All Blog
ปิดฉาก...โดฮา 2006
เฮ...............................................................

แม้ว่าพิธีปิดจริงๆ ของเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 15 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ 15 ธันวาคม ก็ตาม

แต่วันนี้ถือเป็นวันปิดฉากเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ของทัพนักกีฬาไทย และ...ปิดได้อย่างงดงามจริงๆ

วันนี้โปรแกรมการดูถ่ายทอดสดของเรามีเพียงโปรแกรมเดียวนั่นก็คือ เทนนิสรอบชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว (ก็มันเหลืออยู่ประเภทเดียวที่มีนักกีฬาไทยเข้าชิงอ่ะ) งานนี้ดนัย อุดมโชค พบกับนักเทนนิสเกาหลีใต้ มือหนึ่งของเอเชีย และเป็นมือหนึ่งของรายการ

ดนัยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าที่จะชิงเหรียญทองว่า งานนี้เป็นงานหนัก ถึงหนักมากสำหรับเขา เพราะเท่าที่พบกันมา 6 ครั้ง ดนัยเอาชนะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ดนัยเองก็มีความมุ่งมั่น วางแผนการเล่นของตัวเองมาอย่างดี รู้ว่าตัวเองต้องมีสมาธิกับเกม และพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ซึ่งดนัยก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมตลอดการแข่งขัน

เซ็ตแรก สู้กันอย่างสูสี ต่างคนต่างรักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองได้ แต่ทางเกาหลีจะรักษาเกมเสิร์ฟได้ยากกว่าที่ดนัยทำได้ เพราะต้อง Duece แทบทุกเกม ในขณะที่เกมของดนัยไม่ต้องมีการ Duece เลย แล้วดนัยยังได้ Break point ซึ่งเป็น Set Point ในเกมที่ 10 อีกด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งในเกมที่ 12 ดนัยก็เบรกเกมเสิร์ฟของเกาหลีได้ในที่สุด ทำให้ชนะไปในเซ็ตแรก 7-5

เซ็ตที่ 2 ดูแล้วดนัยมีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้นเมื่อสามารถเบรกเกมเสิร์ฟของเกาหลีได้อีกครั้ง และนักเทนนิสเกาหลีเองก็ตีเสียเองบ่อย ทำให้เริ่มหงุดหงิด และควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ขณะที่ดนัยยังคงปักหลักเล่นท้ายคอร์ทได้อย่างเหนียวแน่น จนทำให้เอาชนะไปได้ในที่สุด 6-4 สามารถคว้าเหรียญทองสุดท้ายของทัพนักกีฬาไทยเหรียญที่ 13 มาได้สำเร็จ

งานนี้ถึงดนัยจะไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ เราก็เชื่อว่าดนัยได้ใจจากคนไทยที่คอยเชียร์ไปเต็มๆ อยู่แล้ว เพราะเล่นดีมากๆ เช่นเดียวกับเทนนิสชายคู่เมื่อวานนี้ สนฉัตร-สรรชัย ก็เล่นดีไม่แพ้กัน และเกือบจะเอาชนะคู่ของอินเดียอดีตมือหนึ่งของโลกมาได้ เมื่อได้เซ็ตแรกไปก่อน และเซ็ตที่สองก็มีโอกาสถึง 7 Gold Medal Point แต่ก็แพ้ความเก๋าของนักเทนนิสอินเดีย แถมฝนยังตกลงมาก่อนจะเริ่มเซ็ตที่ 3 เลยทำให้นักเทนนิสอินเดียได้พักซะนี่ แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่าถ้าฝนไม่ตกลงมานะ เราก็มีโอกาสได้เหรียญทองเหรียญที่ 13 มาก่อนดนัยแหงๆ

เมื่อวานนั่งลุ้นสองพี่น้องนักเทนนิสตัวโก่ง ชอบดูเวลาพี่น้องเค้าเล่นด้วยกัน คุยกันกะจุ๊งกะจิ๊งตลอดเวลา (เอ่อ...เค้าวางแผนการเล่นกันย่ะ ) เห็นแล้วก็มีความสุข...ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก เวลาได้คะแนนก็ดีใจกันสองคน เวลาเสียคะแนนหรือทำผิดพลาดเค้าก็แตะมือให้กำลังใจกัน น่าร้ากกกกก

เมื่อวานนี้นอกจากจะเชียร์เทนนิสแล้วก็มีคิวลุ้นเหรียญทองจากมวยสากลสมัครเล่น ที่เราเหลืออีกสองเหรียญทองที่รอสอย จากสุบรรณ กับ อังคาร แต่ในที่สุด...ก็ได้เหรียญเงินมาทั้งสองรุ่น แถมแพ้แบบ RSC Out score ทั้งสองรุ่นซะด้วย

ต้องยอมรับว่านักชกไทยทั้งคู่ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่คู่ต่อสู้นั้นทำดีกว่า คือเค้าทำการบ้านมาดี รู้ทางมวยของไทยว่าเน้นลำตัวและเป็นมวยจังหวะ คือรอดักต่อย เค้าก็เลยชิงออกหมัดก่อน แล้วก็แม่นซะด้วย งือออออ ก็ไม่เป็นไร...แต่แอบเสียใจแทนสุบรรณนิดๆ ที่ยังไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ซะที (สงสัยจะเป็นมวยฝีมือดีที่ไม่ค่อยมีวาสนาอย่างที่พี่กี้-วลีวิไล ว่าไว้จริงๆ นั่นแหละ) แล้วก็ไม่รู้ว่าซีเกมส์ปีหน้า โอลิมปิกอีกสองปี เอเชียนเกมส์อีกสี่ปี สุบรรณจะได้ชกอีกรึเปล่า ถ้าชกอีก เราก็จะตามเชียร์ต่อไปนะ สู้ๆ

แม้มวยจะแพ้ ทำให้จิตใจเราหดหู่ไปพอสมควร (ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคนไทยอีกหลายล้านคนที่เกาะหน้าจอรอเชียร์อยู่เหมือนกัน) แต่พอได้ดูเทนนิสชายคู่ ถึงจะไม่ได้เหรียญทองแต่ก็ทำให้เรารู้สึกชื่นมื่นได้มากมาย และวันนี้ก็นั่งเชียร์ด้วยความชื่นมื่นเหมือนกันแต่มากกว่าเมื่อวานนิ้ดส์...นึง ฮี่ๆ

กีฬาก็คือกีฬาแหละเนอะ มีแพ้มีชนะ มีคนสมหวัง มีคนผิดหวัง แต่สิ่งสำคัญก็คือ น้ำใจนักกีฬา และความสามัคคีของนักกีฬาทุกประเทศนั่นเอง

ดูกีฬาแล้วย้อนดูตัว...

พักนี้ไม่ได้ออกกำลังกายเลยแฮะ ว่าแล้วพรุ่งนี้ไปวิ่งซะหน่อยดีกว่า เหอๆ (จบง่ายๆ...ซะงั้น)



Create Date : 14 ธันวาคม 2549
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 0:57:36 น.
Counter : 367 Pageviews.

9 comment
เอเชี่ยนเกมส์ อัพเดท
สวัสดีค่ะมิตรรักแฟนเพลงทั้งหลาย วันนี้พอดีมีเวลาแวบเข้ามาก็เลยขออัพเดทเรื่องราวของเอเชี่ยนเกมส์เสียหน่อย แต่ก็คงไม่ได้ละเอียดเท่ารายงานข่าวกีฬาหรอกนะคะ เพราะฉะนั้น...อย่าคาดหวัง ฮา...

วันนี้เสียดายมั่กๆ ที่ไม่ได้เชียร์สมจิตร จงจอหอ ที่ขึ้นชกชิงเหรียญทองกับนักมวยฟิลิปปินส์ เพราะดันออกไปซื้อของข้างนอกแล้วก็กลับมาไม่ทัน (ถ้ากลับมาทันเชียร์ สมจิตรอาจจะได้เหรียญทองก็ได้นะ เหอๆ)

ส่วนนักชกอีกคนที่เข้าชิงวันนี้ก็คือ มนัส บุญจำนง ในรุ่น 64 กิโลกรัม ที่ชนะรอบตัดเชือกมาแบบใจหายใจคว่ำ ไฟท์นี้รู้สึกว่ามนัสชกดีกว่าไฟท์ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะคู่ชกคือเกาหลีใต้นั้น ออกจะกริ่งเกรงดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกของมนัสก็เป็นได้ เลยทำให้ไม่ค่อยกล้าเดินบี้ซักเท่าไหร่ ทำให้มนัสพอหายใจหายคอได้สะดวกและดักทางต่อยลำตัวได้ง่ายขึ้น และคะแนนส่วนใหญ่ก็มาจากการต่อยลำตัวเนี่ยแหละ ถ้าเกิดว่าสไตล์การชกของเกาหลีใต้คนนี้เหมือนกับคู่ชกของรอบที่ผ่านมา (จำไม่ได้ว่าอุซเบกิสถานหรือคาซัคสถาน ) ก็น่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน...

ด้าน ดนัย อุดมโชค นักเทนนิสชายเดี่ยวก็ได้ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองกับนักเทนนิสจากเกาหลีใต้มือหนึ่งของรายการ หลังจากที่เอาชนะนักเทนนิสจากญี่ปุ่นไปได้ 2-1 เซต ก็ต้องตามลุ้นต่อไปว่าดนัยจะสามารถคว้าเหรียญทองมาเพิ่มเติมให้กับทัพนักกีฬาไทยได้หรือไม่ ไงก็เอาใจช่วยนะดนัยนะ

พรุ่งนี้สองพี่น้อง สนฉัตร-สัญชัย รติวัฒน์ ก็จะเข้าชิงประเภทชายคู่กับคู่ของอินเดียเหมือนกัน ซึ่งก็ถือเป็นงานหนักของทั้งคู่ เพราะเจอกับมือหนึ่งของโลก เช่นกัน...เอาใจช่วยนะ สู้ๆ

แล้วเมื่อซักครู่ใหญ่ เพิ่งจบไปก็คือวอลเล่ย์บอลหญิง ไทยชิงเหรียญทองแดงกับไต้หวัน ที่ตอนแรกคิดว่าจะกินหมู แต่ในที่สุดก็ได้กินแห้ว เพราะไต้หวันเหนียวแน่นไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยทีเดียว แต่แมทช์นี้รู้สึกว่าทีมไทยเล่นไม่เข้าฟอร์มเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับนัดที่เจอกับญี่ปุ่นแล้ว นัดนั้นยังเล่นดีกว่านี้เยอะ แมทช์นี้บอลแรกของเราไม่ดีเลย แม้แต่ตัวริบเบอโร่เองก็ยังรับบอลไม่เข้า ทำให้ตัวเซ็ทเล่นยาก ที่สำคัญเจอบอลสองของไต้หวันไปก็ถึงกับงง แก้ไม่ตกกันเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เราน่าจะสู้ได้ ถ้าเซ็ตให้ปลื้มจิตต์เล่นบอลสองบ้าง เพราะปลื้มจิตต์เองก็เล่นได้ดี แต่ไม่รู้ว่าโค้ชคิดอะไรอยู่แฮะ อีกอย่างที่ทีมไทยน่าจะทำได้ดีกว่านี้ก็คือตัวเซ็ต จังหวะที่บอลแรกตั้งล้นมาก็น่าจะอาศัยจังหวะเล่นบอลเร็ว แต่ก็ไม่ทำ พยายามเซ็ตให้ตัวตี ซึ่งก็ทำให้ผิดพลาดหลายครั้ง...แหม...นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นนักวอลเล่ย์คณะ ตอนนั้นก็เล่นห่วยกว่านี้ตั้งเยอะ ยังจะมีหน้าไปวิจารณ์เค้าอีกนะ เหอๆ

เออใช่...ก่อนจะดูวอลเล่ย์ก็ลุ้นเหรียญทองจาก 4x100 เมตร ทั้งชายทั้งหญิง หญิงนั้นไปพลาดตอนส่งไม้สุดท้าย เลยได้เหรียญทองแดงไป ส่วนทีมชาย...โอ้โห...ลุ้นตัวโก่งกรี๊ดลั่นบ้านกันเลยทีเดียว เสียดายแทนทีมญี่ปุ่นเหมือนกัน เพราะว่าต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่ายกราฟฟิก แต่ก็ดีใจที่ไทยทำเพิ่มได้อีกหนึ่งเหรียญทอง

พรุ่งนี้ก็จะมีชิงอีกหลายเหรียญ ทั้งมวย 2 เหรียญ สุบรรณกับอังคาร เทนนิสชายคู่ 1 เหรียญ ตะกร้อคู่ชาย 1 เหรียญ แล้วก็เรือใบ 1 เหรียญ ก็หวังว่าไทยจะได้เพิ่มมาอีกซักสองสามเหรียญนะ

วันนี้ขอจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้นะคะ ถ้าพรุ่งนี้ได้เข้ามาจะมาอัพเดทกันอีกค่า...



Create Date : 13 ธันวาคม 2549
Last Update : 13 ธันวาคม 2549 0:50:09 น.
Counter : 291 Pageviews.

2 comment
บล็อกแก้ขัด...เหอ เหอ
ช่วงนี้อาจหายไปนานหน่อย เพราะไม่ค่อยได้เข้าอินเตอร์เนตเลยตั้งแต่เปิดเอเชี่ยนเกมส์มา นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีตลอดเลยเหมือนกัน กว่าจะมีกะจิตกะใจอัพบล็อกก็คงวันที่ 15 ไปแล้วแน่ๆ เลยทีเดียว เหอๆ

แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอเล่าซักหน่อยเหอะ เมื่อเย็นดูตะกร้อรอบชิงทั้งชายทั้งหญิง เชียร์มันส์...มาก บีบหัวใจทั้งทีมชายทีมหญิงเลยทีเดียว

หญิง ชิงกับเวียดนาม หืดขึ้นคอ ต้องดวลกันเซตที่สาม แล้วสาวไทยก็เอาชนะไปได้ในที่สุด...

ชาย ชิงกับมาเลย์คู่ปรับตลอดกาล เอาชนะไปได้แบบใจหายใจคว่ำสองเซตรวด...

อาทิตย์นี้คุณพี่สาวกลับมาบ้าน ก็เลยเชียร์กันมันส์ระเบิด ดังลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน คุณนายถุงทอง (แมวที่บ้าน) นอนอยู่ข้างๆ ต้องสะดุ้งเป็นระยะๆ ฮา....

นี่ก็รอเชียร์วอลเล่ย์บอลหญิงรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะเจอกับญี่ปุ่น ที่เคยแพ้มาแล้วในรอบแรก นัดนี้จึงถือเป็นนัดล้างตาของทีมไทยโดยแท้...

อู้ววว มาพอดีเรย...งั้นไปละนะ ไว้เจอกันใหม่พิธีปิดเอเชี่ยนเกมส์จ้า...



Create Date : 11 ธันวาคม 2549
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 1:33:35 น.
Counter : 368 Pageviews.

5 comment
สุขสันต์วันพ่อ
วันนี้วันที่ 5 ธันวาคม หลายคนคงใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อ...

วันนี้เราก็ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อเหมือนกัน อย่างที่เล่าไปบล็อกที่แล้วว่าจะทำการ์ดให้พ่อ ความจริงไม่อยากจะเอามาโชว์เลย แต่ก็เอาซะหน่อยละกัน อุตส่าห์นั่งวาดถึงตีหนึ่งครึ่ง...



นี่แหละโฉมหน้าของการ์ดวันพ่อฝีมือเราเอง


ตอนที่ลงมือวาด ตั้งใจจะวาดรูปดอกพุทธรักษา แต่ว่าไม่มีแบบ ก็เลยวาดมั่วๆ จากจินตนาการและจากประสบการณ์ จนในที่สุดออกมาเป็นรูปนี้...กลายเป็นดอกอะไรก็ไม่รู้ง่ะ

เจอหน้าพ่ออีกทีตอนเย็น (เพราะว่าอยู่คนละบ้าน) พี่สาวมาจากกรุงเทพฯ และลงที่บ้านพ่อก่อนจะมารับเราที่บ้านเพื่อไปกินข้าวเย็นด้วยกัน

พอพ่อมา เราก็เอาการ์ดที่ใส่ซองจดหมายสีน้ำตาลไว้ออกไปยื่นให้ ยื่นมันทื่อๆ อย่างงั้นแหละ พ่อก็ทำหน้างงๆ ถามว่า "อะไร" แต่ก็รับไป แล้วเราก็วิ่งปรู๊ดเข้ามาในบ้าน จนน้าจิ (ภรรยาพ่อ) บอกว่า "ก็ไปกอดเขาซักทีนึงสิ" เราก็ได้แต่ส่ายหน้า โถ่...ก็คนมันเขิลลลลง่ะ

วันนี้เราใส่เสื้อเหลืองตั้งแต่เช้า แล้วทั้งพ่อ น้าจิ และน้องสาวคนเล็ก (ลูกน้าจิ) ก็ใส่เสื้อเหลืองเช่นกัน มีแต่คุณพี่สาวเราคนเดียวที่ใส่เสื้อดำมาจากกรุงเทพฯ (ไม่ได้ตามกระแสกะเค้าเล้ย...) เราก็เลยเสนอว่ามีเสื้อเหลืองอีกตัวนึงจะเปลี่ยนมั้ย ทีแรกก็ทำอิดออด แต่ไปๆ มาๆ คงทนความแปลกแยกของตัวเองไม่ไหว ก็เลยยอมไปเปลี่ยนแต่โดยดี ฮา...

พอพี่สาวเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็ออกไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ องค์พระปฐมเจดีย์ กว่าจะกินเสร็จก็เกือบสองทุ่ม เลยอดจุดเทียนชัยถวายพระพรกะเค้าเลยอ่ะ...เศร้าจัง

งานนี้คุณพี่สาวตั้งใจมาเป็นเจ้ามือโดยเฉพาะ เราก็เลยสั่งๆๆๆ ไม่ยั้ง ฮ่าๆ พอกินกันเสร็จก็ไปส่งพี่สาวขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ...เออ มันมากินข้าวกะพ่อแค่นั้นจริงๆ อ่ะแหละ...

หลังจากส่งพี่สาวแล้วพ่อก็มาส่งเราที่บ้าน ระหว่างทางที่นั่งรถกลับมา พ่อก็ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่ไม่ยักพูดถึงการ์ดเลยแฮะ ไม่รู้เป็นไงมั่ง เหอๆ

พอกลับมาบ้านก็เปิดดูถ่ายทอดเอเชี่ยนเกมส์ทันที แล้วก็เจอกับขวัญใจทันทีเหมือนกัน...สุริยา ปราสาทหินพิมาย นักชกรุ่น Middle Weight 75 kg เห็นคะแนนแล้วก็อุ่นใจ เพราะกำลังชกยกที่สองโดยที่คะแนนนำอยู่ที่ 12-4 แต่แล้วจู่ๆ กรรมการก็เบรค แล้วสั่งให้สุริยากลับไปที่มุม เราถึงได้รู้ว่าสุริยามีแผลแตกที่คิ้วซ้าย กรรมการเรียกแพทย์สนามมาดู หลังจากดูแผลแล้วแพทย์สนามก็บอกอะไรกับกรรมการ แล้วกรรมการก็ประกาศว่า "stop" นั่นหมายความว่าสุริยาต้องแพ้ Technical Knock out ทั้งที่คะแนนนำอยู่ 8 แต้ม!!!

โอววว...โชคร้ายอะไรเช่นนี้ เราได้แต่โวยวายอยู่คนเดียวจนย่างงว่ามันเป็นอะไรของมัน... โถ่...ก็มันน่าเสียดายมั้ยล่ะ คะแนนก็นำอยู่ แค่แผลแตกนิดเดียว นักชกเองยังไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่แพทย์สนามดันใจเสาะ ไม่ให้ชกต่อซะงั้น (ผู้บรรยายเค้าว่างั้นนะ) นักชกเหรียญทองแดงโอลิมปิกต้องมาตกรอบ หมดลุ้นเหรียญอย่างน่าเสียดาย เห็นหน้าของสุริยาแล้วก็พอรู้ว่าเจ้าตัวเองเสียดายขนาดไหน...

แต่มองอีกมุม ก็คงจะเป็นความรอบคอบของแพทย์สนาม ที่ไม่อยากให้แผลใหญ่ไปกว่านี้ และอาจจะเป็นอันตรายต่อนักชกได้

เฮ้อ...แต่มันก็ยังเสียดายอยู่ดีง่ะ >.<"

แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้อารมณ์ดีอยู่บ้าง เมื่อทีมบอลชายเอาชนะคูเวตไปได้ 1-0 ได้ผ่านเข้ารอบอย่างแน่นอน ด้วยผลงานของน้องลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย ที่สังหารจุดโทษทำประตูให้กับทีมไทยในช่วงปลายของครึ่งแรก

วันนี้ตะกร้อทีมชุดหญิงก็เข้ารอบอีกเหมือนกัน ส่วนวอลเล่ย์บอลหญิงก็แพ้ญี่ปุ่นไปตามคาด (ไม่รู้สกอร์แฮะ เพราะว่าดูไม่จบ )

เอ๋...เปิดมาด้วยบรรยากาศวันพ่อ มาจบที่เอเชี่ยนเกมส์ได้ไงล่ะเนี่ย เหอๆ



Create Date : 05 ธันวาคม 2549
Last Update : 5 ธันวาคม 2549 23:58:23 น.
Counter : 906 Pageviews.

2 comment
ไม่รู้จะตั้งชื่อหัวข้อว่าอะไรดี
เฮ...............

เมื่อเย็นดูถ่ายทอดสดเอเชี่ยนเกมส์ ยกน้ำหนัก ดูไปก็ลุ้นไปว่า สาวไก่ ปวีณา ทองสุข ความหวังเหรียญทองของเราจะทำได้รึเปล่า เพราะร่างกายไม่สมบูรณ์ มีอาการบาดเจ็บที่เข่าซ้าย

แต่ในที่สุด เหรียญทองเหรียญที่สองของทัพนักกีฬาไทยก็อยู่ในมือของสาวไก่จนได้พร้อมทั้งทำลายสถิติโลกในท่า Clean & Jerk ด้วยน้ำหนัก 142 กิโลกรัมได้อีกด้วย

ฟังปวีณาให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่า เธอตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเพราะวันพรุ่งนี้คือวันที่ 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เธอบอกว่าเธอไม่มีพ่อ เลยจะเอาเหรียญทองที่ได้ในวันนี้เป็นของขวัญให้กับพ่อของคนไทยทั้งประเทศแทนก็แล้วกัน

ยังไงก็ยินดีกับสาวไก่ ปวีณาด้วยที่สามารถทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จได้ และด้วยความมุ่งมั่นบวกกับพลังใจที่เต็มเปี่ยมทำให้เธอคว้าเหรียญทองมาได้อย่างที่ตั้งใจ...ยินดีด้วยจริงๆ...

เมื่อตอนบ่ายก็เชียร์มวยรุ่น Light Fly Weight 48 kg ที่สุบรรณ พันโนน ขึ้นชกกับนักชกจากเกาหลีเหนือ สองยกแรกคะแนนยังตามอยู่ และก็เบียดสูสีกันมาเรื่อยๆ และออกนำในปลายยกที่สามจนกระทั่งยกสุดท้าย สุบรรณ ก็อาศัยประสบการณ์ที่เหนือกว่าดักต่อยได้อย่างจะแจ้ง เพราะนักชกเกาหลีเหนือต้องเดินรุกเพื่อทำคะแนนไล่ตามก็เลยเข้าทางของสุบรรณที่รอจังหวะสวนกลับ ทำให้คะแนนทิ้งห่างไป และคว้าชัยชนะมาได้ในทีสุด ได้ผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างไม่มีปัญหา

เมื่อวานนี้ก็เชียร์ สมจิตร จงจอหอ รุ่น 51kg (ถ้าจำไม่ผิด ) ซึ่งก็ผ่านเข้ารอบไปได้เช่นเดียวกัน (จำไม่ได้ว่าชกกับใครอ่ะ )

ตอนเกือบสองทุ่มก็รอดูวรพจน์ เพชรขุ้ม นักมวยอีกคนของไทยที่จะขึ้นชกในรุ่น 54kg แต่ว่าเวลาของการถ่ายทอดสดหมดซะก่อน ก็เลยอดไป...เสียดายมั่กๆ

หลังจากนั้นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยก็ถ่ายทอดการเสด็จฯ ออกพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต

วันนี้วันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันที่คนไทยทั้งประเทศรอคอย ที่จะได้รับฟังพระราชดำรัสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาปฏิบัติ

วันนี้ดูท่าทางพระองค์ท่านทรงอารมณ์ดี เพราะทรง "ปล่อยมุข" ตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว เราฟังแล้วยังหัวเราะตาม ในหลวงท่านตรัสแซวรัฐบาลเรื่องที่มีคนให้ฉายารัฐบาลชุดนี้ว่าเป็นรัฐบาลคนแก่ แล้วพระองค์ท่านก็ยังตรัสอีกว่า

"เรานี่ก็เพิ่ง 78 ยังไม่ 79 พรุ่งนี้ถึงจะ 79 แล้วก็ยังไม่ 80 ด้วย เอะอะๆ ก็ 80"

บรรดาผู้ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทหัวเราะกันครืน เราเองก็ด้วย (แล้วพอมาสังเกตก็เห็นด้วยกับพระองค์ท่าน หลายหน่วยงานที่ประพันธ์บทกลอนถวายพระพร ก็มีเนื้อความประมาณว่าพระองค์ท่านมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาแล้วทั้งนั้น...) แสดงว่าพระองค์ทรงสบายพระราชหฤทัยอยู่พอควรถึงได้ทรงมีพระอารมณ์ขัน สีพระพักตร์ก็แช่มชื่น ทรงแย้มพระสรวลอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งดูจะแตกต่างจากปีก่อนที่เราเคยเห็นว่าพระพักตร์ของพระองค์ท่านดูเครียดเคร่ง พระขนงดูเหมือนจะขมวดมุ่นอยู่ตลอดระยะเวลาที่ทรงมีพระราชดำรัส แต่วันนี้ได้เห็นพระองค์ท่านแย้มพระสรวลแล้วเราก็สบายใจตามไปด้วย

พระองค์ท่านยังไม่วายพระราชทานแนวการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับรัฐบาล ซ้ำยังทรงย้ำว่ายังไม่สายที่จะแก้ไข ชี้ให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงงานอยู่ตลอดเวลา แม้จะทรงพระประชวรอยู่

เป็นบุญของเราแค่ไหนแล้ว...ที่ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระองค์นี้...พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานเพื่อประชาชนของพระองค์ตลอดเวลา...

ได้แต่ขอคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดคุ้มครองในหลวงของเราให้มีพระพลานามัยแข็งแรง และปราศจากเรื่องที่ทำให้กังวลพระราชหฤทัย ขอให้พระองค์ทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย...ข้าพระบาทของพระองค์...ตลอดไป

กลับมาที่บ้านเรามั่ง...พรุ่งนี้วันพ่อแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะให้อะไรพ่อดี ปกติก็ไม่เคยให้อยู่แล้ว เพราะวันพ่อปีก่อนๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดตลอด ได้แต่โทรศัพท์มาหา สุขสันต์วันพ่อ...เท่านั้นเอง

พี่สาวบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาบ้าน...มาหาพ่อ อันที่จริงก่อนหน้านั้น เราสองคนพี่น้องก็มีเรื่องขัดใจกับพ่อนิดหน่อย ด้วยความอารมณ์ร้อนของพ่อ และของพวกเราด้วย... แต่เราก็ไม่ได้โกรธพ่อ และพยายามเข้าใจว่าพ่อเครียดจากงานและด้วยสภาพร่างกายที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง หรือที่เค้าเรียกว่า "วัยทอง" นั่นแหละ

เราเพิ่งคุยกับพ่อเป็นปกติเมื่อวานนี้เอง ด้วยความที่เรานิสัยเหมือนพ่อ ก็เลยไม่มีใครง้อใคร ต้องอาศัย "ตัวช่วย" ซึ่งก็คือภรรยาใหม่ของพ่อนั่นเอง แต่เราก็คิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะทำการ์ดวันพ่อให้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้ยังไงดี เพราะโดยปกติบ้านเราไม่ค่อยจะแสดงออกถึงความรักกันเท่าไหร่ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออก แต่ก็รู้กันเองว่ารู้สึกยังไง ตอนอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ค่อยจะคุยกันเท่าไหร่นักหรอก แต่พออยู่ไกลๆ เวลาโทรศัพท์มาหาทีไรก็จะรู้ได้ทุกทีว่าพ่อคิดถึง และเป็นห่วงเราแค่ไหน

อ้าว...เขียนไปเขียนมา เข้าสู่วันที่ 5 ซะแร้ว งั้นขอไปทำการ์ดก่อนดีกว่า เดี๋ยวเสร็จไม่ทัน



Create Date : 05 ธันวาคม 2549
Last Update : 5 ธันวาคม 2549 0:03:22 น.
Counter : 237 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  5  6  

มดน้อยต้อยตีวิด
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog นี้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

-------------------------------------------------

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิดโดยการนำรูปภาพและข้อความต่างๆ บางส่วนหรือทั้งหมดใน Blog นี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนตัวหรือในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด
::ผลงาน::
New Comments