It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
บทที่ ๓๑ ปรับความเข้าใจ



ระหว่างทางกลับที่พัก ต้องไม่พูดกับฉันสักคำ เธอเงียบ และมองฉันเหมือนเป็นอากาศธาตุ คนยิ่งใจไม่ดีอยู่พอมาเจอเรื่องแบบนี้ยิ่งใจฝ่อเข้าไปกันใหญ่

“ต้องพูดกับพี่บ้างสิคะ” ฉันเริ่มประโยคสนทนาขึ้นก่อน

“ระหว่างเรายังจะมีเรื่องพูดกันอีกเหรอพี่จอย” โดนไม้นี้เข้าไปฉันถึงกับอึ้ง

“มีสิคะ เรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกัน” ฉันโอบไหล่ต้อง แต่เธอปัดมือของฉันออก

“เอามือสกปรกของพี่ออกไปจากตัวต้องนะ มือที่ไปโอบใครต่อใครของพี่ มันสกปรกสำหรับต้องเอาออกไปนะ” ฉันไม่ค่อยจะเห็นต้องสติแตกแบบนี้ ปกติต้องสงบกว่าฉันมาก แต่วันนี้ต้องเหมือนคนที่ฉันไม่รู้จัก

ฉันสงบปากสงบคำ เพราะฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองผิดที่ทำให้ต้องเข้าใจผิด ฉันพอจะรู้แล้วว่าที่ต้องพยายามจะอธิบายฉันเรื่องเกี่ยวกับเธอกับหมอบิวว่าฉันเข้าใจผิดนั้นมันหมายถึงอะไร และตอนนี้ฉันก็โดนแบบเดียวกันกับที่ต้องโดนฉันทำ ผิดกันก็ตรงที่ต้องไม่ได้หนีไปไหน ต้องยังยืนอยู่ตรงหน้าฉันและพร้อมที่จะฟังฉันอธิบายเรื่องทั้งหมด

หากวันนั้นฉันใจเย็นได้เหมือนต้องเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นก็คงไม่เกิด

“งั้นพี่บอกมาว่าที่ต้องเห็นมันคืออะไร” ต้องเริ่มถามขึ้นมาก่อนเหมือนเธอจะเปิดทางให้ฉันอธิบาย เมื่อทางเปิดฉันก็รีบเดินเข้าไป เพื่อความอยู่รอดของตัวเองทันทีเหมือนกัน

“มันก็แค่พี่น้องพูดคุยกัน ต้องเข้าใจพี่หรือเปล่าคะ”

“เหรอ” ต้องจ้องฉันดวงตาของเธอดุจนฉันหงอ

“ค่ะ กับสองเราสองคนเป็นพี่น้องกันจริงๆ เราสองคนไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันนะต้อง พี่กับสองสนิทกัน เพราะเราสองคนก็มีเรื่องปวดหัวให้คิดด้วยกันทั้งคู่”

“ใช้คำว่า “เรา”เหรอพี่ เราสองคนหรือคะ ต้องคงเข้าในผิดเนอะ ว่าคำว่า “เรา” หมายถึงต้องกับพี่ แต่พี่กับใช้คำว่า “เรา” หมายถึงพี่กับเด็กสองคนนั้น แล้วนั่งปรึกษากันเลยไม่พอใช่ไหม ต้องนอนปรึกษากันด้วยถึงจะได้เข้าใจกันดีใช่ไหมพี่จอย” ทั้งประชดประชัน ทั้งเสียดสี แม้คำพูดเหล่านั้นจะนิ่มๆ แต่ก็ทำเอาฉันกลืนน้ำลายไม่ลง มันเหนียวจนไม่อยากจะกลืนลงไป

“เปล่านะต้อง เอาอะไรมาพูด พี่กับสองไม่เคยนอนปรึกษากันแบบที่ต้องคิดนะ” ฉันพยายามที่จะอธิบาย แต่มันไร้ผล

“เหรอ แต่ต้องไม่อยากฟังคำพูดพล่อยๆ ของพี่อีกต่อไปแล้วพอเถอะพี่จอย เราจบกันแค่นี้ ขอให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน ต้องไม่อยากฟังพี่เข้าใจไหม” ต้องหันหลังให้กับฉัน เธอคงไม่อยากจะได้ยินเรื่องที่ฉันพูดอีกต่อไป เพราะเธอยกมือของเธอทั้งสองข้างปิดใบหูของเธอไว้

“ไม่นะต้อง อย่าจากพี่ไปนะ พี่เข้าใจแล้วต้อง ที่ต้องพยายามจะอธิบายเรื่องของต้องกับหมอ พี่เข้าใจแล้วต้อง” ฉันคุกเข่าลงตรงหน้าต้องอีกครั้ง ต้องยืนร้องไห้ ฉันเองก็ร้องไห้ แต่เป็นน้ำตาแห่งความเข้าใจกันและกัน

ฉันกอดต้องด้วยหัวใจรักทั้งหมดที่มี ต้องเองอาจจะรู้ เธอทรุดลงนั่งข้างๆ ฉัน เรากอดกัน ต้องร้องไห้ซบที่ไหล่ของฉัน น้ำตาของเธอไหลเป็นทางที่เสื้อของฉัน ฉันรู้และเข้าใจความรู้สึกของต้องเป็นอย่างดี เพราะฉันเองก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้ปรับความเข้าใจกับต้อง ฉันเลือกที่จะเดินหนีจากความจริงที่ปวดร้าวใจ

เพราะอะไรนะหรือ เพราะฉันกลัว

กลัวที่จะสูญเสียความรักที่มีให้กับต้อง กลัวที่จะรับไม่ได้เมื่อต้องบอกว่าภาพที่ฉันเห็นเป็นเรื่องจริงเหมือนที่ฉันคิด

ใครบ้างล่ะไม่กลัวการพลัดพราก

ความอึดอัด ความเข้าใจผิดที่มีทั้งหมด บัดนี้มะลายหายไปสิ้น เหลือแต่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน

จากนี้ไป เราจะอยู่บนพื้นฐานของความรักและความเข้าใจ และจะพยายามพูดคุยกันในทุกเรื่อง ที่ผ่านมาเรายังมีอัตตาในตัวเองสูง ใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐานวัดว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูก

เราสองคนลืมไปว่า คนสองคนต้องปรึกษาหารือ ให้ความไว้ใจเชื่อใจกันและกัน รักถึงจะได้ราบรื่น หากเราสองคนปรับความเข้าใจกันได้ และเข้าใจกัน ต่อจากนี้ไปเรื่องก็คงไม่เกิด

ถ้าจะมีเรื่องอะไร เราคงคุยกันได้ไม่ยาก

แปลกนะ กว่าจะเข้าใจกันได้ ต้องให้เกิดเรื่องก่อนถึงจะเข้าใจกัน แปลกแต่จริง


กว่าเราจะได้กลับเมืองไทยก็เลยปีใหม่ไปหลายวัน ฉันกับต้องรอจนอากาศดีขึ้น และฉันก็ได้เครื่องบินเที่ยวเดียวกับต้อง ฉันไม่อยากแยกเดินทาง เพราะเคยเสียคนรักมาแล้วเมื่อครั้งที่ตองเครื่องบินตก และถ้าฉันจะต้องเสียคนรักไปอีกครั้งด้วยสาเหตุเดียวกันฉันคงทำไม่ได้

ไม่มีใครมารับเราสองคนที่สนามบิน เราเดินทางกลับกันเอง ไปถึงบ้านแม่ก็รอฉันอยู่ ต้องคงโทรมาบอกแม่ว่าเราสองคนจะกลับมาถึงเมืองไทยวันนี้

ฉันเข้าไปกอดแม่ แม่กอดฉันและกอดต้อง แม่ไม่ได้ต่อว่าฉันที่หายไปไม่พูดถึงเรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ถามแค่ว่าเดินทางเหนื่อยไหม และให้เราสองคนเข้าไปพักผ่อนก่อนที่จะทำอะไรอย่างอื่น ฉันเลือกที่จะอาบน้ำ เพราะอุณหภูมิที่เมืองไทยกับที่ฉันจากมามันต่างกันเยอะ เมืองไทยแม้จะอยู่ในฤดูหนาวแต่ก็ยังร้อน

ฉันชอบอากาศแบบนี้จัง มันไม่ทรมาน มันไม่หนาวจับขั้วหัวใจ ก็ที่นี่มันบ้านเกิดเมืองนอนของฉันนี่ จะให้ไปชอบบ้านอื่นเมืองอื่นมากกว่าบ้านเกิดของตัวเองได้อย่างไร

รถคันเก่าของฉันยังจอดอยู่ที่เดิมฝุ่นเกาะจนแทบจะมองไม่ออกว่ามันคือรถหรือว่าเศษเหล็ก ฉันทิ้งรถไว้จนแมงมุมมาชักใย แม่คงไม่มีเวลามาทำความสะอาดให้ และเด็กที่มาทำงานบ้านให้แม่ก็คงไม่ใส่ใจดูแล แทนที่อาบน้ำเสร็จฉันจะได้นอนพักก็เลยต้องออกมาล้างรถ จัดการคราบฝุ่นที่เกาะรถออกจนหมด นานๆ ล้างรถทีก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

ต้องไม่ได้ออกมาช่วยฉัน เธอคงจัดการกับของฝาก และเก็บเสื้อผ้าที่เราสองคนใช้ก่อนที่จะกลับมาไปซักเพราะฉันได้ยินเสียงเครื่องซักผ้ากำลังทำงาน เสียงมันดังลอดออกมาจนถึงหน้าบ้าน แม่คงไม่ได้เปลี่ยนเครื่องซักผ้าเครื่องใหม่ เวลาทำงานแต่ละทีดังไปสามบ้านแปดบ้าน เราสองคนต่างคนต่างทำงานที่ตัวเองต้องทำ สักพักต้องเดินออกมาหาฉัน

“หิวหรือยังคะพี่”

“ยังเลยต้องขอล้างรถให้เสร็จก่อน จะได้เอาไปที่อู่ให้ช่างดู ทิ้งไว้นานๆ มันคงใช้ได้ไม่ดี” ฉันไม่ได้หันไปมองต้องด้วยซ้ำ ก้มหน้าก้มตาล้างรถของตัวเอง

“อะนี่กินซะ” ต้องยื่นกล้วยน้ำว้าที่ปลอกแล้วมาใส่ปากของฉัน งับเข้าไปคำนึงก็มีเสียงบอกว่า

“ระวังเม็ดด้วยนะพี่” ยังไม่ทันหมดคำของต้องฉันก็กัดโดนเม็ดเข้าไปอย่างจังจนต้องร้อง “อุ้ย”

“นั่นๆ บอกไม่ทัน” ต้องยืนหัวเราะฉัน ทั้งๆ ที่เธอเองเป็นต้นเหตุ

“ก็นะ ใส่มาให้ถึงที่ก็ต้องรับไว้สิเดี๋ยวจะเสียน้ำใจ” ฉันพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร

“ทุกเรื่องเลยเหรอพี่จอย”

“ใช่สิคนเค้ามีน้ำใจยื่นมาให้ไม่รับก็นะ เกรงใจ”

“แสดงว่าใครมาประเคนถึงที่พี่ก็รับหมดว่างั้น”

“ถูกต้อง” แล้วฝ่ามือของต้องก็ฟาดมาที่กลางหลังของฉันเต็มๆ

“โอ๊ยอะไรนี่ เจ็บนะต้องมาตีพี่ทำไม” ฉันร้องแบบไม่คิดชีวิต มันไม่ได้เจ็บอะไรหรอกแต่ตกใจ

“ก็พูดออกมาได้ยังไง ใครมาประเคนให้ก็รับ” เสียงต้องขุ่นๆ ฟังแล้วจากร้อนๆ อยู่หนาวเลยเชียวแหละ

“เอ๊าก็ต้องเอากล้วยมาจ่อถึงปากพี่ พี่ก็กินนะสิพี่ผิดตรงไหน”

“ผิด” น้ำเสียงยังคงดุเหมือนเคย

“ไหนว่ามาซิพี่ผิดตรงไหนที่กินกล้วย” ฉันเลิกล้างรถ โยนผ้าเช็ดรถลงไปในถังน้ำ ยืนขึ้นมามองหน้าต้องจังๆ

“ผิดตรงที่พี่บอกว่าพี่รับหมดไม่ว่าใครจะเอาอะไรมาให้” ต้องถลึงตาใส่ฉันและส่งเสียงแว๊ดๆ

“แค่กินกล้วยนี่นะ”

“แค่กินกล้วยมันไม่ผิดหรอก แต่มันไม่ได้หมายถึงกล้วย” ท่าทางที่ต้องพูดราวกับว่าเรื่องที่ฉันกับที่เธอพูดมันคนละเรื่องเดียวกันอย่างนั้นแหละ

“แล้วมันหมายถึงอะไรเล่า” ฉันงงกับคำพูดของต้องยิ่งพูดก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ แต่พอมองหน้าต้องอีกครั้งและทบทวนคำพูดของฉันกับต้องอีกหน ฉันก็เดาออกแล้วว่าสิ่งที่ต้องคิดมันคือเรื่องอะไร เรื่องไม่เป็นเรื่องก็กวนอารมณ์ต้องได้แล้ว

หรือว่าต้องจะเข้าวัยทองกันแน่นะ อารมณืผลุบๆ โผล่ๆ แบบนี้ เลือดจะไปลมจะมาหรือเปล่าน้อ น้องต้องของพี่


ปรากฏว่ารถของฉันต้องซ่อมครั้งใหญ่ กว่าจะเอารถมาที่อู่ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเพราะต้องจ้างรถมาลากไปที่อู่ ยางสี่ล้อแบนราบ ระบบเบรก ระบบไฟ พังหมด หนูมาแทะสายไฟยับเยิน แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ แค่หกเดือนกว่าๆ ที่ไม่ได้ใช้รถ ทำเอารถแล่นไม่ได้

“ซื้อใหม่เลยดีกว่าพี่จอย ขายคันนี้แล้วเอาคันใหม่มาใช้ เอารถแบบนี้ขึ้นดอยลงดอยอันตรายเปล่าๆ” ต้องออกความเห็น

“แต่มันแพงนะต้องเราต้องใช้เงินอีกเยอะ”

“แล้วมันคุ้มเหรอพี่ถ้าจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับรถเก่าๆ แบบนี้”

“ก็ได้ก็ได้ ซื้อใหม่ก็ได้ตกลงพี่จะขายคันนี้” ฉันตอบแบบส่งๆ เพราะไม่อยากเถียงกับต้องอีกแล้ว

ฉันบอกพี่แขกไปว่าฉันอยากขายรถคันเก่าพี่แขกก็เลยช่วยหาคนซื้อให้ ได้ราคาพอสมควรกับการใช้งานจนคุ้ม มีพี่ก็ดีแบบนี้นี่เอง ปกติฉันเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยคิดที่จะมีพี่น้อง อดนึงถึงเด็กตัวน้อยลูกของพ่ออีกคน ป่านนี้คงเป็นสาวสวยไปแล้ว หรืออาจจะแต่งงานมีครอบครัว ให้พ่อได้เป็นตาสมใจอยากแล้วกระมัง

ฉันได้รถแบบเดิมมาอีกคัน ตัดสินใจผ่อนให้นานที่สุดเท่าที่ทางบริษัทจะทำให้เราได้ เอาเงินที่มีมาใช้จ่ายอย่างอื่น และรถที่เลือกก็เป็นรถที่เราต้องใช้จริงๆ สมบุกสมบันจริงๆ มันต้องขึ้นดอยลงดอยเกือบจะทุกวัน ถูกของต้อง ฉันไม่ควรจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับรถเก่าๆ เพราะชีวิตฉันมีค่ามากกว่าความประมาทเลินเล่อในเรื่องรถคันนั้น

หลังจากนั้นฉันกับต้องเราก็กลับบ้านไร่ของเรา งานเยอะและหนักเหมือนเดิม ฉันอดทนทำงานเพื่อให้เราสองคนได้สบาย ต้องเองก็คงคิดแบบฉันเช่นกัน แม้ว่างานจะหนัก แม้ว่าต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เราก็อดทนทำงานแลกกับเงินที่ได้มา

ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นดูเหมือนว่าต้องไม่ยอมอะไรฉันอีกเลย ฉันไม่อยากทะเลาะก็ต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแทบจะทุกวัน และก็เป็นฉันที่ต้องยอมต้องเสมอๆ

เมื่อก่อนต้องไม่เคยเป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้มองอะไรนิดอะไรหน่อยก็โดนทุบ โดนตี มองผู้ชายก็ว่า มองผู้หญิงก็บ่น ต้องเป็นเอามาก และอาการคงหนักขึ้นเรื่อยๆ จากคนที่เคยอะไรก็ได้ ตอนนี้อะไรก็ไม่ได้ ระแวงไปหมด ถ้าระแวงมดได้ต้องคงทำไปแล้ว ฉันเกรงใจต้องจนทำอะไรแทบจะไม่ถูก จะกระดิกไปทางไหนก็หวาดๆ กลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่อยากมีปากเสียงกับต้อง จะทำงานดึกๆ ก็มีเสียงส่งมาว่า

“แชตกับใครอยู่ดึกๆ ดื่นๆ มานอนได้แล้ว” ทั้งๆ ที่หน้าจอก็เห็นว่าฉันไม่ได้เปิดโปรแกรมแชตอะไรสักอย่าง นั่งทำงานจริงๆ เธอก็ยังพูดแบบนั้น เลิกทำงานทันทีปิดเครื่องปิดไฟนอน

แม่นางต้องโหดจริงๆ ให้ตายสิ ถ้าไม่รักไม่มีทางยอมแบบนี้หรอกนะ


“พอได้หรือยังต้อง พี่จอยกลัวต้องจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วนะ” หมอบิวเตือนต้องในวันที่ต้องและพี่จอยลงมาส่งของในเมืองและพบกันโดยบังเอิญ ส่วนหมอบิวเข้ามาเลือกซื้อหนังสือในร้านเพราะเธอชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ มันทำให้เธอคลายเหงาได้บ้าง

“ยังพี่หมอ ต้องเอาให้เข็ด จะได้หลาบจำ” ต้องพูดยิ้มๆ กับความสะใจเล็กๆ ของเธอเอง

“มากไปก็ไม่ดีนะต้อง พี่จอยยิ่งบ้าๆ อยู่” หมอบิวพยายามจะเตือนต้องเพราะเท่าที่ผ่านมาบทพี่จอยจะบ้าก็บ้าดีเดือดจริงๆ

“แล้วพี่หมอจะให้คนผิดลอยนวลเหรอพี่” ต้องพยายามจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง

“คนรักกันเค้าอภัยกันได้นี่นาต้อง” หมอบิวเตือนสติต้องอีกครั้ง

“ต้องรู้ค่ะพี่ อีกสักพัก ให้ต้องสะใจก่อน ต้องก็จะเลิกไปเองแหละ” จริงๆ แล้วต้องเองก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องตีหน้าเป็นคนขี้หึงขี้โวยวาย โดยนิสัยส่วนตัวของเธอ ไม่ใช่คนแบบนี้สักนิด แล้วทำไมเธอจะไม่รู้เรื่องของพี่จอยกับน้องสองว่าสนิทกับในฐานะอะไร ก็น้องสองนี่แหละที่เป็นคนพาต้องไปโน่นมานี่ พาต้องไปซื้อของไปจ่ายตลาด ตอนที่พี่จอยยังนอนไม่ได้สติ

น้องสองไม่ใช่คนที่ต้องจะระแวงอะไรเลย แต่ที่เธอต้องทำแบบนี้เพราะต้องการจะแก้เผ็ดคนขี้น้อยใจ คนขี้ระแวง ให้ได้รู้สำนึกบ้างว่าการที่ทำตัวแบบนั้นคนที่อยู่ข้างๆ จะรู้สึกกดดันแค่ไหน

“ระวังมันจะติดเป็นนิสัยนะต้อง มันไม่งามเลยรู้หรือเปล่า” ดูเหมือนว่าหมอบิวจะเป็นห่วงต้องเอามากๆ

“ค่ะพี่ ต้องจะไม่ทำจนติดเป็นนิสัยหรอกพี่หมอก็รู้ว่าต้องเป็นคนยังไง”

“ตามใจก็แล้วกัน งั้นพี่ไปก่อนนะ มีประชุมที่โรงพยาบาล ตอนบ่ายว่างๆ ก็โทรมาแล้วกัน”

“บายค่ะพี่ขับรถดีๆ นะคะ”

“เหมือนกันแหละ อย่าขับเร็วนักก็แล้วกัน ลงดอยขึ้นดอยมันอันตราย”

“จ้าไปเถอะพี่ เดี๋ยวพี่จอยมาเห็นพี่ ต้องขี้เกียจแก้ตัว”

หมอบิวเดินลับมุมไปแล้วพี่จอยก็โผล่มาแทบจะทันที ต้องอดมองไม่ได้ว่าพี่จอยเห็นที่เธอคุยกับหมอบิวหรือเปล่า ถ้าหากเห็นพี่จอยเข้าใจผิดขึ้นมาอีกเรื่องจะยิ่งวุ่นไปกันใหญ่

“รอนานไหมต้อง” พี่จอยทักต้องเหมือนว่าจะไม่เห็นเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทำเอาต้องโล่งใจ

“ไม่นานหรอกพี่ต้องว่าจะไปดูหนังสือในร้านพอดี” ต้องปรับสีหน้าทันทีเหมือนกัน

“งั้นดีเลยพี่ก็อยากได้สักเล่มสองเล่มเหมือนกัน ขี้เกียจลงดอยมาบ่อยๆ เบื่อนั่งรถ”

“ว่าแต่ตกลงแม่จะมาหาเราเมื่อไหร่คะ” ต้องถามเรื่องแม่ของพี่จอย เพราะล่าสุดพี่แขกบอกว่าหมอสั่งให้แม่หยุดพักงานและหาสถานที่อากาศดีๆ มาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มันเหมาะกับการพักฟื้นของคนสูงอายุ

“ไม่รู้สิพี่ก็ลืมถาม แต่เห็นพี่แขกบอกว่าแม่คงมาวันมะรืน”

“คราวนี้แม่ยอมแล้วเหรอพี่จอย ปกติแม่ไม่ค่อยอยากมาอยู่ดอยนี่นะ”

“คงยอมแล้วมั๊ง ไม่เห็นแม่ว่าอะไร แม่คงปล่อยมือจากงานแล้วล่ะ แก่มากแล้วทำงานไปมากๆ ทำไมก็ไม่รู้”

“แม่คงไม่อยากอยู่ว่างๆ มังคะ”

“ก็คงงั้น แล้วนี่ต้องจะเอาหนังสืออะไร” จอยเดินเข้าไปเลือกๆ นิตยสารและหยิบขึ้นมาพลิกดู เธอชอบนิตยสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แม้ไม่ได้เปเห็นด้วยตา หากมองจากรูปก็สบายใจแล้ว

“หนังสือแนวฆาตกรรมค่ะ อ่านแล้วเพลินดี”

ตายๆ ขนาดหนังสือยังแนวฆาตกรรม พ่อแก้วไม่แก้วช่วยลูกช้างด้วยเถอะ เกิดวันดีคืนร้ายต้องโมโหแล้วฆาตกรรมฉันแบบในหนังสือจะว่ายังไง หนังสือพิมพ์มิลงหน้าหนึ่งกันเกลื่อนทุกฉบับเลยเหรอว่า

“คู่รักผิดเพศฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” หรือไม่ก็ “ดี้ขี้หึง หวงแฟนฆ่าหมกไร่” ข่าวแบบนี้ยิ่งลงก็ยิ่งขายดี คิดแล้วก็ขนลุก

“พี่ว่าต้องหาหนังสือแนวรักหวานๆ ไปอ่านไม่ดีเหรอ”

“ต้องไม่ชอบนี่พี่ อ่านเรื่องแบบนั้นมันเลี่ยนๆ ไงไม่รู้ ชีวิตใครจะหวานได้ตลอดเวลาจริงไหม มันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง กัดกันบ้างเพิ่มรสชาติให้ชีวิต”

“จ้าๆ งั้นเลือกหนังสือของต้องไปเถอะ พี่ไปหาหนังสือของพี่ก็แล้วกัน” แล้วก็ต้องยอมเธออีกครั้ง ขืนไม่ยอมสิวีนกลางร้านหนังสือขายหน้าประชาชีตายแน่ๆ


แม่ตกลงใจย้ายมาอยู่กับฉันถาวร ฉันทำเรือนใหม่ให้แม่ แม่จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันได เพราะเข่าของแม่ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ทำห้องน้ำให้ใหม่ ใกล้ๆ กับห้องนอนไม่ต้องลุกเดินไปไหนไกลๆ อากาศดีๆ ของที่นี่จะทำให้แม่อาการดีขึ้นหมอบิวบอกอย่างนั้น

การมีแม่มาอยู่ด้วยรู้สึกว่าจะทำให้ต้องดีขึ้น จากที่เคยขี้โมโห ขี้วีนก็ลดน้อยลง โลกของฉันสงบมากยิ่งขึ้น เราสามคนเหมือนครอบครัวเดียวกัน แม่มาอยู่ที่นี่ก็ใกล้หมอ เพราะหมอบิวยังคงทำงานของเธออยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอ เดินทางสะดวกไม่ต้องไปต่อคิวในโรงพยาบาลในเมือง

นานๆ ครั้งเท่านั้นที่หมอบิวจะส่งแม่ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในตัวเมืองนอกนั้นก็รักษากับเธอ ฉันว่าหมอบิวเป็นหมอที่รับผิดชอบคนหนึ่งเลยทีเดียว เธอทำงานอย่างหนัก ดูแลคนไข้ที่เข้ามารักษากับเธออย่างดี ฉันไม่เคยได้ยินหมอบิวบ่นว่าเหนื่อยกับการทำงานแต่กลับเก็นรอยยิ้มเมื่อเธอพูดคุยกับคนไข้

ฉันพอเข้าใจว่าทำไมต้องรักและเคารพพี่หมอบิวของเธอเพราะหมอบิวเป็นคนดีจริงๆ


ฉันส่งแม่เข้านอนแล้วเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ฉันกับต้องออกมานอนดูดาวกันที่ริมระเบียง ต้องนอนหนุนแขนของฉันเหมือนเคย ความสุขเล็กๆ กับการได้อยู่กับธรรมชาติและคนที่เรารัก แม้มีเงินสักพันล้านก็แลกซื้อมาไม่ได้

“กิ๊กบอกว่าจะมาเยี่ยมเรานะต้อง” ฉันบอกต้องเพราะกุ๊กกิ๊กโทรมาหาฉันเมื่อตอนเย็นบอกว่าอีกไม่กี่วันจะมาเมืองไทยและจะเมาเยี่ยมฉันกับต้องที่บนดอยนี้

“เหรอคะดีสิต้องจะได้พาพี่กิ๊กเที่ยวให้สนุกเลย” ท่าทางต้องจะดีใจมากที่กุ๊กกิ๊กจะมาหาเรา

“แต่สองจะมาด้วยนะ” ฉันอุ๊บอิ๊บบอกต้องกลัวต้องจะโกรธขึ้นมาอีก งานเข้าแน่ๆ ถ้าต้องไม่พอใจ

“ค่ะ”

“แค่ค่ะเหรอ ต้องไม่โกรธพี่กับสองแล้วเหรอ” ต้องทำให้ฉันแปลกใจ ทั้งๆ ที่เตรียมรับมือกับการวีนของต้องแล้ว แต่นี่ต้องกลับเฉยๆ เมื่อได้ยินชื่อของน้องสอง

“แล้วต้องจะไปโกรธพี่ทำไมคะ”

“อ้าวก็เมื่อก่อนเห็นหึงจะเป็นจะตาย หน้าดำคร่ำเครียดอย่างนั้น พี่ล่ะกลัวต้องไปนานเลย” ฉันบอกความจริงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

เสียงหัวเราะออกมาจากปากต้อง ทำเอาฉันงงอีกแล้ว ก็เลยย้อนถามต้องไปว่า “หัวเราะอะไร”

“ก็พี่นี่นะ เชื่อเหรอว่าต้องโกรธพี่งอนพี่”

“อ้าวแล้วต้องไม่โกรธไม่งอนพี่เหรอ”

“จะไปโกรธพี่ทำไมคะ ต้องไม่ใช่คนขี้น้อยใจแบบพี่สักหน่อย”

“แล้วที่ต้องเป็นแบบนั้นล่ะ”

“ต้องแกล้งพี่ต่างหากเล่า”

“อ้าว” อึ้งไปเลยสิฉันงานนี้

“จริง...ต้องแกล้งพี่ แก้เผ็ดที่พี่ทำกับต้องก่อน ต้องไม่ได้หึงพี่กับน้องสองหรอกต้องจะไปหึงทำไม ต้องขอบใจน้องสองด้วยซ้ำไป ที่เป็นเพื่อนพี่ ตอนที่พี่อยู่ที่โน่น” ท่าทางของต้องจริงจัง เหมือนที่เธอพูด

“อ้าว”

“ร้อนมากนักเหรอพี่อ้าวหลายรอบแล้วนะ”

“เออนะ เราก็หลงเข้าใจผิด” ฉันยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งและฉันเลือกคนที่จะเดินทานร่วมไปกับฉันไม่ผิดคน

“รักนะหอยขม” ต้องหยิกแก้มฉัน หยอกล้อตามประสาของเธอ

“อะไรหอยขม”

“เวลาที่พี่กินหอยขมพี่ทำยังไง” ต้องถามกลับฉันมาบ้าง

“ก็จุ๊บๆ มันไง มันกินง่ายดี”

“ก็นี่ไง รักนะหอยขม” แล้วต้องก็หอมแก้มฉัน และฉันรู้ดีว่าราตรีนี้อีกยาวไกลนัก

ความรักของคนสองคนกว่าจะลงเอยกันได้ มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป ไม่มีรักไหนที่จะจบลงเหมือนนิยาย ความรักไม่ได้จบลงเพียงแค่การอยู่ร่วมกันเหมือนในนิยายที่จบแบบมีความสุข แต่ความรักต้องอาศัยทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหมดที่มีในตัวของคนหนึ่งคน เอามารวมกับคนอีกหนึ่งคน

บางรัก....อดทนที่จะรอคอยทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีวันสมหวัง

บางรัก.... จบด้วยน้ำตา

บางรัก.... จบด้วยร้อยยิ้ม

และบางรัก....จบด้วยความสุขใจ

อยู่ที่คุณจะเลือกว่าจะให้ รักของคุณเป็นแบบไหน

ส่วนความรักของฉัน จบลงแบบนี้ แบบที่มีคนที่ฉันรักและรักฉัน พร้อมจะเดินเคียงข้างกันตลอดไป ตราบนานเท่านาน


...จบ...

11 พฤษภาคม 2552 0.28 น. ณ หน้าคอมพิวเตอร์




Create Date : 13 พฤษภาคม 2552
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 16:00:15 น. 8 comments
Counter : 835 Pageviews.

 
โห.....อ่านแล้วซึ้งน้ำตาร่วงแหมะเลย
แต่งได้ดีมากเลยค่ะ
ชอบมากกกกกก
สงสารแต่น้องตาลไม่น่าด่วนจากไปก่อนเลย
แต่ก็ดีมีน้องต้องมาแทนที่


โดย: joop IP: 223.25.212.120 วันที่: 2 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:58:57 น.  

 
โอ้ว ยังมีนักอ่านมาอ่านอีกหรือคะ ดีใจจัง กะจะลบแล้วนะเนี่ย


โดย: รันหณ์ วันที่: 21 มิถุนายน 2555 เวลา:22:46:55 น.  

 
อ่านแล้วสนุก ครบทุกอรรถรสของอารมณ์จริงๆค่ะ ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ลบ หากลบคงเสียใจและเสียดายแย่เลยค่ะ ขอให้พี่รันหณ์แต่งเรื่องสั้น ,นิยายแบบนี้อีกนะค่ะ


โดย: แสนดี IP: 192.168.176.240, 183.88.251.38 วันที่: 23 มิถุนายน 2555 เวลา:23:11:50 น.  

 
โอ้ ไม่คิดว่า ยังมีคนตามมาอ่านในนี้อีกนะคะ ดีใจจนบอกไม่ถูก 5555


โดย: รันหณ์ วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:22:49:27 น.  

 
แต่งได้สุดยอดมากเลย
:))
ขอบคุณมากที่ยังไม่ลบ


โดย: ern IP: 101.108.76.180 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:41:52 น.  

 
งั้นไม่ลบแล้วกันเนอะ ขอบคุณ ทุก คห. ค่ะ


โดย: รันหณ์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2556 เวลา:19:51:58 น.  

 
เพิ่งเจอค่ะ ชอบทุกเรื่อง...ที่ไม่ตายจากกัน ขอบคุณที่ไม่ลบนะคะ


โดย: เอ IP: 111.84.2.56 วันที่: 8 ธันวาคม 2556 เวลา:17:19:59 น.  

 
คาดว่าคงไม่ลบค่ะ ถ้ายังมีคนตามอ่านอยู่(เนอะ)


โดย: รันหณ์ วันที่: 17 ธันวาคม 2556 เวลา:12:41:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.