10 ข้อคิดเพื่อเติมคุณค่าให้ชีวิต
1. จริงอยู่ ที่มิตรภาพความเป็นเพื่อนไม่มีวันหมด แต่คุณอาจลืมไปว่า มันเปลี่ยนแปลงได้ 2. เมื่อคุณตระหนักว่า ไม่มีใครช่วยคุณ ในเวลาที่คุณมีความทุกข์ ไม่มีใครดีใจอย่างจริงใจกับคุณ ยามเมื่อคุณมีความสุข เมื่อนั้นคุณเรียนรู้ที่จะหาเพื่อนแท้ให้กับชีวิตคุณได้แล้ว 3. อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยความเจ็บปวด ความทรมานที่ได้ประสบผ่านไปกับอดีตด้วย 4. อย่าละเลยและเพิกเฉยต่อคนที่คุณชอบพอ เพราะมัวคิดว่าปล่อยให้ความสัมพันธิ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตคนเราแสนสั้นนะคุณ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ 5. คุณไม่ได้ตายจากความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมา แต่มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น 6. อย่าให้ชีวิตขึ้นกับคนอื่น เพื่อทำให้คุณมีความสุข 7. ชีวิตแต่งงานและครอบครัว เป็นเรื่องที่สำคัญ จงอย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ 8. แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุก ๆ วัน ไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด 9. ผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ทั้งด้วยเหตุผลและด้วยโอกาส ซึ่งนำพาทั้งความสุขและบทเรียนมาให้คุณ 10. เมื่อใดก็ตามที่ผิดหวัง จงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ป.ล. ถ้าคุณยืมมา (จงคืน) ถ้าคุณทำพัง (จงซ่อม) ถ้าคุณรู้แล้ว (ปล่อยมัน) ถ้าคุณต้องการ (ร้องขอ) ถ้าคุณใช้ (ทำให้สะอาด) ถ้าคุณใส่ (แขวนไว้ที่เดิม) ถ้าคุณทำผิดพลาด (แสดงความรับผิดชอบ) ถ้าคุณเชื่อ (คุณจะประสบความสำเร็จ) ถ้าเป็นเจ้าของ (จงปกป้อง) ถ้ามี (จงแบ่งปัน) ถ้าคุณรักใครสักคน (จงแสดงออก)
Create Date : 16 กรกฎาคม 2548
Last Update : 16 กรกฎาคม 2548 2:17:26 น.
Counter : 487 Pageviews.
อาการเสียใจ...บอกใบ้ความเป็นคุณ....
ลองอ่านกันดูนะค่ะว่าอันไหนที่ตรงกะตัวคุณเอง< ร้องไห้มาราธอน> คือเมื่อมีเรื่องเสียใจมากๆ แล้วจะแสดงออก ด้วยการร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้ว่าจะไม่สะอื้นแต่ก็มีน้ำตาคลอจนดวงตาแดงก่ำไปหมด แสดงว่าเป็นคนที่จิงจังกับชีวิตเมื่อเชื่อถืออะไรสักอย่างก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นไปตลอดการ เป็รคนซื่อสัตย์ เกลียดการโกหกหลอกลวง และจะรับไม่ได้เลยกับการเอาเปรียบ ฉ้อโกง หรือรังแกกันและกัน แต่เมื่อผ่านวิกฤติการณ์ การร้องไห้อย่างหนักไปแล้วคนแบบนี้มักจะตัดใจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด..< เก็บตัวตามลำพัง> คนที่เวลามีเรื่องเสียใจ แล้วชอบหลีกหนีผู้คนไปอยู่เพียงลำพัง เก็บตัวเงียบๆไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แสดงว่าเป็นคนสะเทือนใจง่าย ช่างคิดชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล มักมีโลกส่วนตัวซึ่งยากที่ใครๆ จะเข้าใจ ติดนิสัยปิดกั้นตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานะการณ์คับขันอย่างแท้จริง ก็จะเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญเขาเป็นคนใจรักศิลปะค่ะ...< อาละวาดหรือปาข้าวของ> แต่ถ้าใครเสียใจมากๆ แล้วแสดงออกด้วยการโยนข้าวของหรืออาละวาดพาลเกเรกับคนอื่นแสดงว่าเป็นคนที่มักมีวัยขาดความอบอุ่นแบบนี้โตขึ้นจะมีนิสัยที่ชอบเรียกร้องความสนใจ จะมีความต้องการความรัก ความห่วงใยกับคนอื่นค่อนข้างมาก ชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยการแสดงท่าทีก้าวร้าวแต่ในใจลึกๆ แล้ว กลับไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไรเลย แถมค่อนข้างอ่อนแอด้วยซ่ำไป..<ทำร้ายตัวเอง> ส่วนคนที่เวลาเสียใจไม่อาละวาดทำร้ายคนอื่น แต่กลับทำร้ายตัวเองแทน จริงๆแล้วแสดงว่าเป็นคนขี้กลัว มักจะมีท่าทางเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น แต่ใจลึกๆ กังวลและกดดันจะเป็นคนที่ชอบการแสดงออกอย่างตรงกันข้าม เช่นกลัวก็จะทำเป็นกล้า ไม่พอใจก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบางคนก็อาจชอบเก็บตัวอยู่ในที่ๆรู้สึกปลอดภัย แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องการความรักความเห็นใจจากคนอื่นๆมากเช่นกัน....<ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น> ส่วนคนที่เวลาเสียใจ ก็ยิ่งทำตัวเข้มแข็ง เฮิร์ทแค่ไหนก็ทำเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตซักหน่อยนั้นแสดงว่าเป็นคนที่มีความหยิ่งอยู่ในตัว เป็นคนคิดมากเรื่องศักดิ์ศรี ไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาใครในเรื่องเสียหาย และจะมีความเชื่อมั่นมากว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตตัวเองได้ เมื่อมีปัญหาจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น...< ออกตะเวนเที่ยวพบปะเพื่อนฝูง> สำหรับคนที่เสียใจแล้วไม่ยอมอยู่คนเดียว ต้องออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือเริ่มติดต่อไปหาเพื่อนฝูงแบบว่าที่ยังไงๆ ก็ขอให้มีคนอื่นอยู่ด้วย แสดงว่าเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอย่างไร บ้างในชีวิต ต้องการอะไรกันแน่ เวลาทำอะไรก็จะพลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าลึกๆ แล้วจะเจ็บปวดหรืออ่อนไหวแค่ไหนก็จะอดทนไม่ยอมแพ้ จัดว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากทีเดียว...< โหมทำงานเพื่อให้ลืม> ส่วนคนที่มีเรื่องกลุ้มใจก็จะมานะทำงาน แสดงว่าเป็นคนที่ชอบการลิขิตชีวิตตัวเอง ไม่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตหรือโชคชะตา จะภูมิใจมากในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงคนแบบนี้เมื่อรักใครจะทุ่มแทจนหมดกายหมดใจแต่ถ้าหมดรักใครก็จะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน และถ้าหากมีความสุขมากๆ ก็จะชอบแบ่งปันให้ผู้อื่น เพราะเป็นคนที่รักและจริงใจเพื่องพ้องและครวบครัว ตราบใดที่คนอื่นๆไม่เข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป.....< หาทางแก้แค้น(กรณีถูกทำให้เสียใจ) > และถ้าใครเวลาเกิดเรื่องทำให้เสียใจ ก็จะคิดไปถึงเรื่องแก้แค้นโต้ตอบเอาคืน ทำอะไรไม่ได้ ขอสาปแช่งก็ยังดี (กรณีเสียใจเพราะผู้อื่น) เรียกง่ายๆ ว่าถือคติ "กรรมต้องสนองด้วยการจองเวรเท่านั้น" แสดงว่ามักเป็นคนลุ่มหลงอะไรง่าย จนบางครั้งหลงผิดอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว จะเป็นคนซีเรียสในเรื่องสมบัติติทรัพย์สิน เป็นคนไม่ยอมคน หรือบางทีไม่ยอมหักไม่ยอมงอด้วยซ้ำไป แต่ถ้ารักใครก็รักจริงเอามากๆ... ถ้ารู้อย่างนี้แล้ววันหน้าวันหลังจะทำอะไรหรือแสดงออกอย่างไรก็ต้องคอยระวังเนื้อระวังตัวเอาไว้บ้างนะค่ะ จะได้ไม่ปล่อยให้คนอื่นมารู้แกวของเราหมด แบนี้เสียฟอร์มแย่เลย หรือถ้าลองมองกลับกัน เราลองจำเอาไปสังเกตุคนอื่นดู เผื่อว่าจะได้รู้จักเขามากขึ้นยังไงละค่ะ.... ((นู๋เก็บมาฝากอ่ะค่ะ..อ่านแล้วอย่าซีเรียสนะค๊า))
Create Date : 13 กรกฎาคม 2548
Last Update : 13 กรกฎาคม 2548 6:29:32 น.
Counter : 726 Pageviews.
เกร็ดความรู้ : ไม่อยากให้ "ดวงตา" เป็นหมีแพนด้า...
ไม่อยากให้ "ดวงตา" เป็นหมีแพนด้า เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ" ไหม แต่ว้า! แย่จังทำไมตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอย่างนี้? แล้วใครที่ไหอยากจะมาสบตาด้วยล่ะ ปัญหาที่ใครหลายคนคงจะเจอกับตัวเอง อาจจะบ่อยครั้งหรือเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ดวงตาที่เคยใส้..ใส ก็เปลี่ยนกลายเป็นตาแพนด้าไปเลย คราวนี้เราก็เลยมีวิธีดูแลรักษาดวงตามาฝาก สำหรับคนที่ใช้ดวงตาอย่างหนักโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานค่ะ ก่อนอื่นเรามาทราบสาเหตุของหนังตาบวมกันก่อนเลยดีกว่า สาเหตุอันแรกที่ก่อให้เกิดหนังตาบวมก็คือ การคั่งของน้ำใต้ผิงหนังของดวงตา ส่วนนี้นะคะเป็นส่วนที่อ่อนบาง และหย่อนยานง่ายเป็นพิเศษ แล้วยังมีอะไรมาคั่งได้ง่ายอีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วขอบตาล่างมักจะบวมกว่าขอบตาบน ที่เป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะแรงดึงดูดของโลกนี่เองค่ะ แต่ก็ยังดีมากๆ เลยที่ว่าเราสามารถแก้ไขการบวมดังกล่าวได้ โดยการประคบด้วยถุงชา เพื่อนบางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะทำไมบวมแล้วยุบได้ด้วย OATTYJEN ก็ขอบอกเลยค่ะว่า มันเป็นเพราะหลายสาเหตุด้วยกันแต่ที่หลักๆ เลยก็คือ เกลือโซเดียมคลอไรด์ เกลือมีคุณสมบัติในการอมน้ำ หรือจะเรียกว่าเป็นตัวดูดน้ำไว้ใช้ในร่างกายก็ได้ หากมีน้ำมากเกินไปตาก็จะบวมเป่งได้ง่ายกว่าที่อื่น เพราะตาเป็นส่วนที่มีเนื้อเยื่อหลวมกว่าที่อื่น สำหรับคนที่ชอบทานอาหารรสเค็ม หรือว่าป็นโรคไตก็จะพบว่าตาบวมอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ฮอร์โมน จะเป็นตัวทำให้เกลือโซเดียมสะสมในร่างกายมากกว่าปกติ ตาก็เลยบวมง่าย ฮอร์โมนในร่างกายจะขึ้นสูงในช่วงที่มีประจำเดือน หรืออาจเกิดจากการกินยาคุมกำเนิดก็เป็นได้ การแพ้ ในบางคนอาจเป็นโรคภูมิแพ้ที่ดวงตา ต้องขยี้ตาบ่อยก็ทำให้ตาบวมได้ค่ะ เพราะในขณะที่เราชยี้ตาเส้นเลือดจะขยายตัว และการแพ้ก็ทำให้มีน้ำคั่งตามผิวหนัง การอักเสบของไซนัส การขยี้ตา และถูตาบ่อยๆ ทำให้ตาช้ำได้ สาเหตุในการทำให้เกิดตาบวมในอันที่สองก็คือ การสะสมของไขมัน เนื่องจากกล้ามเนื้ออันบอบบางที่ห่อหุ้มดวงตาไว้นั้น มีชั้นไขมันรองป้องกันการกระแทกอีกชั้นหนึ่ง พอเวลาผ่านอะไรๆ ก็เปลี่ยนกล้ามเนื้อในส่วนนั้นก็เสื่อมโทรม เพราะเกิดจากการใช้งาน เช่น กะพริบตาบ่อยๆ การกระตุ้นจากแสงแดด ลมแรง รังสีต่างๆ รวมทั้งควันบุหรี่ด้วย หากมีการใช้งานอย่างหนัก (ช่วงอ่านหนังสือสอบตอนดึกนี่แหละค่ะตัวดี) โดยไม่มีการบำรุงกล้ามเนื้อก็จะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้น เมื่อกล้ามเนี้ออ่อนตัวหย่อนยานไขมันก็เริ่มปูดขึ้นมา และจะไม่ยุบไปเองเหมือนการคั่งของน้ำ แต่ก็ยังมีวิธีแก้อยู่เหมือนกันค่ะ ทีนี้ก็มาถึงวิธีการรักษาอาการบวมของหนังตากันล่ะค่ะ เพื่อนรีบหาอะไรมาจดให้ดีล่ะ ลดการทานอาหารเค็ม ถ้าเริ่มสังเกตุเห็นว่าหนังตาบวมในตอนเช้าโดยที่ไม่ได้นอนดึก ออกกำลังกายให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น เลือดก็จะได้ไม่คั่ง และน้ำที่ขังจะถูกดูดซึมให้ไหลเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น บางคนอาจมีความเข้าใจผิดว่า การทาครีมจะช่วยให้หนังตาที่บวมยุบลงได้ แต่ที่จริงแล้วกลับจะทำให้บวมมากขึ้น เพราะครีมจะช่วยดูดซับน้ำไว้ เราอาจใช้แตงกวาฝานชิ้นบาง เอามาวางทิ้งไว้ที่เปลือกตาทั้งบนและล่าง หรือทั้งหน้าเลยก็ได้ หรืออาจจะไช้ถุงกากน้ำชาที่ใช้แล้วบีบหมาดๆ มาวางไว้ซัก 15 นาที หรือว่าจะเอาช้อนสแตนเลสไปแช่ในช่องแช่แข็ง แล้วเอามาโปะไว้ก็ได้เหมือนกัน เชื่อกันว่าความเย็นจะเป็นตัวทำให้หนังตายุบลง พักผ่อนให้มากๆ อย่าพยายามนอนดึก หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอันตรายกับผิวที่บอบบาง เช่น เหล้าและบุหรี่ ใช้ครีมกันแดดทาเบาๆ ที่รอบดวงตาเพื่อป้องกันการถูกกระตุ้น ส่วนการบวมที่เกิดจากไขมันสะสมรอบดวงตา คงจะแก้ได้โดยการผ่าตัดเอาออก แต่ก็อันตรายมาก ทางที่ดีก็ควรป้องกันซะก่อนจะดีกว่านะคะ
Create Date : 09 กรกฎาคม 2548
Last Update : 9 กรกฎาคม 2548 6:50:19 น.
Counter : 981 Pageviews.
คิดอย่างไร ไม่ให้เครียด..
ความคิด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดความเครียด หากรู้จักคิดให้เป็น ก็จะช่วยให้ลดความเครียดไปได้มาก
วิธีคิดที่เหมาะสม ได้แก่ 1. คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มากขึ้น อย่าเอาแต่เข้มงวด จับผิด หรือตัดสินผิดถูกตัวเองและผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา จงละวาง ผ่อนหนักผ่อนเบา ลดทิฐิมานะ รู้จักให้อภัย ไม่ถือโทษโกรธเคือง หัดลืมเสียบ้าง ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น2. คิดอย่างมีเหตุผล อย่าด่วนเชื่ออะไรง่ายๆ แล้วเก็บเอามาคิดวิตกกังวล ให้พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ไตร่ตรองให้รอบครอบเสียก่อน นอกจากจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกได้ง่ายๆ แล้ว ยังตัดความกังวลลงได้ด้วย3. คิดหลายๆ แง่มุม ลองคิดหลายๆ ด้าน ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เพราะไม่ว่าคนหรือไม่ว่าเหตุการณ์อะไรก็ตาม ย่อมมีทั้งส่วนดีและไม่ดประกอบกันทั้งนั้น อย่ามองเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์ นอกจากนี้ควรหัดคิดในมุมของคนอื่นบ้าง เช่น สามีจะคิดอย่างไร ลูกจะรู้สึกอย่างไร เจ้านายจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เป็นต้น จะช่วยให้มองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม4. คิดแต่เรื่องดีๆ ถ้าคอยคิดถึงแต่เรื่องร้ายๆ เรื่องความล้มเหลว ผิดหวังหรือเรื่องไม่เป็นสุขทั้งหลายก็จะยิ่งเครียดกันไปใหญ่ ควรคิดถึงเรื่องดีๆ ให้มากขึ้น เช่น คิดถึงประสบการณ์ที่เป็นสุขในอดีต ความสำเร็จในชีวิตที่ผ่านมา คำชมเชยที่ได้รับ ความดีของคู่สมรส ความมีน้ำใจของเพื่อน ฯลฯ จะช่วยให้สบายใจมากขึ้น 5. คิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าคิดหมกมุ่นอยู่กับตัวเองเท่านั้น เปิดใจให้กว้าง รับรู้ความเป็นไปของคนใกล้ชิดและใส่ใจที่จะช่วยเหลือ สนใจปัญหาของผู้คนในสังคมบ้าง บางทีคุณอาจจะพบว่าปัญหาที่คุณกำลังเครียดอยู่นี้ช่างเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับปัญหาของคนอื่นๆ คุณจะรู้สึกดีขึ้น และยิ่งถ้าคุณช่วยเหลือคนอื่นได้ คุณจะสุขใจขึ้นเป็นทวีคูณด้วย
Create Date : 08 กรกฎาคม 2548
Last Update : 8 กรกฎาคม 2548 4:52:05 น.
Counter : 557 Pageviews.
เขียดน้อยออนไลน์ ยินดีต้อนรับค่ะ
Ich Liebe Dich
Bittersweet memories
that is all I'm taking with me.
So, goodbye. Please, don't cry.
We both know I'm not what you, you need.
And I will always love you.
I will always love you.
..ti.amo..
>