Philippines ประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่เคยคิดอยากจะไป


มีใครเคยคิดอยากไปเที่ยวฟิลิปปินส์กันบ้างมั๊ยคะ ไม่ใช่แนวดูถูกอะไรแบบนั้นนะคะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด แต่แบบ...ฟิลิปปินส์นี่เป็นหนึ่งในประเทศที่ “อยาก” จะไปกันหรือเปล่า

เอาแบบที่ไม่ใช่ไปดำน้ำนะ ไปเที่ยวชิลล์ๆธรรมดาๆเนี่ย... ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในลิสต์กันมั๊ย

ลองนึกถึงประเทศรอบตัวเรา เวียดนาม ลาว เขมร พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดฯ ประเทศเหล่านี้อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินคนรอบๆตัวเคยไปมาบ้าง อยากไปบ้าง ติดใจอยากไปอีกบ้าง แต่ที่ไม่เคยได้ยินคนพูดถึง หรือไม่ก็แถบจะไม่ได้ยินเลยก็มีบรูไน กับฟิลิปปินส์เนี่ยแหล่ะ

...ทำไม นั่นซิ ทำไม??

ตัวเราเองก็ไม่เคยคิดอยากจะไป นึกแล้วนึกอีกก็ยังนึกไม่ออกว่าฟิลิปปินส์มีอะไรน่าเที่ยว

แต่คุณสามีเนี่ยซิคะ ไม่ค่อยรู้ล่วงหน้าเท่าไหร่ว่าจะลางานได้เมื่อไหร่ มารอบนี่ก็เหมือนเดิม เลยต้องมานั่งคิดกันอีกว่าจะเอายังไงดี ไอ้เราก็บอกว่า...เที่ยวในประเทศเนี่ยแหล่ะ ไม่ต้องไปไหนหรอก แต่สไตล์คนญี่ปุ่นน่ะค่ะ ลางานทีก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ จะให้เที่ยวในประเทศก็กระไรอยู่

เงื่อนไขเธอเยอะค่ะ ลางานจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อยากไปทะเล...ที่ไม่ใช่ทะเลญี่ปุ่น (เราเองให้เที่ยวทะเลญี่ปุ่น นอนอยู่บ้านเฉยๆยังจะดีซะกว่า) ต้องใกล้ๆด้วยเพราะไม่อยากนั่งเครื่องบินนาน ต้องไม่แพง เพราะไม่ได้เป็นการเที่ยว “ต่างประเทศ” จริงจัง แค่อยากไปทะเลเท่านั้น

ทีแรกก็มองๆกันไว้ว่า กวมมั๊ย หรือฮาวายดี

หาข้อมูลกันไปมา วาดฝันไว้ซะดิบดี แต่เหลือเวลาแค่ 2 อาทิตย์ สามีก็ยังไม่รู้เลยว่าจะลางานได้หรือเปล่า ...ไอ้ประเทศที่อยากไปนี่ต้องขอวีซ่า ทำไงดีล่ะ... ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจเท่านั้นค่ะ - -"

...งั้นเอาทะเลที่ไม่ต้องขอวีซ่าก็แล้วกัน จะได้จัดการแค่เรื่องตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว

แจ็กพ็อตก็เลยมาตกที่ฟิลิปปินส์... จากญี่ปุ่นมีบินตรงไปลง 2 แห่ง คือที่มะนิลากับเซบุ อยากเที่ยวทะเลก็ต้องไปลงเซบุ (คุณสามีว่าไว้อย่างนั้น)

เซบุ...ขอสารภาพเลยว่าแค่เคยได้ยิน แต่ไม่รู้เลยว่าแล้วไอ้เจ้าเซบุเนี่ย มันอยู่ส่วนไหนของฟิลิปปินส์กัน > <


รู้จักฟิลิปปินส์กันซักเล็กน้อย (จะมีใครไม่รู้จักฟิลิปปินส์ได้อย่างจขบ.มั๊ยคะเนี่ย - -")

เป้าหมายของเราในทริปนี้ก็คือเจ้าจุดแดงๆ 3 จุดตรงกลางนั่นแหล่ะค่ะ ส่วน Boracay นี่เราอยากไป แต่ต้องนั่งเครื่องต่อไปอีก 1 ช.ม. คนออกตังค์ไม่อยากนั่งเครื่องต่อ ด้วยเหตุผลแค่นั้นก็เลยอดไป เฮ้อ..

...ทำไมเป็นคนช่างอารัมภบทมากมายขนาดนี้เนี่ย บล็อคไหนบล็อคนั้น...มัวแต่พล่ามๆๆๆๆๆไม่ยอมเข้าเรื่องซะที

แต่ก็ยังค่ะ เรายังไม่ไปฟิลิปปินส์กันง่ายๆ

...เรา 2 คนขับรถจากบ้านไปนอนค้างโรงแรมแถวๆสนามบิน ไม่ใช่ไฟล์ทเช้าอะไรเลยค่ะ แค่อยากแวะไปไหว้พระกันก่อนก็เท่านั้น


เราแวะไป “วัดปากน้ำญี่ปุ่น” วัดไทยแห่งแรกในญี่ปุ่นกันมาค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะหลง แผนที่ช่างชวนงงซะเหลือเกิน ยังดีที่มีป้ายบอกเป็นระยะๆค่ะ แต่พอไปถึง พระท่านถามคำแรกเลย ..เข้ามานี่หลงหรือเปล่าโยม


ถึงแล้วค่ะ วัดปากน้ำญี่ปุ่น วันที่ไปนี่ลมแรงมากกกก ประตูอุโบสถล็อคหมดทุกด้าน ทีแรกก็นึกในใจ ..ล็อคอย่างนี้จะเข้าไปได้ยังไงล่ะ สร้างมาให้ถ่ายรูปด้วยเฉยๆเหรอ ...เหอๆจะบาปมั๊ยคะเนี่ย

พอเดินเข้าไปทางอาคารด้านหลัง พระท่านก็บอกว่า เดี๋ยวอาตมาเดินไปเปิดให้ ลมมันแรงนะโยม ไม่ล็อคไว้ลมพัดกระจกแตกหมด

...นึกว่าล็อคไม่ให้คนเข้า ผิดไปแล้วค่ะ > <


วันนั้นได้ทำสังฆทานด้วยค่ะ ไปอย่างไม่รู้เรื่องว่าต้องทำอะไรบ้าง เพราะปกติก็ตามๆผู้ใหญ่เค้าทำกัน แต่นี่ไม่มีใครให้ตาม พระท่านต้องคอยบอกบทตลอด น่าละอายจริงๆ !

อิ่มบุญกันกลับมาเรียบร้อย มาอิ่มท้องกันต่อค่ะ ^ ^


เนื่องจากเครื่องออกบ่าย 2 โมงครึ่ง คาดว่าบนเครื่องคงไปเสิร์ฟอาหารเอาช่วงใกล้จะถึงฟิลิปปินส์เลย ก็เลยต้องรองท้องกันหน่อย


บินโดย Phillipines Airline ค่ะ แพงกว่าบิน transit นิดหน่อย แต่ประหยัดเวลาได้มาก

ที่นั่งระหว่างแถวค่อนข้างกว้าง ไม่เหมือนสายการบินในเอเซียทั่วไป ที่จะลุกไปไหนที ต้องบีบตัวให้ลีบเล็กไม่งั้นแขนขาอาจจะไปฟาดคนที่นั่งอยู่ได้ แต่สายการบินนี้ไม่ต้องค่ะ

บิน on time อีกต่างหาก บอกว่าออกบ่าย 2 โมง 25 นาที ก็บ่าย 2 โมง 25 นาทีเป๊ะ

อะไรๆก็ดีค่ะ ยกเว้น พอเครื่องเริ่มบินระนาบแล้ว พี่ท่านก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเลยเนี่ยแหล่ะค่ะ มื้อไหนเหรอคะเนี่ย บ่าย 3 โมงนี่จะเป็นมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็นดีเอ่ย เหอๆ

เราไม่ได้แตะเลยค่ะ ก็ก่อนขึ้นเล่นซูชิจานยักษ์ไป จะไปยัดอะไรลงได้อีก แถมจนเครื่องลงก็ไม่มีอาหารเสิร์ฟอีกเลย เครื่องลง 6 โมง 50 นะคะ ถ้าเป็นเวลาในญี่ปุ่นนี่ก็ปาเข้าไปจะ 2 ทุ่มอยู่แล้ว พี่ท่านไม่ให้ผู้โดยสารกินอะไรอีกเลย อยากเห็นหน้าคนกำหนดตารางเวลาเสิร์ฟจริงๆ


ดูวิวสวยๆก่อนเครื่องลงกันดีกว่าค่ะ


ถึงแล้วค่ะฟิลิปปินส์ ผืนน้ำ ผืนดิน และผืนฟ้า...ที่แยกกันไม่ออก


เครื่องพาเรามาลงที่สนามบิน Mactan-Cebu บนเกาะ Mactan ส่วนหนึ่งของเขตเซบุค่ะ ได้กระเป๋ากันมาปุ๊บก็เจอกับบูธแลกเงินเรียงกัน 4 – 5 บูธเลย ทุกบูธเรทเท่ากันหมด และเท่าที่ลองหาที่แลกเงินที่อื่นๆในแถบนี้ดู ที่นี่ให้เรทดีสุดเลยค่ะ

ออกมานอกสนามบินก็เจอกับประโยคคุ้นหูในทันที

“Taxi?”

เหมือนเมืองไทยไม่มีผิด

ถ้าเรียกแท๊กซี่จากบริเวณด้านหน้าอาคารขาเข้านี่เลย ก็จะเป็นราคาตายตัวที่ 395 เปโซค่ะ (ประมาณ 280 บาท) ระบบเหมือนสนามบินบ้านเรานี่แหล่ะ

แต่ถ้าเดินข้ามฟากไปอาคารฝั่งตรงกันข้าม ด้านนั้นเป็นอาคารฝั่งขาออกค่ะ เดินขึ้นไปด้านบนก็จะเจอกับแท๊กซี่มิเตอร์ หรือไม่ก็รถ 2 แถวเล็ก ที่เค้าเรียกว่า Multi-cab (คล้ายๆรถกะป๊อบ้านเรา) ซึ่งจะได้ราคาที่ถูกกว่าสำหรับคนที่นั่งไปไม่ไกลมาก (...แต่เรามารู้เอาก็วันก่อนจะกลับซะแล้ว)


ส่วนเจ้านี่สัญลักษณ์อีกอย่างของฟิลิปปินส์ เค้าเรียกว่า “จิ๊บนี่ (jeepney)” ค่ะ ไม่มีวิ่งบนเกาะ Mactan เห็นแต่อยู่บนฝั่งเซบุเท่านั้น


เรานั่งแท๊กซี่มาลงฝั่งตัวเมืองเซบุค่ะ บรรยากาศเหมือนกรุงเทพฯเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่..ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง จะเอามาเทียบกับกรุงเทพฯก็คงไม่เหมาะ แต่ก็ไม่รู้จะเทียบกับที่ไหนดีอ่ะค่ะ (อ้าว...55)

ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน แต่โรงแรมก็ไม่ได้จองไว้ เลยต้องเดินหาที่พักกันก่อน เรา 2 คนเลือกเอาที่ที่แค่พอซุกหัวนอนได้ เพราะพรุ่งนี้เช้าเราก็จะต้องออกเดินทางไปที่ต่อไปกันอยู่แล้ว

เรามาได้ที่พักในถนนที่ดูน่ากลัวถ้าต้องมาเดินคนเดียว ในราคา 860 เปโซ (ประมาณ 600 บาท) ต่อคืน จริงๆน่าจะหาได้ถูกกว่านี้ แต่เริ่มหมดแรง และความหิวเริ่มก่อกวนมากขึ้น

โรงแรมที่นี่แปลกมาก เราพักตั้งแต่ระดับไม่มีดาวจนถึงระดับ 4 ดาว (แต่เป็นโรงแรมสัญชาติฟิลิปปินส์ทั้งหมดนะคะ) ไม่มีโรงแรมไหนเลยที่มีไดร์เป่าผมให้

เราลองถามเด็กที่โรงแรมดู เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ใช้กัน เดินไปหาในห้าง มีวางไว้ 2 แบบเท่าันั้น ไม่มีให้เลือกมากแต่ต้องใช้ เลยต้องจำใจซื้อมา

แต่ผมสาวๆฟิลิปปินส์นี่สวยจริงๆค่ะ ดำขลับเป็นเงางามมากๆ สงสัยต้องเลิกใช้ไดร์กับเค้าบ้างดีกว่า

ได้โรงแรมแล้ว ได้อุปกรณ์เสริมความงามแล้ว ต่อไปก็มาถึงคิวหาสารอาหารให้ร่างกายกันบ้าง

เดินไปเดินมา เหมือนของจะขายเยอะ แต่เอาเข้าจริง คนเยอะกว่าของ 5555 ร้านแผงลอยทั้งผลไม้และอาหารก็ขายเหมือนๆกัน ไม่หลากหลายเหมือนบ้านเรา ขี้เกียจคิดขี้เกียจหา เลยเดินพุ่งตรงเข้า Mc ในทันที ยังไงที่นี่ก็ไม่พลาดล่ะน่า...

เดินเข้าไปจ้องเมนูอยู่นานสองนาน แล้วก็ชวนกันเดินออกมาซะอย่างนั้น ...ก็มันมีอยู่แค่ 4 เมนูเองมั้ง ไม่มีอะไรให้เลือกเท่าไหร่เลย คนก็น้อย ดูเหงาๆชอบกล


เดินวนกันอีก 2 รอบ ก็มาตกลงปลงใจกับฟาสต์ฟู้ตอาหารจีนค่ะ รวมๆก็คล้ายๆที่ขายที่บ้านเราน่ะแหล่ะ รสชาติก็สไตล์ฟาสต์ฟู้ต ไม่ได้แย่อะไร และ...คนตรึม!

...เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนจะออกเดินทางจากเกาะนี้ เราแวะไปเที่ยวโบสถ์กันซักหน่อยค่ะ

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวในเอเซียที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคค่ะ ซึ่งช่วงเวลาที่เราได้มาเที่ยวที่นี่ เราได้รับรู้เลยว่าคนที่นี่มีความผูกพันกับศาสนาคริสต์เป็นอย่างมาก เราสามารถพบเห็นโบสถ์เก่าแก่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงโบสถ์เล็กๆที่มีแค่หลังคากับกล่องสีเหลี่ยมได้ตลอดทาง

โบสถ์ที่เราแวะไปในวันนั้นก็คือ โบสถ์ Santo Nino หนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ สร้างขึ้นในปี 1565 ค่ะ


ก่อนเข้าโบสถ์ก็ต้องมีเช็คความปลอดภัยกันก่อน ที่นี่มียามเฝ้าอยู่ทั่วไปเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า โรงแรมถูกๆที่เราเข้าพัก ไม่รู้ว่าเพื่อเป็นการสร้างงาน หรือเพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัยจริงๆกันแน่


โบสถ์เก่าดูมีมนต์ขลังสำหรับเรา แต่สำหรับคนที่ไปด้วย บอกว่า... "เค้าแค่ไม่มีเงินซ่อมบำรุงหรือเปล่า" .....


บรรยากาศรอบๆโบสถ์ มีกลุ่มคุณป้ากระโปรงเหลืองมาขายดอกไม้หน้าโบสถ์ด้วย


ส่วนที่เห็นนี่คือรูปเคารพของชาวฟิลิปปินส์เค้าค่ะ “Santo Nino” เป็นรูปเคารพพระเยซูในวัยเยาว์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หาดูได้ทั่วไปเช่นกันค่ะ มีอยู่ทุกที่จริงๆ เห็นได้บ่อยกว่ารูปเคารพพระเยซูบนไม้กางเขนซะอีก

แล้วทำไมรูปเคารพของที่นี่ถึงเป็น “Santo Nino” ล่ะ

ย้อนไกลเลยค่ะ.... ขุดความรู้สมัยมัธยมกันหน่อยดีกว่า

มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเฟอร์ดินานท์ แมกเจลแลน นักเดินเรือชาวโปรตุเกส ที่ได้ออกเดินเรือในฐานะกัปตันกองเรือสเปน ผู้ที่เดินทางรอบโลกได้เป็นผลสำเร็จ และเป็นคนแรกที่พิสูจน์ได้ว่าโลกเรานั้นกลม แต่จริงๆจะว่าไปเค้าไม่ได้เดินทางกลับสเปนพร้อมๆกับลูกเรือของเค้า แต่ต้องมาจบชีวิตลงที่ฟิลิปปินส์นี่ซะก่อน

ครั้งที่แมกเจลแลนเดินทางมาถึงเกาะเซบุ เขาก็ได้มอบรูปเคารพ “Santo Nino” นี้ให้กับกษัตริย์ฟิลิปปินส์ค่ะ ซึ่งปัจจุบันก็ได้เก็บรักษาไว้ที่โบสถ์ Santo Nino แห่งนี้ จากนั้นมา Santo Nino ก็ได้กลายเป็นรูปเคารพของชาวฟิลิปปินส์ไปในที่สุด

โดยเฉพาะที่เซบุนี่ นอกจากวันคริสต์มาสซึ่งเป็นวันของพระเยซูแล้ว ยังมีอีกวันนึงที่สำคัญมากๆไม่แพ้กัน นั่นก็คือวัน Santo Nino de Cebu ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนม.ค.เป็นเวลารวม 1 สัปดาห์ เท่าที่ถามคนที่นี่เค้าบอกว่า เป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซบุ และทุกคนก็เฝ้ารอให้ถึงวันนั้นกันทั้งนั้น แถมยังชวนให้เรากลับมาเที่ยวเซบุในช่วงนั้นอีกต่างหาก

ทริป Cebu City ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ เดี๋ยวบ่ายไปต่อกันที่เกาะ Bohol ค่ะ



Create Date : 25 มีนาคม 2553
Last Update : 26 มีนาคม 2553 9:50:04 น. 8 comments
Counter : 4144 Pageviews.

 
อาหารน่าทาน เห็นแย้วน้ำลายไหลล


โดย: giifoo วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:21:16:16 น.  

 
อยากไป แต่ยังไม่มีโอกาสสักที ดูรูปเก็บข้อมูลไปก่อน


โดย: marzo วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:21:45:04 น.  

 
มีภาพสวยๆมาฝากเช่นเดิม
ไม่เคยคิดเรื่องไปเที่ยวค่ะที่ฟิลิฟปินส์
แต่ที่บริษัทเก่ามักต้องติดต่อกับศิลปินเฟอร์นิเจอร์ที่นี่บ่อยๆ
คงเพราะมีแหล่งทรัพยากรที่ดีและราคาค่อนข้างยังต่ำ
มีโอกาสก็อยากไปเที่ยวค่ะ มาดูข้อมูลจากคุณก้อไปก่อนเนอะ


โดย: @FirstblusH วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:19:49:40 น.  

 
ไม่อยู่ในลิสจริงๆด้วยค่ะ อยากเลือกฮาวายก่อนแต่กระนั่น ช่วงนี้ข้าวยากหมากแพงคงต้อง ตามเจ้าของบล๊อกไปเที่ยวก่อนล่ะจร้า


โดย: Yamaka วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:14:01:26 น.  

 
อ่านบล๊อคนี้ทีไร ได้ความรู้กลับไปทุกที
ฟิลิปปินไม่ได้คิดจะไปเหมือนกันคะ จำได้ว่าแฟนบอกว่าไม่ค่อยปลอดภัยมีทหารเยอะ
รอดูรูปคะ เผื่อคราวหน้าจะได้ไปบ้าง


โดย: bbow วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:13:49:27 น.  

 
จะบอกว่า ทริปดำน้ำที่เซบุไม่เป็นรองใครในเอเชียค่ะ สวยมาก ไม่ไกล ไม่แพงมากด้วยค่ะ

แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ ถ้าตามที่คุณก้อถาม (ยกเว้นไปดำน้ำ) ก็คงตอบว่าไม่เคยคิดหรือไม่เคยอยากไปฟิลิปปินส์เลยค่ะ

ปล.เห็นด้วยว่าเข้าบล็อคนี้ได้ความรู้กลับไปทุกครั้งเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

ติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: tukuta วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:19:54:06 น.  

 
คุณ giifoo ... อาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะค่ะ

คุณ marzo ... ได้เต็มที่เลยค่ะ

คุณ @FirstblusH ... ขอบคุณที่ชมนะคะ

คุณ Yamaka ... ตามมาเลยค่ะ แต่ที่นี่คงไม่มีอะไรที่ฮาวายมี 55

คุณ bbow ... บล็อคนี้นี่เครียดเกินไปรึเปล่าคะเนี่ย เหอๆ แต่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยจริงๆล่ะค่ะ ยิ่งมินดาเนานี่เค้าว่ากันว่าอันตรายมากกกก

คุณ tukuta ... แฟนก็บอกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ เค้าชอบโลกใต้น้ำที่ฟิลิปปินส์นี่มากกก
แต่เราได้แค่ Snorkelling เสียดาย > <


โดย: HappyToBeMe* วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:6:44:31 น.  

 
ที่ Philippines ผมไปมา 6 รอบ
ลง Manila ก็อยู่ที่ Makati กับเมืองรอบนอก ไป Laguna นี่ไกลสุด
หาลูกค้ารอบ ๆ อยากบอกว่า
อาหารบ้านเค้าไม่ค่อยถูกปากคนไทย เอาซีอิ้ว+Vinegar+มะนาวจี๊ด+พริก 1 เม็ด เค้าบอก spicy

PIZZA HUT เค้ายังไม่มีซอสมะเขือเทศให้เลย ต้องไปขอที่ counter แปลกดี

แต่ขากลับดีที่ว่า มี club bar ให้กินเหล้า สูบบุหรี่ได้ หลังผ่าน ตม ไปแล้ว โดยรวมแปลกตามาก ๆ ครับ ครั้งแรกที่ไปถึง


โดย: Woravit IP: 110.168.129.81 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:1:34:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

HappyToBeMe*
Location :
Shizuoka Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เรียนเอกญี่ปุ่น ทำงานบริษัทญี่ปุ่น แต่งงานกับคนญี่ปุ่น มาใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น บางช่วงก็เกลียดญี่ปุ่นเข้าไส้ บางช่วงก็รักใจจะขาด ไม่นึกว่าญี่ปุ่นจะมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมากมายขนาดนี้เลยนะเนี่ย

เพื่อการอ่านหน้าบล็อคให้ได้ตามความตั้งใจของจขบ. ลองดาว์นโหลดฟอนต์ดู ที่นี่ เลยค่ะ
ขอขอบคุณคุณ iannnnn มากๆที่สร้างสรรค์ฟอนต์สวยๆให้ได้ใช้กันนะคะ

**สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดนะคะ**

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HappyToBeMe*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.