Group Blog
เสกรักข้ามภพ...ตอน 6


เสียงตึงตังนอกห้องนอนทำให้ติณณภพงัวเงียตื่น เขาลุกจากเตียงในชุดเสื้อกล้ามกางเกงบ็อกเซอร์เดินออกไปดูด้วยความเคยชิน พลันที่เห็นเด็กสาวกำลังลูบๆ คลำๆ โทรทัศน์ ในขณะที่เมทัลกระโดดขึ้นลงบนรีโมท เขาก็หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง เพราะเพิ่งนึกได้ว่าไอริสกับกระรอกหน้าตาพิลึกของเธอยังคงอยู่ในรีสอร์ทหลังนี้ ความหวังที่จะให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ “ความฝัน” จริงๆ

“เธอทำอะไร ทำไมตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้” ติณณภพถามด้วยน้ำเสียงสงสัย เพราะเพิ่งตี ๕ กว่าๆ เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มตาหลับลงได้ ก็ปาไปเช้าวันใหม่ด้วยมีหลายเรื่องให้ขบคิดเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องของแม่มดหลงยุคตรงหน้า

ไอริสเหลียวหลังไปมอง พลันที่เห็นติณณภพในชุดไม่เรียบร้อย เธอก็รีบยกมือปิดหน้าหันหลังกลับ “เจ้าจะแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องไม่ได้หรือไง”

เห็นท่าทางขัดเขินของแม่มดสาว ติณณภพก็นึกขึ้นได้ เขารีบก้าวไปยืนหลบหลังโซฟา หวังช่วยปิดบังลำตัวส่วนล่าง “ก็ไม่คิดว่าเธอจะยังอยู่นี่ อีกอย่างฉันไม่ได้แต่งตัวโป๊อะไร ก็แค่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น”

“ก็นั่นแหละโป๊” แม่มดต่างภพย้ำ แล้วลดมือ ชี้นิ้วไปทางโทรทัศน์ “นี่อะไร ทำไมถึงมีคนเข้าไปอยู่ในนี้ได้ล่ะ แถมยังเคลื่อนไหวได้เหมือนจริงด้วย”

“เขาเรียกว่าโทรทัศน์ ภาษาปากเรียกว่าทีวี ในโลกที่เธอจากมาไม่มีเหรอ”

“ไม่มี...มันทำงานยังไงหรือ”

“รับภาพมาจากเครื่องส่งๆ จะส่งสัญญาณภาพและเสียงไปตามบ้านที่มีโทรทัศน์ซึ่งเป็นเครื่องรับ รายการที่ส่งมาก็มีหลากหลายทั้งละคร ข่าว ภาพยนตร์ โฆษณา สารคดี การ์ตูน แล้วแต่เราจะเลือกดูรายการไหน อย่างถ้าเป็นข่าว ก็จะเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง”

“งั้นก็เป็นเหมือนเครื่องแอบดูชาวบ้านน่ะสิ รู้หมดใครทำอะไร เราไปดูเรื่องของชาวบ้านแบบนั้น เขาไม่ว่าเอาเหรอ”

“มันก็คงเหมือนแม่มดใช้ลูกแก้วดูเรื่องของชาวบ้านมั้ง” ติณณภพแสร้งแหย่กลับ

“ใครบอกล่ะ ลูกแก้วของแม่มด เอาไว้ดูแต่เรื่องใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องชาวบ้านหรอก เจ้าไปเอามาจากไหนว่าลูกแก้วแม่มดใช้แอบดูชาวบ้าน”

“ก็เห็นในหนัง ละคร นิทาน ว่าไว้แบบนั้นนี่”

“โลกของเจ้าทำให้แม่มดป่นปี้ เราไม่ใช้ลูกแก้ววิเศษพร่ำเพรื่อหรอก เข้าใจเสียใหม่นะ เอาล่ะ...ช่วยทำให้ข้าหายสงสัยทีสิว่าเจ้าจอสี่เหลี่ยมนี่ ทำงานยังไง”

ติณณภพทำท่าจะเดินไปหยิบรีโมทที่เมทัลเหยียบอยู่ พลันนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายกล่าวหาว่าแต่งตัวไม่เรียบร้อย เขาก็หยุดกึก

“มันต้องใช้รีโมท เธอกดรีโมทที่เมทัลเหยียบอยู่สิ ตรงปุ่มสีแดงน่ะ ทีวีก็จะทำงาน”

“รีโมทคืออะไร” ไอริสถามต่อ แต่ก็ทำตามคำแนะนำของเขาเงียบๆ เธอหยิบแท่งสี่เหลี่ยมยาวๆ มากดปุ่มสีแดง พลันก็เกิดภาพบนหน้าจอ เธอลองไล่ปุ่มไปเรื่อยๆ พบว่าภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วเธอก็หยุดตรงรายการทำอาหาร

“รีโมท คือ ตัวควบคุมคำสั่ง ทั้งเปิด ปิด เปลี่ยนช่องรายการ”

“สนุกจัง ที่บ้านข้าน่าจะมีบ้าง”

ติณณภพยิ้มกับน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ อากัปกิริยาของไอริส ทำให้เขานึกถึงลูกสาวอย่างช่วยไม่ได้ “เธอชอบทำครัวเหรอ ถึงชอบดูรายการอาหาร”

“ริสชอบกินมากกว่า ไม่ชอบทำหรอก” เมทัลชิงตอบแทน

ไอริสหันขวับไปทางเพื่อนร่วมภพ “เอ๊ะ...เจ้านี่ยังไงนะ เดี๋ยวก็เสกให้เป็นกระรอกย่างจริงๆ เสียหรอก”

เมทัลไต่ปรู๊ดไปบนตู้แขวน สะบัดหางไปมา ท่าทางกวนประสาทอย่างมาก ไอริสส่ายหน้า หันกลับมาตอบติณณภพ

“ข้าชอบดู ภาพในจอสนุกดี ว่าแต่พวกเขาพูดภาษาอะไรกัน”

“ภาษาไทย”

“ข้าอยากรู้จักภาษาไทย”

“เธอก็เสกเอาสิ” ติณณภพแกล้งแหย่

“ทำยังกับง่ายนักนี่ ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาษาไทยคืออะไร เพราะฉะนั้นข้าเสกไม่ได้หรอก เจ้าสอนให้ข้าหน่อยสิ”

ติณณภพนิ่วหน้า “ไม่มีทาง ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น”

“ทำไมไม่มีเวลาล่ะ ก็ไม่เห็นเจ้าทำอะไร มีแต่กินกับนอน”

ติณณภพหน้าแดงก่ำ พยายามข่มอารมณ์ ตอบกลับไปว่า “ฉันหนีมาอยู่รีสอร์ทริมหาดก็เพื่อหาบรรยากาศปิดต้นฉบับ เดดไลน์มาจ่ออยู่ตรงหน้า เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถเจียดเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นได้หรอก”

“ปิดต้นฉบับคืออะไร”

ติณณภพกลอกตาขึ้นลง แต่ก็ยอมบอกตรงๆ “เร่งเขียนนิยายให้จบน่ะ”

“ว้าว...เจ้าป็นนักเล่านิทานหรือ เขียนเกี่ยวกับอะไร”

“ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นนิยาย ฉันเขียนเรื่องข้ามเวลา”

“อะไรนะ...ข้ามภพ? เยี่ยมเลย งั้นข้าขออ่านหน่อย ดูว่าทำยังไง”

“ไม่ได้เด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ”

“ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่สะดวกใจที่จะให้อ่าน เอาล่ะ...ฉันขอตัวไปอาบน้ำ” แล้วติณณภพก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ เขาถามต่อว่า “เธอจะใช้ห้องน้ำก่อนไหม หรือว่าแม่มดไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ?”

“ก็ไม่เชิง คือ แม่มดตนอื่นไม่ต้องอาบ แค่ใช้เวทมนตร์อาบก็เรียบร้อย แต่สำหรับข้ายังต้องอาบ”

ติณณภพเผลอยิ้มขำโดยไม่รู้ตัว “ทำไมล่ะ” แสร้งถามทั้งที่พอเดาคำตอบได้

“ก็แม่มดแสนซนตนนี้ ยังอ่อนหัดเรื่องเวทมนตร์อยู่ไง เจ้าก็เห็นอยู่ว่าริสเสกคาถาอะไรไม่เคยสมบูรณ์สักที”

“อีกแล้วนะเจ้ากระรอกตัวป่วน สงสัยเจ้าอยากถูกย่างจริงๆ เสียแล้ว เดี๋ยวก็ปล่อยให้มนุษย์ผู้นี้จับเจ้าถอนขนย่างจริงๆ เสียหรอก”

ติณณภพขมวดคิ้ว นึกฉงนเพราะพอไอริสพูดจบ กระรอกก็วิ่งหายเข้าไปในครัว

“เธอคุยอะไรกับกระรอกเหรอ” เขาถาม

ไอริสถ่ายทอดในสิ่งที่เธอกับกระรอกโต้ตอบกัน แล้วตบท้ายว่า “เจ้าเมทัลร้าย เป็นตัวป่วนขนานแท้”

คนฟังพยักหน้ารับรู้ “สมุนเธอชอบแหย่มากกว่า ดูก็รู้ว่ารักเธอมาก”

“รักอะไรล่ะ ไม่มีเพื่อนตัวไหนยอมคบน่ะสิ ถึงต้องมาสุงสิงกับข้า”

ติณณภพยิ้มขำกับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั้น “แล้วตกลงเธอจะอาบน้ำก่อนไหม ถ้าอาบ ฉันจะได้ไปเตรียมผ้าขนหนู กับเสื้อผ้าให้”

“ขอบคุณ แต่เสื้อผ้าคงไม่ต้อง เพราะข้าคงสวมของเจ้าไม่ได้”

“งั้นเธอจะทำไง เสกเอาเหรอ”

“เป็นคำถามที่ดี คงต้องลอง”

“เอาแบบนี้ล่ะกัน ฉันจะเตรียมเสื้อผ้าชุดที่เธอน่าจะใส่ได้วางบนเตียงไว้ให้ ถ้าเธอเสกไม่ได้ ก็สวมเสื้อผ้าของฉันไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกินมื้อเช้าเสร็จจะพาไปหาซื้อ”

“ขอบคุณ ทำไมเจ้าถึงใจดีกับข้านักล่ะ”

คนถูกถามอึ้ง ติณณภพเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ เขาเลยได้แต่เสยผม แล้วเลี่ยงว่า “มโนธรรมมั้ง ฉันขอตัวนะ”

ไอริสรอจนได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังแล้ว เธอจึงสนใจเครื่องรับสัญญาณตรงหน้า แล้วเสียงของเมทัลก็ดังขึ้นไม่ห่างจากตัวนัก

“ผู้ชายคนนั้นไม่เลวหมือนกัน”

“ฮื่อ...ดูท่าทางเป็นคนดี” ไอริสตอบรับอย่างไม่สนใจนัก สายตายังคงเพ่งพินิจโทรทัศน์เบื้องหน้าอย่างสนใจ แล้วเธอก็พูดว่า “ข้านึกอะไรออกล่ะ เราหาวิธีเอาเครื่องสอดแนมชาวบ้านเครื่องนี้กลับไปบ้านเราดีกว่า”

“เจ้าหมายถึงโลกแม่มดน่ะเหรอ”

“แหงสิ คิดดูนะถ้าเครื่องนี้ไปโผล่ที่บ้านเรา ต่อไปเราก็ไม่ต้องนั่งเรียนในห้อง แต่สามารถเรียนคาถาจากที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีเครื่องรับเครื่องส่งเท่านั้น”

“แล้ว แม่มดครู ที่ไหนจะยอมสอนผ่านเครื่องส่งเครื่องรับพวกนี้”

“นั่นก็ต้องไปโน้มน้าวกันอีกที ไม่แน่หรอกอาจมีแม่มดครูบางตนสนใจก็ได้ เพราะไม่ต้องเหนื่อยมาเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในห้อง เนื่องจากแค่สอนผ่านเครื่องส่งเท่านั้น”

“อ้อ...ลูกศิษย์ขี้เกียจเขาคิดกันแบบนี้นี่เอง” เมทัลพยักหน้าหงึกหงัก

ไอริสหน้าคว่ำ “เลิกคุยกับเจ้าแล้ว ข้าไปอาบน้ำดีกว่า”



แม่มดสาวเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ไอริสร้องเรียกเขาแต่หลังประตูยังคงมีแต่ความเงียบ เธอจึงกลับไปรอที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม เมื่อติณณภพผลักประตูออกมาภายหลังแต่งตัวเสร็จในอีกหลายนาทีถัดมา จึงพบภาพไอริสหลับอุตุอยู่บนโซฟาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนซึ่งไม่น่าสบายนัก เขาอุ้มร่างบอบบางราวกับวัตถุไร้น้ำหนักไปวางบนเตียง โดยมีเมทัลวิ่งตามไม่ห่างพร้อมส่งเสียงเรียกไอริสด้วยความห่วงใยเพื่อปลุกให้ตื่น แต่ติณณภพฟังไม่รู้เรื่อง เขาดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงลำคอ ก่อนปรับอุณหภูมิเครื่องทำความเย็นให้ทำงานกำลังดี แล้วจึงออกไปสั่งอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเด็กสาว ไอริสหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นก็ตอนที่ได้ยินเมทัลทำเสียงตึงตัง

“เจ้าทำอะไรน่ะหนวกหูเสียจริง” ว่าพลางพลิกตัวอีกด้าน

“ก็ปลุกเจ้าแหละแม่มดขี้เซา”

ไอริสผุดลุกนั่งอย่างนึกขึ้นได้ “โอ...นึกออกแล้วข้ากำลังอยู่ในโลกมนุษย์นี่”

“ใช่บนเตียงของยักษ์ตนนั้นด้วย”

ไอริสลดสายตามองเนื้อตัวอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังเรียบร้อยเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ “เขาพาข้ามาไว้บนเตียงนี่เหรอ”

“ใช่ ข้าพยายามร้องเรียกเจ้าแล้วแต่เจ้าขี้เซาเหลือเกิน โชคดีที่เขาไม่ทำอะไร แค่ห่มผ้าให้ ว่าไปแล้วเขาก็เป็นคนดีเหมือนกัน”

ไอริสบิดขี้เกียจแล้วลุกจากเตียง “เขาก็คงต้องดีแหละ ไม่งั้นก็ถูกข้าเสกเป็นกบแน่”

“ขี้โม้ชะมัด เจ้าจะอาบน้ำ ข้าไปรอข้างนอนดีกว่า” พูดจบก็วิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

ไอริสเดินไปปิดประตู ก่อนสำรวจรอบห้อง เพราะตอนที่ถูกจับมัดมือไว้กับเตียง อารามตกใจจึงไม่ได้สำรวจอะไรมากนัก เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าริมเตียงมีเสื้อตัวใหญ่ซึ่งเวลานั้นเธอไม่รู้ว่า นั่นคือ เสื้อคลุมอาบน้ำ และเคียงข้างกันคือ เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นพร้อมกับวัสดุยาวๆ สีดำ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าคือเข็มขัด แม่มดสาวสลัดเดรสยาวออกจากตัวแล้วเดินเปลือยกายเข้าไปห้องน้ำ ตื่นตาตื่นใจกับสภาพของใช้ซึ่งเธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ด้านหนึ่งเป็นบริเวณส่วนแห้งซึ่งมีอ่างล้างหน้าและอีกด้านล้อมรอบด้วยกระจกด้วยมีอ่างขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เหนือขึ้นไปมีท่อสีเงิน เวลานั้นไอริสไม่รู้ว่านั่นคืออ่างจากุสซีและฝักบัว

แม่มดหลงยุคทดลองหมุนอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถหมุนได้ ซึ่งปรากฏว่ามีน้ำร้อนๆ พุ่งออกมาจากอุปกรณ์คล้ายท่อเหนือศีรษะ และด้านล่างที่เป็นท่อสั้นๆ ก็มีน้ำไหลออกมาด้วย เธอลองดึงลองกดเข้าไป ปรากกฎว่าด้านล่างหยุดไหล ไหลเพียงด้านบน เริ่มรู้ว่ามันคือก๊อกน้ำ เพียงแต่รูปร่างหน้าตาและลักษณะการทำงานแตกต่างจากก๊อกน้ำในโลกของเธอ ไอริสไปยืนอยู่ใต้ท่อ รู้สึกผ่อนคลายจากสายน้ำร้อนๆ นั้น เมื่อลองหมุนอีกด้านก็กลายเป็นน้ำเย็น เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากเด็กที่ได้ของชิ้นใหม่ๆ

ไอริสฟอกตัวด้วยสบู่ก้อนและสระผมด้วยแชมพู ซึ่งสบู่และแชมพูไม่ค่อยต่างจากโลกของเธอนัก จึงพอคาดเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร จากนั้นออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูที่ติณณภพวางไว้ให้ข้างอ่าง ก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดที่ติณณภพเตรียมไว้ให้



ติณณภพขนแม็กบุ๊คพร้อมเอกสารต่างๆ มาทำงานที่ระเบียงหน้าบ้าน เบื้องหน้าเป็นผืนทรายและผืนน้ำที่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา เขาจมกับงานตรงหน้า จวบกระทั่งมีสายเรียกเข้า

“พ่อติณพูดครับ” ติณณภพหยิบโทรศัพท์มากดรับ ก่อนทักทายลูกสาว

“มอร์นิ่งค่ะพ่อติณ นี่หนูเอมม่านะคะ” เอมม่าเลียนแบบคำพูดของเขากลับมา

“มอร์นิ่งลูก หนูกินข้าวเช้าหรือยัง คุณย่าทำอะไรให้กินบ้าง”

“คุณย่าสั่งให้แม่ครัวทำโจ๊กหมูสับให้เอมม่าค่ะ พ่อติณละคะทานข้าวหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วลูก วันนี้คุณปู่คุณย่ามีโปรแกรมพาลูกไปเที่ยวไหนบ้างไหม” ติณณภพถามต่อพลางมองถาดอาหารของตัวเองที่เพิ่งกินเสร็จไปหมาดๆ

“คุณย่าบอกว่าจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์ค่ะ แล้วก็ไปดูโรงแรมที่สูงมั่กๆ ของคุณย่า” เจ้าตัวลากเสียงยาวตรงคำว่า”มั่กๆ” ให้ดูเหมือนว่าสูงมากจริงๆ

“หนูจะเบื่อหรือเปล่าถ้าต้องไปรอคุณย่าที่ทำงาน ให้พ่อพูดโทรศัพท์กับคุณย่าหน่อยมั้ย?”

“ไม่นะคะพ่อติณ คุณย่าบอกว่าไม่ได้ไปทำงาน แค่ไปประชุมเดียวเดี๋ยวค่ะ เสร็จแล้วจะพาหนูไปหาซื้อของเล่น”

“แกร่วอยู่ที่ทำงานของคุณย่า พ่อกลัวจะไม่สนุกน่ะสิ แล้วช่วงนั้นใครจะดูแลหนู”

“คุณปู่ไงคะ คุณปู่จะอยู่กับหนูตลอดเวลาค่ะ แล้วพ่อติณละคะไปเที่ยวทะเลคนเดียวเป็นไงบ้าง”

“ไม่สนุกเหมือนไปเที่ยวกับหนูหรอกลูก ที่นี่เงียบเมื่อไม่มีหนู...” ประโยคหลังสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงแม่มดและกระรอกหน้าตาประหลาดๆ ของไอริส ติณณภพถอนหายใจแล้วตบท้ายว่า “ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหนูไม่ต้องห่วง”

“บรรยากาศเงียบๆ แบบนั้น พ่อติณก็ทำงานเสร็จไวสิคะ เย้...พ่อติณจะได้มารับหนูกลับบ้านไวๆ”

ติณณภพคลี่ยิ้ม “ยังลูก... เรื่องที่พ่อเขียนไม่ได้จบง่ายๆ แบบนั้น”

“ว้า...อย่างนี้หนูต้องอยู่กับคุณย่าไปอีกหลายวันใช่ไหมคะ”

“ใช่ลูก หนูไม่ชอบอยู่กับคุณย่าเหรอ”

“ชอบค่ะ แต่อยากอยู่กับพ่อติณมากกว่า”

“แน่ะ...ปากหวาน”

แม่หนูน้อยส่งเสียงหัวเราะกลับมาแล้วว่า “พ่อติณขา คุณย่าเรียกแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”

ติณณภพไม่ทันตอบ ลูกสาวตัวน้อยก็วางสายไปเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อเรือพ่วงส่ายหน้า แววตาอ่อนโยน ตอนนั้นเองที่เขาสะดุ้งเมื่อเสียงทางด้านหลังทักขึ้นว่า

“นั่นเรียกว่าอะไร”

ติณณภพชะงัก เขามองตามสายตาของไอริสแล้วชูโทรศัพท์มือถือ “มือถือนี่น่ะเหรอ?”

“ใช่...เขาเรียกว่าอะไรน่ะ”

“โทรศัพท์มือถือ”

“เรียกแปลกจัง”

“ก็ไม่ได้แปลก เรียกตามลักษณะการใช้งาน โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารประเภทหนึ่ง ด้วยเหตุที่ต้องใช้มือถืออยู่ตลอดของการใช้งาน เราจึงเรียกสั้นๆ ว่า มือถือ เราจะได้ยินคู่สนทนาไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนถ้าหากว่าที่นั่นมีคลื่นสัญญาณไปถึง”

“แล้วจะถือไปทำไมน่ะ” ไอริสถามอย่างสงสัย

ติณณภพปรายตามองคนถามอย่างประเมินว่าอยากรู้จริงๆ หรือต้องการกวนกันแน่ ฝ่ายนั้นเห็นสายตาของเขาก็รีบพูดต่อ

"ก็จริงนี่นา ใช้การสื่อจิตไม่ง่ายกว่าเหรอ ส่งผ่านทางจิตน่ะ"

"ก็มนุษย์ไม่ใช่แม่มด ทุกคนไม่ได้มีเวทมนตร์หรือพลังจิตจะได้ส่งโทรจิตกันเป็นว่าเล่น"

ถึงตอนนี้เธอก็มานั่งข้างๆ ติณณภพ พลางหยิบอุปกรณ์ที่กำลังพูดถึงมาพลิกดูไปมา "หน้าตาก็คล้ายกล่องสี่เหลี่ยม แต่มีกระจกด้วย" ไอริสยกขึ้นมาส่องตรงหน้า "ทำไมไม่เห็นหน้าข้าล่ะ" วินาทีนั้นก็มีสายเรียกเข้า พร้อมกับมีภาพของผู้หญิงมาดดุปรากฏบนหน้าจอ “อุ้ย...มีคนโผล่ออกมาจากกระจกด้วย”

ติณณภพส่ายหน้า เขายื่นมือไปดึงโทรศัพท์จากมือบางด้วยกิริยานุ่มนวล “ฉันขอมือถือคืน มีสายเรียกเข้า” ติณณภพกดรับเมื่อเห็นปลายทางเป็นสายของแม่เขา

“ติณพูดครับ”

“พ่อติณขานี่เอมม่านะคะ หนูยืมมือถือของคุณย่ามาโทร.หาพ่อค่ะ”

“อ่อ...ครับ แล้วหนูมีอะไรหรือเปล่า”

“หนูจะบอกว่าคุณย่าฝากความคิดถึงมาด้วยค่ะ บอกว่าขอให้พ่อติณเขียนนิยายจบไวๆ ค่ะ”

“ขอบใจลูก แล้วนี่จะออกไปหรือยัง”

“หนูอยู่บนรถของคุณปู่แล้วค่ะ แค่นี้นะคะ”

ติณณภพส่ายหน้า เขาโต้ตอบลูกสาวไปอีกสองสามคำแล้ววางสาย ซึ่งแม่มดสาวก็ถามขึ้นทันที

“เจ้าพูดภาษาอะไร”

“ภาษาไทย”

“แล้วตอนนี้ลูกของเจ้าอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่กรุงเทพฯ กับคุณย่า ฉันหมายถึงแม่ของฉัน ภาษาไทยเราเรียกแม่ของพ่อว่าย่า”

“แล้วแม่ของลูกเจ้าล่ะ”

“เสียชีวิตแล้ว” ติณณภพตอบสั้นๆ

“งั้นเจ้าก็เป็นพ่อม่ายลูกติดสิ ข้าเสียใจด้วย ว่าแต่กรุงเทพฯ อยู่ที่ไหน”

“กรุงเทพฯ อยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย”

“แล้วทำไมพวกเจ้าไม่อยู่ด้วยกัน”

“ปกติอยู่ด้วยกัน แต่บังเอิญช่วงนี้ฉันต้องเร่งเขียนงานให้จบ ก็เลยพาลูกไปฝากไว้บ้านแม่ของฉัน”

ไอริสพยักหน้ารับรู้ “ถ้าแบบนั้นข้าก็สามารถติดต่อกับครอบครัวของข้าที่โลกของแม่มดด้วยอุปกรณ์ชิ้นนี้สิ”

“ไม่ได้หรอก อุปกรณ์ประเภทประเภทนี้ไม่สามารถข้ามผ่านมิติ หรือติดต่อสิ่งที่อยู่ต่างภพหรือต่างโลกได้ มันไม่ใช่อุปกรณ์ประเภทไทม์แมชชีนถึงจะทะลุอีกมิติได้”

“โลกของเจ้าเจริญก้าวหน้าดีแท้ แล้วไทม์แมชชีนคืออะไร”

“ไทม์แมชชีน คือเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เธอย้อนเวลาไปหาอดีตหรือไปในโลกแห่งอนาคต ซึ่งมันมีแต่เรื่องเล่า ไม่มีอยู่จริง”

“แม่มดไปไหนๆ ได้โดยไม่ต้องใช้ไทม์แมชชีน เราใช้แค่เวทมนตร์คาถา แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือถืออะไรอย่างที่เจ้าว่า แค่ใช้โทรจิต แล้วถ้าไทม์แมชชีนไม่มีอยู่จริง ทำไมมนุษย์ถึงได้แต่งเรื่องหลอกกันเอง”

“ไม่ได้หลอก แต่เป็นเรื่องเล่าที่พิสูจน์ได้ยากว่ามีจริง เหมือนเรื่องของเธอ ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัว ไม่มีทางรู้หรอกว่าแม่มดมีอยู่จริง”

“งั้นก็เหมือนโลกมนุษย์ ก่อนนี้ข้าคิดแค่ว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในตำนาน ไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ข้าเชื่อสนิทใจแล้วว่าโลกมนุษย์มีอยู่จริง” ไอริสเพิ่งรู้ว่าภาพเหตุการณ์ที่เห็นในนิมิตซึ่งแวบมาให้เห็นเป็นครั้งคราวนั้น ที่แท้ก็คือโลกมนุษย์นั่นเอง

“ก็อาจจะใช่”

“แล้วเช้านี้แหวนเป็นไงบ้าง”

ติณณภพเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องพูด เขายกนิ้วขึ้นมาพินิจ “ก็เหมือนเดิม ติดข้อนิ้ว”

“แปลกดีแท้”

“ถ้าไม่มีแหวน เธอกลับโลกของเธอไม่ได้หรือ”

ไอริสส่ายหน้าจนผมสยาย “ไม่ได้หรอก เพราะข้าไม่รู้คาถา ถึงรู้ก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี เพราะกลับไปก็คงเจอแต่เรื่องร้ายๆ แล้วคาดเดาไม่ได้ด้วยว่าเรื่องจะเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่แค่ไหน ข้าไม่น่าฝึกคาถาเคลื่อนย้ายสิ่งของเลย ดู...นอกจากข้าจะทำแหวนประจำตัวหายแล้ว แหวนยังดูดข้ามาในภพที่ไม่คุ้นเคยอีก” ประโยคท้ายบ่นกระปอดกระแปด

“ฉันเสียใจด้วย” ติณณภพพูดเสียงนุ่ม แล้วภาพแม่เฒ่าในร้านขายตุ๊กตาโบราณแห่งนั้น ก็ปรากฏในความทรงจำ ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ตอนนั้นแม่เฒ่าพูดแปลกๆ ทำนองว่าถ้าเขาสนใจก็เป็นของเขา ติณณภพชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องแม่เฒ่าให้ไอริสฟังดีหรือไม่ แต่ที่สุดก็ตัดสินใจปิดปากเงียบ จากนั้นต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง ติณณภพลอบสังเกตไอริสเงียบๆ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าฝ่ายนั้นอยู่ในชุดเสื้อผ้าของเขา เสื้อยืดตัวโคร่งข่มให้เธอดูเล็กกระจ้อยร่อย หากทว่าเนินอกกลับดันเนื้อผ้าออกมาจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนซึ่งบ่งบอกว่าภายใต้เสื้อยืดไม่ได้ “เล็ก” อย่างที่คิด ดูแวบเดียวก็มองออกว่าเธอสาวสะพรั่งไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป

ติณณภพพินิจใบหน้าสวยเก๋ของแม่มดสาวเงียบๆ แม้จะเจอเหตุการณ์ร้ายๆ มาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังคงสวยสดใส ดูไร้เดียงสาไม่ต่างจากพระแม่มารีย์ ติณณภพนึกแล้วลดสายตามองผิวพรรณของแม่มดสาว ซึ่งขาวผุดผาดและเนียนใสเป็นธรรมชาติ ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรือจริตมารยา

ใช่...ดูเผินๆ เธอก็เหมือนมนุษย์เราดีๆ นี่เอง เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ยากจะแยกแยะออกว่าเธอคือแม่มด แล้วคุณพ่อเรือพ่วงก็พูดว่า

“เสื้อผ้าของฉันเธอใส่ได้ไหม” ถามทั้งที่เห็นคำตอบว่าเสื้อผ้าของเขาโคร่งจนดูรุ่มร่าม เขาเดาว่าเธอคงเสกเสื้อผ้าไม่ได้ถึงยอมสวมเสื้อผ้าของเขา

“ไม่พอดีตัว แต่ก็โอเค ดีกว่าสวมเสื้อผ้าชุดเก่า เพราะข้าเสกเรียกเสื้อผ้ามาไม่ได้” ประโยคท้ายพูดแล้วพ่นลมหายใจยาวเหยียด “ว่าแต่เสื้อยาวๆ ที่วางอยู่บนเตียงนั่น เจ้าจะให้ข้าสวมด้วยเหรอ ข้าว่ามันใหญ่เทอะทะ”

ติณณภพหัวเราะ “มันเป็นเสื้อคลุม ใช้ใส่ก่อนเข้าห้องน้ำหรือไม่ก็หลังอาบน้ำเสร็จ”

“ก็มีผ้าขนหนูอยู่แล้ว”

“บางคนก็สวมทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุม แต่เสื้อคลุมตัวนั้นใหญ่โคร่งเกินไปสำหรับเธอ เดี๋ยวกินมื้อเช้าเสร็จ ฉันจะพาไปหาซื้อใหม่”

“เจ้าใจดีมาก”

“เรื่องเล็กน้อย ฉันแน่ใจว่าถ้าฉันหลงไปในโลกของเธอ เธอก็คงช่วยเหลือฉันในแบบเดียวกันนี้ใช่มั้ย?”

“ไม่หรอก” ไอริสปฏิเสธทันควัน “เพราะโลกของแม่มดใช่ว่าใครๆ จะทะลุเข้าไปง่ายๆ เรามีเวทมนตร์ป้องกันหลายชั้น ทำให้มองไม่เห็นง่ายๆ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดจะพาสัตว์ในเทพนิยายออกมาจากตำราเวทมนตร์ แต่เอาออกมาไม่ได้เล้ย”

“เธอนี่ดูๆ ไปท่าทางจะซนเอาการนะ” ติณณภพตั้งข้อสังเกต

“ทำไมล่ะ”

“ก็ดูท่าชอบเที่ยวชอบเล่นไปทั่ว”

“ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย ข้าแค่ชอบท่องป่าเขาลำเนาไพร ชอบไปในโลกกว้างที่ไม่รู้จัก ยกเว้นโลกมนุษย์ที่ข้าไม่เคยแม้แต่จะคิดอยากกล้ำกลาย แต่กลับต้องมา”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ในตำราแม่มดบอกว่ามนุษย์โหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ตนใด”

ติณณภพนิ่วหน้า “ไม่จริงเสมอไปหรอกนะ มนุษย์ก็เหมือนแม่มดนั่นแหละ มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์และเลวร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก”

“ก็คงจริง ขนาดเจ้า...ถึงจะโหดร้ายจับข้ากับเมทัลขัง แต่เจ้าก็ยังมีคุณธรรม ให้ที่พักพิงกับเรา”

“ที่จับเจ้ากับเมทัลขัง ก็เพราะยังไม่รู้จักดีพอ ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เลยต้องปลอดภัยไว้ก่อน”

“ผู้ชายสองคนที่เจ้าเรียกมาเป็นใครกัน”

“เป็นตำรวจ คนที่ทำหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนน่ะ เรามักพูดกันว่าตำรวจ คือคนที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน”

“โลกของข้าไม่มีตำรวจ เพราะแม่มดทุกตนสามารถดูแลตัวเองได้”

“ดีแล้ว ทุ่นรายจ่ายไปได้เยอะ ว่าแต่แม่มดหิวหรือยัง กินอะไรไหมฉันโทร.สั่งอาหารเช้าให้กับเธอและเมทัลด้วย”

“โทร.สั่ง? แปลว่าอะไร”

“หมายถึงสั่งให้พนักงานรีสอร์ททำอาหารมาให้ ถามต่อล่ะสิรีสอร์ท คืออะไร?” เมื่อเห็นไอริสพยักหน้า เขาก็ตอบต่อว่า “รีสอร์ท คือที่พัก บ้านที่เรากำลังพักอยู่นี่เรียกว่ารีสอร์ท ความจริงจะเข้าครัวทำอาหารเองก็ได้เพราะรีสอร์ทของแม่ฉันมีครัวให้ด้วย แต่ฉันไม่อยากเสียเวลาหรือยุ่งยาก ก็เลยโทร.สั่งแทน ว่าไงหิวหรือยัง?”

“นิดหน่อย”

“งั้นก็กินอาหารเช้าของเธอ นี่ของเธอและนี่ของเมทัล” ติณณภพพูดแล้วเลื่อนถาดอาหารที่มีฝาแก้วครอบมิดชิดไปตรงหน้าไอริส และเลื่อนถาดผลไม้อีกถาดไปตรงหน้าเมทัลซึ่งขณะนี้กระโดดลงมายืนบนโต๊ะราวกับรอคอยอยู่แล้ว

“นี่คืออะไร” แม่มดสาวยกฝาครอบออกพลางถาม

“ข้าวต้มหมูสับ ส่วนของเมทัล ฉันสั่งแครอท แอปเปิ้ล แล้วก็ถั่วฝักยาวมาให้”

“แล้วเจ้ากินแล้วหรือ”

“ฉันเรียบร้อยแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้รอ”

ไอริสไม่ทันตอบเมื่อขณะนี้เมทัลคว้าแครอทหมับ มันแทะกินอย่างเอร็ดอร่อยพลางพูดชมไม่ขาดปากว่า “อร่อยจริงๆ”

“เจ้ากระรอกตะกละ ค่อยๆ กินสิ ดูสิเจ้าทำให้ข้ากับมนุษย์เลอะเทอะหมดแล้ว” ไอริสปรามเมื่อเมทัลกัดสะบัดจนเศษแครอทกระเด็นมาโดนเธอและติณณภพ ซึ่งฝ่ายหลังทำแค่สะบัดชายเสื้อ กระรอกจากโลกแม่มดไม่สนใจคำเตือนของไอริส ยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อย แม่มดสาวละสายตามามองติณณภพแล้วว่า

“ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะเจ้ามนุษย์”

ติณณภพนิ่วหน้า “ไม่เป็นไร แต่เธอเรียกฉันว่าติณสั้นๆ ก็ได้ เรียก “มนุษย์” ฟังแปลกๆ หูยังไงไม่รู้”

“ตกลง...ติณ แล้วนั่นอะไร” ไอริสชี้ไปทางทะเลเบื้องหน้าซึ่งเหมือนกับภาพในนิมิต

“ทะเล”

“แล้วทะเล คืออะไร”

“ทะเล ก็คือ ห้วงน้ำเค็มที่กว้างใหญ่”

“ข้าเคยเห็นในนิมิต เพิ่งรู้ว่าคือทะเลนี่เอง” ไอริสพึมพำ หากแววตาเป็นประกายระยับราวกับกำลังมีเรื่องสนุกๆ มาให้ผจญภัยอีกแล้ว

ติณณภพทำเสียงรับรู้ในลำคอ พินิจแม่มดสาวซึ่งขณะนี้จ้องไปทางทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด เขานึกอยากรู้ทะเลในนิมิตที่เด็กสาวพูดถึงเป็นอย่างไร และเธอเคยเห็นภาพนิมิตอะไรที่เกี่ยวกับโลกของเขาอีกบ้าง? บางทีเขาอาจเจอวัตถุดิบสำหรับนิยายเรื่องต่อไปเข้าให้แล้ว…









Create Date : 23 มิถุนายน 2556
Last Update : 23 มิถุนายน 2556 19:24:28 น.
Counter : 1472 Pageviews.

4 comments
  
ถ้าอ่านบทนี้แล้วเนื้อหาบางส่วนเปลี่ยนแปลงไป ก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ เนื่องจากมีการปรับแก้บทเก่าๆ เป็นระยะๆ มาน่ะค่ะ
โดย: คณิตยา วันที่: 23 มิถุนายน 2556 เวลา:19:25:38 น.
  
ได้แหล่งข้อมูลจริงเลยนะเนีย
โดย: sakeena IP: 115.87.92.64 วันที่: 24 มิถุนายน 2556 เวลา:9:57:15 น.
  
นึกถึงตอนติณพาไอริสไปกรุงเทพคงป่วนน่าดู
โดย: alanta IP: 110.49.207.84 วันที่: 25 มิถุนายน 2556 เวลา:7:03:48 น.
  
ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านด้วยความอดทนค่ะ ทั้งที่อุ๋ยโพสต์นานๆ ครั้ง >_< อันเนื่องด้วยภารกิจการงานและ...เรื่องนี้ไม่ง่ายเลยที่จะเขียน พี่จ๋ากรุณาปรับแก้ให้แบบตอนเรียงตอนเลยค่ะ >_< แก้หลายรอบ จนโพสต์แก้ซ้ำหลายรอบไม่ไหว เลยต้องปล่อยไป เอาเป็นว่าในเวอร์ชั่นตีพิมพ์ จะมีรายละเอียดที่ปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ นะคะ >_< เรื่องนี้ยังอีกยาวเลยค่ะ กว่าจะเขียนไปถึงปมให้พระ นางรักกันได้ แล้วถึงจะตามมาด้วยปมอุปสรรคขัดขวาง ตั้งใจจะว่าจะเป็นเรื่องที่จะค่อยๆ เขียน ค่อยๆ เห็น พัฒนาการความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นค่ะระหว่างพระ-นาง ซึ่งจะเป็นแนวรักใสๆ ค่ะ หวังว่าแนวเรื่องที่เปลี่ยนใหม่นี้ คงจะถูกใจคนอ่านนะคะ ป.ล. แอบคนมีคนติดตามบล็อกด้วย 1 คน ขอบคุณมากค่ะ แม้ว่าคนนั้นๆ จะไม่ได้มาเห็นคำขอบคุณนี้ ก็ขอสลักคำขอบคุณไว้ตรงนี้ที่เจอครั้งแรกค่ะ ขอบคุณค่ะ

ป.ล.สัปดาห์หน้าหนังสือบันทึกแห่งรักจะมาถึงมืออุ๋ยนะคะ แล้วอุ๋ยจะจัดการส่งให้อย่างไวเลยค่ะ สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
โดย: คณิตยา วันที่: 6 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:21:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments