All Blog
แล้วก็ได้เวลากลับมาสู่โลกแห่งความจริง...อีกครั้ง
หายไปซะหลายวันเลย...

แหะๆ ความจริงกลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่วันจันทร์แล้วล่ะ แต่ด้วยความที่เปรี้ยว...ไปเดินตากแดดในงานราชพฤกษ์ทั้งวัน แถมพอหมดแดดก็หนาวปุ๊บ เท่านั้นไม่พอยังนอนตีสองตีสามทั้งสองคืนอีกด้วย ก็เลยได้พกเจ้าไข้หวัดน้อยกลับมาด้วยนั่นเองแหละ วันนี้พอจะใช้ชีวิตตามปกติได้แล้วก็เลยมาอัพบล็อกซะหน่อย

การไปเชียงใหม่คราวนี้ ถึงแม้จะได้ไปเที่ยวอย่างที่อยากมานาน แต่ก็ทำให้พลาดสิ่งสำคัญบางอย่างไป...นั่นก็คืองานมีตติ้งของสำนักพิมพ์แจ่มใส ที่คราวนี้จัดเพื่อนำรายได้ไปทำบุญด้วย เห็นบรรยากาศในบล็อกของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักเขียนแจ่มใส แล้วก็ให้รู้สึกเศร้าใจเป็นยิ่งนักที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานบุญครั้งนี้ ที่มันน่าเจ็บใจกว่านั้น...ก็คือเราไม่ได้รับเมล์จากแจ่มใสเรื่องงานมีตติ้งนี้อ่ะดิ ก็เลยซื้อบัตรงานราชพฤกษ์ไปซ้า...คิดแล้วมันน่าเสียดายจริงๆ สงสัยว่าเราคงจะไม่มีบุญได้ทำบุญร่วมกะเค้าแน่ๆ เลย งือ...

เอาล่ะบ่นมาเยอะ งานมันก็ผ่านไปแล้วจะมาคร่ำครวญก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เนอะ งั้นเล่าเรื่องที่ไปเชียงใหม่ดีกว่า

ไปคราวนี้รู้สึกดีที่ได้กลับไปเจอน้องๆ ที่ชมรมอีกครั้ง (ชมรมถ่ายภาพคณะวิศวะ มช.) เห็นน้องๆ รักกันเหนียวแน่นก็ปลื้มใจ ตามประสาคนแก่ (อ๊าว...กัดตัวเองซะหยั่งงั้น)

งานนี้ไม่ได้ไปแค่งานราชพฤกษ์เท่านั้น เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ มช.มี Sportday เพื่อนที่นัดกันไปก็ตั้งใจจะไปถ่ายรูปสาวงานนี้ด้วย แต่เราเองไม่ได้ไปถ่ายกับเค้าหรอก เพราะรู้สึกเพลียแดดตั้งแต่ที่งานราชพฤกษ์แล้ว

บล็อกนี้ไม่มีเรื่องของงานราชพฤกษ์หรอกนะ เพราะว่าจะเอาไปเล่าไว้ใน "ตะลอนทัวร์ฯ" (ซึ่งคาดว่าจะอัพเสร็จเร็วๆ นี้ ฮี่... ยังไงก็รอติดตามละกันน้า...

พูดถึงบรรยากาศโดยรวมที่ไปเชียงใหม่คราวนี้ดีกว่า

เย็นวันศุกร์ หลังจากออกมาจากงานราชพฤกษ์ก็ไปกินหมูกะทะกันต่อ รวบรวมเหล่าพี่นายช่างทั้งหลายที่อยู่เชียงใหม่มาช่วยกันเลี้ยงน้องชมรม ดูเหมือนจะเป็นประเพณีไปซะแล้ว ที่เมื่อไหร่ก็ตามมีพี่นายช่างกลับไปรวมตัวกันเยอะๆ น้องๆ ก็จะลูบปากกันเลยทีเดียว...เออ มันจบเมื่อไหร่เถอะ กรรมจะตามทันนะไอ้น้อง...

พวกเรากินกันไปคุยกันไปสนุกสนาน รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับไปชมรม แม้ว่าน้องบางคนจะไม่ค่อยได้พูดคุยเพราะรุ่นห่างกัน...เอ่อ...มากซักหน่อย แต่เราก็รู้สึกผูกพัน และไม่รู้สึกเคอะเขินหากจะเข้าไปนั่งเล่นในห้องชมรมที่บางทีจะมีน้องเข้ามาแล้วมองหน้างงๆ ประมาณว่ายัยป้านี่เป็นใครเนี่ย?...

ซักประมาณห้าทุ่ม พวกเราก็เริ่มวางตะเกียบ...แต่น้องๆ ทั้งหลายนี่สิ ยังเดินตักกันให้ขวัก...พี่ไม่ได้กลัวว่าจะต้องจ่ายแพงหรอกนะน้อง แต่พรุ่งนี้น้องๆ จะต้องตื่นไปถ่ายรูป Sportday กันตั้งแต่ตีห้าไม่ใช่เหรอจ๊ะ...

เห็นแล้วก็ทึ่งพวกมันเหลือเกิน กินกันเข้าไปด๊าย....เที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดับไฟ จนเจ้าของร้านนั่งหน้าหงิก เพราะเหลือโต๊ะพวกเราอยู่โต๊ะเดียว จนในที่สุดพวกเราเหล่านายช่างต้องยอมหักหานน้ำใจน้องสั่งเช็คบิลทั้งที่ยังมีน้องบางคนยังไม่อิ่ม...เฮ่อ พี่ขอโทดดดด

วันรุ่งขึ้นก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันกับน้องปีสี่อีก เพราะปีสี่ไม่มีหน้าที่ถ่ายรูปแล้ว ปล่อยน้องปีสามกับปีสองโซโล่กันไป งานนี้พวกมันก็กินฟรีอีกตามเคยน่ะสิ ตกดึกเหล่านายช่างก็ไปลั้นลากันที่คาราโอเกะ ปล่อยน้องๆ ถ่ายรูปกันไป และชมรมเราก็มีหน้าที่พิเศษอีกอย่างคือหลังจบการแสดงบนแสตนด์เชียร์แล้ว ชมรมโฟโต้จะต้องทำหน้าที่ฉายสไลด์ เป็นการประมวลภาพและบิ้วด์ความซาบซึ้งให้กับน้องๆ ปีหนึ่งนั่นเอง งานนี้เห็นว่าเลิกตั้งตีสอง กว่าน้องจะได้กลับบ้านกัน นายช่างพอกลับจากเกะตอนเที่ยงคืนก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมันกันหมด ทิ้งน้องซะงั้น ฮา...

เช้าวันอาทิตย์ ความจริงเรามีโปรแกรมจะไปถ่ายรูปที่งานพืชสวนโลกอีก แต่ว่าหาบัตรไม่ได้เพราะบัตรเต็ม ก็เลยเปลี่ยนโปรแกรมไปขึ้นดอยแทน...ขึ้นดอยที่ว่านี่ก็คือขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพฯ นั่นเองแหละ ทีแรกจะไปกันสองคนกับเพื่อน แต่มีพี่คนนึงบอกว่าจะไปด้วยทั้งที่ตัวเองก็บอกเองว่า "ว่างถึงเที่ยงนะ" ก็เลยกลายเป็นว่าไปกันสามคน

ก่อนขึ้นก็ไปไหว้ครูบาศรีวิชัยที่เชิงดอยก่อน จากนั้นก็ขับรถขึ้นไป ถึงพระธาตุประมาณสิบโมงได้ เราก็เดินขึ้นบันไดนาคขึ้นไปสู่องค์พระธาตุ ขณะที่เรากำลังใกล้จะหมดแรงอยู่นั่นเอง คุณปูน...หมอหมาก็โทรมาหา บอกให้ส่งโปสการ์ดไปหามันด้วย แล้วก็ sms ที่อยู่มาให้เสร็จสรรพ เออ...อย่างงี้ก็มีด้วยแฮะ

หลังจากที่ขึ้นมาถึงด้วยความเหนื่อยหอบ เราก็ขึ้นไปไหว้พระธาตุแล้วก็ถ่ายรูปๆ อย่างเดียวเลยยังกะไม่ได้ถ่ายรูปมาเป็นปีอย่างงั้นแหละ พอถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็ไปที่ร้านขายโปสการ์ด เขียนโปสการ์ดส่งให้เพื่อนรักตามคำสั่ง พอออกมาจากร้าน พี่ที่มาด้วยก็บอกว่า "กลับกันเทิ้ด..." เราเหลือบดูนาฬิกาถึงเข้าใจว่ามัน "หมดเวลา" แล้วนั่นเอง

ไอ้เราก็ยังไม่อยากลง เพราะอยากจะไปยกช้างเสี่ยงทายก่อน แล้วก็จะหาซื้อของฝากไปฝากพี่สาวด้วย แต่ก็เกรงใจ กลัวว่าพี่แกจะหัวแตกโดยใช่เหตุก็เลยลงมาด้วยความจำใจ แต่ก็นึกขัดใจอยู่เหมือนกันแหละ รู้ตัวว่าไม่ว่างแล้วจะตามมาทำไมก็ไม่รู้ เสียอารมณ์...

ในที่สุดเราก็ลงมาจากดอยสุเทพมือเปล่า ก็เลยไปซื้อแคบหมูที่ตลาดต้นพยอม ก่อนจะมานั่งรอเวลาที่ชมรม...

ทุ่มตรง น้องสาวของเพื่อนสนิทก็มารับไปส่งที่อาเขต (สถานีขนส่งเชียงใหม่) เพื่อขึ้นรถทัวร์กลับตอนสองทุ่ม แล้วก็ตอนนี้เองที่รู้ตัวว่าน้องไข้หวัดน้อยได้เสนอหน้าขอกลับนครปฐมด้วยซะแล้ว เพราะเริ่มเจ็บคอจนต้องไปซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน พอขึ้นรถก็สุดแสนจะทรมาน...หลับไม่ลงกันเลยทีเดียวเพราะไอ้อาการเจ็บคอแบบมหาประลัยนี่แหละ

รถทัวร์มาถึงหมอชิตตอนตีห้าครึ่ง เราก็ต้องต่อรถไปสายใต้เพื่อกลับนครปฐมอีก กลับมาถึงบ้านแปดโมงเช้าได้ หลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัวแล้ว...มารู้สึกตัวอีกทีตอนบ่ายสาม

เฮ่อ...และแล้วก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง (เออ นึกจะจบก็จบดื้อๆ เลยวุ้ย )



Create Date : 29 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2549 0:28:05 น.
Counter : 749 Pageviews.

2 comments
  

พี่กี้อยากไปงานราชพฤกษ์มากมาย
แต่ลางานไม่ได้มีสอนทุกวันเลยคร้าบ แงๆๆ
อิจฉาตาร้อนมากมาย และรอดูรูปสวยๆ
พี่คงได้ไปช่วงสิ้นปีจะมีอะไรเหลือให้ดูมั้ยอ่า

ปล.ดูเหมือนบล็อกหน้าตาเปลี่ยนไป
เอ๊ะ หรือพี่ไม่ได้เข้ามานาน อิอิ
โดย: วลีวิไล วันที่: 1 ธันวาคม 2549 เวลา:21:00:33 น.
  
เสียดายจังน่าจะได้ไปด้วยกันน่ะค่ะ ไม่เป็นไรเนอะ เดี๋ยวรองานหน้าก็ได้ ได้ยินว่า 23 ธันวาก็จะมีปาร์ตี้ปีใหม่ด้วยนี่นา อาจจะได้เจอกันนะคะ
โดย: อุรัสยา วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:14:49:37 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มดน้อยต้อยตีวิด
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog นี้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

-------------------------------------------------

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิดโดยการนำรูปภาพและข้อความต่างๆ บางส่วนหรือทั้งหมดใน Blog นี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนตัวหรือในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด
::ผลงาน::
New Comments