All Blog
อัพบล็อกรอรูปจากปาย เฮ่อ...v.v"
ขอยาดปัดฝุ่นแป๊บนะคะ หุหุ
.
.
.
.

หายไปอาทิตย์นึง เนื่องจากมีโปรแกรมตลอดเลยค่ะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา

รูปที่ปายก็ยังไม่ได้ซะที รอจนหายตื่นเต้นแล้วนะเนี่ย...



วันที่ 13 กุมภา วันวาเลนไทน์ อีฟ (เค้ามีกันซะที่ไหนเล่า) ก็นัดกับเพื่อนอีกสองคนไปถ่ายรูปที่พระที่นั่งวิมานเมฆกัน แต่ก็มีความคิดว่าไหนๆ ไปแถวนั้นแล้วก็ไปเขาดินด้วยเลยดีกว่า เพราะเกิดมาก็ไม่เคยเข้าไปเลยได้แต่นั่งรถผ่านบ๊อย...บ่อย (พ่อบอกว่าเคยไปแล้วตอนสองขวบ...ไม่เชื่อหรอก )

นัดกันสิบเอ็ดโมงที่หน้าเขาดินวนา เราไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อยเลยนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ ซักพักเพื่อนซี้ทั้งสองที่นัดกันที่อนุสาวรีย์ก็ลงจากรถแท็กซี่มาด้วยกัน

ซื้อบัตรเข้าสวนสัตว์ด้วยสนนราคา 50 บาทเรียบร้อยก็เดินดุ่มๆ กันเข้าไป ดูเดินสัตว์ แต่...

อนิจจา เรามาผิดเวลารึเปล่าก็ไม่รู้ ลิงค่างบ่างชะนีทั้งหลาย นอนหลับกันเงียบกริ๊บ... เสือสิงกระทิงแรดก็นอนผึ่งพุงกันสบายใจเฉิบ กรรม...

ว่าไปก็น่าสงสารสัตว์พวกนี้นะคะ ต้องมาอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ภูมิประเทศของตัวเอง แถมยังต้องถูกกักขังอีก (เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าสัตว์ส่วนใหญ่ในนี้ก็เกิดที่นี่ ถึงไปอยู่ป่ามันก็ตายอยู่ดี เศร้าจัง...)

เห็นข่าวเมื่อสองวันนี้ว่าจะมีการย้ายสวนสัตว์ดุสิตออกไปอยู่ชานเมือง เนื่องจากขนาดพื้นที่นั้นเล็กเกินไปที่จะเป็นสวนสัตว์แห่งชาติ

ถ้าย้ายไปแล้วใช้พื้นที่ตรงนั้นเป็นสวนสาธารณะและสถานที่ออกกำลังกายเหมือนสวนลุมพินีอีกแห่งก็ดีนะคะ เพราะเคยเห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายกันริมถนนราชวิถีอ่ะ ควันพิษทั้งนั้นเลย ไม่รู้ว่ามาออกกำลังกายแล้วได้สูดควันพิษจากรถยนต์เข้าไปเต็มปอด...มันจะคุ้มกันมั้ยนั่น...

เดิน เดิน และเดินดูสัตว์ (หลับ) ในเขาดินกันจนครบรอบ ประมาณบ่ายสองก็ออกจากเขาดินและเดินไปที่พระที่นั่งวิมานเมฆ ก่อนจะเข้าประตู คุณทหารหน้าประตูก็เดินเข้ามาถามพวกเราว่าพูดภาษาอังกฤษกันได้มั้ย เพราะมีฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งมาถามอะไรไม่รู้ เค้าฟังไม่ออก

เราก็เดินดิ่งเข้าไปหาแล้วถามฝรั่งคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
"เมย์ไอเฮลพ์ยู้"

ท่าทางหน้าตาเค้าดีใจมากเลยค่ะ เค้าถามว่าจะไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ที่ไหน เราก็บอกเค้าไปว่าที่อนุสาวรีย์ เค้าถามต่อว่าไกลมากมั้ย เราเลยบอกว่าไกลเหมือนกัน น่าจะนั่งแท็กซี่ไปนะ แล้วก็บอกเค้าว่าต้องข้ามถนนไปขึ้นอีกฝั่งนึง

ดีใจจัง ได้ทำประโยชน์อีกอย่างนึงแระ ฮี่...


หลังจากนั้นเราสามคนก็เข้าไปยังสถานที่ขายบัตร เห็นราคาบัตรเข้าชมแล้วก็ต้องผงะค่ะ

ก็จะไม่ให้ผงะได้ไง 75 บาท ยอมรับว่าแวบแรกคิดเลยว่าแพงเกินไป คนไทยแท้ๆ ยังเก็บแพงขนาดนี้ แล้วจะมารณรงค์สนับสนุนให้คนไทยเที่ยว

แต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ เมื่อได้เข้าไปถึงพระที่นั่งแล้วเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและต้อนรับอย่างดี รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่นำชมและบรรยายข้อมูลทางประวัติศาสตร์ด้วย แต่ก็นะ...ขัดใจอยู่นิดส์นึง ตรงที่...

ก่อนที่จะเข้าไปถึงนั้นก็ต้องผ่านด่านมากมาย ทั้งตรวจกระเป๋า (อันนี้เข้าใจในมาตรการรักษาความปลอดภัย) และฝากกระเป๋ากับกล้องด้วย (กรรมจริงๆ ไม่ให้ถ่ายรูป) โดยที่จะต้องฝากในล็อคเกอร์และจ่ายเงินค่าเช่าล็อคเกอร์ 30 บาท

ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเป็นธุรกิจขนาดนี้ด้วย...

แต่ลองคิดในแง่บวก (ซึ่งพยายามคิดมากๆ เลยค่ะ) ก็คิดว่า เอาเถอะ เป็นเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในนี้ แล้วไหนจะค่าบำรุง ดูแลรักษาอีก หยวนๆ ละกัน เที่ยวเมืองไทย...

เข้าไปในพระที่นั่งก็ต้องนั่งรออีกยี่สิบนาทีกว่าจะได้เข้าชม เพราะเค้าให้รอรอบบรรยายภาษาไทย แอบนึกในใจว่า หนูฟังภาษาอังกฤษก็ได้นะเคอะ เหอๆ

วันที่เราไปเป็นวันอังคาร ทัวร์ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ มีทั้งฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เก่งนะคะ พูดได้ทุกภาษาทีเดียวเชียว

ตอนนั่งรอที่ด้านหน้า ก็มีกรุ๊ปทัวร์คนจีนกรุ๊ปหนึ่งเดินออกมา พวกเราเห็นเด็กที่อยู่ในทัวร์นั้นน่ารักดี ก็เลยส่งยิ้มให้ แล้วก็ได้ยินไกด์พูดอะไรซักอย่างพลางหันมาชี้ที่พวกเราสามคน

งงสิคะ แต่พอจบประโยคที่เราฟังไม่รู้เรื่องคุณไกด์ก็หันมาพูดกับพวกเราเป็นภาษาไทยว่า

"บอกเค้าว่าคนไทยใจดี เจอใครก็ยิ้มให้"

ฮี่...ปลื้มสิคะงานนี้


บ่ายสาม...ได้เวลาที่เราจะได้เข้าไปในพระที่นั่งซะทีหลังจากนั่งรออยู่ยี่สิบนาที

พี่เจ้าหน้าที่คนที่พาเราไปเป็นผู้ชายค่ะ ทรงผมพี่แกได้ใจมากๆ เลยอ่ะ ทรงบางระจันค้าบพี่น้อง เท่สุดๆ...

พระที่นั่งวิมานเมฆนี้เป็นพระที่นั่งไม้สักทองทั้งหลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และงดงามที่สุดด้วยนะคะ ส่วนประวัติอื่นๆ คงต้องรบกวนไปเที่ยวกันดูแล้วจะรู้ค่ะ อิอิ (แอบขี้เกียจซะอย่างงั้น)

กว่าที่พวกเราจะเดินชมพระที่นั่งจนทั่วก็เลยสี่โมงเย็นแล้ว ได้เวลาเลิกงานของพี่ๆ เจ้าหน้าที่พอดี และเป็นเวลาปิดพระที่นั่งด้วย

อ้าว...แล้วจะได้ถ่ายรูปมะเนี่ยช้าน

พี่เค้าบอกว่าเอากล้องมาถ่ายภายนอกได้ เราเลยรีบออกไปเอากล้องในล็อคเกอร์ แล้วก็เข้าไปถ่ายด้วยความเร่งรีบ

แล้วก็ไม่ลืมถามยามด้วยว่า "ประตูนี้ปิดกี่โมงคะ"
คุณยามผู้เคร่งขรึมตอบกลับมาว่า "สี่โมงกว่าๆ เดี๋ยวก็จะปิดแล้วล่ะครับ"

แง้...ก็ได้ไม่กี่รูปล่ะสิเนี่ย เราก็เลยรีบวิ่งกลับเข้าไป แล้วก็กด กด กด เฮ่อ...ได้มาสี่รูป


ออกจากพระที่นั่งมาตอนสี่โมงครึ่ง จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือป้อมพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์นั่นเอง

ตั้งใจจะไปถ่ายถนนพระอาทิตย์ยามค่ำคืน และบรรยากาศยามเย็นริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากับต้นลำพู

แต่กว่าจะหาทางไปถนนพระอาทิตย์ได้...เดินกันจนขาลากเลยค่ะ ก็มันเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี รถก็ติดค่อดๆ เราก็เลยเดินวนไปวนมาหาที่ขึ้นแท็กซี่กันอยู่นั่นเอง เพราะนึกเส้นทางที่จะไปไม่ออก แต่ในที่สุดเราก็ขึ้นแท็กซี่มาที่พระอาทิตย์จนได้ค่ะ

เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินถนนพระอาทิตย์ (เชยเนอะ) แล้วก็ได้ไปนั่งเล่นที่สวนสันติชัยปราการ ฝรั่งเยอะมากๆ ค่ะ แล้วก็มีคนมาโชว์การแสดงเยอะแยะเลย ทั้งโยนบอล 6 ลูก ควงคทา ควงกระบอง เลี้ยงลูกแก้ว ตื่นตาตื่นใจมากๆ ค่ะ

ที่นี่เราก็ได้ถ่ายรูปจนหนำใจเพราะฟิล์มเหลือจากพระที่นั่งมาหลายรูปเหมือนกัน (อุตส่าห์กั๊กไว้จากเขาดิน แง่มมมม) โดยเฉพาะฝรั่งหนุ่มหน้าตาดีที่มาถอดเสื้อโยนลูกบอล...หล่อมากกกกกกก เลยกดมาซะฟิล์มหมดเลยค่ะ เหอๆ

พลบค่ำ พวกเราสามคนก็เดินหาร้านกินข้าว เลือกร้านที่นั่งได้สบายๆ เพราะปวดขากันเหลือเกินแล้ว (ก็เดินมาทั้งวันแล้วนี่) และต้องรอเพื่อนอีกสองคนที่จะตามมาสมทบหลังเลิกงาน

กินข้าวเสร็จไอ้เพื่อนอีกคนที่ตามมาทีหลังก็ชวนไปเดินข้าวสารต่ออีก โอ...มายก็อด แต่เราก็ไปเดินกะมันอ่ะนะ ถ้าไม่ไปนี่คงเสียดายแย่ เพราะว่า เจอพ่อฝรั่งคนนั้นอีกแร้วค่า สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กัน ฮา...

สามทุ่มครึ่งได้ถึงได้แยกย้ายกันกลับ เราก็ไปนอนหอเพื่อนอีกคน ไอ้คนที่มันเกิดวันวาเลนไทน์อ่ะค่ะ เลยได้แฮปปี้เบิร์ธเดย์กันตัวต่อตัว ฮี่ๆ


พอหมดวาเลนไทน์ ก็ต้องมาต่อที่เทศกาลตรุษจีนใช่มะคะ

ที่บ้านเราก็ไหว้เหมือนกันนะ (มีแต่คนต๊กกะใจว่า หน้าหยั่งงี้...มีเชื้อจีนกะเค้าด้วยเหรอ ฮา....) พอดีว่าทางแม่มีเชื้อจีนนิดหน่อยค่ะ วันเสาร์เลยต้องไปไหว้ที่บ้านยายที่นครชัยศรี ไหว้เสร็จก็กินซะเปรมไปเลยทีเดียวเชียว...

วันรุ่งขึ้นมีนัดไปถ่ายรูปที่เยาวราชกับพลพรรคชาวนิกร ณ พันทิปค่ะ เค้านัดกันที่วงเวียนโอเดียนตอนแปดโมงครึ่ง งานนี้พี่สาวไปด้วยแล้วก็เพื่อนที่ทำงานอีกคน ส่วนเราก็ไปชวนน้องที่ชมรมไว้อีก ก็เลยมีทั้งหมดสี่ชีวิตไปถ่ายรูปกัน

เพิ่งเคยไปเดินเยาวราชอีกเหมือนกันค่ะ วันนั้นสะเหร่อมั่กๆ เค้าใส่เสื้อแดงกันทั้งถนน ยัยนี่ใส่เสื้อลายไปเฉย แอบเขินอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่เท่าไหร่ ก็ชั้นไม่มีเสื้อแดงนี่นา

ถึงจะเป็นตอนเช้าแต่คนก็ค่อนข้างเยอะค่ะ เดินกันไปถ่ายรูปกันไป แดดร้อนมากๆ เลย ถ่ายรูปจนหน้ามืดเลยอ่ะ...ไม่ได้เป็นลมนะคะ แต่ตากแดดจนหน้าดำอ่ะ ฮา....

ได้ไปถ่ายครึ่งวัน ฟิล์มหมดพอดีเลยขอตัวลาน้าๆ ทั้งหลายกลับก่อน แล้วก็กลับนครปฐมเลย เพลียจัดๆ เลยค่ะเมื่อวานนี้ แต่ก็สนุกดีนะคะ ได้รับความรู้สึกดีๆ ทุกครั้งที่ได้ออกไปถ่ายรูป


ว่าแล้วก็นั่งรอรูปจากปายต่อไป...

(เออ จบกันดื้อๆ เลยวุ้ย)



Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2550 23:27:45 น.
Counter : 370 Pageviews.

6 comments
  
ขำตรงวาเลนไทน์ อีฟ นี่แหละค่ะ คิดได้ไง อิอิ

พูดถึงเขาดิน ไม่ได้ไปเป็นสิบปีได้แล้วมั้งคะเนี่ย แบบว่าไม่ชอบกลิ่นที่นั่นเลย มันเหม็นอับ เหม็นสาบยังไงอธิบายไม่ถูก

พระที่นั่งวิมานเมฆ สมัยเรียนมัธยม(พูดเหมือนนานมากเลย -*-) โรงเรียนเคยพาไปทัศนศึกษาค่ะ ชอบที่นั่นมากๆ เลย

อ่านที่พี่ไปเที่ยวแล้วอิจฉา อยากเที่ยวมั่ง แต่ก่อนอื่นเห็นทีจะต้องขอตะลุยผ่านการสอบไฟนอลให้ได้ก่อนแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้
โดย: Andra วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:59:03 น.
  
ชวนไปเล่นเกมชิงหนังสือฟรีที่บล็อคค่า ปิดรับคำตอบก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์นะคะ
โดย: อุรัสยา วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:28:25 น.
  
เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินถนนพระอาทิตย์ (เชยเนอะ)

แฮ่ๆ คนเชยกว่าอยู่ทางนี้คร่า ยังไม่เคยไปเดินเลย ได้แต่นั่งรถผ่านไปผ่านมา บ้านก็อยู่แถวนั้นแท้ๆ แง

พูดถึงตรุษจีน บ้านพี่จะใส่เสื้อแดงวันตรุษจีนกันทุกปี เป็นประเพณีเลยล่ะ แล้วห้ามพูดคำอัปมงคลเด็ดขาด อุทานว่า "ตายแล้ว" หรือ "ต๊ายตาย" อะไรเงี้ยไม่ได้เลย แม่ส่งสายตาเพชรฆาตมาให้ทันที ถ้าตกใจอะไรอุทานคำว่า "เฮง เฮง" เข้าไว้ แม่จะหันมายิ้มให้อย่างใจดี ฮี่ๆ
โดย: พิมลพัทธ์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:19:47 น.
  
แล้วเมื่อไหร่จะได้ชมรูปล่ะค่ะ อย่าดองนานเกินไปเน้อ
โดย: ตองเจ็ด (ตองเจ็ด ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:35:29 น.
  
หวัดดีจ๊ะ มด

ฮืออ ขอบ่นก่อน ตัวเอง ทำกันได้ แสนดีไม่ได้ล็อกอินอ่ะ พิมพ์ไว้ กดส่งปุ๊บ หายเกลี้ยง ต้องไปล็อกอิน แล้วเข้ามาใหม่

มาที่ฝรั่งหนุ่มต่อ อิอิ หล่อสู้ ออแลนโด บลูมของเค้าได้ป่าว คริคริ มะก่อนชอบพี่แบรด แต่หลังจากที่ทิ้งเมียไปเอาโจลี่ ก็ไม่อยู่ในสายตาแสนดีอีก ตอนนี้เลยเทใจให้ออแลนโดแทน

ปล.อยากรู้อ่ะ ว่าอวยพรวันเกิดกันสองต่อสองเป็นยังไงบ้าง คริคริ

แสนดีคนเดิม
โดย: แสนดี (superverynice ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:00:36 น.
  
คิดถึงจังเลยจ๊ะ
โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) วันที่: 13 มีนาคม 2550 เวลา:19:54:01 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มดน้อยต้อยตีวิด
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog นี้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

-------------------------------------------------

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิดโดยการนำรูปภาพและข้อความต่างๆ บางส่วนหรือทั้งหมดใน Blog นี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนตัวหรือในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด
::ผลงาน::
New Comments