BlogGang.com : : karnoi

ว่าด้วยเรื่อง พ.ศ

หนังสือไทยโบราณทั้งหลาย เช่น หนังสือพงศาวดาร ประกาศกฏหมายเก่า หรือ
ตำราต่างๆ ฯลฯ มักลงศักราช ไว้ต่างๆ กัน

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เมื่อจะลงศักราชบอกเวลาเป็นปี นิยมใช้ "จุลศักราช"

หนังสือ
ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่พุทธศักราช 2431 หรือในตอนกลางรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น หนังสือราชการ ตำรา และแบบเรียน ฯลฯ
ใช้ "รัตนโกสินทรศก" แทน "จุลศักราช" ทั้งสิ้น

แต่การลงศักราชเป็น "รัตนโกสินทรศก" นั้น
กระทำอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะปรากฏว่า ตั้งแต่พุทธศักราช 2455 เป็นต้นมา
หนังสือราชการและสิ่งพิมพ์ต่างๆ หันมาใช้ "พุทธศักราช" แทน "รัตนโกสินทรศก"
ตราบจนทุกวันนี้ ประโยชน์ของการเปรียบเทียบศักราช เป็นสิ่งควรจำสำหรับใช้ประโยชน์
ในการศึกษาค้นคว้าตำราเก่า

ศักราชเท่าที่ปรากฏในหนังสือไทยโบราณ มีด้วยกัน 5 ชนิด
คือ

1. มหาศักราช

2. จุลศักราช

3. ศักราชจุฬามณี
(ศักราชกฏหมาย)

4. รัตนโกสินทรศก

5. พุทธศักราช

มหาศักราชมี กำหนดแรกบัญญัติ นับแต่วันพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว 621 ปี
เป็นศักราชที่แพร่หลายเข้ามาใช้ในเมืองไทยก่อนศักราชอื่น ประมาณว่า
ตั้งแต่เริ่มมีการจารึกหนังสือไทย ใช้มหาศักราชเป็นส่วนใหญ่

จุลศักราชเป็น ศักราชที่ตั้งขึ้น และใช้ในเมืองพม่ามาแต่ก่อน
ต่อมาได้แพร่หลายเข้ามาใช้ในราชการ ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชา (2112- 2133) ซึ่งขณะนั้นกรุงศรีอยุธยา
ติดต่อเกี่ยวกับเมืองหงสาวดี ในฐานะเป็นเมืองประเทศราชอยู่ถึง 15 ปี
เนื่องจากเสียกรุงแก่พม่าครั้งแรก

ความเป็นมาของ จุลศักราช มีว่า
"สังฆราชบุตุโสระหัน" เมื่อสึกจากสมณเพศได้ชิงราชสมบัติเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 19
ในราชวงศ์สมุทฤทธิ์ในประเทศพุกาม ได้บัญญัติจุลศักราชขึ้น เมื่อพุทธศักราช 1182
(กำหนดแรกบัญญัติตั้งแต่วันพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว 1181 ปี) และต่อมาก็เลิกใช้
เนื่องจากในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อจุลศักราช 1250
ได้มี "ประกาศให้ใช้วันอย่างใหม่" ว่า :

"มีพะบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ด้วยทรงพระราชดำริห์ถึงวิธีนับวัน
เดือน ที่ใช้กันอยู่ในสยามมณฑล และที่ใช้ในประเทศน้อยใหญ่ เป็นอันมากในโลกนี้
เป็นวิธีต่างกันอยู่มาก คือกล่าวโดยย่อ ก็เป็นวิธีใช้ตามจันทรคติอย่างหนึ่ง
และสุริยคติอย่างหนึ่ง จึงทรงพระราชดำริห์ว่า วิธีนับวัน เดือน ปี
อย่างดีที่สุดนั้น ควรจะประกอบด้วยเหตุอันควร 3 ประการคือ

1.
ให้ถูกต้องใกล้ชิดกับฤดูกาล

2.
ให้มีประมาณอันเสมอไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันนัก กับ

3.
ให้คนทั้งปวงรู้ง่ายทั่วไปดีกว่าอย่างอื่น ทั้ง 3 ประการนี้
จึงจะสมควรที่จะใช้ในประชุมชนทั้งปวง…"ผลการประกาศฉบับนี้
ศักราชที่เคยใช้มาก่อนทั้งมวลเป็นอันงดใช้ และให้ใช้ "รัตนโกสินทรศก"
เว้นแต่ในทางพระพุทธศาสนา คงใช้พุทธศักราชเท่านั้น

รัตนโกสินทรศก
เป็นศักราชที่ใช้ในสมัยรัตนโกสินทร์ กำหนดแรกบัญญัติ
ตั้งแต่ปีที่ตั้งกรุงเทพพระมหานคร เป็นทางราชการ คือ ในปีพุทธศักราช 2325
เพราะฉะนั้น รัตนโกสินทรศก 1 ก็คือปีพุทธศักราชล่วงมาแล้ว 2324 ปี แต่รัตนโกสินทรศก
ใช้กันอยู่ไม่นานนัก ก็เป็นอันเลิกใช้ใน ร.ศ.131 เป็นต้นมา สิ่งพิมพ์ต่างๆ
และหนังสือราชการ ก็หันมาลงศักราช เป็น"พุทธศักราช" ในมาตรฐานเดียวกัน

พุทธศักราช
ซึ่งทางราชการไทยใช้กันอยู่ทุกวันนี้
มีคติตั้งแต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน โดยไทยถือตามมติของลังกา คือถือว่า
ทรงปรินิพพาน 543 ปีก่อนคริสต์ศักราช แม้ว่าเราจะใช้พุทธศักราชกันมานานแล้ว
แต่ทางราชการเพิ่งจะบังคับใช้ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตรมประกาศลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 131 ความว่า

"...ทรงพระราขดำริว่า พระพุทธศักราชนั้น ได้เคยใช้ในราชการทั่วไป
ถ้าจะให้ใช้พระพุทธศักราชแทนปีรัตนโกสินทรศกแล้ว ก็จะเป็นการสะดวก
แก่การอดีตในพงศาวดาร ของกรุงสยามมากยิ่งขึ้นฯลฯ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ใช้พระพุทธศักราช ในราชการทั้งปวงทั่วไป ฯลฯ " หลังประกาศฉบับนี้
หนังสือไทยทุกประเภท จึงลงศักราช เป็นพุทธศักราชมาจนทุกวันนี้

ศักราชจุฬามณี เป็น คำระบุศักราช
ที่พบในตำราหนังสือไทยเก่าๆ ยังไม่มีผู้ใดสืบหลักฐานที่มาได้ เพียงแต่สอบได้ความว่า
ถ้าปรากฏศักราชชนิดนี้ ในบานแผนกกฎหมายต้องใช้เกณฑ์เลข 258 ลบ ผลลัพธ์
เป็นจุลศักราช

คริสตศักราชเป็นศักราชที่มีต้นกำเนิด และใช้ในหนังสือต่างประเทศ
หนังสือไทยโบราณทุกสมัยก่อนๆ ไม่ปรากฏว่าได้เคยใช้ศักราชแบบนี้เลย

เกณฑ์ตัวเลขสำหรับการเปรียบเทียบศักราช
เพื่อเป็นพุทธศักราช

1. ถ้าพบว่าเป็น "มหาศักราช" ให้เอา 621 บวก

2.
ถ้าพบว่าเป็น "จุลศักราช" ให้เอา 1181 บวก

3. ถ้าพบว่าเป็น
"ศักราชรัตนโกสินทร์" ให้เอา 2324 บวก

4. ถ้าพบว่าเป็น "ศักราชจุฬามณี"
หรือ "ศักราชกฏหมาย" ให้เอา 258 ลบ ผลลัพธ์เป็นจุลศักราช แล้วจึงเปลี่ยน
"จุลศักราช" เป็น พุทธศักราช

5. ถ้าพบว่าเป็น "คริสตศักราช" ให้เอา 543
บวก
ที่มา siamstamp

Create Date : 29 พฤษภาคม 2554

0 comment

Last Update : 29 พฤษภาคม 2554 21:28:38 น.

Counter : 890 Pageviews.

Share
Tweet

ศิลปะ บนหาดทราย

BEACH Art ~ ~ ~

Fwdder.com

Create Date : 29 พฤษภาคม 2554

0 comment

Last Update : 29 พฤษภาคม 2554 21:24:03 น.

Counter : 953 Pageviews.

Share
Tweet

ปีกไก่ยัดไส้

ส่วยผสม

ปีกไก่/เนื้อหมูบด/พริกไทย/กระเทียม/รากผักชีโขลก/ซอสปรุงรส/น้ำตาลทราย/ไข่ไก่/แครอท/ต้นหอม

วิธีทำ

ขั้น ตอนแรกก็ต้องมีปีกไก่ จับตัดแยกเอาปีกบนออกซะ และจัดการเลาะกระดูกตรงช่วงปีกกลางออกซะ โดยใช้มีดปลายแหลมเลาะ ๆ เรื่อย พอถึงตรงข้อต่อปลายปีก ก็หักมันออกมา

ต่อ มาก็ทำไส้สำหรับยัดใส่ปีกไก่ ใช้หมูสับปนกับเศษไก่ที่ถูกเลาะออกมา (เสียดายเลยเอามาปนด้วย)พริกไทย กระเทียม รากผักชีโขลก ใส่ลงไปปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ใส่ไข่ซีกฟองเพื่อเพิ่ม moisture

จากนั้นก็คลุก ๆ ให้เข้ากัน ใส่แครอท ต้นหอม ลงจัดการคลุกให้เข้ากันอีกครั้ง

จากนั้นก็ทำการยัด ๆ ใส่เข้าไปในปีก

นำไปนึ่งให้สุก

หลังนึ่งเสร็จก็ทิ้งไว้ให้เย็นก่อน แล้วจึงนำไปทอดให้เหลือง

เป็นอันเสร็จกับปีกไก่ยัดไส้

ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากคุณ haemato

Create Date : 28 พฤษภาคม 2554

6 comment

Last Update : 28 พฤษภาคม 2554 21:05:35 น.

Counter : 1165 Pageviews.

Share
Tweet

Chocolate Cupcake

สวัสดี ค่ะ bonjour ช่วงนี้ยังเป็นควันหลงจากวันวาเลนไทน์นะคะ ใครที่อยากจะเอาใจแฟนด้วยของหวาน ต้องถุกใจกับสูตรอาหารของตัวน้องในครั้งนี้อย่างแน่นอน ก็แหมมันช่างน่ารัก น่ากิน จุ๋มจิ๋ม เป็นของฝากก็ได้ หรือจะทำเป็นของขวัญก็น่ารัก น่าร้าก

สูตรวันนี้เป็นขนม cupcake ขนมหน้าตาน่ารัก ที่ตอนนี้ฮิตติดชาร์ตขนมไปแล้ว วิธีทำก็แสนจะง่าย ดัดแปลงได้หลายอย่าง เวลาแต่งหน้าเค้กก็แสนจะน่ารัก สีสันก็สดใส หวานๆ เหมาะกับวัยหวานอย่างตัวน้องม้ากมากค่ะ

ของที่ตัวคุณต้องเตรียมนะคะ ก็มีพวก พิมพ์ cupcake ที่เป็นกระดาษจีบๆ อันเล็กๆ ใครชอบสีไหนอะไรยังไงก็เลือกเอาที่ชอบละกันนะคะ

ที่ตีไข่ ชามสเตนเลส ถุงและหัวบีบครีม แล้วก็พวกของแต่งหน้า cupcake ทั้งหลายแหล่ หาซื้อได้ง่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือใครจะเอาผลหมากรากไม้มาตกแต่งตามไอเดียบรรเจิดก็ตามใจนะคะ

ส่วนผสมของเค้กต้องเป๊ะนะคะไม่ อย่างนั้น เค้กจะไม่ฟูไม่สวยและมีเนื้อเค้กที่ด้าน ทำเค้กไม่เหมือนทำอาหารค่ะ ทำอาหารเนี่ยหยิบอะไรเท่าไหร่ไม่ต้องชั่งต้องตวง เอาความพอใจของคนทำ แต่ทำเค้กจะมาเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเค้กอบไม่ขึ้นอดกินต้องทิ้งทั้งถาดนะค้าาา

chocolate cupcake a la mode!!

ผงโกโก้ 50 กรัม น้ำร้อน 1 ถ้วยตวง แป้งเอนกประสงค์ หรือแป้งเค้ก 175 กรัม ผงฟูหรือ baking soda 2 ช้อนชา เกลือ ครึ่งช้อนชา เนยจืด 120 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง ฝักวะนิลา หรือกลิ่นวนิลาก็ได้แต่ตังน้องขอใช้แบบฝักสดนะคะเพราะกลิ่นหอม อโรมามากกว่า

Cupcake

พอของครบแล้วก็เตรียมเปิดเตาอบไฟประมาณ 190c ร่อนแป้ง เกลือ และผงฟูรวมกันและพักไว้ จากนั้นตีเนยกับน้ำตาล จะด้วยเครื่องตีไข่หรือแบบมือก็ได้ ให้เหลืองนวล

ค่อยๆ ใส่ไข่ทีละฟอง นำผงโกโก้ละลายน้ำร้อน รอให้เย็นแล้วค่อยๆ เทลงผสม ตีให้เข้ากันเติมวนิลา ค่อยๆ ใส่แป้งลงไป ใช้ไม้พายคนให้ผสมกันจนหมดเป็นสีเดียวกัน หยอดลงในพิมพ์ นำเข้าไปอบได้เลย สักประมาณ 20 นาที คอยดูว่าสุกหรือยัง ให้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ถ้าไม่ีเค้กเยิ้มๆ ติดออกมาก็เป็นอันว่าใช้ได้นะคะ

Cupcake

ตัวน้องว่าวะนิลาสดก็แพงหน่อย เอาปลายมีดกรีดแล้วขูเเอาแต่เม็ด ฝักวะนิลาราคาแพงควรจะเก็บให้ดีนะคะ เก็บไว้ในถุงพลาสติก หรือใส่กล่อง แช่ตู้เย็นเอาไว้ เอาไว้ทำเค้กอย่างอื่นก็ได้ ส่วนฝักนำไปใส่ในโถน้ำตาลแล้วปิดฝาไว้ จะได้น้ำตาลหอมๆ มาใส่กาแฟ หรือชาก็เวรี่กู๊ดค่ะ ตัวน้องทำบ่อยค้าาาา…

เวลาแต่งหน้าเค้กจะใช้ครีมสด ตีกับเนยและน้ำตาลเป็น frosting หวานๆ จะเติมกลิ่นต่างๆ ลงไป เช่น ลาเวนเดอร์ กลิ่นกุหลาบ หรือมิ้นต์ก็ได้้

หรือแต่งสีเป็นสีหวานๆ พาสเทลก็เวรี่ไนส์ค่ะ อันนี้แล้วแต่ความคิดสร้้างสรรค์นะคะ ใครสวยกว่าตัวน้องจะถ่ายรูปส่งมาแชร์กันก็ได้ค่ะ

ขอให้ทำด้วยความรักและกินด้วยความสุขนะคะ บอน แอ๊บเพอติ -- bon appetite ค่ะ

สูตรอาหารโดย คุณแบมแบม

ภาพโดย Lekaleaza

Create Date : 27 พฤษภาคม 2554

2 comment

Last Update : 27 พฤษภาคม 2554 22:40:31 น.

Counter : 1143 Pageviews.

Share
Tweet

เหตุผลที่ ใครๆ ก็ถูกใจ ประตูหลัง

เหตุผลที่ ใครๆ ก็ถูกใจ “ประตูหลัง”

.

.

…….บางคนชอบนะ ถูกใจเหลือเกินกับเซ็กซ์ทาง “ประตูหลัง” ใน ขณะที่หลายคนร้องยี้แถมยังทำหน้าสยองเมื่อพูดถึงมัน คู่รักหลายคู่ยังไม่เคยลอง แต่อยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัสความรู้สึกผ่านช่องทางนี้สักครั้งในชีวิต ถึงแม้พระเจ้าไม่ได้สร้างอวัยวะส่วนนี้ไว้ เพื่อการสืบพันธุ์ของมนุษยชาติ แต่แหม…! ให้ตายเถอะ การเล่นรักวิธีนี้ก็ให้ความมันส์ถึงใจ และสนุกสนานไม่แพ้ช่องทางปกติเหมือนกัน

… เหตุผลที่เขาหวิวกับเซ็กซ์ประตูหลัง เพราะ ต่อมลูกหมาก (จี-สปอตของผู้ชาย) ซึ่งอยู่สูงประมาณ 4 เซนติเมตรจากประตูหลัง เมื่อถูกกระตุ้นด้วยนิ้วมือหรือเจ้าหนู (เอ๊ะ…ยังไง) หรือเซ็กซ์ทอย จะให้ความรู้สึกเสียวซ่านสยิวกิ้วมากๆ

… เหตุผลที่เธอหวิวกับเซ็กซ์ประตูหลัง บริเวณ ทวารหนักและประตูหลังเต็มไปด้วยปลายประสาท ที่ไวต่อความรู้สึกมากๆ กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณทวารหนักจะหดตัวระหว่างถึงจุดสุดยอด ดังนั้น “การกระตุ้นบริเวณนี้โดยตรงจะให้ความรู้สึกดีมากทีเดียวเชียวค่ะ” เป็น กิจกรรมที่รับรู้กันว่าซุกซน ต้องห้าม หรือสกปรกสุดๆ (แถมบางคนยังอารมณ์หดเมื่อเจอเซ็กซ์ประตูหลัง) เหตุผลนี่ละที่บางคนรู้สึกท้าทายและตื่นเต้น

กฎพื้นฐาน 5 ข้อ ของการซุกซนทางประตูหลัง

… คุยกันให้รู้เรื่องก่อนลองเล่นรักผ่านช่องทางนี้ (ถึงแม้เคยแล้วกับคู่ขาคนก่อนก็เถอะ) เซ็กซ์ประตูหลังต้องอาศัยความไว้วางใจและการสื่อสารกัน

… ลงมือช้าๆ เซ็กซ์ทางประตูหลังทำให้เจ็บปวดสาหัสได้ทั้งหญิงและชาย ถ้าทิ่มพรวดเข้าไปแบบม้วนเดียวจบ แสบถึงทรวงเลยค่ะ

… ใช้สารหล่อลื่นเยอะๆ ประตู หลังไม่เหมือนประตูหน้านะคะ ทวารหนักไม่มีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติเหมือนน้องหนู ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าเขาโปะสารหล่อลื่นมากพอ และคอยเติมบ่อยๆระหว่างปฏิบัติกิจ

… ใช้ถุงยางอนามัยเสมอ เนื้อ เยื่อบริเวณทวารหนักบอบบางฉีกขาดง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหลาย ควรหลีกเลี่ยงถุงยางอนามัยที่มีสาร Spermicide nonoxynol-9 หรือ N-9 ซึ่งเชื่อกันว่าเพิ่มความเสี่ยงติดโรคเอดส์ทั้งทางประตูหลังและประตูหน้า

… ไม่ว่าใช้อะไรก็ตาม (เซ็กซ์ทอย, นิ้วมือ, เจ้าหนู) เข้าทางประตูหลังแล้ว ควรล้างให้สะอาดก่อนเอาไปใช้กับประตูหน้า เพราะทำให้ติดเชื้อได้นะคะ

…….การที่ผู้ชายคนหนึ่ง ชอบถูกกระตุ้นทาง “ประตูหลัง” ไม่ได้หมายความว่าเป็นเกย์ การมีความสุขกับปลายประสาทที่ไวต่อความรู้สึก เป็นคนละเรื่องกับการจินตนาการ ถึงผู้ชายอื่น

.

บทความจากนิตยสาร WOMAN PLUS

Create Date : 27 พฤษภาคม 2554

0 comment

Last Update : 27 พฤษภาคม 2554 22:38:19 น.

Counter : 1002 Pageviews.

Share
Tweet

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75