//www.bloggang.com/mainblog.php?id=likecisco&month=10-04-2015&group=3&gblog=38
คราวนี้มีคำถามเรื่อง Wildcard Mask ครับ
เนื่องจากหลายท่านเข้าใจเพียงว่า Wildcard Mask เป็นเพียงแค่ Invert ของ Subnet Mask (ในการเรียนเบื้องต้น เราจำเป็นต้องเรียนในลักษณะนี้ไปก่อน) แต่ในความเป็นจริงแล้ว Wildcard Mask มีความหลากหลายกว่า Subnet Mask มาก
ปกติแล้ว Subnet Mask จะถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขตายตัวว่า
- Subnet Mask มี 32 bit
- Subnet Mask แบ่่งเป็น 2 กลุ่ม
- กลุ่มทางด้านซ้ายเป็น 1 ทั้งหมด ห้ามมี 0 แทรก (1 หมายถึง bit ที่เน้นเป็น network)
- กลุ่มทางด้านขวาเป็น 0 ทั้งหมด ห้ามมี 1 แทรก (0 หมายถึง bit ที่เป็น host)
สำหรับ Link รายละเอียดของ Subnet Mask ท่านสามารถเข้าอ่านได้ตามนี้ครับ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=likecisco&date=09-08-2011&group=1&gblog=8
แต่สำหรับ Wildcard Mask แล้ว
- Wildcard Mask มี 32 bit
- มีการแบ่งกลุ่มแต่ไม่ตายตัวเหมือน Subnet Mask แต่ส่วนใหญ่ที่พบเห็น ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ (เน้นว่าไม่ตายตัวนะครับ)
- กลุ่มทางซ้ายเป็น 0 ทั้งหมด สามารถมี 1 แทรกได้ (0 หมายถึง bit ที่ Match หรือสนใจ)
- กลุ่มทางขวาเป็น 1 ทั้งหมด สามารถมี 0 แทรกได้ (1 หมายถึง bit ที่ don't care หรือไม่สนใจ)
เช่น
IP address เบอร์ แรกของ Range: 192 . 168 . 1 . 0
Wildcard Mask: 0 . 0 . 0 . 255
หมายถึง IP address ที่เป็นไปได้ หรือ IP address ที่เราสนใจมีตั้งแต่
192.168.1.0 ถึง 192.168.1.255
โดย Wildcard Mask จะไม่ได้หมายความว่า 192.168.1.0 เป็น Network Address เหมือน Subnet Mask แต่จะมีความหมายว่า 192.168.1.0 เป็น IP address เบอร์แรกที่เราสนใจ
และไม่ได้หมายความว่า 192.168.1.255 เป็น Broadcast Address แต่จะมีความหมายว่า 192.168.1.255 เป็น IP address เบอร์สุดท้ายที่เราสนใจ
มาที่คำถามเกี่ยวกับ Wildcard Mask ในระดับ Advance คือ:
ถ้าผมสนใจเฉพาะ IP address มี octet ที่ 3 (Bytes ที่ 3) เป็นเลขคี่เท่านั้น คือ
192.168.X.0 - 192.168.X.255
โดยที่ X = เลขคี่เท่านั้น
เราจะกำหนด IP address เบอร์แรก และ Wildcard Mask ได้อย่างไร (เพียงแค่ชุดเดียวนะครับ)?
เราจะได้รู้ถึงพลังของ Wildcard Mask กันครับ
เฉลยด้วยภาพข้างล่างนะครับ ถ้าใครไล่เลขฐาน 2 เป็นฐาน 10 เป็นจะเข้าใจ แต่หากไม่ทราบ ท่านสามารถเข้าไปศึกษาการแปลงเลขฐานได้จาก link นี้ก่อนครับ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=likecisco&date=26-07-2011&group=1&gblog=7
คำตอบคือ:
จากเงื่อนไขที่ว่า 192.168.X.0-255 (X หรือ Octet ที่ 3 จะต้องเป็นเลขคี่เท่านั้น ส่วน Octet ที่ 4 จะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255)
Wildcard Mask bit 0 = Care = Match
Wildcard Mask bit 1 = Don't care = Ignore
จากภาพคือ Octet ที่ 3 จะต้อง fix bit สุดท้ายเป็น 1 เท่านั้นส่วน 7 bit ข้างหน้าเป็น อะไรก็ได้ ดังนั้น Wildcard Mask ใน Octet ที่ 3 จึงเป็น 254 (11111110)
ส่วน Octet ที่ 4 เป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255 ดังนั้น Wildcard Mask ใน Octet ที่ 4 จึงเป็น ignore ทั้ง Octet ดังนั้น Wildcard Mask ใน Octet ที่ 4 จึงเป็น 255 หรือ 11111111
หากมีเวลาจะเพิ่มตัวอย่างของ X ที่เป็นเลขคู่ ให้นะครับ
รบกวนสอบถามคลายความสงสัยหน่อยครับ
อย่าตัวอย่างจะแมทที่ไอพี 192.168.1.0-255
ถ่าจะให้แมท 192.168.1 3 5 - 255.0-255
เราต้องพิมค้ำสั่ง wildcard mask ที่ล่ะอัน คือ
0.0.254.255
0.0.252.255
0.0.250.255
0.0.0.255
ใช่ป่าวตรับ