Group Blog
เสกรักข้ามภพ...ตอน 1
lozocatlozocat



ฝนนอกฤดูกาลตกไล่หลังลมที่กระโชกนอกหน้าต่าง แรงลมทำให้กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะล้มคว่ำ ติณณภพรีบผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เดินไปปิดหน้าต่าง ก่อนกลับมาหยิบกรอบรูปขึ้นตั้งเหมือนเดิม ภาพสาวน้อยลูกครึ่งในชุดนักศึกษา มีใบหน้าสวยอ่อนหวานที่ยิ้มตอบกลับมา ทำให้ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิตย์ของติณณภพคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว...

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ติณณภพไม่เคยยิ้มเต็มเรียวปากและนัยน์ตาเลยสักครั้ง แม้จะอยู่กับ เอมม่า หรือ เอมิกา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ก็ตาม ตรงกันข้ามแววตาของเขามักเจือรอยเศร้าหมอง ราวกับว่าเขาทำส่วนที่มีชีวิตชีวาหล่นหายไป และเป็นแบบนี้มายาวนานเกือบจะเท่าๆ กับอายุของเอมม่าก็ว่าได้

ใครๆ ต่างบอกว่าจิตวิญญาณของติณณภพปลิดปลิวไปจากร่างในวันเดียวกับที่ อลินา สาวคนรักถูกพรากลมหายใจไปชั่วนิรันดร์ด้วยวัยเพียง ๑๙-๒๐ ปี นับแต่นั้นเขาก็กลายเป็นคนที่มีแต่ร่างไร้ซึ่งหัวใจ ติณณภพไม่ได้หันหลังให้กับเพศตรงข้าม เปลือกนอกเขาไม่ปฏิเสธไมตรีที่มอบให้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ในส่วนลึกของความรู้สึกเท่านั้นที่บอกว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะมา “แทนที่” อลินาได้

ใช่...เขารู้สึกว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ที่จะสามารถละลายความแข็งกระด้างและเย็นชาในจิตใจ ให้กลับมาเป็นคนอ่อนโยน เกิดความรู้สึกรัก อยากปกป้องและอยากดูแลเหมือนดั่งที่เคยเกิดกับอลินา ดังนั้นผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา จึงมีความหมายต่อเขาเพียงแค่ เพื่อนคลายเหงา เท่านั้น และแน่นอนว่าต้องไม่มีพันธะต่อกัน

และด้วยความที่เขาไม่ค่อยปฏิเสธไมตรีจากเพื่อนต่างเพศที่หยิบยื่นให้ ทำให้ในสายตาของคนทั่วไปที่รู้จักเขาเพียงแค่ผิวเผิน จะมองว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ประตูดิน ทั้งที่ติณณภพอยากปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงเลย เขาไม่ใช่ผู้ชายไม่เอาไหนประเภทนั้นเด็ดขาด อย่างน้อยเขาไม่เคยโปรยเสน่ห์ใส่ผู้หญิงคนไหนก่อน ตรงกันข้ามกลับมีผู้หญิงทั้งสาวและไม่สาวกระโดดเข้าใส่ตั้งแต่สมัยเรียนไฮสกูลที่เมืองไทย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยและไปจบปริญญาโทที่อังกฤษ เขารู้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ “รูปร่างหน้าตา” ที่ดึงดูดสาวๆ ให้อยากชิดใกล้เขา แต่ด้วยคุณสมบัติ “ชาติตระกูลดี” และ “ฐานะครอบครัวดี” ด้วยที่หนุนส่งให้เขาเป็นที่ต้องตาต้องใจของเพศตรงข้าม

นั่นคือ เขามีนามสกุลที่เป็นที่รู้จัก และครอบครัวเขาก็ยังเป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายรวมทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียมในเครือ ซึ่งสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ที่สำคัญตระกูลของเขาเป็นที่รู้จักเลื่องลือในเรื่อง “ผู้ชายดก” ไม่ว่าจะเป็นลูกชาย หลานชาย หรือเหลนชาย แถมหนุ่มๆ แต่ละคนก็ขึ้นชื่อในเรื่องความเจ้าชู้ไม่น้อยหน้าใคร ฉะนั้นหากเอ่ยถึงนามสกุล “เจนการ” ของเขา น้อยคนนักจะไม่เคยได้ยินชื่อ เพียงแต่จะรู้จักในแง่ไหนเท่านั้น

มีการพูดคุยกันปากต่อปากในตระกูลว่า หากมีใครนำติณณภพ ไปเปรียบเทียบกับตรัยภพแฝดผู้น้องในแง่เพลย์บอย หรือว่าเจ้าชู้เหมือนญาติคนอื่นๆ แล้ว ติณณภพจะเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว เพราะเขามั่นใจว่าไม่เคยหลอกล่อ ล่อลวง หรือฝืนใจผู้หญิงคนไหนที่ไม่เต็มใจเด็ดขาด ยิ่งกับผู้หญิงที่มีเจ้าของด้วยแล้ว เขาจะระมัดระวัง ไม่ทำตัวให้ใครๆ คิดไปในทางอกุศลอันจะสร้างความด่างพร้อยให้แก่ผู้หญิงได้

ติณณภพ บันทึกงานที่คั่งค้าง คลิกเมาส์ส่งไฟล์ไปเก็บในอีเมลแล้วจัดการปิดคอมพิวเตอร์ ร่างสูงเกือบ ๑๙๐ เซนติเมตรเดินไปคว้าเป้ที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของเอมิกาขึ้นสะพายบ่า ก่อนเดินออกจากห้องทำงาน เขารีบไปรับลูกสาวเพื่อพาไปฝากไว้กับคุณหญิงตติยา ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาฝากให้มารดาช่วยเลี้ยง แต่ทุกคราวที่เขาต้องเร่งปิดต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์เลยต่างหาก เพื่อเขาจะได้ขับรถไกลๆ ไปหาบรรยากาศช่วยสร้างอารมณ์เขียนนิยาย

ติณณภพเป็นนักเขียน เขาเริ่มต้นเขียนนิยายสมัยเรียนปริญญาโทที่ฝรั่งเศส ความเหงาบวกกับความคิดถึงอลินา ทำให้เขาระบายออกมาเป็นตัวอักษรและเมื่อส่งให้เธอลองอ่าน อลินาชอบและแอบนำไปส่งต่อให้สำนักพิมพ์ วันหนึ่งมีจดหมายของสำนักพิมพ์จากเมืองไทย ส่งสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์มาให้เขาเซ็น ติณณภพงงเป็นไก่ตาแตก หลังตั้งหลักได้เขาโทร.สอบถามแฟนสาวเพราะเป็นคนเดียวที่เขาส่งต้นฉบับให้อ่าน จึงได้รู้ความจริงว่าเธอต้องการให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากงานพิเศษ “วางระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์” ที่เขาทำเพื่อหารายได้ส่งเสียตัวเองเรียน

หลังงานตีพิมพ์เรื่องแรกได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากคนอ่านในเมืองไทย สำนักพิมพ์ก็ขอให้เขาเขียนต้นฉบับส่งให้เรื่อยๆ พร้อมๆ ไปกับการเขียนต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษส่งให้สำนักพิมพ์ในอังกฤษ ก่อนจะขยับขยายส่งให้สำนักพิมพ์ในอเมริกาซึ่งเป็นเพื่อนของศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียน จนถึงตอนนี้เขายึดงานเขียนหนังสือเป็นอาชีพหลัก โดยเขียนควบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย



จะว่าไปแล้วลูกสาวตัวน้อยไม่เดือดร้อนกับการที่ถูก “พ่อติณ” พาไปฝากเลี้ยงที่บ้านคุณย่า เพราะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับคุณปู่คุณย่ามาตั้งแต่เล็กๆ ด้วยคุณแม่ไปอยู่บนสวรรค์หลังจากเธอออกมาดูโลกได้ไม่เท่าไหร่ เธอจึงถูกส่งตัวไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าตั้งแต่นั้น

สมัยนั้นติณณภพไม่สามารถพาเด็กทารกไปเลี้ยงดูที่อังกฤษได้ เนื่องจากต้องคร่ำเคร่งเรียนปริญญาโทอย่างหนัก ประกอบกับเขาต้องทำงานส่งเสียตัวเองด้วย เกรงว่าอาจไม่มีเวลาดูแลได้เต็มที่ จึงฝากบุพการีให้ช่วยเลี้ยงดู ตอนนั้นพ่อแม่เขาไม่ยอมรับในตัวเอมม่านัก เนื่องจากไม่ปลื้มอลินาเป็นทุนเดิม แต่เมื่อเอมม่ายิ่งโตยิ่งช่างพูดและช่างฉอเลาะ จึงผูกใจคนเป็นปู่เป็นย่าเสียอยู่หมัดนับแต่นั้น

ทุกวันนี้เอมม่าเต็มใจกับการไปค้างที่ “บ้านใหญ่” กับคุณปู่คุณย่า เพราะที่นั่นไม่ได้มีแต่คุณปู่คุณย่าที่รักและตามใจเธอเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีญาติๆ ที่มีบ้านอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ญาติผู้ใหญ่รักใคร่และเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เธอช่างพูดช่างเจรจา ใครได้พบเห็นเป็นต้องเกิดความเอ็นดูในทันที อีกทั้งที่นั่นยังมีญาติๆ ในวัยเดียวกันคอยเป็นเพื่อนเล่นให้เธอคลายเหงาไปได้ด้วย ฉะนั้นเอมม่าจึงไม่อนาทรนักกับการไปอยู่กับคุณปู่คุณย่า

บ้านใหญ่หลังนั้น ติณณภพอาศัยอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต เพิ่งจะแยกออกไปอยู่บ้านของตัวเองก็หลังจบปริญญาโทกลับมา บ้านหลังดังกล่าวอยู่แถบชานเมือง มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ เนื่องจากไม่ได้มีแค่บ้านของพ่อแม่เขาหลังเดียวเท่านั้น แต่ยังมีบ้านของลุงๆ ป้าๆ อาๆ ล้อมรอบคฤหาสน์หลังใหญ่ของย่าทวดซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลาง บ้านของญาติๆ อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันทั้งหมด เรียกว่าอาณาจักร “เจนการ” แผ่ขยายจนแทบกินพื้นที่ทั้งซอยเลยทีเดียว

ติณณภพเดินลงบันไดไปชั้นล่าง จังหวะที่ผ่านห้องครัว ได้ยินเสียงเพล้งราวกับวัตถุมีน้ำหนักตกกระแทกพื้น เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเศษกระเบื้องเนื้อดีกระจายเกลื่อน เหลียวมองรอบตัวแต่ไม่พบอะไรที่น่าจะเป็นชนวนให้จานกระเบื้องซึ่งคว่ำอยู่ในตู้แขวนข้างบนซึ่งมีบานพับปิดมิดชิดตกลงมาได้ แถมไม่ปรากฏว่าจะมีลมลอดเข้ามาจากทิศทางไหนได้ในเมื่อหน้าต่างทุกบานปิดสนิท เขาเดินไปหยิบไม้กวาดพร้อมที่โกยผง มาโกยเศษกระเบื้อง ใจอดคิดไม่ได้ว่าพักหลังมีแต่เรื่องแปลกๆ อยู่เสมอ

หลายเดือนก่อนอยู่ดีๆ ก็มีกิ่งไม้ปลิวมาปะทะหลังคารถ ทั้งที่ท้องฟ้าเงียบสงบปราศจากลมฝน ถัดมาระหว่างที่พาเอมม่าไปช็อปปิง อยู่ดีๆ ก็มีชุดแฟนตาซีหน้าตาแปลกประหลาดมาโผล่อยู่ในถุงผ้าของเอมม่า ทั้งที่เขาไม่ได้ซื้อและลูกสาวก็ยืนยันว่าไม่ได้หยิบติดมือมาจากในห้างสรรพสินค้า ตามมาด้วยเหตุการณ์เมื่อวานซืน ช่วงที่กำลังทำความสะอาดบ้าน จู่ๆ ดอกไอริส ก็โผล่มาอยู่ในแจกันในครัวโดยหา ที่มา ไม่ได้ และล่าสุดก็ครั้งนี้ จานกระเบื้องในตู้ลอยที่ปิดมิดชิดตกลงมาแตก ทั้งที่ไม่มีลมพายุ

เขาไม่อยากคิดถึงเรื่อง... เหนือธรรมชาติ แม้ขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องนี้ เพื่อจะเอามาเขียนนิยายเรื่องใหม่อยู่ก็ตาม เพราะนั่นจะกลายเป็นการงมงายเกินไป ติณณภพรีบกำจัดเศษกระเบื้องแล้วขับรถออกจากบ้าน ตรงดิ่งไปรับลูกสาวที่โรงเรียน



“พ่อติณขา เราจะไปไหนกันคะ” หนูน้อยซึ่งนั่งอยู่ในเก้าอี้นิรภัยทางตอนหลังของรถ ร้องถามขึ้น ภายหลังติณณภพไปรับมาจากโรงเรียน พวกเขาก็ตรงไปยังเส้นทางที่จะไปบ้านของรัฐมนตรีฯ ชาตรี ซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่เขา

“บ้านคุณย่าครับ แต่เราจะแวะซื้อของเล่นให้หนูก่อน” ติณณภพตอบด้วยน้ำเสียงปรานี มองลูกสาวทางกระจกส่องหลัง เห็นใบหน้ากลมแป้นกำลังยิ้มร่าเต็มที่อย่างอารมณ์ดี เอมม่า เป็นลูกเสี้ยว ที่หน้าตาน่ารักอยู่ในวัย ๕ ขวบกว่าๆ เป็นเด็กช่างพูดช่างซักและเฉลียวฉลาด เขาหวังว่าความรักและการเอาใจใส่ที่เขาทุ่มเทให้ไม่ได้ขาด จะช่วยชดเชยการขาดแม่ของเอมม่าได้

“เย้...เอมม่าอยากได้ตุ๊กตาพอดี” หนูน้อยร้องขึ้นอย่างดีใจ “พ่อติณรู้ไหมคะ ใครๆ ก็อิจฉาที่เอมม่ามีคุณพ่อที่หล่อเป็นที่หนึ่ง”

ติณณภพคลี่ยิ้มมุมปาก ถามต่ออย่างปรานี “หล่อเป็นที่หนึ่ง เป็นยังไง”

“ก็หล่อที่สุดในโลกไงคะ”

“ขนาดนั้นเชียว” ติณณภพล้อ “ใครบ้างที่อิจฉาลูก”

“เยอะแยะเลยค่ะ ใบเตย วาว้า ปิ่น ทุกคนที่เป็นเพื่อนของเอมม่าอิจฉาทั้งนั้นแหละค่ะ แถมคุณครูก็ยังบอกว่าพ่อติณหน้าตาดี” แม่หนูน้อยจดจำคำพูดมาจากรุ่นพี่ในโรงเรียนทั้งที่ยังไม่เข้าใจความหมายแจ่มแจ้งนัก

คนเป็นพ่อหัวเราะ ไม่ได้ถือคำพูดของลูกสาวเป็นจริงเป็นจัง แต่อยากเอาใจ เลยสานต่อบทสนทนา “แล้วพวกเขาไปเห็นพ่อได้ยังไง”

“เอมม่าเอารูปถ่ายในกระเป๋าสตางค์ออกมาอวดค่า”

“ระวังน้า...เอาพ่อไปอวดมากๆ ใครๆ จะพานเขม่นหน้าทั้งพ่อทั้งลูก”

“เขม่นแปลว่าอะไรคะ”

“ก็แปลว่าไม่ชอบหน้า”

“แล้วทำไมต้องไม่ชอบหน้าล่ะ” เอมม่าถามอย่างหนูจำไมที่ซ่างซักซ่างสงสัยไปเสียทุกเรื่อง

“ก็เพื่อนๆ จะหาว่าเอมม่าขี้โม้ขี้อวดไงลูก อีกอย่างพ่อไม่ได้หล่ออะไรขนาดนั้น”

“หล่อสิคะ พ่อติณของเอมม่าหล่อเป็นหนึ่ง เป็นพระเอกหนังได้สบาย ใครๆ ก็พูดแบบนั้น”

“แล้วลูกตอบพวกเขาไปว่าไง”

“เอมม่าเก๊าะบอกว่าอย่ามาแย่งพ่อติณเด็ดขาด พ่อติณเป็นพ่อของเอมม่าคนเดียว”

ติณณภพหัวเราะ เพราะคำตอบของแม่หนูน้อยไม่เป็นเหตุเป็นผลกันนัก แล้วเสียงเจื้อยแจ้วของแม่หนูก็ดังต่อไปว่า “วันนี้คุณครูอ่านนิทานให้เอมม่าฟังด้วยค่ะ เรื่องแม่มดกับสโนว์ไวท์ เอมม่าเกลียดแม่มดใจร้าย พ่อติณว่าแม่มดมีอยู่จริงไหมคะ?” หนูน้อยตั้งปุจฉา แม่มดที่พูดถึง คือนิทานก่อนนอนตอนเที่ยง ซึ่งครูที่โรงเรียนจะต้องอ่านให้ฟังเพื่อกล่อมเด็กๆ วันละเรื่องสองเรื่อง

“นิทานก็คือนิทาน ในโลกนี้ไม่มีแม่มดอยู่จริงหรอก”

“ว้า... ไม่มีจริงเหรอ แล้วทำไมคุณครูบอกให้เอมม่ากับเพื่อนๆ หลับไวๆ ล่ะค่ะ ถ้ายังคุยกันไม่เลิก แม่มดจะออกมาเสกให้พวกหนูกลายเป็นหิน แล้วพวกหนูจะคุยไม่ได้อีกเลย” แม่หนูน้อยจำคำพูดของครูมาพูดต่อ

คนเป็นพ่อหัวเราะ “คุณครูก็แค่ขู่ หนูกับเพื่อนๆ จะได้เลิกคุยกันไงลูก”

เอมม่าขมวดคิ้ว ทำท่าราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังใช้ความคิด “งั้นต่อไปถ้าคุณครูขู่เรื่องแม่มดอีก เอมม่าก็จะบอกไปว่า แม่มดไม่มีอยู่จริง หนูไม่กลัวหรอก”

ติณณภพสะดุ้ง “ไม่ดีมั้งลูก คุณครูพูดอะไรก็เชื่อฟังเถอะครับ ครูบอกให้หยุดคุยก็ต้องหยุด เพราะหนูกำลังรบกวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังหลับ”

“แต่คนอื่นๆ ก็คุยกัน ไม่เห็นมีใครหลับสักคน” เอมม่าค้านเสียงแจ๋วๆ

“ก็เพราะแย่งกันคุยอยู่นี่ไง ถึงทำให้ไม่มีใครหลับ วัยขนาดหนูสมควรต้องนอนเยอะๆ เพื่อจะได้โตไวๆ นะลูก”

“โตไวๆ” แม่หนูน้อยทวนคำ “เอมม่าอยากให้มีแม่มด เอมม่าจะได้ขอให้แม่มดเสกให้เอมม่าโตเร็วๆ จะได้ช่วยพ่อติณทำงาน”

ติณณภพคลี่ยิ้มอ่อนโยน “หนูไม่ต้องช่วยพ่อทำงานหรอกลูก แค่เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อ เชื่อฟังคุณครู แค่นี้หนูก็ช่วยพ่อได้มากแล้ว ว่าแต่เอมม่าไม่เกลียดแม่มดแล้วเหรอ ตะกี้ยังบอกปาวๆ ว่า เกลียดแม่มดเพราะรังแกสโนว์ไวท์”

“เกลียดก็เกลียดหรอกค่ะ แต่เอมม่าอยากเจอแม่มดด้วย จะได้ขอให้ช่วยเสกให้นายต้าเป็นหิน”

“นายต้า คือใคร?”

“เพื่อนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ค่ะ เขาชอบทำเสียงดังเวลาคุณครูเล่านิทาน เอมม่าไม่ชอบเลย” จากนั้นก็เป็นเรื่องของ “ต้า” ก่อนจะตามด้วยเรื่องของคนอื่นๆ แล้วแต่แม่หนูน้อยจะนึกถึงใคร เอมม่าสรรหาเรื่องราวมาเล่าจนติณณภพฟังเพลินตลอดเส้นทาง



“พ่อติณคะ ร้านนี้ค่ะ” เอมม่ากระตุกมือหนาขาวเนียนราวกับมือผู้หญิงของติณณภพ เข้าไปในร้านขายตุ๊กตา ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบหลายยี่ห้อ ภายในร้านคล้ายตกแต่งด้วยวัสดุโบราณ แวบแรกที่ก้าวเข้าไปติณณภพรู้สึกขนลุกวูบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เพราะมาแถวนี้บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยสังเกตเลยว่ามีร้านจำหน่ายตุ๊กตาแห่งนี้ด้วย หันไปมองพนักงานขายดูมีอายุซึ่งฝ่ายนั้นมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีจ้ะ สนใจตุ๊กตาแบบไหนจ๊ะ” พนักงานขายเอ่ยปากถามเอมม่า พร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู

“ตุ๊กตาบาร์บี้ค่ะ แล้วก็เสื้อผ้าของน้องตุ๊กตาด้วยค่ะ” แม่หนูน้อยตอบ ก่อนปัดหางเปียไม่ยาวนักที่คนเป็นพ่อถักให้ทุกเช้าให้พ้นวงหน้า อวดใบหน้ากลมแป้นตามวัย งามแอร่มน่ารัก แก้มนวลสองข้างขาวอมชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาด

“เข้าไปดูข้างในเลยจ๊ะ นอกจากในร้านจะมีเสื้อผ้าสำหรับตุ๊กตาแล้ว ยังมีเสื้อผ้าสำหรับหนูด้วยนะจ๊ะ สนใจไหมเอ่ย?”

แม่หนูน้อยหันไปทางติณณภพ แววตาขออนุญาต

ติณณภพรีบพยักหน้า “ตามสบายเลยลูก อยากได้อะไรก็บอกพี่เขาเลย”

เอมม่ายิ้มชอบใจ หันไปตอบพนักงานขาย “หนูขอดูหลายๆ ชุดเลยค่ะ”

“ได้เลยจ๊ะ งั้นเข้าไปในร้านนะจ๊ะ แล้วคุณพ่อละคะสนใจอะไรไหมคะ” ประโยคท้ายหันไปทางติณณภพ ดูราวกับมุ่งหวังว่าจะมีอะไรที่ชายหนุ่มต้องการเป็นพิเศษ

“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมขอดูอะไรแถวๆ นี้ระหว่างรอลูกแล้วกัน”

“เชิญตามสบายค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะตามเด็กให้มาดูแลนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ติณณภพตอบแล้วเดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานต่อมาสายตาสะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างในถาดไม้ มันเป็นแหวนพลอยสีขาวนวลแปลกตา วางอยู่ท่ามกลางสายรัดข้อมือ ด้วยความแตกต่างจึงดูราวกับหลงมาอยู่ในถาดไม้นั้น แหวนดึงดูดสายตาจนเขาจับจ้องอย่างตื่นตะลึง ติณณภพหยิบขึ้นมาราวกับมีอะไรบางอย่างเชิญชวน อากัปกิริยาเป็นไปราวกับตกอยู่ในภวังค์ เมื่อพินิจอย่างใกล้ชิด พบว่าเป็นแหวนทองคำขาว หัวแหวนทำด้วยโอปอล ที่เห็นเป็นสีขาวนวลในตอนแรกนั้น ที่จริงสามารถเปลี่ยนสีได้ เพราะบัดนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขาวเหลือบชมพูอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ติณณภพลองสวมบนนิ้วก้อยขวา น่าแปลกที่สวมได้พอดิบพอดี ชายหนุ่มถอดออก แต่กลับติดแน่น เขาเหลือบตาดูป้ายราคา“$๑๐” ที่เสียบไว้ในถาด ไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อถอดไม่ออก ติณณภพจึงต้องตัดสินใจซื้อ

“ผมขอซื้อแหวนวงนี้ครับ” ติณณภพหันไปบอกพนักงานหญิงดูมีอายุอีกคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากในร้าน ฝ่ายนั้นมองไปที่แหวนตามสายตาของติณณภพ ก่อนถามกลับ

“แหวนอะไรคะ?”

“แหวนโอปอลวงนี้ไงครับ” ติณณภพยื่นแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วไปตรงหน้า แหวนโอปอลขาวเหลือบชมพูดูโดดเด่นเมื่ออยู่เคียงข้างแหวนทองเกลี้ยงที่สวมบนนิ้วนางของติณณภพ เสริมให้นิ้วเรียวยาวดั่งนิ้วอิสตรี ดูขาวนวลเนียนยิ่งขึ้น

พนักงานขายพึมพำในลำคอ “นิ้วคุณสวยมาก ยังกับนิ้วผู้หญิง”

ติณณภพไม่ตอบ แต่วกกลับไปหัวข้อเดิม “ผมขอซื้อแหวนวงนี้ครับ”

พนักงานขายเลื่อนสายตาขึ้นสบตาติณณภพ “คุณสนใจแหวนวงนี้เหรอคะ”

“ครับ” ตอบรับสั้นๆ โดยไม่ขยายความว่าที่จริงเพราะถอดไม่ออก

“ปกติร้านเราไม่ได้ขายแหวน”

“ก็วงนี้ไง”

“อย่างที่ดิฉันบอก...ร้านเราไม่ใช่ร้านขายแหวน”

“แล้ววงนี้ไปอยู่ในถาดไม้นั่นได้ยังไง...” ติณณภพชี้นิ้วมาทางถาดไม้บนเคาน์เตอร์ไม้สัก

“ในถาดนั่นเป็นสายรัดข้อมือ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแหวนวงนี้จะมาอยู่ที่ผมได้ไง”

“ถ้าคุณสนใจจริงๆ ก็เป็นของคุณค่ะ” พนักงานขายตอบอย่างกำกวมด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ แม้แววตาจะมองเขาแปลกไป

“คุณกำลังจะบอกว่ามันเป็นของผมอยู่แล้ว แต่ผมจำไม่ได้งั้นสิ” ย้อนถามเสียงสูงอย่างเหน็บอยู่ในที

“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันหมายความว่าแหวนเลือกคนที่สนใจมัน เมื่อคุณสนใจ คุณก็เป็นเจ้าของแหวนวงนี้ไงคะ”

ติณณภพรู้สึกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรต่อไป เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งวกวนชวนปวดหัว ติณณภพจึงเก็บงำคำพูดแค่นั้น รอจนเอมม่ากลับออกมา จึงพาไปชำระเงินแล้วจูงมือลูกสาวเดินออกไปทันที ด้วยความอยากไปให้พ้นๆ จากร้านที่เหมือนมีบรรยากาศแปลกๆ และคำพูดประหลาดๆ เขารีบพาลูกสาวเดินลิ่วๆ ไปทันที หากติณณภพจะเหลียวมองมาข้างหลังสักนิด เขาคงสับสนมึนงงยิ่งกว่าเดิม ด้วยว่ามองไม่เห็นร้านที่เพิ่งเดินคล้อยหลังจากมาไม่ถึงนาที ราวกับไม่เคยมีร้านแห่งนั้นมาก่อนเลย







lozocat lozocat



Create Date : 02 มิถุนายน 2556
Last Update : 22 มิถุนายน 2556 4:15:03 น.
Counter : 861 Pageviews.

2 comment
เสกรักข้ามภพ...บท 1/1
พลันที่ร่างสูงใหญ่ราวหนุ่มตะวันตกก้าวสู่ประตูรั้วโรงเรียน ก็ดึงสายตานับสิบๆ คู่ให้จับจ้องไปที่เขาเป็นตาเดียว สิ่งที่สะดุดผู้พบเห็นมากที่สุด คือใบหน้าหล่อเหลาคมคาย บวกกับหุ่นสมาร์ตมาดแมนชนิดที่สาวๆ เห็นแล้วเป็นต้องเหลียวมองซ้ำ หากเขามีผิวสีคล้ำกว่านี้ ก็จะตรงกับคำว่า ดาร์ค ทอลล์ แอนด์ แฮนด์ซัม ดีๆ นี่เอง แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาคือ การจับกลุ่มกระซิบกระซาบระหว่างครูด้วยกัน

ติณณภพ ยังคงเดินไปที่ห้องเรียนอนุบาลด้วยจังหวะก้าวสม่ำเสมอ บอกตัวเองว่าชินเสียแล้วกับภาพบรรยากาศเหล่านั้น ด้วยไปที่ไหนๆ มักเจอปฏิกิริยาจากผู้คนรอบข้างไม่แตกต่างกัน นั่นคือ พากันซุบซิบหรือไม่ก็ตื่นตะลึงยามเห็นเขา ติณณภพรู้ว่าตัวเองมีใบหน้าดึงดูดใจเพศตรงข้ามนับแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ไม่เคยทะนงตน ตรงกันข้ามออกจะไม่แยแสกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองด้วยซ้ำแม้ว่าจะมีหญิงต่างชาติต่างภาษาเข้ามาเสนอให้ถึงที่ตลอดเวลาที่เรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกาก็ตาม และนับจากเขาเรียนจบกลับมา ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา ๓-๔ ปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีหญิงทั้งสาวและไม่สาวแวะเวียนมาหาเขาไม่ได้ขาด ทว่าเขาก็ยังเป็นเขา “ผู้ชายเย็นชา” ที่ไม่สนใจใครอยู่นั่นเอง

หลายคนอยากพิสูจน์ หลายคนอยากเอาชนะ และหลายคนท้าพนันในกลุ่มเพื่อน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปทุกราย บางทีไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียวที่ทำให้สาวๆ เพียรอยากเอาชนะและไม่ยอมย่อท้อ แต่ด้วยฐานะและชาติตระกูลต่างหากที่ยั่วยวนใจให้สาวๆ อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาทั้งกายและใจ แม้จะได้ชื่อว่า “พ่อเรือพ่วง” ก็ตาม

ติณณภพ เป็นหนุ่มใหญ่วัย ๓๕ เป็นลูกชายคนโตของตระกูลอัครเศรษฐ์ที่ดูแลธุรกิจโรงแรมในเครือทั้งหมด เขามีลูกสาวคนหนึ่งอยู่ในวัยกำลังซนชื่อว่า “มีนา” เมื่อเขาเดินเข้าไปในระยะสายตาของเด็กหญิง เสียงหวานใสก็ร้องขึ้นอย่างยินดี

“พ่อติณมาแล้ว!” แม่หนูน้อยตะโกนพลางถลาเข้าไปโถมกอด โดยมีวงแขนหนาอ้ารับ

“รอนานหรือเปล่าลูก” ติณณภพอุ้มลูกสาวด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือกระเป๋าเป้ให้แม่หนูน้อย ก่อนหอมแก้มซ้ายขวา กิริยาเป็นไปอย่างอ่อนโยน

“ไม่เลยค่ะ น้ำอุ่นมีครูอาริสาอยู่เป็นเพื่อน”

หนุ่มใหญ่มองตามสายตาลูกสาวที่พูดจบก็มองด้านหลัง พบแววตาสีนิลของครูสาวมองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ เขาก้มศีรษะเชิงขอบคุณ ก่อนทักทาย

“ขอบคุณครับที่ช่วยดูแลน้องน้ำอุ่นระหว่างที่ผมยังมาไม่ถึง”

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่วันนี้พี่เลี้ยงไม่อยู่หรือคะ” ครูสาวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ใบหน้าสะท้อนความขัดเขิน

“ไม่ครับ เธอขอไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด” ติณณภพหมายถึง “ป้าเอื้อง” พี่เลี้ยงเด็กวัย ๔๘

“ช่วงนี้คุณติณณภพเลยต้องมารับหนูน้ำอุ่นเองสิคะ”

“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับรบกวนเวลาคุณครูมากแล้ว น้ำอุ่นลาคุณครูสิลูก”

ติณณภพรอจนลูกสาวยกมือไหว้คุณครูประจำชั้นแล้ว เขาจึงผงกศีรษะลาแล้วเดินออกมาท่ามกลางสายตานับสิบๆ คู่มองตาม หลายเสียงถึงกับพึมพำไล่หลังว่า

“หล่อ สมาร์ตยังกับพระเอกหนังเลย!”



“พ่อติณ เราจะไปไหนกันคะ” แม่หนูน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งนิรภัยสำหรับเด็กซี่งอยู่ทางเบาะหลังรถถามขึ้น

“แวะซื้อของขวัญให้คุณย่า ก่อนไปอวยพรวันเกิดครับ” ตอบพลางเหลือบมองทางกระจกหน้า มีนาอายุ ๕ ขวบกว่าๆ เป็นเด็กช่างพูดช่างซักเกินวัย หน้าตาน่ารักน่าชัง ฉลาด รับฟังเหตุผล เขาหวังว่าความรักและความเอาใจใส่ที่เขาทุ่มเทให้จะช่วยชดเชยการขาดแม่ได้

แม่หนูน้อยไม่เข้าใจ แต่คิดตามประสาเด็กว่าพ่อกำลังจะพาไปเที่ยว จึงยิ้มร่าชอบใจ แล้วพูดว่า “พ่อรู้ไหมคะใครๆ ต่างอิจฉาน้ำอุ่นที่มีพ่อหล่อ”

ติณณภพเลิกคิ้ว ก่อนหัวเราะแผ่วเบา “ใครๆ ที่ว่าน่ะมีใครบ้าง”

“ก็หนูใบเตย หนูวาวา หนูปิ่น ทุกคนเป็นเพื่อนสนิทน้ำอุ่น แถมคุณครูสาก็ยังบอกว่าพ่อหล่อมากๆ”

คนฟังไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง แต่อยากเอาใจลูกเลยสานต่อบทสนทนา “แล้วพวกเขาไปเห็นพ่อได้ไง ในเมื่อพ่อไม่ค่อยไปรับลูกที่โรงเรียน”

“รูปถ่ายในกระเป๋าสตางค์สิคะ น้ำอุ่นเอาออกมาอวด”

ติณณภพฟังแล้วส่ายหน้า เรียวปากยังคงคลี่ยิ้มเมื่อหยอกล้อกลับ “ระวังนะลูก เอาพ่อไปอวดมากเดี๋ยวใครๆ จะพานเหม็นขี้หน้าพ่อ”

“ใครบอกละคะ มีแต่บอกว่าพ่อน้ำอุ่นหล่อ เป็นพระเอกหนังได้สบาย”

“แล้วลูกตอบพวกเขาไปว่าไง”

“น้ำอุ่นก็บอกว่าอย่ามาคิดแย่งพ่อเด็ดขาด พ่อติณเป็นพ่อของน้ำอุ่น”

คำตอบดูจะไม่เป็นเหตุเป็นผลนัก แต่ก็จุดประกายรอยยิ้มขำๆ ปนเอ็นดูบนใบหน้าที่ปกติเคร่งขรึมของติณณภพได้ แล้วเสียงเจื้อยแจ้วของแม่หนูก็ดังขึ้นต่อว่า

“วันนี้คุณครูอ่านนิทานให้ฟังด้วยค่ะ เรื่องแม่มดกับสโนว์ไวท์ น้ำอุ่นเกลียดแม่มดใจร้าย พ่อว่าแม่มดมีจริงไหมคะ?” มีนาหมายถึงนิทานก่อนนอนหลังเวลาพักเที่ยง

ติณณภพฟังคำถามแล้วคลี่ยิ้มอีกครา “นิทานก็คือนิทานลูก ในโลกนี้ไม่มีแม่มดอยู่จริงหรอก”

“ว้า... ไม่มีจริงเหรอ แล้วทำไมคุณครูบอกว่าให้น้ำอุ่นกับเพื่อนๆ หลับไวๆ ถ้ายังคุยกันไม่เลิก แม่มดจะออกมาเสกให้พวกหนูเป็นหินละคะ” ยามนั้นแม่หนูน้อยยังไม่รู้จักคำว่า “เสก” แต่จำจากครูมาพูดต่อ

คนเป็นพ่อหัวเราะ “คุณครูก็แค่ขู่หนู จะได้เลิกคุยกันไงลูก”

แม่หนูน้อยขมวดคิ้วมุ่น “งั้นต่อไปถ้าคุณครูขู่เรื่องแม่มดอีก น้ำอุ่นก็จะบอกว่าแม่มดไม่มีจริง หนูไม่กลัวหรอก”

“ไม่ดีหรอกลูก คุณครูพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟัง ครูบอกให้หยุดคุยก็ต้องหยุด เพราะเราอาจกำลังรบกวนเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังหลับอยู่”

“แต่คนอื่นๆ ก็คุยกัน ไม่เห็นหลับสักคน”

“ก็เพราะแย่งกันคุยนี่ไง ถึงทำให้ไม่มีใครหลับ วัยขนาดหนูจำเป็นต้องนอนเยอะๆ เพื่อจะได้โตไวๆ นะลูก”

“โตไวๆ” แม่หนูน้อยทวนคำ ก่อนพูดต่อ “น้ำอุ่นอยากให้มีแม่มดจริงๆ นะ น้ำอุ่นจะได้ขอให้แม่มดเสกให้น้ำอุ่นโตเร็วๆ จะได้ช่วยพ่อทำงาน”

คนฟังคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนมากขึ้น “หนูไม่ต้องช่วยพ่อทำงานหรอกลูก แค่เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อ เชื่อฟังคุณครูก็พอแล้ว ว่าแต่หนูไม่เกลียดแม่มดแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังบอกปาวๆ ว่าเกลียดแม่มดเพราะรังแกสโนว์ไวท์”

“เกลียดก็เกลียดหรอกค่ะ แต่น้ำอุ่นอยากเจอแม่มดด้วย จะได้ขอให้ช่วยเสกให้นายต้าเป็นหิน”

“ต้าคือใคร?”

“เพื่อนที่เพิ่งมาใหม่ค่ะ เขาชอบทำเสียงดังเวลาครูเล่านิทาน น้ำอุ่นไม่ชอบเลย” จากนั้นก็เป็นเรื่องของ “ต้า” ก่อนจะตามมาด้วยเรื่องอื่นๆ ซึ่งแล้วแต่แม่หนูน้อยจะคิดออก


“พ่อติณคะ ร้านนี้ค่ะ” มีนากระตุกมือของติณณภพเข้าไปในร้านจำหน่ายตุ๊กตาซึ่งภายในตกแต่งด้วยวัสดุโบราณเพื่อให้ร้านดูเก่าแก่ ติณณภพรู้สึกประหลาดใจ เพราะมาแถวนี้บ่อยครั้งแต่ไม่เคยสังเกตว่ามีร้านตุ๊กตาอยู่แถวนี้ด้วย

“สวัสดีค่ะ สนใจตุ๊กตาแบบไหนคะ”

“ตุ๊กตาบาร์บี้ แล้วก็เสื้อผ้าให้ตุ๊กตาค่ะ” แม่หนูน้อยตอบ

“เข้าไปดูด้านในเลยค่ะ ทางร้านมีเสื้อผ้าสำหรับหนูด้วยนะคะ สนใจไหมเอ่ย?”

แม่หนูน้อยหันไปทางติณณภพราวกับขออนุญาต เจ้าตัวพยักหน้า ก่อนตอบ “ตามสบายลูก อยากได้อะไรก็บอกคุณน้าเลย”

“ค่ะ งั้นเดี๋ยวดิฉันพาเข้าไปเลือกในร้าน คุณละคะสนใจอะไรไหมคะ”

“ไม่ครับ ผมขอดูอะไรแถวนี้ระหว่างรอลูกแล้วกันครับ”

“งั้นตามสบายค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะตามเด็กมาบริการนะคะ”

“ครับ” ติณณภพตอบแล้วเดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วพลันสายตาสะดุดตาเข้ากับของบางอย่างในถาดไม้ ด้วยความแปลกแยกอย่างไม่น่าจะหลงมาวางรวมอยู่ในข้าวของตรงนี้ แหวนพลอยสีขาวแปลกๆ ท่ามกลางสายรัดข้อมือ ดึงดูดสายตาให้จับจ้องโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีอะไรบางอย่างเชิญชวนให้หยิบขึ้นมาดู เมื่อพินิจอย่างใกล้ชิดก็เห็นว่าเป็นแหวนทองคำขาวหัวแหวนทำด้วยโอปอล ความรู้สึกบอกว่าที่เห็นเป็นสีขาวในตอนแรกนั้นบัดนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูเหลือบอย่างน่าอัศจรรย์ ติณณภพลองสวมบนนิ้วก้อยขวา น่าแปลกที่สวมได้พอดิบพอดี ชายหนุ่มพยายามถอดคืน แต่หากถอดไม่ออก เขาเหลือบดูป้ายราคาที่ปักไว้ข้างถาด ซึ่งเขียนว่า “฿100/ชิ้น” ไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อถอดไม่ออก จึงต้องตัดสินใจซื้อ

“ผมขอซื้อแหวนวงนี้ครับ” ติณณภพหันไปบอกพนักงานขายอีกคนซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากหลังร้าน

“แหวนอะไรคะ?”

“แหวนนี้ไงครับ” ตอบพลางยื่นไปตรงหน้า

“คุณคงเข้าใจผิด ร้านนี้ไม่มีแหวนจำหน่ายค่ะ”

“แต่แหวนนี้มันวางอยู่ในถาดไม้นั่น...” บอกพลางชี้มือไปทางด้านหลัง

“คุณคงตาฝาด ในร้านนี้ไม่ได้ขายแหวนจริงๆ ค่ะ ในถาดนั่นก็เห็นอยู่ว่าเป็นสายรัด”

“งั้นแหวนวงนี้จะมาอยู่ที่ผมได้ไง”

“สวมอยู่ที่นิ้วคุณ ก็เป็นของคุณอยู่แล้วหรือเปล่าคะ”

“คุณกำลังจะบอกว่ามันเป็นของผมอยู่แล้ว แต่ผมจำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”

“ฉันไม่รู้จะตอบเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ในเมื่อคำตอบก็เห็นๆ อยู่”

ติณณภพรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดต่อไป เพราะยิ่งพูดดูเหมือนเขายิ่งกลายเป็นตัวตลกในสายตาอีกฝ่าย เพราะแววตาคู่นั้นราวกับจะบอกว่าเขาฟั่นเฟือนไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเลิกโต้แย้งได้แต่เก็บงำคำพูด เมื่อแม่หนูน้อยเดินออกมาจากด้านในร้าน เขาจึงรีบชำระเงินแล้วก็จูงเด็กหญิงออกมา หากเขากลับได้ยินพนักงานหญิงกระซิบกระซาบให้ได้ยินแว่วๆ ว่า

“ผู้ชายคนนั้นแปลกมากพี่นิล หน้าตา การแต่งกายก็ดี้ดีแต่สติคงไม่ปกติ แหวนอยู่บนนิ้วตัวเองแท้ๆ กลับมาบอกว่าร้านเราขาย เอาแต่จะจ่ายเงินท่าเดียว นี่ถ้าหน้าตาดูไม่ได้ละก็ เอคงไล่เขาออกจากร้านแล้ว”

------------



Create Date : 13 สิงหาคม 2555
Last Update : 13 สิงหาคม 2555 21:58:43 น.
Counter : 1208 Pageviews.

9 comment
1  2  

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments