เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี "วัดราชประดิษฐฯ" สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
บรรยากาศภายใน"วัดราชประดิษฐ"
       มาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อาทิตย์นี้ หลายคนอาจจะนอนในห้องแอร์อากาศยามร้อนๆ เย็นสบายไม่เยี่ยงกรายออกไปไหน แต่สำหรับฉันแล้ววันหยุดทั้งที่จะนอนอยู่บ้านก็เสียนี่กระไรอยู่ ฉันเลยตั้งใจที่จะไปไหว้พระทำบุญผ่อนคลายสบายใจ ฉันจึงเดินทางไปที่ "วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร" ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ใกล้กระทรวงกลาโหม ถึงแม้ว่าจะเป็นวัดแห่งนี้จะเป็นอารามหลวงที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุดในกรุงเทพมหานคร แต่ความพิเศษของวัดนี้ไม่ได้เล็กตามพื้นที่เลยทีเดียวเชียว

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
"วัดราชประดิษฐ" จะจัดฉลองครบ 150 ปั วันที 7- 14 มิ.ย. 58 นี้
"วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม" นั้นเดิมทีเป็นสวนกาแฟใกล้พระบรมมหาราชวัง เป็นพระอารามหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีที่ว่า บนผืนแผ่นดินไทยเมืองหลวงจะต้องมีวัดสำคัญประจำอยู่ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐ และสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายโดยเฉพาะ พระองค์จึงทรงวางแผนการก่อสร้างและกำหนดแบบศิลปกรรมในวัดด้วยพระองค์เอง ชื่อของวัดราชประดิษฐ หมายถึงวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง และมีสร้อยนามต่อท้ายว่า สถิตมหาสีมาราม ที่หมายถึงพระอารามอันเป็นสถิตของมหาสีมา อันแสดงความพิเศษของวัด คือ มีสีมาที่กำหนดผูกรอบทั้งวัด ครอบคลุมทั้งเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสจนเกือบทั้งทั่วพระอารามหลวงแทนวิสุงคามสีมาที่ล้อมรอบเฉพาะอุโบสถ ทำให้พระวิหารหลวงทำหน้าที่เป็นทั้งพระวิหารและพระอุโบสถด้วยกัน

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
บานประตูเป็นไม้สักสลักรูป “เซี่ยวกาง” มองไปเห็น "พระวิหารหลวง"
       ความพิเศษของการมาวัดแห่งนี้ จะสามารถได้สักการะ ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระมหากษัตริย์ในคราวเดียวกัน แค่นี้ก็รู้สึกน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อฉันมาถึงวัดราชประดิษฐฯ ก็พบกับ บานประตูเป็นไม้สักสลักรูป “เซี่ยวกาง” มีลักษณะเป็นนักรบจีนหนวดยาวหน้าตาขึงขัง นายทวารบาลตามคตินิยมของจีน กำลังรำง้าวอยู่บนหลังสิงห์โต เมื่องมองผ่านประตูก็จะเห็น “พระวิหารหลวง” เป็นพระวิหารหลวงหินอ่อนแห่งแรกของประเทศไทยมีความสวยงามยิ่ง หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีส้มอ่อนๆ มีช่อฟ้าใบระกาประดับเสริมพระวิหารให้เด่นตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่างทุกบานของพระวิหารประดับด้วยรูปลายปูนปั้นเป็นรูปทรงมงกุฎ ตัวบานประตูหน้าต่างสลักด้วยไม้สักเป็นลายก้านแย่งซ้อนกันสองชั้นลงรักปิดทองติดกระจกสี ถือเป็นความปราณีตสวยงามของพระวิหารหลังนี้

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
บรรยากาศภายในพระวิหารหลวง


ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
ภายในพระวิหาร มี "พระพุทธสิหังคปฏิมากร"เป็นพระประธาน และถัดลงมาคือ “พระพุทธนิรันตราย”
       ภายในพระวิหาร มี "พระพุทธสิหังคปฏิมากร" เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีภายใต้ษุษบก ซึ่งมีประวัติเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 นั้นโปรดเกล้าฯ ให้หล่อจำลองจากพระพุทธสิหิงค์ องค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานครเนื่องจากทรงโปรดปรานในพุทธลักษณะและทรงมีพระราชศรัทธาเป็นพิเศษ บนแท่นบูชาเบื้องหน้าซุ้มบุษบกเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญอีกองค์หนึ่งคือ “พระพุทธนิรันตราย” เป็นพระพุทธรูปทองคำ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ศิลปะทวารวดี อันมีความหมายว่า ปราศจากอันตราย ประตูและหน้าต่างประดับมุกลวดลายสวยงาม เป็นงานศิลป์ญี่ปุ่นอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี ที่ รัชกาลที่ 4 ทรงสั่งนำเข้ามาจากเมืองนางาซากิเพื่อสานสัมพันธไมตรี โดยปัจจุบันยังคงความสมบูรณ์และหาชมได้ที่เดียวในประเทศไทย นอกจากนั้นยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังจำลองเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชพิธี 12 เดือน ที่รัชกาลที่ 5 โปรดทรงฯ ให้วาดไว้รอบพระวิหารแห่งนี้

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
จิตรกรรมฝาผนังจำลองเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชพิธี 12 เดือน


ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
"ปราสาทพระไตรปิฎก" หรือเรียกว่า "หอไตร"
       เมื่อฉันสักการะพระพุทธแล้ว ฉันจึงเดินไปทางซ้ายมือของพระวิหารหลวงเพื่อไปบูชาพระธรรม ณ "ปราสาทพระไตรปิฎก" หรือเรียกว่า "หอไตร" เดิมทีปราสาทนี้ เป็นเรือนไม้ สร้างในคราวเดียวกับการสร้างวัด เมื่อครั้นถึงรัชกาลที่ 6 เรือนไม้ทั้งสองก็ชำรุดทรุดโทรมลงไป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ช่างกรมศิลปากรรื้อสร้างใหม่เป็นปราสาทยอดปราค์แบบขอม สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยลวดลายสวยงามมาก ที่นี่มีบันทึกคัมภีร์ที่บันทึกสอนทางพระพุทธศาสนาจารลงในลานด้วยอักษรขอม มีรูปเล่มอย่างหนังสือสันปกหนังสือฝังทองเหลืองเป็นอักษรภาษาไทย บอกชื่อพระไตรปิฏกแต่ละหมวดบรรจุอยู่ในหีบไม้ในตู้สักปิดทองประดิษฐานอยู่ภายในปราสาทพระไตรปิฏกแห่งนี้

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
"ปราสาณเจดีย์" เป็นพระเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่


ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
รูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ผู้ทรงเป็นองค์ปฐมเจ้าอาวาส
       สักการะพระพุทธ พระธรรมแล้ว ฉันเดินต่อไปอย่างด้านหลังพระวิหารหลวง เพื่อ นมัสการ “พระสงฆ์”"ปราสาณเจดีย์" ซึ่งเป็นพระเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่ มีทรงกลมฐานสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูน ภายนอกหุ้มด้วยหินอ่อนทั้งองค์ จึงเป็นที่มาของคำว่า ปาสาณเจดีย์ ซึ่งหมายถึงเจดีย์หิน ที่ซุ้มทางทิศเหนือของเจดีย์มีรูปหล่อของ "สมเด็จพระสังฆราช" (สา ปุสฺสเทโว) ผู้ทรงเป็นองค์ปฐมเจ้าอาวาส เป็นพระรูปหล่อสัมฤทธิ์ปิดทอง ผลงานของช่างชาวสวิซเซอร์แลนด์ ชื่อ ร.เวนิช เป็นผู้ปั้นและหล่อขึ้น ในปีพ.ศ. 2470 ภายในบรรจุ พระอังคารของสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สรีรังคารของพระสาสนโสภณ (อ่อน อหิงฺสโก) สรีรังคารของพระพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส) และสรีรังคารของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม อุฑาฒิโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ทั้ง 4 รูป

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
ปราสาทพระบรมรูป" ของรัชกาลที่ 4 หรือเรียกอีกอย่างว่า “หอพระจอม”
       เมื่อฉันสักการะ พระรัตนตรัย อิ่มอกอิ่มใจแล้ว แน่นอนว่าพลเมืองชาวไทยที่ดีจะต้องแสดงความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ฉึงเดินไปที่ "ปราสาทพระบรมรูป" ของรัชกาลที่ 4 หรือเรียกอีกอย่างว่า “หอพระจอม” ถูกสร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 เป็นพระบรมรูปหล่อโลหะขนาดเท่าพระองค์จริง ที่ฐานพระบรมรูปตกแต่งด้วยภาพปูนปั้นนูนต่ำระบายสีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติแบบสามมิติทั้งสามด้าน  ด้านหน้าเป็นภาพพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ด้านขวาพระองค์เป็นภาพพระโกศทรงพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านซ้ายเป็นภาพการถวายพระเพลิงพระบรมศพภายในพระเมรุมาศท้องสนามหลวง ประดิษฐานอยู่ภายในปราสาทพระบรมรูป

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
"หอพระจอม" และ "พระที่นั่งทรงธรรม"
       ถัดมาทางขวามือ จะเห็น "พระที่นั่งทรงธรรม" หรือ "การเปรียญ" เป็นอาคารคอนกรีตสูงชั้นเดียว ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไทยและแบบตะวันตกได้อย่างกลมกลืน หน้าบันไม้ตอนบนแกะสลักเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์พระมหาพิชัยมงกุฎขนาบฉัตรประกอบ ตอนล่างเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องเอี้ยวศีรษะเสาภายในมีบัวหัวเสาเป็นแบบศิลปะโครินเธียน เพดานตกแต่งด้วยไม้แกะลงรักปิดทองประดับกระจกสีต่างๆ เป็นลายเครื่องราชอิสริยภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก

ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
หน้าบันการเปรียญ


ทัวร์อิ่มบุญ ฉลอง 150 ปี วัดราชประดิษฐฯ สักการะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงคุณค่า
"วัดราชประดิษฐ" จะจัดฉลองครบ 150 ปั วันที 7- 14 มิ.ย. 58 นี้
       ในที่สุดฉันก็ได้ชมและสักการะทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระมหากษัตริย์ในคราวเดียวกันสมใจแล้ว ล่าสุดฉันได้ทราบข่าวอันดีมาว่า ทางวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ในวันที่ 7-14 มิถุนายน 58 ที่จะถึงนี้ ทางวัดได้จัดงานฉลอง ครบรอบ "150 ปี วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม" ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองภายในวัดได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเปิดอาคารพระที่นั่งทรงธรรมให้ได้ชมกันซึ่งเป็นโอกาศอันดีที่หาได้ยาก รวมทั้งมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ การทำบุญสร้างไหกระเทียม การถวายประทีปเป็นพุทธบูชา และสวดมนต์ข้ามคืน ในวันที่ 9 มิถุนายน  ความรู้สึกประทับใจและตื่นตาตื่นใจกับความพิเศษของวัดเล็กๆแห่งนี้ยังคงอยู่ในใจฉัน ซึ่งสถานที่ในวัดแห่งนี้ในทุกๆที่มีคุณค่า สวยงาม และประวัติน่าสนใจ ที่ประชาชนแบบเราๆ ควรไปเที่ยวชมด้วยตัวเองสักครั้ง

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ใกล้กับกระทรวงกลาโหม ถนนสราญรมย์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2622-2076, 08-6511-7234

การเดินทาง มี่รถประจำทางที่ผ่านสาย 1, 2, 12 และสาย 60   
//manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063648




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2558   
Last Update : 5 มิถุนายน 2558 21:04:32 น.   
Counter : 1074 Pageviews.  

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
วัดบุปผาราม วัดงามแห่งเมืองตราด
       “ตราด” เป็นจังหวัดชายทะเลตะวันออกที่มี “หมู่เกาะช้าง”เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกับจำนวนเกาะมากถึง 52 เกาะ นั่นจึงทำให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกให้ตราดเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” อันเป็นหนึ่งในแคมเปญท่องเที่ยวหลักของปีนี้ พร้อมกับดึงเสน่ห์ความเป็นเมืองแห่งหมู่เกาะมาชูเป็นสโลแกน “ตราด เมืองเกาะในฝัน”

       อย่างไรก็ดีนอกจากจะมากไปด้วยเกาะงามๆแล้ว ตราดยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้เที่ยวชมกันอีกหลากหลาย ทั้งธรรมชาติ หาดทรายชายทะเล วิถีชุมชน สวนผลไม้ ซึ่งในช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค. เช่นนี้ กำลังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ของภาคตะวันออก(ระยอง จันทบุรี ตราด)พอดี

       นอกจากนี้ตราดก็ยังมีวัดวาอารามที่น่าสนใจอีกไม่น้อย โดยเฉพาะกับ“วัดบุปผาราม” นั้นถือเป็นหนึ่งในวัดสำคัญแห่งเมืองตราด ที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากหลาย

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
วัดบุปผาราม วัดได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดใน จ.ตราด
1...

“วัดบุปผาราม” ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการ บ้านปลายคลอง ต.วังกระแจะ อ.เมือง เป็นวัดที่ได้ชื่อว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดตราด มีอายุมากกว่า 300 ปี ตามประวัติระบุว่า...วัดบุปผารามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยของพระเจ้าปราสาททอง(พ.ศ.2195) โดย “หลวงเมือง” คหบดีชาวบ้านเกาะกันเกราผู้คิดริเริ่มสร้างวัด ได้ร่วมมือกับชาวบ้านเสาะหาพื้นที่สร้างวัด

เมื่อพวกเขาออกสำรวจเรื่อยมาจนถึงบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ต่างพากันได้กลิ่นดอกไม้หอมอบอวล แต่ว่าหาต้นดอกไม้แหล่งกำเนิดกลิ่นไม่พบ หลวงเมืองกับชาวบ้านจึงตกลงปลงใจที่จะสร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ เพราะเชื่อว่านี่คือนิมิตหลายอันดี แถมทำเลที่ตั้งวัดก็ดีคือตั้งอยู่บนเนิน เมื่อสร้างวัดขึ้นมาจะทำให้ดูโดดเด่น พวกเขาจึงร่วมกันสร้างวัดขึ้นมาพร้อมกับตั้งชื่อว่า “วัดบุปผาราม” ที่หมายถึงสวนดอกไม้ หรืออารามแห่งดอกไม้...

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ภายในวัดบุปผาราม มีการจัดภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น เป็นระเบียบเรียบร้อย
       วัดบุปผารามยังมีอีกชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกขานกันนั่นก็คือ “วัดปลายคลอง” เพราะตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านปลายคลอง นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ “วัดเนินหย่อง” เพราะเดิมใกล้ๆวัดมีต้นหย่องขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก, “วัดปากทาง” เพราะตั้งอยู่ช่วงต้นของเส้นทางไปทำสวนพริกไทยซึ่งเป็นอาชีพที่นิยมกันมากในสมัยโบราณ

       วัดบุปผารามมีหลักฐานบันทึกความเป็นมาสำคัญๆของวัด อาทิ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.2225 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์หรือหลวงพ่อโหได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบุปผารามครั้งใหญ่

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
สนามหญ้าเขียวกลางวัด ช่วยให้ผู้เข้าวัดผ่อนคลายสบายตา
       ครั้นมาถึงยุคปัจจุบันก่อนที่วัดบุปผารามจะมีความงดงามน่าอยู่ดังเช่นทุกวันนี้ หลวงพี่ท่านหนึ่งที่วัดบุปผารามเล่าให้ผมฟังว่า วัดแห่งนี้เคยถูกทอดทิ้งทรุดโทรมมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2521 ท่านพระครูสุวรรณสารวิบูล เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้ร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านทำการบูรณะพัฒนาวัดบุปผารามเรื่อยมา จนได้รางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างในปี 2537 และได้รับรางวัลวัดอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยดีเด่น ปี 2544 จากสมาคมสถาปนิกสยาม

       ปัจจุบันวัดบุปผารามมีการจัดภูมิทัศน์ที่เป็นระเบียบสวยงาม ร่มรื่น สะอาดสะอ้านดูสบายตา มากไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะสนามหญ้าสีเขียวกลางวัดนั้น ช่วยเบรกสายตาจากความร้อนแรงของแสงแดดบ้านเราได้ดีทีเดียว

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
วัดบุปผาราม เป็นวัดที่มีความเขียวขจีอยู่ทั่วไป


       สำหรับสิ่งน่าสนใจในวัดแห่งนี้ ผมขอเริ่มที่ “พระอุโบสถ” หรือ “โบสถ์” ที่ไม่ใช่โบสถ์ธรรมดา หากแต่เป็นโบสถ์ 2 ชั้นที่ไม่ใช่ชั้นบนกับชั้นล่าง แต่ว่าเป็น“โบสถ์ชั้นนอก” กับ “โบสถ์ชั้นใน”

       โดยโบสถ์ชั้นในนั้นเป็นโบสถ์เก่าแก่ดั้งเดิม แต่ด้วยความที่โบสถ์เดิมนั้นมีสภาพชำรุดทรุดโทรมหนัก ทางกรมศิลป์(โดยผู้รับเหมาอีกที)ได้เข้ามาบูรณะในปี 2526 แล้วได้สร้างโบสถ์ชั้นนอกครอบโบสถ์เก่า กลายเป็นโบสถ์ 2 ชั้น

แต่..อนิจจา โบสถ์ชั้นนอกนี้ไม่รู้ใครเลือกวัสดุ เพราะดันฉาบผนังด้านนอกด้วยทรายล้าง ที่เมื่อดูเผินๆไกลๆอาจจะดูเหมือนโบสถ์ทั่วๆไป แต่ว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆมันประดักประเดิดพิลึก ไม่กลมกลืน ไม่เข้าพวกกับของเดิม

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
พระอุโบสถ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโต
       เรื่องนี้ผมยังจำคำพูด(บ่น) ของหลวงพี่ท่านหนึ่งที่เคยพาผมชมวัดในการมาเที่ยววัดบุปผารามครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้วได้ดี หลวงพี่ท่านนั้นบ่อให้ผมฟังว่า ช่วงที่กรมศิลป์ให้ผู้รับเหมามาทำการบูรณะ ได้กันพระในวัดออก ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว งานที่ออกมาเลยดูไม่จืดแบบนี้

       อย่างไรก็ดีด้วยรูปทรงอันสมส่วนและองค์ประกอบทางพุทธศิลป์ดั้งเดิมในบริเวณโบสถ์ที่ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม มันก็ช่วยทำให้ผม(แกล้ง)ลืมจุดด้อยเรื่องผนังทรายล้างไปไม่น้อยโดยเฉพาะเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ที่สร้างเรียงรายรอบข้างโบสถ์ ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้สวยงามดูคลาสสิกทรงเสน่ห์มาก

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่สร้างเรียงรายอยู่ข้างๆโบสถ์
       เช่นเดียวกับภายในโบสถ์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความงามอันสุดคลาสสิกแถมยังมีอันซีนให้สังเกตกันอีกด้วย โดยเมื่อเข้ามาในโบสถ์จะพบกับ “หลวงพ่อโต” องค์พระประธานของโบสถ์ที่สร้างด้วยงานศิลปกรรมพื้นบ้านที่แม้จะเรียบง่าย แต่ดูมีเสน่ห์และขลัง

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
บรรยากาศภายในโบสถ์
       องค์หลวงพ่อโตสร้างจากทรายแดงฉาบปูน สันนิษฐานว่าท่านสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีพระพักตร์อมยิ้มละไม

       หลวงพ่อโตองค์นี้ได้ชื่อว่าเป็นพระอันซันของเมืองตราด เพราะท่านมีพุทธลักษณะที่ต่างไปจากพระพุทธรูปทั่วไป คือ ทั้งที่นิ้วมือและนิ้วเท้าของท่านมี “เล็บมือ-เล็บเท้า” สีขาวขุ่นเหมือนเล็บของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆซึ่งถือว่าแปลกทีเดียว เพราะปกติพระพุทธรูปทั่วๆไป นิ้วมือจะเขียนเป็นลายเล็บแบบเรียบๆ ไม่ได้มีการลงสีสันเล็บให้เหมือนกับเล็บคนแต่อย่างใด

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
หลวงพ่อโต พระประธานภายในโบสถ์ มีอันซีนที่เล็บมือและเล้บเท้า
       นอกจากนี้หลวงพ่อโตยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตราด โดยชาวตราดเคารพนับถือท่านไม่ต่างไปจากพระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อวัดไร่ขิงเลยทีเดียว



       ภายในโบสถ์ดั้งเดิมหรือโบสถ์ชั้นในหลังนี้ ยังมีอีกหนึ่งสิ่งอันโดดเด่นเป็นพิเศษนั่นก็คือภาพจิตกรรมฝาผนังที่สุดคลาสสิก ซึ่งแม้ปัจจุบันภาพหลายส่วนจะชำรุดเลอะเลือนไป แต่ว่างานส่วนใหญ่ที่เลือกก็ยังคงความงามและความขลังเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมกัน เพียงแต่ว่าใครที่มีโอกาสได้เข้าไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นี่ ต้องไม่ไปสัมผัสกับภาพเหล่านั้น และเวลาถ่ายรูปก็ต้องไม่ใช่แฟลชอันมีส่วนทำให้ภาพเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างพื้นบ้านอันคลาสสิกสวยงาม
       สำหรับภาพจิตกรรมฝาผนังในโบสถ์วัดบุปผารามนั้นวาดด้วยฝีมือช่างพื้นบ้านสมัยรัตนโกสินทร์ กับรูปแบบการวาดสไตล์จีนที่แม้จะไม่ได้สวยปิ๊งนิ้งเนียบ แต่ว่างานฝีมือลายเส้นที่ถ่ายทอดออกมานั้นถึงอารมณ์มาก มีทั้งภาพที่วาดเป็นเรื่องราว อย่าง ภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรม ภาพกระตั้วแทงเสือ ภาพชาย-หญิงชาวจีนมีทั้งที่ถืออาวุธและถืออุปกรณ์อื่นๆ ภาพหญิงสาวชาวไทยสมัยก่อน และภาพเลียนแบบลายกระเบื้องประดับแซมด้วยดอกไม้ประดับไปทั่วผนัง ทั้งที่ผนังซ้าย-ขวาด้านข้างองค์พระประธานนั้นช่างวาดเป็นดอกโบตั๋น

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังบุคคลชาวจีน กับลายกระเบื้องและดอกไม้
ส่วนกลุ่มดอกไม้(และนก)ที่ประดับเรียงรายบนผนังหลังองค์พระประธานนั้นช่างวาดเป็นดอกพุดตาน ซึ่งภาพวาดดอกไม้ต่างๆในวัดแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นในโบสถ์ วิหารพระนอน หรือตามจุดอื่นๆนั้นเป็นการสื่อสัญลักษณ์อันชัดเจนถึงความเป็นอารามดอกไม้ของวัดแห่งนี้

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ภาพจิตรกรรมหญิงสาวชาวไทย


       ภายในวัดบุปผารามบริเวณเขตพุทธาวาสใกล้ๆกับโบสถ์ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆให้เที่ยวชม ได้แก่ มณฑปหลังคากระโจม ที่มีอยู่ 3 หลัง หลังแรกประดิษฐานรอยพระพุทธบาท 4 รอย,หลังที่สองประดิษฐานรอยพระพุทธบาทมงคล 108 ,ส่วนหลังที่สามสร้างทับซ้อนรากของเจดีย์องค์เดิมที่พังทลายลงไป

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
โบสถ์และมณฑป 1 ใน 3
       นอกจากนี้ก็ยังมี“โบสถ์หลังเก่า”(บางข้อมูลเรียกวิหารฝากระดาน) เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ รูปทรงโค้งแบบเรือสำเภาอันเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในวัด สร้างตังแต่สมัยอยุธยา ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้กำลังทำการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์เก่าหลังนี้อยู่

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
โบสถ์หลังเก่าที่กำลังบูรณะ
       ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่กลางระหว่างโบสถ์หลวงพ่อโตกับโบสถ์หลังเก่าเป็น “วิหารพระพุทธไสยาสน์” หรือ “วิหารพระนอน” ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง หน้าบันและซุ้มหน้าต่างประดับด้วยเครื่องถ้วยจีนและเครื่องถ้วยยุโรป

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ขอพรองค์พระนอน
       ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอนที่สร้างด้วยงานศิลปกรรมแบบพื้นบ้าน ที่ผนังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสไตล์เดียวกับภายในโบสถ์หลวงพ่อโต แต่ว่าส่วนใหญ่ภาพเลือนหายไป หลวงเหลือเพียงบางส่วนกับภาพดอกไม้ และภาพนก ที่มีทั้งภาพดั้งเดิมและภาพที่ดูเหมือนเขียนซ่อมแซมใหม่

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
จิตกรรมฝาผนังลวดลายดอกไม้ในวิหารพระนอน
       ส่วนอีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจภายในวัดแต่ไม่ได้อยู่บริเวณโบสถ์หลวงพ่อโตนั่นก็คือ “พระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่” ที่ประดิษฐานอยู่ใน "เรือนพระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่" เป็นอาคารไม้ทรงไทย กลางสนามหญ้า

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
บรรยากาศในศาลาพระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่
       พระพุทธรูปไม้แกะสลักเก่าแก่องค์นี้เป็นงานศิลปะแบบพม่า ที่ประดิษฐานร่วมกับพระพุทธรูปน่าสนใจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น พระนอน พระยืน พระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์

       ในพื้นที่สนามหญ้ากลางวัดยังมีศาลาประดิษฐานรูปเคารพหุ่นขี้ผึ้ง “หลวงพ่อโห” และ รูปเคารพ “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” กำลังประทับนั่งอยู่ใกล้ๆกัน

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อโห อดีตเจ้าอาวาสองค์สำคัญของวัด
       นอกจากนี้ที่วัดบุปผารามยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ “สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงม้า”อยู่ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์หลังเล็ก ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์ 2 หลัง ใหญ่-เล็ก เก็บศิลปวัตถุอันทรงคุณค่าให้เราได้ศึกษาเรียนรู้

       และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์และสิ่งน่าสนใจต่างๆของวัดบุปผาราม วัดงามแห่งเมืองตราด ซึ่งสำหรับผมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการมาเยือนวัดบุปผาราม(เคยเขียนแนะนำวัดแห่งนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว) แต่ว่าถึงแม้จะมาซ้ำสอง ซ้ำสาม หรือซ้ำบ่อยๆ ยังไงๆผมก็ยังหลงใหลชื่นชอบในมนต์เสน่ห์ของวัดแห่งนี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
รูปเคารพสมเด็จพระเจ้าตากสินในศาลเดียวกับรูปเคารรพหลวงพ่อโห
เพราะวัดแห่งนี้ยังคงเป็นวัดที่มีความเป็น“วัด” ต่างไปจากวัดหลายๆแห่งที่มีแต่ความเป็น“วัตถุ”มากมาย แต่ทว่าหาแก่นของความเป็นวัดไม่เจอ ซึ่งสำหรับวัดบุปผารามแล้วในวันที่ผมเข้าไปเที่ยวชม แม้เราอาจจะรู้สึกร้อนกายไปตามสภาพอากาศอันร้อนระยับ

แต่ว่าวัดแห่งนี้กลับให้ความรู้สึก“เย็นใจ”ได้ดีทีเดียว

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก/ปิ่น บุตรี
ต้นสาละภายในวัดที่กำลังออกดอกสวยงาม
       ***********************************************************

หมายเหตุ : การเที่ยวชมสถานที่ภายในของวัดบุปผารามบางจุดต้องขออนุญาตจากทางวัดก่อน

- ผู้สนใจสอบถามข้อมูลวัดบุปผาราม และข้อมูลทางการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พักโรงแรม และข้อมูลการเดินทางใน จ.ตราด เพิ่มเติมได้ที่ ททท.ตราด โทร. 0 3959 7259-60

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *//manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060789




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2558   
Last Update : 28 พฤษภาคม 2558 20:44:29 น.   
Counter : 1933 Pageviews.  

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
วิวทิวทัศน์ทะเลหมอกยามเช้าในแอ่งกระทะหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งจังหวัดพะเยา
“กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม”

       นี่คือคำขวัญจังหวัด“พะเยา” จังหวัดเล็กๆแห่งภาคเหนือตอนบนที่ใครหลายๆคนอาจจะมองเป็น“เมืองผ่าน” หรือไม่ก็มองข้ามผ่านจังหวัดนี้ไป

แต่ว่าถ้าหากใครมีโอกาสไปเที่ยวสัมผัสจังหวัดพะเยากันอย่างจริงจัง ก็จะพบว่าพะเยาเป็นเมืองเล็กๆที่แฝงเร้นไปด้วยมนต์เสน่ห์อันชวนค้นหาอยู่มากมาย

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต เส้นเลือดหลักแห่งจังหวัดพะเยา
กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต

       สำหรับสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนพะเยาก็คือการไปเที่ยวชม“กว๊านพะเยา”หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและเป็นดังสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้

       กว๊านพะเยาเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ.เมือง พะเยา กว๊านพะเยานอกจากจะเป็นดังแหล่งชีวิตเส้นเลือดหลักของเมืองพะเยาแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องของทัศนียภาพอันงดงาม โดยเฉพาะบรรยากาศในยามเช้าและเย็นอันทรงเสน่ห์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ใครต่อหลายคนมาเยือนยังกว๊านพะเยาแห่งนี้

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
กว๊านพะเยา สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดพะเยาที่ไม่ควรพลาด
       โดยในช่วงเช้าตรู่ของวันอากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆลอยโผล่พ้นเหลี่ยมเขาเหนือน่านน้ำในกว๊าน มีสายหมอกลอยจางๆ มีภาพชาวบ้านพายเรือออกหาปลา ท่ามกลางแสงสีเหลืองทองของแสงแดดที่สาดส่อง จากนั้นในช่วงประมาณ 7 โมงเช้าจะมีกิจกรรม “ตักบาตรข้าวเหนียว” ที่ริมกว๊านให้ผู้สนใจได้ทำบุญใส่บาตรกัน

       ส่วนในเวลาเย็น บรรยากาศยามพระอาทิตย์ค่อยๆลาลับหลังม่านขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเคียงคู่ผืนแผ่นน้ำแห่งท้องทะเลสาบนั้น ดูงดงามเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยากันเป็นจำนวนมาก

       บริเวณริมกว๊านยังมีโรงแรม ที่พัก จำนวนหนึ่งให้เลือกสรร ส่วนที่มีมากก็คือร้านอาหารที่ตั้งอยู่เรียงราย โดยมี 2 เมนูชูโรงคู่กว๊าน คือ “ปลาเผา” และ “กุ้งฝอยทอด” อันชวนกิน

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
บรรยากาศพักผ่อน ออกกำลังกายยามเย็นริมกว๊าน
       นอกจากนี้ที่ริมกว๊านฝั่งตรงข้ามถนนยังมีที่พักและร้านอาหารเรียงรายให้เลือกสรร ส่วนทางด้านริมฝั่งน้ำก็มีการจัดสวนสาธารณะ มีการจัดทำมุมเก๋ๆ ประดับประติมากรรมเท่ๆ ให้ถ่ายรูปกันเป็นที่เพลิดเพลิน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ประติมากรรม“พญานาคคู่”ที่อ้างอิงมาจากตำนานพญานาคแห่งกว๊านพะเยา ซึ่งในช่วงยามเย็นที่สวนริมกว๊านจะดูคึกคักมากไปด้วยสีสัน ทั้งจากผู้ที่มาท่องเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย ชมวิว และมาเฝ้าชมพระอาทิตย์ตกดินที่ถือเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ของที่นี่

       ขณะที่ฝั่งตรงข้ามของรูปปั้นพญานาคก็จะเป็น“อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง”กษัตริย์องค์ที่ 9 (พ.ศ. 1801 - 1841)แห่งเมืองภูกามยาว(เมืองพะเยาในสมัยโบราณ)ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้จนรุ่งเรืองให้เราได้เคารพสักการะกัน

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
ประติมากรรมพญานาคริมกว๊าน
หลวงพ่อศิลา - วัดติโลกอาราม

       กว๊านพะเยายังมีสถานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “วัดติโลกอาราม” วัดกลางน้ำที่ตั้งเด่นอยู่บนเกาะกลางกว๊าน สามารถมองเห็นได้ไกลๆจากบนฝั่ง

       วัดติโลกอาราม เป็นวัดที่สันนิษฐานว่า พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาเมืองเชียงใหม่ โปรดฯให้เจ้าหัวแสน เจ้าเมืองพะเยาสร้างขึ้นมาในช่วงราวปี พ.ศ. 2019-2030

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
วัดติโลกอาราม ตั้งเด่นอยู่กลางกว๊านสามารถมองเห็นได้จากบนฝั่ง
       ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงยุคปัจจุบันในปี พ.ศ. 2484-2484 ทางกรมประมงได้กั้นประตูน้ำเพื่อกักเก็บน้ำจนเกิดเป็น“กว๊านพะเยา”ขึ้นมา แต่การกั้นประตูน้ำในครั้งนั้นส่งผลให้ ชุมชน บ้านเรือน เรือกสวน และวัดหลายแห่งในพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมถึงวัดติโลกอารามที่ต้องจมลงอยู่ใต้ผืนน้ำ

       จากนั้นในปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านวัดศรีอุโมงค์คำได้ขุดค้นพบพระเครื่องและพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ที่ต่อมาเรียกขานว่า “หลวงพ่อศิลา” หรือ “พระเจ้ากว๊าน” ซึ่งทางชาวบ้านได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ “วัดศรีอุโมงค์คำ” โดยได้มีการทำพิธีสมโภชน์ถึง 7 วัน 7 คืนด้วยกัน

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
วัดติโลกอาราม วัดกลางแจ้งกลางกว๊าน ประดิษฐานหลวงพ่อศิลาโดดเด่น
       ต่อมาในปี 2550 ได้มีการสำรวจวัดร้างกลางกว๊านที่ค้นพบหลวงพ่อศิลา พบหลักฐานเป็นศิลาจารึกเขียนด้วยตัวอักษรฝักขาม แปลได้ว่า“วัดติโลกอาราม” ทางจังหวัดจึงได้ลงมือบูรณะปรับแต่งวัดติโลกอารามแล้วเสร็จภายในปี 2550 จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลาให้มาประดิษฐานที่วัดติโลกการามเป็นการกลับคืนสู่กว๊านพะเยาอีกครั้ง

       ปัจจุบันวัดติโลกอารามมีหลวงพ่อศิลาที่มีพุทธลักษณะอันงดงามเป็นพระประธาน ประดิษฐานโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแจ้งบนเกาะกลางกว๊านพะเยา ให้พุทธศาสนิกชนได้นั่งเรือแจวพื้นบ้านจากท่าเรือวัดติโลกอาราม(ค่าเรือคนละ 30 บาท นั่งเรือประมาณ 10 นาที) มาสักการะหลวงพ่อศิลาท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของสายน้ำขุนเขาอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์แห่งกว๊านพะเยา

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
หลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม อีกหนึ่งพระพุทธรรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพะเยา
เวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในไทย

       ปี พ.ศ. 2550 ในการอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับคืนสู่กว๊านพะเยา ทางจังหวัดได้ริเริ่มจัดงาน“เวียนเทียนกลางน้ำ”รอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอารามขึ้นเป็นครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา จากนั้นก็ได้จัดงานเวียนเทียนกลางน้ำปฏิบัติเป็นประเพณีคู่เมืองพระเยาเรื่อยมาในทุกๆวันพระใหญ่ คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระ-เณร สวดมนต์ที่วัดติโลกอารามในพิธีเวียนเทียนกลางน้ำ
       งานประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา จะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวัน(ประมาณ 17.00 น.) โดยจะมีการนำพระภิกษุ-สามเณร นั่งเรือขึ้นไปทำพิธี สวดมนต์ ที่ลานหลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม จากนั้นจะเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน นำดอกไม้ธูปเทียนนั่งเรือแจวพื้นบ้าน(เรือนำเที่ยว)ไปลอยลำเวียนเทียนรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอาราม ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้สนใจได้มาร่วมเวียนเทียนกลางน้ำเป็นรอบๆไป

       นับเป็นประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ“หนึ่งเดียวในไทย”ของจังหวัดพะเยา ที่นอกจากจะเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์จากพลังแห่งศรัทธาที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พุทธศาสนิกชน นั่งเรือมาเวียนเทียนกลางน้ำรอบหลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม
พระเจ้าตนหลวง-หอวัฒนธรรมนิทัศน์

       ในตัวเมืองพะเยายังมีอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งล้านนานั่นก็คือ“พระเจ้าตนหลวง” พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ซึ่งว่ากันว่าใครที่ไปเยือนพะเยาแล้วถ้าไม่ได้ไปกราบสักการะองค์พระเจ้าตนหลวงก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงพะเยาโดยสมบูรณ์

       พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ใน“วิหารพระเจ้าตนหลวง” แห่ง “วัดศรีโคมคำ” หรือ“วัดพระเจ้าตนหลวง” โดยเมื่อเดินเข้าเขตกำแพงวิหารมาแล้ว ทางด้านขวามือจะมีองค์พระเจ้าตนหลวงจำลองให้พุทธศาสนิกชน ปิดทอง จุดธูปเทียน บูชา ส่วนพระเจ้าตนหลวงองค์จริงประดิษฐานอยู่ในวิหารให้เราได้เข้าไปกราบไหว้ ขอพรกัน

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา
       พระเจ้าตนหลวงนอกจากจะมีพุทธลักษณะอันงดงามแล้ว ยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา หน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 17 เมตร ใช้เวลาสร้างถึง 33 ปี ปัจจุบันมีอายุเก่าแก่กว่า 520 ปี

       ทุกๆปีในวันวิสาขบูชา จะมีการจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวง เรียกว่างานประเพณี “นมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง”

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระอุโบสถกลางน้ำ วัดศรีโคมคำ
       จากวิหารพระเจ้าตนหลวงหากเดินไปทางด้านหลังอีกนิดก็จะพบกับ “พระอุโบสถกลางน้ำ” โบสถ์หลังใหม่ที่สร้างอย่างสวยงามสมส่วนด้วยศิลปะล้านนาประยุกต์ ภายในโบสถ์โดดเด่นไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามฝีมือ (ท่าน)“อังคาร กัลป์ยาณพงษ์” ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ส่วนด้านหลังโบสถ์ติดกับกว๊านพะเยา จึงมีคนนิยมมาทำบุญด้วยการ ปล่อยปลา ปล่อยเต่า กันอยู่เสมอ

       วัดศรีโคมคำยังมีอีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่ไม่ควรพลาดก็คือ “หอวัฒนธรรมนิทัศน์” ที่ภายในจัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ โดยได้รวบรวมศิลปวัตถุน่าสนใจมากมายมาจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ พระพุทธรูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผา ศิลาจารึก ฯลฯ ส่วนถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของหอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ก็คือซากฟอสซิลต่างๆ อาทิ ฟอสซิลไดโนเสาร์,ฟอสซิลช้าง 4 งา, ฟอสซิลปูคู่รักมหัศจรรย์อันน่าทึ่ง เป็นต้น

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
โถงจัดแสดงชั้นล่างของหอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ
       ด้วยความน่าสนใจของหอวัฒนธรรมฯ ทั้งจากสิ่งสำคัญต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดง และการถ่ายทอดเรื่องราวในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ ทำให้หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ ได้รับ“รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” หรือ“รางวัลกินรี” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยสามารถคว้า“รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม” ในปี พ.ศ. 2554 และ “รางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว” ในปี พ.ศ. 2556 มาครอง นับเป็นรางวัลเกียรติยศทางการท่องเที่ยวที่การันตีในความน่าสนใจและความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ที่สร้างสรรค์หอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ ซึ่งหลักๆแล้วก็เป็นพระจากวัดศรีโคมคำนั่นเอง

เที่ยววัดงามในเมือง

       นอกจากวัดศรีโคมคำและวัดติโลกอารามที่มี 2 พระพุทธรูปสำคัญแล้ว ในตัวเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจให้ไปสัมผัส ทัวร์ธรรมมะ ไหว้พระทำบุญ ชมสิ่งน่าสนใจภายในวัดเหล่านั้นกัน ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” ขอเริ่มกันที่“วัดพระธาตุจอมทอง” ที่ตั้งอยู่นดอยจอมทอง ตรงข้ามกับวัดศรีโคมคำ

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระธาตุจอมทองคู่เมืองพะเยาแห่งวัดพระธาตุจอมทอง
       ภายในวัดพระธาตุจอมทอง โดดเด่นไปด้วยองค์“พระธาตุจอมทอง” พระธาตุศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามคู่บ้านคู่เมืองพะเยา

       ส่วนอีกหนึ่งวัดสำคัญคู่เมืองพะเยาที่มีสิ่งน่าสนใจในระดับสุดยอดแห่งล้านนาให้ทัศนากันนั่นก็คือ“วัดศรีอุโมงค์คำ” ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ถ.ท่ากว๊าน ต.เวียง อ.เมือง

       วัดศรีอุโมงค์คำหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดสูง” เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่เป็นเนินสูงเด่น ภายในวัดโดดเด่นไปด้วยองค์พระธาตุเจดีย์สีทองอายุเก่าแก่ไม่ตำกว่า 400 ปี ที่ตั้งอยู่บนเนินเห็นเด่นเป็นสง่า อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปน่าสนใจให้สักการะ อย่าง “พระเจ้าทันใจ”, “องค์หลวงพ่อศิลาจำลอง” และ “พระเจ้าแข้งคม” ที่เป็นพระพุทธรูปหินทรายศิลปะพื้นบ้านที่ช่างได้สร้างสรรค์ให้ท่านมีหน้าแข้ง(พระชงฆะ) เป็นเหลี่ยมเป็นสันคมชัดอย่างชัดเจน
       15

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์ วัดศรีอุโมงค์คำ พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่ามีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดในล้านนา
       ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดศรีอุโมงค์คำแห่งนี้ก็คือ “หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์”(หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ”พระเจ้าล้านตื้อ” หรือ “พระเจ้าแสนแส้”) พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม มีพระวรกายอวบอิ่ม พระพักตร์ดูอมยิ้มตลอดเวลา ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งแห่งดินแดนล้านนา

เที่ยววัดงามรอบเมือง

       ในเขตอำเภอเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจอีกจำนวนหนึ่งที่แม้จะอยู่รอบนอกตัวเมืองไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าต่อการไปเที่ยวชม ซึ่ง“ตะลอนเที่ยว” ขอเริ่มกันที่ “วัดลี” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านหล่ายอิง ต.เวียง อ.เมือง (ใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 3)

       วัดลีมีองค์พระธาตุวัดลีเป็นปูชนียสถานสำคัญ รวมถึงภายในวัดมี “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดลี” ที่เก็บสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุน่าสนใจอันหลากหลาย โดยเฉพาะ“พระพุทธรูปหินทราย” ที่ทางวัดจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมาก

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
งานแกะสลักหินทราย ณ อุทยานพุทธศิลป์ วัดผาธรรมนิมิต
       ส่วนอีกหนึ่งวัดที่มีงานพุทธศิลป์ที่สร้างสรรค์จากหินทรายที่น่าสนใจยิ่งก็คือ“วัดผาธรรมนิมิต” หรือ “วัดห้วยผาเกี๋ยง” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาเกี๋ยง ต.ท่าวังทอง อ.เมือง (ห่างจากตัวเมืองไปราว 10 กม.)

       ด้วยความที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หินทราย ทางวัดจึงสร้างสรรค์หินทรายในพื้นที่เพิงผาของวัดให้เป็น “อุทยานพุทธศิลป์” ที่มากไปด้วยงานแกะสลักพระพุทธรูปหินทรายในปางต่างๆทั้งแบบประติมากรรมนูนสูงและนูนต่ำ นอกจากนี้ก็ยังมีรูปสลักทวยเทพ รอยพระพุทธบาท ซึ่งช่างสามารถแกะสลักออกมาได้อย่างงดงามน่าทึ่ง พระพุทธรูปมีพระพักตร์อ่อนหวานดูมีชีวิตชีวา

       นับได้ว่าทั้งวัดลีและวัดผาธรรมนิมิตถือเป็นแหล่งเที่ยวชมและแหล่งศึกษาพระพุทธรูปหินทรายอันสำคัญที่น่าสนใจยิ่งของภาคเหนือ

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
อุทยานพระพุทธศาสนา อันร่มรื่นแห่งวัดอนาลโยทิพยาราม
       จากนั้นเราชวนขึ้นดอยใกล้เมืองไปยัง "วัดอนาลโยทิพยาราม" ที่ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม ห่างจากตัวเมืองพะเยาไปประมาณ 20 กิโลเมตร

       วัดอนาลโยสร้างโดยพระปัญญาพิศาลเถร(พระอาจารย์ไพบูลย์ฯ) ภายในวัดร่มรื่นตามลักษณะของวัดป่า ซึ่งทางวัดจัดทำเป็น “อุทยานพระพุทธศาสนา” ที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ว่าจะเป็น รัตนเจดีย์ศิลปะแบบอินเดีย-พุทธคยา เก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม

       อีกทั้งยังมี หอพระแก้วมรกตจำลอง เครื่องบูชาพระแก้วมรกต พระเงิน พระทอง พระนาค พระบุษราคัม งาช้างดำ(เป็นคู่)พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก

       นอกจากนี้ภายในวัดอนาลโยยังมีศาลาชมวิวริมเชิงดอยที่สามารถชมทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาได้อย่างชัดเจน

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
วัดอนาลโยฯกับบรรยากาศอันร่มรื่นในแบวัดป่า
อันซีน งดงาม วัดแห่งเชียงคำ

       จากแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตเมืองเราออกนอกเมืองไปยัง“อำเภอเชียงคำ”กันบ้าง

       เชียงคำเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออาศัยอยู่เป็นหลัก และเป็นหนึ่งอีกในอำเภอท่องเที่ยวสำคัญของพะเยา โดยจากตัวเมืองพะเยา มุ่งหน้าผ่าน“ถนนสายดอกไม้” อำเภอดอกคำใต้ ไปยังอำเภอจุนสู่อำเภอเชียงคำ ระหว่างทางเราจะได้พบกับหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว“อันซีนไทยแลนด์” แห่งเมืองพะเยานั่นก็คือ "พระเจ้านั่งดิน" ที่ประดิษฐานอยู่ที่ "วัดพระเจ้านั่งดิน" ต.เวียง อ.เชียงคำ (ห่างจากตัวอำเภอเชียงคำ 4 กม.)

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระเจ้านั่งดิน พระพุทธรูปอันซีนไทยแลนด์
พระเจ้านั่งดิน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีความแปลกเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นหนึ่งเดียวไม่เหมือนที่ไหนๆ เพราะเป็นพระประธานที่ประดิษฐานอยู่บนพื้น ไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ

       สำหรับความเป็นมาของพระเจ้านั่งดินนั้น มีเรื่องเล่าขานว่า ในอดีตเมื่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้เสร็จได้วางท่านไว้บนพื้นราบ ครั้นต่อมามีชาวบ้านพยายามสร้างฐานชุกชีให้อัญเชิญท่านขึ้นตั้งอยู่บนนั้น แต่ปรากฏว่าพยายามเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกสืบต่อกันมาว่า "พระเจ้านั่งดิน"

       ในอำเภอเชียงคำยังมีอีกหนึ่งวัดสำคัญนั่นก็คือ “วัดนันตาราม” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนไชย ในเขตสุขาภิบาลเมืองเชียงคำ

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
วิหารวัดนันตารามที่สร้างด้วยไม้อันสวยงาม
       วัดนันตารามเป็นวัดที่โดดเด่นไปด้วยงานศิลปกรรมแบบไทยใหญ่ ตัววิหารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีการฉลุไม้ตกแต่งลวดลายอย่างสวยงาม ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆอยู่หลายองค์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปหยกขาว,พระเจ้าแสนแส้, พระพุทธรูปเกสรดอกไม้ และพระพุทธปฏิมาประธาน พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนปางมารวิชัย ทำจากทองสำริดทรงเครื่องแบบไทใหญ่ ประทับบนสิงหบัลลังก์ไม้ที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม

และด้วยความงดงามที่ลงตัวทำให้วัดนันตารามได้รับการยกย่องให้เป็นวัดที่สวยที่สุดในจังหวัดพะเยา

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
พระพุทธรูปต่างๆที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดนันตาราม
ภูซาง อันซีนน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียว

       จากอำเภอเชียงคำเราเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1093(เชียงคำ-เทิง) สู่“อำเภอภูซาง” ที่มี “ตลาดชายแดนบ้านฮวก” เป็นด่านการค้าชายแดน(จุดผ่อนปรน) ซึ่งสินค้าหลักๆนั้นจะเป็นสินค้าพื้นบ้าน จำพวกพืชผักสด สมุนไพร ผลไม้ และของป่าที่ส่วนใหญ่นำมาจากฝั่งสปป.ลาว

อำเภอภูซางนอกจากจะเป็นอำเภอชายแดนไทย-ลาวแล้ว ยังเป็นอำเภอสุดท้ายของพะเยาก่อนที่จะข้ามเขตสู่ “อำเภอเทิง” จังหวัดเชียงราย อำเภอที่มี“ภูชี้ฟ้า”เป็นจุดเที่ยวทะเลหมอกอันเลื่องชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมท่องเที่ยวเชื่อมต่อในเส้นทาง “พะเยา-เชียงราย” กันด้วยเส้นทางสายนี้

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
น้ำตกอุ่นภูซาง อีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์
       โดยในอำเภอภูซางนั้นเป็นที่ตั้งของ “อุทยานแห่งชาติภูซาง” ที่มีไฮไลท์คือ “น้ำตกภูซาง” ที่มีความแปลกพิศวงเพราะเป็นน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียวในไทยจนได้รับการยกย่องให้เป็น “อันซีนไทยแลนด์”

       น้ำตกภูซาง มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เป็นน้ำตกหินปูนอันสวยงาม มีชั้นเดียว สูง 20 กว่าเมตร ไหลเป็นสายฟูฟ่องลงมาสู่ธารน้ำเบื้องล่าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติและแมกไม้อันร่มรื่น ภายใต้กันจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบ น่าพักผ่อนหย่อนใจของอุทยานฯ

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
น้ำตกอุ่นภูซาง มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศา
       ต้นกำเนิดของน้ำตกอุ่นภูซางมาจาก "บ่อซับน้ำอุ่น" ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินของพรุน้ำจืดที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งทางอุทยานฯได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากน้ำตกภูซางสู่บ่อซับน้ำอุ่น โดยมีการทำเส้นทางให้เดินอย่างสะดวกสบาย ระหว่างทางผ่านพื้นป่าอันร่มรื่น มากไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอุทยานฯแห่งนี้

ภูลังกา ทะเลหมอกงามดุจภาพวาด

       หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากกว๊านพะเยาแล้วพะเยายังมี“ภูลังกา” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันเลื่องชื่อของจังหวัดนี้

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
ภูนม อีกหยึ่งยอดเขาสำคัญแห่งภูลังกา
ภูลังกา” ตั้งอยู่ในวนอุทยานภูลังกา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง มี “ยอดภูลังกา” เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเราต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป เพราะเส้นทางในช่วงท้ายเป็นถนนลูกรังวิบากสมบุกสมบัน

       จากนั้นเมื่อไปถึงจุดจอดรถตีนภู เราต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1 กม.กว่าๆ ผ่านป่าโปร่งและป่าทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างทางจะมีทางแยก นำสู่“ลานหินล้านปี” ที่เป็นลานหินโบราณ อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆหายาก ขณะที่ในเส้นทางเดินหลักนั้นจะพาไปสัมผัสกับยอดภู 2 ลูก ได้แก่ “ภูนม” ที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งภูลังกา มีความสูงประมาณ 1,600 เมตร

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
เส้นทางเดินไต่เลาะสันเขาสู่ยอดภูลังกา
       ส่วนภูลูกที่สองคือ “ภูลังกา” ที่มียอดสูงสุด 1,720 เมตร “ชาวเมี่ยน(เย้า)” ในพื้นที่เรียกส่วนที่เป็นยอดสูงสุดนี้ว่า“ฟินจาเบาะ” หรือ “แท่นเทวดา” เพราะเชื่อว่า บนนี้เป็นที่สิงสถิตของเทพ เทวดา

ทั้งบนยอดภูนมและภูลังกาเป็นป่าทุ่งหญ้า โล่งแจ้ง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบตัว 360 องศา บนนี้จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และจุดชมทะเลหมอกชั้นดีที่มีคนเดินทางขึ้นมาชมกันไม่ได้ขาด

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
บรรยากาศในโครงการหลวงปังค่า
       นอกจากยอดภูลังกาแล้ว ในพื้นที่ภูลัง ต.ผาช้างน้อย ยังมีสถานที่น่าสนให้เที่ยวชมกันคือ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า” ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางสู่ยอดภูลังกา ภายในศูนย์ฯมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงามน่ายล เน้นพวกกลุ่มไม้ดอก-ไม้ประดับเมืองหนาว โดยมีไฮไลท์คือ“มะเขือมิกกี้เมาส์” ลูกสีเหลืองสดที่ปลูกอยู่ทั่วไป รวมถึงมีร้านกาแฟสดเก๋ๆ ให้เลือกนั่งพัก จิบกาแฟดื่มด่ำบรรยากาศก่อนที่จะขึ้นไปลุยบนยอดภูลังกาต่อไป

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
ทะเลหมอกยามเช้าในขณะที่พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากเหลี่ยมเขาในมุมมองจากภูลังการีสอร์ท
       สำหรับอีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์เคียงคู่กับยอดภูลังกาก็คือ “ภูลังการีสอร์ท” ที่เป็นหนึ่งในที่พักวิวเทพ ตั้งอยู่ริมเขาเบื้องล่างเป็นแอ่งกระทะ

ในยามเช้าของวันที่อากาศเป็นใจ เมื่อมองลงไปยังหุบเขาแอ่งกระทะจะเห็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งอย่างสวยงามท่ามกลางองค์ประกอบของต้นไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ มีภูเขาหินขนาดย่อมขึ้นเป็นพระเอกอยู่ตรงกลาง

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
ม่านทะเลหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งในแอ่งกระทะ เมื่อมองจากภูลังการีสอร์ท
       ทะเลหมอกที่นี่ขึ้นชื่อว่าสวยงามดุจภาพวาด นั่นจึงทำให้มุมมองวิวทะเลหมอกแห่งนี้กลายเป็นดังตัวแทนแห่งภูลังกา และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งพะเยาที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก

และนี่ก็เป็นมนต์เสน่ห์บางส่วนของพะเยา จังหวัดเล็กๆอันสงบ สวยงาม จัดอยู่ในประเภท “จิ๋วแต่แจ๋ว” หรือ “Small is Beautiful” ที่แฝงเร้นไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมายชวนให้ค้นหา

และชวนให้เรา“หลงรัก”พะเยากันอยู่ไม่รู้เบื่อ

อเมซิ่ง“พะเยา”...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว
ภูลังการีสอร์ท ได้ชื่อว่าเป็นที่พักที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าได้อย่างสวยงาม
       *****************************************

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดพะเยาเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงราย(พื้นที่รับผิดชอบ เขียงราย,พะเยา) โทร.0-5371-7433,0-5374-4674-5

       *****************************************
ที่มา  //manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000056500




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2558   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2558 8:25:28 น.   
Counter : 1504 Pageviews.  

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดสุริยเทพ ลูกปัดอันโด่งดังขึ้นชื่อของคลองท่อม กระบี่
“สระมรกตขึ้นชื่อ นามระบือแหล่งลูกปัด งามเด่นชัดน้ำตกร้อน ชื่อกระฉ่อนนกแต้วแร้ว” - คำขวัญอำเภอคลองท่อม

       จากคำขวัญอำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ จะเห็นได้ว่า 1 ใน 4 ของดีคลองท่อม มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผลงานมนุษย์(ในอดีต)สร้างขึ้นนั่นก็คือ “ลูกปัด” อันเลื่องชื่อนามระบือไกล

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
สร้อยลูกปัดจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
ย้อนรอยลูกปัดคลองท่อม

       ลูกปัดคลองท่อม นอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความเป็นแหล่งค้าขายสำคัญแห่งโลกยุคโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว ชุมชนคลองท่อมโบราณยังได้ชื่อว่าเคยเป็นแหล่งผลิตลูกปัดแหล่งใหญ่ เพราะนอกเหนือจากการขุดค้นพบลูกปัดเป็นจำนวนมากในพื้นที่แล้ว ยังมีการขุดค้นพบวัสดุที่ใช้ทำลูกปัดอีกหลากหลาย

       โดยเฉพาะการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญจำพวกเศษแก้ว หินแร่ ที่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำลูกปัดเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในฐานะแหล่งลูกปัดและแหล่งผลิตลูกปัดโบราณแห่งภูมิภาคนี้ ก่อนที่ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง กาลเวลาจะผันผ่าน ค่อยๆกลบฝังลูกปัดคลองท่อมจำนวนมากให้จมลงใต้ผืนดินและจมอยู่กับอดีตนับเป็นพันๆปี

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดหลากชนิดร้อยเรียงเป็นหนึ่ง
       ครั้นมาถึงยุคปัจจุบันลูกปัดคลองท่อมที่ฝังอยู่ใต้ดินได้เผยโฉมออกมาให้ชาวบ้านเห็นเป็นจำนวนมากทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากถูกฝนชะล้างหน้าดินออก แต่ว่าชาวบ้านที่นี่ไม่สนใจ อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าถ้าใครนำลูกปัดมาเก็บไว้ที่บ้าน จะเจ็บป่วย ประสบโชคร้ายหายนะ ลูกปัดโบราณคลองท่อมจึงถูกปล่อยทิ้งไว้ตามสภาพดังเดิม โดยแหล่งที่มีการค้นพบลูกปัดจำนวนมากนี้ ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “ควนลูกปัด” (ควนในภาษาปักษ์ใต้หมายถึงเนินดิน หรือเขาขนาดย่อม)

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
คลองท่อมดินแดนแห่งลูกปัดโบราณ ที่มีการขุดค้นพบเป็นจำนวนมาก
       ควนลูกปัดถูกทอดทิ้งอยู่เป็นเวลานาน จนเมื่อได้มีการขุดค้นสำรวจทางโบราณคดี นั่นจึงทำให้ทราบว่าที่นี่เป็นแหล่งลูกปัดโบราณที่มีมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย จากนั่นลูกปัดคลองท่อมได้มีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกปัดลูกเล็กๆขายได้ราคาดีในหลักพัน หลักหมื่น นั่นจึงทำให้ความเชื่อเรื่องห้ามใครมีลูกปัดไว้ในครอบครองถูกลืมไป ชาวบ้านและคนต่างถิ่นต่างพากันขุดค้นหาลูกปัด มีนักเล่นลูกปัด พ่อค้า นายทุน เข้ามากว๊านซื้อลูกปัดจากชาวบ้าน ซึ่งบางคนเล่นขายหน้าดินกันเป็นคิวเลยทีเดียว

       แต่นั่นเป็นปรากฏการณ์ตื่นลูกปัดในยุคแรกเท่านั้น เพราะปัจจุบันกรมศิลปากรได้เข้ามาดูแลพื้นที่ควนลูกปัด อนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติ ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทำการขุดค้น นั่นจึงทำให้ลูกปัดคลองท่อมอีกจำนวนมากยังคงถูกฝังไว้กับอดีตที่ควนลูกปัดแห่งนี้

       ขณะที่ลูกปัดคลองท่อมจำนวนมากที่ถูกขุดค้นไปแล้วนั้น ส่วนหนึ่งชาวบ้านยังคงเก็บไว้ แต่อีกหลายส่วนได้เปลี่ยนมือไปมากมาย เกิดการเดินทางของลูกปัดคลองท่อมไปทั่วฟ้าเมืองไทย รวมถึงเดินทางไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนา

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
สร้อยลูกปัดหลากสีสัน
พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม

       ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีในยุคที่มีการขุดค้นพบลูกปัดโบราณคลองท่อม ณ บริเวณควนลูกปัด ท่าน“พระครูอาทรสังวรกิจ(สวาส กนฺตสํวโร)” (พ.ศ.2464-2550) อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองท่อม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของคลองท่อมในฐานะแหล่งลูกปัดโบราณ

       ท่านจึงได้เริ่มรวมรวมลูกปัดโบราณควบคู่ไปกับโบราณวัตถุต่างๆมาเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2509 ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้น ควนลูกปัดได้ถูกขุดทำลายลงไปเป็นจำนวนมาก เพื่อนำลูกปัดไปขายให้กับนักนิยมของเก่า พระครูอาทรสังวรกิจจึงได้ดำเนินการสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นภายในวัดด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวของท่านเอง เพื่ออนุรักษ์สมบัติของแผ่นดินและเพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ภาพพระครูอาทรสังวรกิจที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์
       โดยเริ่มแรกท่านได้ก่อตั้ง “พิพิธภัณฑสถานพระครูอาทรสังวรกิจ”ขึ้น ภายในวัดคลองท่อม แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2525

       จากนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม” ดำรงฐานะเป็นแหล่งรวบรวม จัดแสดงลูกปัดโบราณและศิลปวัตถุต่างๆของชุมชนคลองท่อม ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2555 จะมีการดำเนินการดำเนินการปรับปรุงอาคารและการจัดแสดงภายในอาคารให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อมาเป็น “พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม จังหวัดกระบี่” โดยโอนมาให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
อาคารพิพิธภัณฑ์หลังปรับปรุงใหม่
       พิพิธภัณฑสถานคลองท่อมฯหลังใหม่นี้ มีตัวอาคารสีขาวนวล ด้านหน้าประดับประติมากรรมลูกปัดสุริยเทพ ครั้นเมื่อเดินเข้าไปภายในแอร์ที่นี่เย็นฉ่ำมาก และอะไรๆก็ยังคงดูใหม่ มีการจัดวางที่ดูดี ทันสมัย โดยจุดแรก(หากไปเป็นหมู่คณะ)เจ้าหน้าที่จะพาไปชมวีดิทัศน์เรื่องราวของลูกปัดเป็นการอุ่นเครื่องให้ความรู้ในเบื้องต้น

       จากนั้นจะเป็นเส้นทางเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบของการชมพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่คือบังคับเดินไปในเส้นทางเดียว ผ่านส่วนต่างๆของชั้นล่างขึ้นไปยังชั้นสอง ก่อนกลับลงมาชั้นล่างแล้วออกอีกทาง

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ข้าวของโบราณ ไม้กลายเป็นหิน และทุ่นแก้วโบราณ ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์คลองท่อม
       สำหรับข้าวศิลปวัตถุสิ่งน่าสนใจที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์หลักๆแล้วก็เป็นโบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ที่ขุดได้ที่ควนลูกปัดหลังวัดคลองท่อม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือหิน หม้อไห ถ้วยโถโอชาม เครื่องประดับ นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านนำมาบริจาคตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพิพิธภัณฑ์วัดดั้งเดิม รวมถึงมีซากกระดูกช้าง กระดูกวาฬ ไม้กลายเป็นหิน ทุ่นโบราณที่ทำจากแก้ว

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
บรรยากาศการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์คลองท่อม
       ขณะที่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์และเป็นส่วนหลักของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ “ลูกปัด” ที่มีการไล่เรียงให้ความรู้ความเป็นมาของลูกปัด ตั้งแต่ในช่วงแรกที่เราได้รู้จักกับลูกปัด นำมาจนสู่แหล่งลูกปัดสำคัญๆในภาคใต้ และนำมาสู่เรื่องราวของลูกปัดโบราณคลองท่อม โดยในชั้นล่างจะมีข้อมูลพร้อมภาพประกอบ เรียกน้ำย่อย บิวด์อารมณ์ไปเรื่อยๆ ก่อนนำส่งสู่ชั้นสองที่เป็นชั้นไฮไลท์ ซึ่งที่นี่ถือเป็นแหล่งจัดแสดงลูกปัดโบราณที่มีให้ชมกันเป็นจำนวนมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดหลากสี หลายชนิด ร้อยเป็นสร้อย จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์คลองท่อม
       ในการจัดแสดงลูกปัดที่ชั้นสองนี้ มีทั้งลูกปัดหลากหลายชนิดที่ถูกร้อยเสียงผสมผสานกันเป็นสร้อยเส้นงาม มีทั้งที่จัดแสดงแบบแยกเม็ด ทั้งเป็นกลุ่ม เป็นคู่ และเม็ดเดียวโดดๆ โดยลูกปัดเกือบทั้งหมดจะเป็นลูกปัดโบราณที่ถูกนำเสนอแบบดิบๆ ให้สีตามธรรมชาติแบบดั้งเดิม คือจะออกซีดหน่อยๆ เพราะไม่ได้ไปขัดแต่งหรือไปทำให้ดูเหมือนใหม่สีสดใส

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดลายธงชาติ
       สำหรับลูกปัด เครื่องประดับ และวัตถุโบราณขนาดเล็ก จำพวกเดียวกับลูกปัด ที่โดดเด่นน่าสนใจในชั้นนี้ก็มี ลูกปัดหินกึ่งอัญมณี ลูปปัดเขียนลาย ลูกปัดตา ลูกปัดมงคล ตราประทับ จี้และหัวแหวนลูกปัดอำพันทอง รวมถึงลูกปัดที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือ “ลูกปัดนกแสงตะวัน” ที่เป็นวัตถุสีดำมีรูปนกสีขาวอยู่ตรงกลาง, “ลูกปัดธงชาติ” เป็นเป็นหินสีมีลวดลายแดง-ขาว-น้ำเงิน เรียงเป็นแถบเหมือนสีธงไตรรงค์

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ตราประทับรูปสัตว์
       ส่วนที่พลาดไม่ได้เพราะถือเป็นไฮไลท์สำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อีกทั้งปัจจุบันยังถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ อ.คลองท่อม และ จ.กระบี่ ก็คือลูกปัด“สุริยเทพ” อันลือลั่น

       ลูกปัดสุริยเทพ หรือ “ลูกปัดหน้าอินเดียนแดง” หรือ “ลูกปัดหน้าคน” เป็นลูกปัดเก่าแก่หายาก มีชื่อเสียงในระดับโลก ทำจากแก้วด้วยวิธีแก้วโมเสค คือนำแก้วสีขาวและดำมาเรียงเป็นรูปใบหน้า ตา ปาก จากนั้นหลอมด้วยความร้อนจนอ่อนตัว แล้วจึงดึงดูดเป็นเส้นยาว ทำให้มีรูปหน้าตัดคล้ายใบหน้าคน

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดสุริยเทพอีกหนึ่งเม็ดที่หน้าเลือนไปหน่อย จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์คลองท่อม
       ลูกปัดสุริยเทพได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดลูกปัดแห่งคลองท่อม เดิมพบเฉพาะที่คลองท่อมเพียงแห่งเดียวในโลก แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้มีการพบลูกปัดในลักษณะคล้ายกันนี้ที่ประเทศจีน

       ผมได้ชมลูกปัดสุริยเทพที่จัดแสดงและได้ฟังผู้รู้อธิบายวิธีการทำแล้วก็ถึงกับอึ้ง เพราะการะทำให้แก้วมาผสมเป็นใบหน้าแบบนี้ถือว่ายากมาก โดยเฉพาะนี่เป็นการทำตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยโบราณนับเป็นพันปี

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
มีการจำลองรูปลูกปัดสุริยเทพไว้ที่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์
       ขณะที่อีกสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งในความอัศจรรย์ของการสร้างสรรค์ลูกปัดสุริยเทพก็คือ เจ้าลูกปัดนี้มันมีขนาดเล็กจิ๋ว บางชิ้นประมาณเหรียญสลึง บางชิ้นเล็กกว่า แต่ว่าช่างโบราณกลับสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม หลากสีสัน ที่สำคัญคือมีใบหน้าคนประดับอยู่ในนั้น

ต่อยอดภูมิปัญญา

       จากความน่าสนใจในภูมิปัญญาโบราณที่ช่างสามารถสร้างสรรค์ลูกปัดคลองท่อมออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เป็นมรดกแห่งมนุษยชาติตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีพิพิธภัณฑสถานคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวม เก็บรักษาไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ตามปณิธานของพระครูอาทรสังวรกิจ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
Play+Learn = เพลินไปในกิจกรรมเรียนรู้ด้านลูกปัด
       ล่าสุดทาง“สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ(สพร.)” ได้ต่อยอดภูมิปัญญาลูกปัดคลองท่อม ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนในรูปแบบ “Play+Learn = เพลิน” ขึ้นที่ พิพิธภัณฑสถานคลองท่อมฯ ในชื่อ กิจกรรม Play+Learn : นักโบราณคดีน้อยกับลูกปัดโบราณ

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
กิจกรรม Play+Learn : นักโบราณคดีน้อยกับลูกปัดโบราณ
       กิจกรรมนี้ได้จัดให้เยาวชนและชาวบ้านในพื้นที่ผู้สนใจ มาร่วมทำการทดลองขุดค้นหาลูกปัดภายในกระบะจำลองที่จะมีลูกปัดจำลองฝังอยู่ในชั้นปูน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องค่อยๆกะเทาะชั้นปูนออกไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาลูกปัดที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างกระจัดกระจาย ครั้นเมื่อได้ลูกปัดทั้งหมดแล้วก็สามารถนำมาร้อยเป็นเครื่องประดับได้ ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมในกิจกรรมนี้ต่างตั้งใจกะเทาะหาลูกปัดในชั้นปูนกันเพลิดเพลิน แบบมีลุ้นเล็กๆ ก่อนจะยินดีปรีดายามที่ได้พบลูกปัดที่ซุกซ่อนอยู่จนครบ

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
หินและแร่ต่างๆ ก่อนที่จะถูกนำมาทำเป็นลูกปัด
       สำหรับกิจกรรมนี้ทางผู้จัดคือ สพร. ต้องการปลูกฝังการเรียนรู้พื้นฐานทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญของลูกปัดที่เชื่อมโยงเรื่องราวของพื้นที่ในอดีต ตลอดจนให้เกิดกระบวนการตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ ที่สามารถนำไปต่อยอดในชีวิตประจำวัน นำไปต่อยอดในอนาคตที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้

       และนั่นก็เป็นการสานต่อทางภูมิปัญญาแห่งลูกปัดโบราณคลองท่อม ซึ่งสุดท้ายแล้วผมขอกราบคารวะพร้อมสดุดีแด่ท่าน“พระครูอาทรสังวรกิจ” ที่มีปณิธานอันแน่วแน่ พร้อมกับมีวิสัยทัศน์ก้าวหน้ามองเห็นในคุณค่าของโบราณวัตถุ โดยเฉพาะกับ“ลูกปัดโบราณคลองท่อม” ที่วันนี้ได้กลายมาเป็นมรดกอันทรงคุณค่าของแผ่นดิน

       และส่งผลให้ “อำเภอคลองท่อม” เป็นหนึ่งในดินแดนลูกปัดขึ้นชื่อของเมืองไทย

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์คลองท่อม
มรดกทรงคุณค่า

“...การเก็บรักษาไว้นี้ไม่ได้เอามาเป็นส่วนตัว แต่เก็บเอาไว้เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ ได้ศึกษาความเป็นมาของโบราณวัตถุว่ามีความเป็นมาอย่างไร อายุยาวนานสักเท่าไหร่ และเอาไว้เพื่อสร้างวัดคลองท่อม...”

       พระครูอาทรสังวรกิจ(สวาส กนฺตสํวโร)” (พ.ศ.2464-2550) บันทึกไว้ใน“สิ่งเร้นลับที่เปิดเผย” ปี พ.ศ.2500

“คลองท่อม”นามระบือลูกปัด...อัศจรรย์“สุริยเทพ”แห่งกระบี่/ปิ่น บุตรี
ลูกปัดนกแสงตะวัน
       *****************************************

พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ที่วัดคลองท่อม บนถนนเพชรเกษม กม.ที่ 71-72 ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อมประมาณ 1 กม. พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้ชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ระหว่างเวลา 8.30 -12.00 น.(ช่วงเช้า) และ 13.00 - 16.00 น.(ช่วงบ่าย) ค่าเข้าชม คนไทย : เด็ก 10 บาท,ผู้ใหญ่ 20 บาท ต่างชาติ : เด็ก 50 บาท, ผู้ใหญ่ 100 บาท ผู้สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 075-699-223 ต่อ 105,111 หรือที่ 082-507-0727

หมายเหตุ : เนื้อความบางส่วนอ้างอิงข้อมูลจากพิพิธภัณฑสถานคลองท่อมฯ

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ที่มา  //manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055168




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2558   
Last Update : 14 พฤษภาคม 2558 23:38:09 น.   
Counter : 2846 Pageviews.  

"เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล" มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต

เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต
       ก้าวแรกเมื่อได้สัมผัส เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล คือความตื่นตาตื่นใจในสไตล์การตกแต่งที่ดูแปลกตา แต่มีเสน่ห์น่าค้นหา ตัวอาคารเก่าแก่ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งมีให้เห็นอยู่บนท้องถนนย่านเมืองเก่าของภูเก็ต บ่งบอกถึงอดีตอันรุ่งเรืองของสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือโรงแรมซึ่งเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของภูเก็ต และคือสัญลักษณ์ของภูเก็ตในการมาเยือนย่านเมืองเก่า คงไม่แปลกที่เห็นนักท่องเที่ยวกดชัตเตอร์ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน

เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต
เปิดตำนานโรงแรมแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต

       ย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2472 ในยุครุ่งเรืองของการทำเหมืองแร่ดีบุก โรงแรมแห่งแรกของภูเก็ตได้ถือกำเนิดขึ้น มีชื่อว่า “โรงแรม ออน ออน” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางของการทำการค้าระหว่างประเทศ ทำให้โรงแรม ออน ออน มีโอกาสได้ต้อนรับทั้งพ่อค้าวาณิชย์ชาวจีน ปีนัง และนักเดินเรือจากยุโรปอยู่เป็นประจำชื่อ โดยชื่อโรงแรม ออน ออน มาจากคำว่า อัน อัน ในภาษาจีน ซึ่งหมายความว่า ความสุขของผู้มาเยือน

       เดอะ เทรเชอรี่ วิลเลจ กรุ๊ป ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโรงแรม ออน ออน จึงได้เข้ามาบูรณะและปรับปรุงโรงแรม ออน ออน ใน พ.ศ.2555 วันนี้โรงแรมได้เปิดต้อนรับลูกค้าอีกครั้ง ภายใต้ชื่อใหม่ว่า เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล

เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต
เอกลักษณ์ของ เดอะ เมมโมรี่ แอท  ออน ออน โฮเต็ล

       เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล ได้ถูกออกแบบและปรับโฉมใหม่ให้เห็นถึงรูปแบบอันทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสอดแทรกอยู่ในรายละเอียดของงานตกแต่งภายใน รวมทั้งบริเวณต่างๆ ของโรงแรม

       ในบริเวณที่พักและสันทนาการนั้นได้ปรับปรุงใหม่ให้มีความสะอาด ปลอดภัย ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสะดวกสบายเมื่อมาพัก ในระหว่างเวลาที่แขกเข้าพัก พนักงานจะยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเองและพร้อมที่จะช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อให้การเข้าพักของแขกทุกคนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ณ เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล

เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต
       ห้องพักของโรงแรมมีให้เลือกหลากหลายแบบ ได้แก่ เดอะ เมมโมรี่ สวีท, เดอะ เมมโมรี่ จูเนียร์ สวีท, เดอะ เมมโมรี่ ดีลักซ์, เดอะ เมมโมรี่ ซูพรีเรียร์ ห้องพักหญิงล้วนแบบ 4 เตียง, ห้องพักรวมแบบ 4 เตียง, ห้องพักรวมแบบ 6 เตียง

       ผู้ที่เข้าพักที่โรงแรมออน ออน ยังสามารถเที่ยวชมย่านเมืองเก่าภูเก็ต ซึ่งเคยเป็นจุดศูนย์กลางที่มีความเจริญมายาวนาน ปัจจุบันเมืองเก่าภูเก็ตกลายมาเป็นแหล่งรวมศิลปะหลายแขนง ตึกแถวที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ต่างก็ผันตัวเองมาเป็นร้านรวงเล็กๆ นำเสนอสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเมืองภูเก็ต รวมทั้งร้านอาหารและสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่มีอยู่ตามถนนสายหลักของย่านเมืองเก่าภูเก็ต อาคารแบบดั้งเดิมกลายมาเป็นร้านกาแฟที่มีเสน่ห์พร้อมกลิ่นไอบรรยากาศแบบโบราณ พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า ร้านแสดงนิทรรศการงานศิลปะ และสถานที่ที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถเดินไปเยี่ยมชมได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาทีจากโรงแรม ถนนถลางและซอยรมณีย์ ที่โด่งดังครั้งอดีต อยู่เพียงหัวมุมถนนถัดไปเท่านั้น ทุกซอกทุกมุมของถนนในบริเวณนี้รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสและค้นพบย่านเมืองเก่าภูเก็ตที่ยังเจิดจรัสและควรค่าแก่การมาเยือน

เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล มนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตภูเก็ต
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

"เดอะ เมมโมรี่ แอท ออน ออน โฮเต็ล" ตั้งอยู่ที่ 19 ถนนพังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต สอบถามโทร. 0 7636 3777 หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.thememoryhotel.com

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

อโกด้า (www.agoda.com) บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์สำรองห้องพักในโรงแรมแบบออนไลน์ชั้นนำของเอเชียและเป็นส่วนหนึ่งของเครือ Priceline.com (Nasdaq: PCLN) มีเครือข่ายโรงแรมกว่า 500,000 แห่งทั่วโลก ให้บริการถึง 38 ภาษา อีกทั้งยังมีโปรโมชันต่างๆให้เลือกมากมายและยืนยันการจองห้องพักได้ทันที

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ท่ี่มา  //manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000053846




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2558   
Last Update : 13 พฤษภาคม 2558 22:10:55 น.   
Counter : 899 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]