Group Blog
เสกรักข้ามภพ...ตอน 5


“คาถาเจ้าทำเรื่องอีกแล้ว เจ้าทำให้ผู้ชายคนนั้นสลบ” เมทัลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกล่าวหา พลางวิ่งวนรอบๆ ตัวติณณภพซึ่งกำลังนอนแผ่หราอยู่บนพรมกลางห้อง ตอนที่เขาล้ม ไอริสกระโดดมาช่วยรับร่างเขาช่วยไม่ให้ศีรษะกระแทกพื้น

“เขาเรียกว่าเป็นลม ไม่ใช่สลบ แล้วข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” ไอริสแก้ตัวเสียงอ่อยๆ ด้วยว่าเธอตั้งใจเสกให้ตัวเองหายไปทั้งตัว แต่กลับผิดพลาดหายไปแค่ลำตัว เหลือส่วนหัว “ข้าว่าข้าท่องคาถาถูกแล้วนะ ใครจะไปรู้ว่าเขาขวัญอ่อนแบบนี้ เดี๋ยวค่อยทำให้ฟื้น ตอนนี้ขอเอาแหวนคืนก่อน” ไอริสทรุดนั่งข้างเขา พยายามถอดแหวนแต่ถอดไม่ออก แม่มดต่างภพบ่น “บ้าชะมัด...แหวนติดนิ้วเขา”

“ใช้คาถาสิ”

แม่มดฝึกหัดเหล่ตามองตัวแนะนำ ฝ่ายนั้นพยักพเยิดให้กำลังใจอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ไอริสร่ายเวทมนตร์ แต่สรรพสิ่งรอบข้างยังคงสงบนิ่ง “แปลกจริงทำไมข้าใช้เวทมนตร์ไม่ได้” ไอริสลองใหม่ และไม่ได้ผลเหมือนเดิม เธอหันกลับมาใช้วิธีการดั้งเดิมอีกครั้ง นั่นคือ ถอด แต่คราวนี้แค่เพียงยื่นมือไปแตะแหวน คนที่กำลังหมดสติก็ส่งเสียงเข้ม พร้อมผุดลุกนั่ง

“เธอจะทำอะไร!”

ไอริสผงะเมื่อติณณภพรวบมือทั้งสองข้างของเธอด้วยมือข้างหนึ่งของเขา

“ปล่อยนะ มาจับมือข้าไว้ทำไม”

“ก็เธอกำลังจะปลดทรัพย์ฉัน”

“ไม่ใช่สักหน่อย...ปลดทรัพย์อะไร นี่มันแหวนของข้า”

“ของเธอ?! เห็นอยู่ว่าเธอกำลังจะถอดจากนิ้วฉัน”

“ก็ของของข้า เดี๋ยวเสกให้เป็นกบซะหรอก”

ติณณภพปล่อยมืออัตโนมัติราวกับกำลังจับของร้อนๆ ไม่ได้กลัว เพียงแต่ปลอดภัยไว้ก่อน เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “เธอเป็นแม่มดจริงๆ หรือ”

“จะต้องเสกให้ดูอีกรอบไหม คราวนี้เสกให้เจ้าหายไปดีกว่า” ขู่ทั้งที่ไม่แน่ใจหรอกว่าจะทำสำเร็จหรือไม่

“เฮ้ย...อย่านะ” ติณณภพร้องเสียงหลง พลางลุกยืน เขาทบทวนความทรงจำว่าทำไมถึงลงไปนอนที่พื้น เมื่อจำได้ก็เบิกตากว้าง ไม่แน่ใจว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า เขาหยิกแขนตัวเอง แต่ภาพเด็กสาวพร้อมกระรอกหน้าตาประหลาดก็ยังคงอยู่ตรงหน้า เด็กสาวลุกยืนตามเขา พลางแบมือมาตรงหน้า

“ขอแหวนข้าคืน”

ติณณภพไม่ตอบสนองสิ่งที่เด็กสาวเรียกร้องในทันที ความอยากรู้อยู่เหนือความกลัว จึงตั้งคำถามว่า “ตกลงเธอเป็นผีหรือแม่มดกันแน่ ถ้าเป็นแม่มดจริงๆ เธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วบ้านอยู่ที่ไหน”

“ชิ...อย่าดูถูกกันนะ ข้าเป็นแม่มดแสนสวยเจ้าเสน่ห์ ไม่ใช่ภูตผีปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว เจ้ามาว่าข้าเป็นผีได้ไง” ถลึงมองตาขุ่นตาเขียว น้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ “แล้วบ้านข้าอยู่ไกลโพ้นโน่นแน่ะ ชั่วโมงก่อนนู้น ข้าทำแหวนหาย พยายามเรียกมันกลับคืน แต่กลายเป็นว่าตัวเองต้องมาโผล่ที่นี่แทน ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?” ถามเสียงแทบสะบัดเพราะยังเคืองที่มีคนตาไม่ดีหาว่าเป็นภูตผี

“โลกมนุษย์”

“อะไรนะ?”

“เธอได้ยินแล้ว...โลกมนุษย์ ไม่เคยได้ยินหรือไง” ถามประชดไปแบบนั้นเอง

“ก็เคยได้ยินอยู่หรอกนะจากตำรา แต่ไม่คิดว่าจะมีจริง” ไอริสไม่รู้สึกรู้สมกับคำแขวะนั้น เธอตอบกลับไปอย่างตื่นเต้น ก่อนวกกลับมาถามว่า ”ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?”

“ติณณภพ”

“ทำไมออกเสียงยากจัง?”

“เป็นชื่อภาษาไทย”

“แปลว่าอะไร” ถามต่อเป็นเจ้าหนูจำไม

“คนข้ามภพ”

ไอริสทำหน้าตื่นเต้น “งั้นเจ้าก็ข้ามภพได้น่ะสิ”

ติณณภพส่ายหน้า ทำหน้าชนิดหนึ่งที่ไอริสแปลได้ว่า ‘ถามโง่ๆ’ ก่อนตอบ “เปล่า... ฉันไม่ได้ข้ามมิติได้เหมือนเธอ”

“งั้นเราน่าจะสลับชื่อกัน”

“ติณณภพเป็นชื่อผู้ชาย” ติณณภพตอบหน้าตาย

“อ๋อ...” แม่มดสาวลากเสียงยาว “แล้วประเทศไทยอยู่ที่ไหน”

“บอกไปเธอจะรู้เหรอ ในเมื่อโลกมนุษย์ เธอก็ไม่รู้จัก”

“ไม่ได้บอกว่าไม่รู้จักสักหน่อย แค่บอกว่าเคยได้ยินจากตำรา”

“เคยอ่านจากตำรา แล้วนึกไม่ออกอีกเหรอ”

ไอริสส่ายศีรษะ หน้าตาบ๊องแบ๊วพอๆ กับเอมม่า ติณณภพส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ “ว่างๆ ฉันจะบอกจุดพิกัดประเทศให้ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร”

“ไอริส...”

ดอกไอริส ที่เจอที่บ้านอย่างไม่คาดฝันเมื่อวันก่อนแวบเข้ามาในความคิดของติณณภพ น่าแปลกสองสามวันมานี้ ชีวิตของเขาพัวพันแต่กับ ไอริส

“ทำไมถึงชื่อไอริส” ติณณภพย้อนถามกลับ

“แม่คลอดตอนที่ดอกไอริสกำลังบานสะพรั่งหลังบ้าน ว่าแต่เจ้าได้แหวนมายังไง” วกกลับมาสู่เรื่องที่ตัวเองสนใจ

“ได้มาเมื่อวานจากร้านขายตุ๊กตาโบราณ หน้าตาแปลกประหลาดดี ก็เลยลองเอามาสวม แล้วมันก็ติดนิ้วถอดไม่ออกอีกเลย ถึงจะลองใช้สบู่ช่วยก็ไม่ออก แปลกมาก”

“เจ้าลองถอดตอนนี้ได้มั้ย”

ติณณภพถอดตามคำขอของเด็กสาว แต่ถอดไม่ออกเหมือนเดิม

“ขอข้าดูหน่อย” ไอริสแบมือไปตรงหน้า ฝ่ายถูกขอทำหน้าลังเลเสี้ยววินาที ก่อนวางมือหนาลงบนมือบาง ผิวเด็กสาวอ่อนนุ่มราวผิวทารก ติณณภพได้กลิ่นหอมแปลกๆ จากกายเธอ

“แหวนเหมือนลดไซซ์ลงเรื่อยๆ จนถอดไม่ออก” ติณณภพอธิบายเมื่อเด็กสาวพยายามถอด แต่แหวนติดข้อนิ้ว

“แปลกมาก ข้าเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แล้วจะทำยังไงดี ข้าต้องการแหวนคืน” บ่นพึมพำอย่างทุกข์ร้อน

คุณพ่อเรือพ่วงสบตาหวานซึ้ง วินาทีนั้นราวกับว่าเขาถูกดึงให้จมดิ่งไปในเมรัยสีอำพันโดยไม่รู้ตัว “สีตาเธอแปลกมาก” ติณณภพเผลอรำพัน

“แปลกยังไง”

“เหมือนวิสกี้”

ไอริสไหวไหล่ ยังคงจดจ่อกับงาน ไม่รู้เลยว่าถูกลอบพินิจ “วิสกี้เป็นไง”

“วิสกี้เป็นเหล้าชนิดหนึ่งสีเหมือนอำพัน”

“สีตาเจ้าก็แปลก ไม่เป็นสีอำพัน”

ติณณภพเผลอยิ้มมุมปาก ไม่แน่ใจว่าถูกเด็กสาวแหย่เข้าให้หรือไม่ ทำนองว่าไม่เหมือนเธอ ก็แปลกเหมือนกัน “เธออายุกี่ปี” เขาถามไปอีกเรื่อง

“๖๐”

“อะไรนะ!” ติณณภพตวัดถามเสียงสูง รู้สึกมนตร์ขลังคลายในบัดดล

“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ๖๐ ปี แล้วเจ้าล่ะ”

“๓๐ แต่เธอดูเด็กมากยังกับ ๑๕-๑๖ หลอกฉันหรือเปล่า ๖๐ น่ะ”

“เปล่า ข้าลืมตาดูโลกนี้มา ๖๐ ปีแล้ว” เธอหมายถึงโลกแห่งแม่มด “ว่าแต่เจ้าอายุ ๓๐ เองเหรอ ทำไมดูแก่จัง” ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะเมื่อเทียบกับตัวเธอที่อายุ ๖๐ อีกฝ่ายดูน่าจะอายุมากกว่าเธอเป็นเท่าตัว

ติณณภพทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “น้อยๆ หน่อย เธอเองแหละหน้าเด็กยังกับหนูเอมม่า โกงอายุหรือเปล่า”

ไอริสเงยหน้ามองเขา “ใครคือหนูเอมม่า?”

“ลูกสาวของฉันเอง”

“อายุเท่าไหร่แล้ว”

“๕ ขวบกว่าๆ”

“โห...เจ้ามีลูกไวมาก”

ติณณภพชะงัก ก่อนตอบว่า “ก็ไม่ไวหรอก มีไม่น้อยที่มีลูกเร็วกว่าฉันเยอะ แล้วเธอล่ะแม่มดส่วนใหญ่แต่งงานมีครอบครัวเมื่อไหร่”

“ส่วนใหญ่ก็ ๘๐-๙๐ ปีขึ้นไป”

“งั้นแสดงว่าเธอยังเด็กมากสำหรับโลกของเธอ”

“แม่นแล้ว แค่เห็นหน้าข้า เจ้าก็น่าจะรู้”

ติณณภพแยกเขี้ยวแทนคำตอบ

ไอริสยิ้มหน้าเป็นเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ แล้วเธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอาล่ะ...ดูเหมือนแหวนจะถอดไม่ออกจริงๆ คราวนี้เราจะทำยังไงกันดี”

เมทัลซึ่งสังเกตการณ์มาระยะหนึ่งเสนอแนะขึ้น “ตัดนิ้วเขาเลย”

“เจ้าก็ดุเหมือนกันนะ” ไอริสตอบ

“ใครดุ? ฉันยังไม่พูดอะไร”

“ข้าหมายถึงเมทัลน่ะ กระรอกแนะนำให้ตัดนิ้วเจ้า เพื่อจะได้ถอดแหวนออกได้”

ติณณภพสะดุ้งโหยง รีบเก็บมือซุกในกระเป๋ากางเกง “เพื่อนหน้าตาพิลึกของเธอพูดไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย”

ไอริสหัวเราะ ขณะที่เมทัลทำเสียงคล้ายกับตอบอะไรบางอย่างกลับมา แต่เขาฟังไม่ออก

“เพื่อนประหลาดของเธอพูดอะไรน่ะ”

“มันพูดว่า ถ้าเจ้าพูดคำว่า “พิลึก” อีกครั้งเดียว มันจะกัดนิ้วเจ้า” ดูท่าว่าเวทสื่อสารของเธอคราวนี้จะทำให้เมทัลฟังคำพูดของคนแปลกหน้ารู้เรื่องด้วย

ติณณภพแยกเขี้ยว ทำหน้าบึ้ง ไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้ใครจะเพี้ยนมากกว่ากัน ระหว่างกระรอกพูดได้ กับเขาที่ฟังภาษาของแม่มดรู้เรื่อง เขาได้แต่หวังว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่ความฝัน และเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จะพบว่าเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนเกิดจากเขาหมกมุ่นกับการเขียนนิยายแนวเหนือธรรมชาติมากเกินไปจนเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะ...

“สัตว์เลี้ยงของเธอประหลาดมาก พูดได้ด้วย” ติณณภพพูดขึ้นหลังตั้งสติได้

“เมทัลบอกว่าเจ้าก็ประหลาด ตัวโตยังกับยักษ์” เสียงไอริสเป็นล่ามถ่ายทอดข้อความมาให้

“แล้วเคยเห็นยักษ์จับกระรอกถอนขนย่างกินบ้างไหมล่ะ บาร์บีคิวเนื้อกระรอกอาจอร่อย” เขาพูดลอยๆ โต้กลับ

เมทัลกระโดดลงจากตัวไอริส วิ่งขึ้นไปอยู่บนตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ภาพนั้นทำให้ไอริสหัวเราะขำ เมทัลโอดครวญว่า “ยักษ์ตนนี้จะทำความลำบากมาสู่เรา ไอริสรีบจัดการเร็วๆ”

ไอริสหัวเราะขำมากขึ้น “อย่าถือสาเมทัลเลยนะ ชอบขี้ตื่นแบบนี้แหละ”

“ข้าไม่ได้ขี้ตื่น แต่ข้ามีลางสังหรณ์ เจ้าตัวโตจะทำความยุ่งยากให้กับเรา”

“แหม เจ้ากลัวจะถูกจับย่างกินน่ะสิ”

“ชิชะ แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” เมทัลสะบัดหน้าใส่

ภาพนั้นทำให้แม่มดฝึกหัดหัวเราะ ขณะที่ติณณภพถามว่า “เธอคุยอะไรกับกระรอก”

“เมทัลบอกว่าเจ้าจะนำความเดือดร้อนมาสู่ข้ากับเมทัล”

“ฉันว่าคนที่จะเดือดร้อนคือฉันมากกว่า เพราะนับตั้งแต่เจอเธอกับเพื่อนหน้าตาประหลาดของเธอ ฉันมีแต่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย”

ไอริสทำหน้าบึ้ง “เจ้าเดือดร้อนคนเดียวที่ไหนกัน ข้าก็เดือดร้อนด้วย”

คุณพ่อลูกติดไม่อยากต่อล้อต่อเถียง จึงได้แต่ตีหน้ายักษ์แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วนี่เธอจะทำยังไง ในเมื่อแหวนถอดไม่ออกแบบนี้”

“นั่นสิ ข้าก็ไม่รู้”

“แหวนมีความสำคัญยังไงกับเธอ” ติณณภพถามต่อ

“แม่มดแต่ละตนจะมีแหวนประจำตัว แหวนโอปอลนี่เป็นแหวนประจำตัวของข้า มันช่วยเพิ่มพลังพิเศษ ถ้าหายไปข้าจะเจอแต่เรื่องร้ายๆ ในทางกลับกันถ้าตกไปอยู่กับคนที่ไม่ใช่เจ้าของ คนนั้นก็จะเจอแต่เรื่องร้ายๆ เหมือนกัน”

“เหมือนที่เจ้ากำลังเจอไอริสนี่ไง อย่างงี้ก็เรียกโชคร้ายได้เหมือนกัน” เสียงเจ้าตัวกวนลอยมา

“เมทัล! เดี๋ยวเสกให้เป็นกระรอกย่างเสียหรอก ข้าว่าเขาโชคร้าย ก็เพราะเจอเจ้านั่นแหละ”

ติณณภพเลิกคิ้วอย่างรอคำอธิบาย ไอริสจึงทวนคำของเมทัลให้ฟัง เจ้าตัวฟังแล้วว่า “ฉันก็ตอบไม่ถูกว่าโชคร้ายหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เป็นเรื่องแปลกมากๆ ที่ฉันได้เจอพวกเธอ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า ไม่แน่...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฉันหลับแล้วฝันไป เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า เธอกับเมทัลอาจไม่อยู่แล้วก็ได้”

“ไม่ใช่ความฝัน และเมื่อเจ้าตื่นพรุ่งนี้ เจ้าก็จะยังเจอข้าอยู่ข้างๆ ตราบใดที่ข้ายังหาวิธีถอดแหวนไปจากนิ้วของเจ้าไม่ได้”



“เราจะทำไงดีถึงจะเอาแหวนกลับคืนมา” ไอริสปรับทุกข์ขึ้นหลังจากติณณภพเข้าไปนอนในห้องนอนแล้ว ความจริงเขาเสนอที่จะนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเอง แต่เธอปฏิเสธและยืนยันกลับไปว่าขอนอนที่ห้องนั่งเล่นแทน

“มีวิธีเดียวต้องตัดนิ้วเขา”

“เพ้อเจ้อ...หยุดพูดเรื่องเหลวไหลสักนาทีได้ไหมเจ้ากระรอกตัวป่วน ข้ากำลังกลุ้มๆ อยู่นะ”

“ข้ารู้ๆ แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเครียดไง ความจริงข้าก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี”

“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องอยู่กับมนุษย์ผู้นี้ไปก่อนจนกว่าจะคิดหาทางออกได้”

“ระหว่างนี้เจ้าก็ต้องหมั่นฝึกเวทมนตร์คาถาไปด้วย ไม่งั้นเราจะพากันเดือดร้อนอีก”

ไอริสตวัดตาค้อน “ขืนเจ้าพูดซ้ำเติมอีกคำเดียว ข้าเสกให้เจ้าหายวับแน่” ขู่ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้สำเร็จหรือไม่

“ข้าไม่กลัว กลัวแต่เจ้าเสกผิดพลาดแล้วทำให้ข้าเดือดร้อนหนักกว่าเก่านี่สิ”

“นี่!”

“เอาเถอะๆ หยุดเถียงแล้วฝึกคาถาได้แล้ว เจ้าจำคาถาเรียกแหวนกลับคืนมาไม่ได้เลยหรือ”

“ไม่ได้ ก็ข้าไม่ทันจำ เพื่อนเจ้าก็ทำเสียฤกษ์แล้ว”

“แก่บ่นจริงทั้งที่อายุแค่ ๖๐! เอางี้...เจ้าฝึกคาถาไป ข้าจะอยู่ให้กำลังใจเป็นเพื่อนเจ้า”

“อ้าว...แล้วนั่นจะไปไหน บอกว่าจะอยู่ให้กำลังใจ” ท้วงทันควันเพราะพอฝ่ายนั้นพูดจบ ก็ไต่ลงจากตู้ มุ่งไปสู่อีกห้องทันที

“หาอะไรกิน” เมทัลตอบกลับมา

“แล้วไหนบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อน”

“กินเป็นเพื่อนไง อย่าบ่น ฝึกคาถาไป”

ไอริสผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะเมทัลหายไปอีกห้องเรียบร้อยแล้ว เธอดึงเท้าขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาที่นั่งอยู่ พยายามทำสมาธิเพื่อรำลึกว่ากระดาษเวทมนตร์ที่พี่สาวเสกให้มีข้อความอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนสมองจะไม่ทำงานเอาเสียดื้อๆ

แม่มดฝึกหัดถอนหายใจยาวเหยียด แต่แล้วคำพูดของแม่ที่เคยพร่ำสอนถึงวิธีการรวบรวมสมาธิตั้งแต่วัยเยาว์ก็หวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง ทำให้จิตใจนิ่งสงบจนเกิดสมาธิ การฝึกสมาธิสำหรับคนอื่นเป็นยังไงเธอไม่รู้ แต่สำหรับเธอเปรียบเสมือนการการควบคุมพลังในตัว แต่ตอนนี้ไอริสไม่รู้ว่าไม่ใช่แค่เป็นการควบคุมแต่เป็นการสะสมพลังอีกด้วย เมื่อไม่มีแหวนช่วย คาถาที่ผิดๆ ถูกๆ ของเธอจะไม่ส่งผลมากนัก เว้นแต่เธอสามารถสะสมพลังไว้ได้มากพอ ไอริสนั่งสมาธิได้นานกว่าเคยนับจากที่เข้าโรงเรียนมา เมื่อออกจากสมาธิ แวบหนึ่งที่เหมือนภาพนิมิตที่เคยเห็นเป็นครั้งคราวจะกลับมา

ภาพนิมิตเหล่านั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน เป็นภาพผืนทรายและผืนน้ำกว้างใหญ่สีเขียว ซึ่งขณะนั้นเธอยังไม่รู้ว่านั่นคือ “ทะเล” ภาพพาหนะรูปทรงแปลกๆ ซึ่งเธอไม่รู้ว่านั่นเป็น “รถ” และร้านขายตุ๊กตาโบราณ ที่มีภาพชายหนุ่มและเด็กหญิง เธอเห็นภาพในนิมิตไม่ชัดนัก รู้แต่ว่าทั้งคู่สื่อสารกันด้วยภาษาแปลกๆ และแต่งกายแปลกๆ

ภาพเหล่านั้นปรากฏแวบเดียวก่อนเลือนหายไป เธอพยายามเรียกซ้ำกลับมา แต่ไม่สำเร็จ ถึงตอนนี้เธอนึกสงสัยว่าภาพชายหนุ่มและเด็กหญิงคู่นั้น จะเป็นติณณภพกับลูกสาวของเขาหรือไม่ เพราะภาษาและเสื้อผ้าใกล้เคียงกับที่ติณณภพสวมใส่

โลกนี้ลึกลับสลับซับซ้อนกว่าที่เธอเคยคิดและเคยเห็น... ไอริสนึกในใจ









Create Date : 14 มิถุนายน 2556
Last Update : 22 มิถุนายน 2556 2:32:45 น.
Counter : 825 Pageviews.

5 comments
  
ชอบเมทัลค่ะ เห็นภาพชิพมังค์ลอยมาเลยค่ะ
ขนาดแหวนหดเล็กลงเรื่อยๆ นิ้วของพระเอกคงขาดเลือดหมุนเวียนน่าดูรัดซะขนาดนั้น อิอิ เอาใจช่วยให้ถอดแหวนออกได้เร็วๆ ค่ะ
โดย: pantan IP: 58.9.118.220 วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:9:51:10 น.
  
ขอบคุณคุณเอ๋มากๆๆ ค่ะสำหรับกำลังใจ เรื่องพระเอกเล่นหุ้น โดนคุณเอ๋แซวเลยแก้ต้นฉบับล่ะ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นค่ะ...พี่จ๋าทัก เลยปรับแก้น่ะค่ะ ^_^ ปกหนังสือบันทึกแห่งรักมาแล้วนะคะ เดี๋ยวทันทีที่อยู่ในมือ อุ๋ยจะจัดส่งให้สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลค่ะ
โดย: คณิตยา วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:10:36:18 น.
  
ตอนเมทัลบอกให้เสกคำว่าตำราอาหารไทย ทำให้นึกถึง google ค่ะ มนุษย์อย่างเราไม่มีเวทมนต์ แต่มี google ก็พอ ok นะคะ ^_^

งานนี้ติณณภพจะปิดต้นฉบับทันเหรอ?
โดย: alanta IP: 49.0.68.110 วันที่: 16 มิถุนายน 2556 เวลา:14:04:46 น.
  
เป็นการสะกิดที่น่าคิดมากค่ะคุณ Alanta ^_^
โดย: คณิตยา วันที่: 17 มิถุนายน 2556 เวลา:9:07:47 น.
  
ได้แม่มดเป็นเพื่อนเล่นลูกสาวแล้วสิ
โดย: sakeena IP: 171.96.16.194 วันที่: 17 มิถุนายน 2556 เวลา:9:43:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments