้าและเข้าไปในห้องหยิบชุดของเธอ เดินเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย ระหว่างนั้นฉันก็จัดการกับอาหารที่เธอทำจนหมดเกลี้ยง ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวกระทบพื้นและเสียงฮัมเพลงฝรั่งออกมาเบาๆ

“ท่าทางจะอารมณ์ดีแฮะวันนี้ แม่พญามาร” ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะกับความคิดของตัวเอง เมื่อกินเสร็จฉันก็จัดการล้างจานของตัวเองจากนั้นก็เดินไปหน้าห้องหยิบหนังสือพิมพ์ที่พึ่งมีคนมาส่งจากพื้นห้องขึ้นมาอ่าน ข่าวแรกก็คือ ข่าวพยากรณ์อากาศ วันนี้เค้าบอกว่าหิมะจะตกอีกตามเคย

อีกไม่กี่วันก็จะเทศกาลคริสมาสต์แล้ว ปีนี้ถ้าหิมะตกคงสนุกไม่เลวเลย มันเป็นคริสมาสต์ปีแรกที่ฉันอยู่ที่นี่ กุ๊กกิ๊กคงปิดร้านฉลอง แต่ใครๆ ก็กลับบ้านไปหาครอบครัวกันในเทศกาลนี้ทั้งนั้น ในเมืองคงเงียบเหงามากกว่าที่เคยเป็น

อ่านพยากรอากาศเสร็จก็อ่านข่าวทั่วไป ข่าวในหนังสือพิมพ์ของที่นี่แตกต่างจากข่าวที่พี่แขกเคยอ่านให้ฉันฟังบ่อยๆ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ของที่นี่ไม่มีข่าวฆ่ากันตาย มีแต่ข่าวการเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ข่าวลดราคาสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในฤดูกาล เรียกว่าลดกระหน่ำ รับฤดูหนาว

คนที่ไม่อยากซื้อของแพงในฤดูร้อนก็จะไปซื้อของฤดูร้อนที่เอามาลดราคาในฤดูหนาว เพราะมันถูกกว่ากันเกินครึ่ง และสินค้าเหล่านั้นก็มีคุณภาพ ไม่ได้หลอกต้มตุ๋นผู้บริโภคแบบบ้านเรา

ฉันเปิดตู้เย็นเห็นของสดถูกแช่แข็งเอาไว้เต็มไปหมด นี้แสดงว่าถ้าไม่ใช่แม่พญามารก็ต้องเป็นกุ๊กกิ๊กอย่างแน่นอนที่เอามาแช่ไว้ให้ฉัน

รออยู่นานแม่พญามารก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ

“ไปนอนในนั้นหรือไงแม่คุ๊ณ” ฉันบ่นเป็นภาษาไทยเสียงดังฟังชัด และเหมือนจะได้ยินเสียงตอบกลับมาเป็นภาษาไทยว่า “บ้า” แต่ฉันคิดว่าตัวเองหูฝาด แม่พญามารจะพูดภาษาไทยได้ยังไงกัน

จากนั้นไม่นานแม่พยามารก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอแต่งตัวเหมือนเคย โผกผมมิดชิด ใช้ผ้าปิดปากเปิดให้เห็นแค่ลูกตา แล้วฉันก็ขำ เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นถูกแต่งเติมด้วยสีสันแสบทรวงเช่นเคย

“แม่เจ้าโว๊ย ท่าจะไม่มั่นใจถ้าไม่ได้แต่งหน้าล่ะสิแม่คุณ” ฉันพูดยิ้มๆ อีกเช่นเคย และเป็นอีกครั้งที่เหมือนจะเห็นดวงตาคู่นั้นยิ้ม แต่แค่ครู่เดียวอีกเหมือนเคย

ครู่เดียวจริงๆ ก็กลับกลายเป็นดุเหมือนเดิม

ฉันรับรองได้ว่าตาตัวเองไม่ฝาดอย่างแน่นอน ครั้งแรกอาจคิดว่าตาฝาด แต่ครั้งนี้ รับรองว่าสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไข้ก็หายแล้ว จะว่าตาฝาดก็คงไม่ใช่ ตาคู่นั้นยิ้มจริงๆ

“ข่าวบอกว่าหิมะจะตกหนักอีกวัน คุณคงกลับบ้านไม่ได้ คืนนี้ค้างที่นี่อีกคืนก็แล้วกัน หรือว่าถ้าอยากจะกลับก็กลับได้นะ อีกไม่กี่วันก็คริสมาสต์แล้วฉันพอเข้าใจ”

“ไม่เป็นไร อยู่จนกว่าคุณจะหายดี” น้ำเสียงห้วนๆ ไร้ความเป็นกุลสตรีของเธอ ตอบกลับมาทำเอาฉันใจแป้ว

หรือว่าฝรั่งจะเป็นแบบนี้กันหมด มีฝรั่งที่เข้าใจคำว่า เกรงใจบ้างไหม หรือว่ามีแต่ถูกกับผิดอย่างเดียวเท่านั้น

“แล้วนี่คุณจะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือ หิวหรือเปล่า” เธอไม่ตอบฉัน เงียบอีกตามเคย และเดินออกไปนอกห้อง ปิดประตูเสียงเบาและกลับเข้ามาพร้อมกับนมสดสองสามขวด

“ใครสั่งนมมา” ฉันถาม

“ฉันสั่งเอง คุณต้องดื่มนม”

“ไอ๋หย๋า” ฉันร้องออกมาแทบจะทันที นมสดๆ กลิ่นคาวๆ แบบนี้นี่นะ จะให้ฉันกิน ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ เธอนำนมที่ได้มาบางส่วนเข้าไปแช่ตู้เย็น อีกส่วนเธอเทใส่หม้อและตั้งไฟจากนั้นก็เติมผงโกโก้ และน้ำตาลลงไป เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ก็ยกมาให้ฉันดื่ม

“ดื่มซะ ยังร้อนๆ ช่วยให้หายไข้” แล้วเธอก็เดินจากไป

ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันไม่ชอบนมจืด แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าฉันชอบโกโก้ร้อนๆ ใครบอกเธอกันนะ กุ๊กกิ๊กจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือ ไม่น่าเป็นไปได้เลย ฉันไม่สนิทกับกุ๊กกิ๊กถึงขั้นที่จะบอกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้กับเธอหรอกนะ และมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันไม่ชอบนมจืด นอกจากแม่ ตาลและต้องเท่านั้น

ใช่ๆ ตาคู่นั้นเหมือนตาลมากๆ เหมือนราวกับฝาแฝด

“คงไม่ใช่หรอกนะ จะมีคนหน้าเหมือนกันถึงสามคนบนโลกนี้เลยเหรอไม่น่าเป็นไปได้ คิดมากน่ารีบๆ กินแล้วไปนอนพักต่อดีกว่าไอ้จอย แกมันท่าจะคิดถึงต้องมากไปแล้ว” ฉันบ่นกับตัวเอง เห็นไวๆ ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องครัวหลังไหวๆ เหมือนกับจะหัวเราะ

“เพี้ยนแล้วไอ้จอย แกต้องเพี้ยนแน่ๆ เลย” บ่นตัวเองอีกรอบแล้วก็เดินออกจากห้องครัวกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ดูเหมือนว่าแม่พญามารกำลังทำตัวเป็นขอมดำดินอีกตำแหน่ง ผลุบๆ โผล่ๆ บทจะมาก็โผล่มา บทจะไปก็หายจ้อย ฉันเดินเข้าห้องนอนไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือพิมพ์เข้าไปอ่านด้วย

สักพักฉันก็เดินกลับออกมา ว่าจะไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม ฉันติดมาจากเมืองไทยต่อให้สบายเปิดก๊อกได้ ก็ยังชินที่จะดื่มน้ำจากขวดที่แช่ในตู้เย็นอยู่ดี ฉันเห็นเธอนั่งหันหลังให้และกำลังกินอาหารเช้า ครั้งนี้ฉันคงเห็นหน้าเธอแล้วสินะ

แต่ดูเหมือนว่าเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอก็อิ่มพอดีและกำลังจะเอาผ้าปิดปากกลับไปเหมือนเดิม

“แหม อนามัยจริงนะยะแม่คุณ แต่อย่างว่านะ คงกลัวติดโรคจากฉันละสิใช่ไหมยะแม่พญามาร” ฉันพูดเพราะคิดว่าเธอคงแปลภาษาของฉันไม่ออกแน่ๆ

“What?” เธอหันขวับมาถามและมองหน้าฉันจังๆ ทำเอาฉันใจหาย หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกจากปาก

“อิ่มแล้วเหรอ ไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ” ฉันรีบปรับสีหน้าและบอกกับเธอ

“อากาศข้างนอกคงหนาวมากๆ เลยนะ” ฉันชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอเธอล้างจาน

“คุณไม่กลับบ้านจริงๆ เหรอ” ฉันถามเธออีกครั้งกับคำถามที่เคยถามไปแล้ว

“ก็บอกแล้วไงว่าจนกว่าคุณจะหายดี ฟังภาษาไม่เข้าใจหรือไงกัน” คำตอบทำเอาฉันหน้าชา

“เข้าใจแต่เป็นห่วงกลัวคุณไม่ได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวในวันเทศกาลแบบนี้ก็เท่านั้น” ฉันพยายามปรับอารมณ์และตอบออกไป

“ครอบครัวของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่” เธอตอบออกมาเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน อาจเป็นเพราะผ้าปิดปากของเธอช่วยกรองเสียงอีกชั้นก็เป็นได้

“น่าเห็นใจนะ” เธอล้างจานเสร็จพอดีและกำลังเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือที่แขวนอยู่ตรงข้างฝา

“แล้วคุณล่ะไม่กลับบ้านบ้านหรือ” เธอถามฉันบ้าง พร้อมๆ กับเดินนำฉันไปยังห้องนอนของฉันเอง

“บ้านไม่มีอะไรน่ากลับไป” ฉันเบะปากและพูดเหมือนไม่ใยดีต่อการกลับบ้าน

“ฟังดูน่าหดหู่จริงๆ” เธอมองหน้าฉัน ดูเหมือนว่าเธอจ้องฉันจริงๆ จังๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เตียง

“ถ้าคุณเป็นแบบฉันโดนคนรักหักหลังคุณก็คงไม่อยากกลับไปเหมือนฉัน” ฉันนั่งลงบนเตียงที่อยู่ไม่ห่างกับเธอนัก

“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าคนรักคุณหักหลัง” คำถามของเธอทำเอาฉันลังเลก่อนที่จะตอบ

“ฉันเห็นกับตานะสิ ว่าเธอมีคนใหม่”

“คุณแน่ใจหรือกับสิ่งที่คุณเห็น” คำถามยังคงมีมาเรื่อยๆ จากริมฝีปากที่ถูกปกปิดด้วยผ้าปิดปากอันใหญ่ของเธอ

“แน่ใจสิ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มาที่นี่ หนีเรื่องบ้าๆ มาที่นี่เพื่อให้ลืมเธอ”

“เจ็บปวดมากไหม” อีกแล้วกับคำถามที่ไม่อยากจะตอบ

“ยิ่งกว่าเจ็บอีก มันสุดทนเลยล่ะอยากจะตายจากโลกนี้ไปเลยด้วยซ้ำ”

“แต่ก็ยังอยู่รอดมาได้สินะ” คำถามเหมือนเย้ยๆ ฉันไปในตัว

“ไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอกคุณ เพียงแค่ใจมันไม่มั่นคงเหมือนเดิมเท่านั้นเอง”

“คุณก็เลยเลือกที่จะหนีมาจากภาพบาดตาของคุณ โดยที่ไม่ถามคนรักของคุณสักคำว่าสิ่งที่คุณเห็นมันเป็นเรื่องจริงหรือคุณคิดไปเองอย่างนั้นสิ”

“ใช่ เพราะฉันมั่นใจว่าสิ่งที่ฉันเห็นมันเป็นเรื่องจริง”

“คิดไปเองหรือเปล่า”

“มันไม่น่าพลาด” ฉันตอบด้วยความมั่นใจ ถ้าใครเห็นภาพของต้องกับหมอบิวกอดกันแบบฉันก็ต้องคิดเหมือนฉันด้วยกันทั้งนั้น

“เหรอ” ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อฉันเลยสักนิด

“ใช่” ฉันยังยืนยันคำเดิมแถมสีหน้ายังเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น

“งั้นก็แล้วแต่คุณความคิดของคน ฉันไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของคนได้หรอกนะ เพียงแต่จะให้คิดให้รอบคอบเท่านั้น เรื่องของคนสองคน ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก”

“ขอบใจนะที่เข้าใจฉัน” ฉันยิ้มให้กับเธอ เพราะตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียวที่รับฟังคำพูดของฉัน

“ยินดี มันเป็นส่วนหนึ่งในบริการของพยาบาลเฝ้าไข้” คำตอบของเธอทำเอาฉันงงอีกรอบ

“ปรึกษาปัญหาหัวใจนี่นะ”

“เปล่า พูดคุยไม่ให้ฟุ้งซ่าน ก่อนที่จะเป็นบ้าต่างหาก” พูดจบเธอก็เดินออกไปหน้าตาเฉย ทิ้งฉันให้นั่งงงกับสิ่งที่เธอพูด กว่าจะคิดได้ว่าเธอหมายความว่าอะไร เธอก็เดินออกไปจากห้องของฉันแล้ว

จบบทที่ ๒๖



Create Date : 13 พฤษภาคม 2552
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 15:54:03 น. 0 comments
Counter : 454 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.