การกลับมาของผู้ชายที่แก่ขึ้นอีกปี
๐๐คราวก่อนว่าจะเล่าถึงที่ไปเที่ยวอยุธยาไงออกไปแอบเหงาได้หว่า๐๐
ความเดิมจากตอนที่แล้่ว ลุงอ้วนๆกับมอไซค์ถ่อถึงอยุธยา
หลังจากที่ได้เข้ามาในเขตเมืองเก่าอันดับแรกที่ต้องหาไว้ก็คือที่พัก ซึ่งตอนแรกกะจะขับกลับเลยแต่ว่ามาถึงก็ซัดเข้าไปบ่าย ๔ แล้ว คิดว่าจะมาแค่ซื้อสายไหมหน้าโรงบาลแล้วกลับเลยเกรงว่าจะไม่คุ้ม
ว่าแล้วก็ขี่รถหาที่พักสักคืนดีหว่า พรุ่งนี้จะได้เที่ยวให้เต็มที่หน่อย ซึ่งเราก็เตรียมรายชื่อที่พักมาด้วยกันพลาด ว่าแล้วก็หาที่พักราคาสบายกระเป๋าดีกว่า นี่เลย ที่พักในราชภัฎอยุธยาเลยดีกว่า ถูก ปลอดภัย สาวตรึม (คิดเอาเอง) พอขี่ไปถึงก็เจอกับป้ายประกาศบอกว่า "ปิดปรับปรุง" เอ้า....ให้มันได้งี้ แต่ดูจากสภาพโดยรวมแล้วน่าจะปิดถาวรมากกว่าแหะ
หลังจากนั้นก็ขี่รอบเกาะเพื่อหาที่พักอื่นๆ ซึ่งอยุธยาเป็นเมื่องที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ขี่รอบเมืองแค่ ๒๐ นาทีก็ทั่วแล้ว จนเราไปเจอบ้านพัก จิตต์วิไล เพลส อยู่เลยตลาดเจ้าพรหมมานิดนึง ดูสภาพแล้วสะอาดดีแหะ และที่สำคัญ มีคอกใส่มอไซค์ด้วย (พนักงานเขาบอกอย่างนั้นจริงๆนะ นี่ค่ะกุญแจ แล้วเอามอไซค์ไปใส่คอกเลยค่ะ) แต่ก็เข้าใจนะว่าที่นี่เป็นเมืองเก่า ในสมัยก่อนนักเดินทางอาจจะขี่ม้าไง แต่พอโลกเปลี่ยนไป...อยุธยาก็เปลี่ยนตาม แต่ก็ยังคงความน่ารักและห่วงใยนักเดินทางอยู่เหมือนเดิม
อ๊ากกกก ช้างบุกเมือง เอ๊ะหรือว่าเมืองบุกช้าง
ต่อจากนั้นแดดเริ่มอ่อนแรงลงอีก เราว่าน่าจะไปหาร้านนั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาเวลาเย็นดีก่า พอเอาของเข้าที่พักได้ก็ขี่วนไปทางเส้นอู่ทองหาร้านที่น่าสนใจ ไล่มาตั้งแต่แพกรุงเก่า (คนเยอะมาก ผ่านๆ) และอีกหลายๆร้าน คนเยอะทั้งนั้นเลย จนเรามาสะดุดใจกับร้าน ภัตรคารอู่ทอง(นามสมุติมั้งนะมั้ง) ไม่ได้อร่อยหรือบริการดีอะไรหรอกครับ คือรถที่หน้าร้านเขาน้อยก็เลยแวะ^^ (คือพักหลังนี้อยากอยู่คนเดียวเลยหาร้านที่คนน้อยๆนะ)
บรรยากาศโอเคเลยริมน้ำ มานั่งตั้งแต่ ๕ โมงเย็น ลมพัดเอื่อยๆ น้ำไหลเรื่อยๆ น่านอนเป็นที่สุด ว่าแล้วก็เอาโปสการ์ดออกมานั่งเขียนไปรอข้าวไป เราสั่งข้าวอบสับประรด ที่รสชาติไม่เป็นสับประรด ทั้งๆที่มันอยู่ในลูกสับประรด และทอดมันกุ้ง คาวมาก คาดว่ากุ้งคงไม่เคยอาบน้ำมาก่อน กัดไปคำแรก โยนให้ปลากินเลย สังเกตุได้ว่าปลาร้านข้างๆชุมกว่า พลาดแล้วนพเอ๊ยยย คือไม่ได้อิ่มข้าวเลย อิ่มบรรยากกาศและน้ำเปล่าสองขวดมากกว่า
เพราะฉะนั้นร้านนี้เราเลยได้แค่อาศัยนั่งเขียนโปสการ์ดให้พี่น้องและผองเพื่อน ที่เรามีที่อยู่ของพวกเขา ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีว่า เราจะทำการ์ดอวยพรปีใหม่ให้พี่ๆ น้องๆ ที่รู้จัก ทุกปี เรียกว่าเป็นการอัพเดทชีวิตว่าเรายังไม่ตายหายไปไหนนะ ยังคิดถึงอยู่เสมอ แต่ปีนี้เราดันทำสมุดจดที่อยู่หาย เลยทำให้คนเก่าๆหลายๆคนไม่ได้การ์ด ถ้าเข้ามาอ่านในนี้ก็ฝากที่อยู่ไว้ที่เมล์ได้นะเดี๋ยวส่งย้อนหลังไปให้จ้า
มาว่ากันที่การ์ดต่ออีกนิด ทำไมเราจึงชอบส่งโปสการ์ดนะเหรอ เพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทคนหนึ่งเคยถาม เราตอบเขาไปว่า เราเป็นคนช้าๆ ทำอะไรช้าๆ คิดอะไรช้าๆ ใช้ชีวิตช้าๆ และการที่เราได้เขียนโปสการ์ดก็คือการสื่อสารช้าๆแบบหนึ่ง เพราะทุกวันนี้บนโลกเรามันเร็วเกินไปแล้ว เราทำอะไรไม่ค่อยทันเอาซะเลย นักการเมืองโดนรองเท้าปาใส่หน้าที่ประเทศอีกซีกโลกนึง ไม่เกินชั่วโมงเราก็รู้ข่าวละ ทุกอย่างมันเร็วไปหมดเลย เราเลยอยากคงการสื่อสารช้าๆไว้ ที่มันเป็นตัวเรามากที่สุด แล้วสื่อสารไปให้กับทุกๆคนที่เรารู้จักว่า "เรายังใช้ชีวิตช้าๆอยู่"
ความช้าจะดีไม่ดีเราไม่รู้นะ แต่มันเหมาะกับเรามากที่สุด มีความสุขในความช้า จะรักใครก็รักช้าๆ เดินไปด้วยกันแบบช้าๆ
บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วที่ขี่มอไซค์มันช้าตรงไหน แม้มันดูเหมือนจะไม่ช้า แต่ว่าเราขี่ช้าๆ (เต็มที่คือหกสิบเอง) และเราได้เห็นอะไรมากมายเต็มไปหมด อีกไม่นานจะมีการประมวลภาพในคอลัมน์น้องเอิญให้ดูว่า สไตล์ขี่รถช้าๆของเรานั้นได้อะไรมาฝากบ้าง
ถ้าใครรู้จักกอล์ฟไมค์ ฝากบอกน้องเขาด้วยว่า นี่แหละสไตล์เรา
ปล. ใครอยากได้โปสการ์ดก็ส่งที่อยู่ของท่านได้ทางอีเมล์เราเลยนะ
Create Date : 11 มกราคม 2552 | | |
Last Update : 13 มกราคม 2552 13:19:25 น. |
Counter : 522 Pageviews. |
| |
|
|
|