Review: Skindom Facial Ampoule Mask มาส์กแผ่นเคาเตอร์แบรนด์จากเกาหลี ใช้ดี ราคาน่ารักมาก
สวัสดีค่า Blog วันนี้ทรายมีมาส์กแบบแผ่น ราคาน่ารักและคุณภาพดี มาแนะนำให้เพื่อนๆที่ชอบแนวนี้ได้รู้จักค่ะ ออกตัวก่อนว่าปกติทรายเป็นสาย Sleeping Mask นะคะ แต่นานๆครั้งก็จะมีใช้พวกมาส์กแผ่นบ้าง เช่น เวลาที่ ขึ้นเครื่องบิน หรือเวลาที่อยากมาส์กหน้าตอนกลางวันก่อนแต่งหน้าอะไรแบบนี้ เพราะพวกนี้สามารถพกพาไป ไหนมาไหนติดกระเป๋าได้สะดวก ขึ้นเครื่องได้ แล้วก็ความรู้สึกเวลาแผ่นมาส์กชุ่มๆโป๊ะอยู่บนผิวหน้านั้น มันแตกต่างกับมาส์กแบบทามากทีเดียวค่ะ เดี๋ยวเราค่อยว่ากันเรื่องนี้ช่วงท้ายๆเนาะ
มาทำความรู้จักกับมาส์กที่ทรายพูดถึงวันนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ SKINDOM ไม่แน่ใจว่ารู้จักกันแล้วทุกคนไหม เอาเป็นว่าขอเล่าอีกที แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่มาจากเกาหลี (แท้ๆ) นะคะ ผลิตที่เกาหลีด้วย ไม่ได้มาแต่ชื่อแล้วขาย ในเน็ตนะ เค้ามาแบบจริงจัง เป็นเคาเตอร์แบรนด์เลยค่ะ มีเคาเตอร์อยู่ที่ The Mall งามวงศ์วาน ,Central ชิดลม และ Central บางนา เป็นเคาเตอร์อยู่ในแผนกเครื่องสำอางค่ะ
เดิมทีเป็นแบรนด์ที่ใช้ตามคลีนิคผิวและความงามของเกาหลีมากกว่า 20,000 แห่งนะคะ พวกหมอให้คนไข้ ใช้กัน คงพอจะนึกออกก็คล้ายๆกับที่ไทยนี่แหละค่ะ เป็นที่นิยมมากๆจึงมีการต่อยอดมาเป็นแบรนด์สกินแคร์ ที่วางจำหน่ายตามแผนกบิวตี้ในห้างแบบจริงจัง เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เข้าไทยมาปลายปีที่แล้วนี้เองค่ะ แล้วก็มีช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นสำหรับสาวๆที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพด้วย เพราะว่านอกจาก 3เคาเตอร์ห้างที่ว่ามา ยังมีจำหน่ายที่ร้าน Watsons ทั่วประเทศ รวมถึงร้าน EveandBoy ด้วยค่า
คือ ไม่ได้ขายแต่มาส์กนะคะ มีสกินแคร์เยอะเลย แต่ว่าวันนี้ทรายจะพูดถึงแต่ตัวมาส์กเนื่องจากว่าทรายได้ มีโอกาสใช้ตัวนี้บ่อยค่ะ เพราะเค้าส่งมาให้เยอะมาก ให้มาลองเขียนบล็อกทำงานนี่แหละ หลายกล่องหลายสูตรเลย ทรายก็แบบของเต็มบ้านกลัวใช้ไม่ทัน ก็เลยมาส์กมันทุกวัน บางวันเช้าทีเย็นทีก็มี บังคับต้นแปะก็มี แต่ก็มีบางสูตรที่ไม่เหมาะกับผิวทราย ทรายก็จะไม่ได้ลองค่ะ คือไม่ใช่ว่าใครให้อะไรมาก็ลองหมด เราต้องเลือก ว่าอะไรเหมาะกับผิวเรา อะไรไม่เหมาะก่อน ลองจนคิดว่าใช่แล้วก็เลยมาบอกต่อให้ฟังค่ะ
อย่างที่เห็นนะคะ มีด้วยกันทั้งหมดเลย 9 สูตร แต่ละสูตรก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกันเรื่องของส่วนผสมค่ะ เค้าจะเน้นตัว Active Ingredients ที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาติในปริมาณที่สูงพอเหมาะ เพื่อให้ ได้ผลลัพธ์อย่างแท้จริง ตามมาตรฐานที่พวกแพทย์ใช้กัน
ทั้ง 9 สูตรได้แก่
1. Q10 (เพื่อผิวอ่อนเยาว์) 2. Mulberry Root (ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ) 3. Pearl (ผิวขาวแบบไข่มุก) 4. Vit C (เพิ่มความขาวสว่างกระจ่างใส) 5. Acerola (กระชับรูขุมขน + เพิ่มความกระจ่างใส) 6. Hya (เติมความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ) 7. Grape Fruit (เติมความชุ่มชื้น + เพิ่มความกระจ่างใส) 8. Acacia (ผิวกระชับ + ลดเลือนริ้วรอย) 9. Snail (ผิวกระชับ + สมานและปลอบประโลมผิว)
ตัวน้ำที่อยู่ในซองเค้าเรียกว่า Ampoule (แอมเพิล) หรือว่า Super Serum นะคะ ก็คือเซรั่มที่มีความเข้มข้น เป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้กระตุ้นผิวให้เกิดผลในระยะเวลาอันสั้นนั่นเอง Skindom ให้ปริมาณน้ำ Ampoule มาถึง 25g./1 ซอง ซึ่งเยอะมากเลยค่ะ ทรายถ่ายรูปไว้ให้ดูด้วย มันเยอะจนพอที่จะใช้ทาคอและแขนได้เลย ใครตัวเล็กๆนี่บอกเลยว่าทาขาได้ด้วย เพราะทรายทามาแล้ว5555 บางทีก็เอาไปป้ายหน้าต้นค่ะ ใช้แทน สกินแคร์ตอนนั้นไปเลย แต่ไม่แนะนำให้เก็บไว้นะคะ ฉีกซองแล้วก็ควรใช้ให้หมดเลยค่ะ
*ทำไมต้องเป็น Ampoule ? นี่ก็สงสัยค่ะเลยถามมา เค้าว่ามาส์กปกติทั่วๆไปที่ราคาประมาณนี้ จะไม่ได้ใช้ตัวน้ำที่เป็นลักษณะของ Ampoule หรือ Super Serum ค่ะ มันจึงแตกต่าง ก็แปลบ้านๆว่า เค้าใช้วัตถุดิบที่ดีนั่นเองค่ะ เหมือนกับสั่งข้าวผัดกุ้งร้านนึงให้กุ้งตัวใหญ่ ร้านนึงให้กุ้งตัวเล็ก แต่ทั้ง2ร้านราคาเท่ากัน อะไรแบบนี้
จุดเด่นของมาส์กแบรนด์นี้หลักๆเลยคือราคาค่ะ เพราะมันน่ารักมาก ปกติแล้วมาส์กแผ่นๆนี่ทรายว่าถ้า อยากได้เคาเตอร์แบรนด์ก็ต้องมีหลัก 500++ขึ้นไป หรือแม้แต่มาส์กที่พวกคลีนิกผิวหนังผลิตขายก็ยังแพง กว่าของ Skindom เลย ทั้งๆที่ Skindom ก็ถูกพัฒนาเพื่อให้ใช้ในโรงพยาบาล หรือตามคลีนิคผิวหนัง คลีนิคความงามเหมือนกัน ราคาในวัตสันอยู่ที่ 79บาทค่ะ ช่วงไหนมีโปรลดราคาอีก เหลือแค่ซองละ 39บาท เห้ย! ถูกกว่าข้าวแกง
สิ่งที่มีเหมือนกันทุกซองคือ
- ไม่มีแอลกอฮอล์
- ไม่มี Paraben
- ไม่มี Mineral Oil
- ไม่มีสารฟอกผิวขาว
- ไม่มีสารกันแดด
- ไม่มีสารลดแรงตึงผิว
ดังนั้นเบื้องต้นเลย คนที่ผิวปกติทั่วๆไปก็มั่นใจได้นะคะว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้มากวนผิวให้หนักใจ แต่คนที่ ผิวค่อนข้างไวแบบทรายก็ยังต้องดูที่ Active Ingredients ของแต่ละสูตรเป็นหลักอีกรอบ เพราะว่ามัน อาจจะมีบางส่วนผสมที่สามารถทำให้เราระคายเคืองได้ แต่ถ้าเพื่อนๆยังไม่รู้ว่าตัวเองไวต่ออะไร อันนี้ ตัวใครตัวมันนะคะ 5555 เพราะว่าของแบบนี้ต้องตัวเองเจ็บเอง รู้เอง จริงๆค่ะ อย่างทรายเนี่ย Vit-C นี่คือแบบ ไม่เอาไม่ยุ่งกันเลย ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นสูตรเพื่อผิวขาวกระจ่างใส ทรายจะไม่ลอง แล้วก็ไม่แตะเลย เหมือนแบบฝังใจไม่เสี่ยงดีกว่า ต่อให้ลองแล้วไม่น่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะว่า บางสูตรก็ไม่ได้ใช้วิตามินซีนะ ใช้พวกสารสกัดจากอย่างอื่นมาช่วยแทน แต่ก็นะฝังใจ ไม่เอาดีกว่า
ดังนั้นใน 9 สูตรที่ทรายได้ลองก็จะมี Q10, Hya, Acacia และ Snail ค่ะ ตอนแรกจะลอง Grape Fruit ด้วยแต่ว่าอ่านไปอ่านมามันเป็นวิตามินซีจากผลเกรฟฟรุตผสมด้วย ความโรคจิตก็กำเริบเลยค่ะ บายย แต่คือลองแล้วทั้งหมด 4 ตัวที่ใช้มันโอเคหมดเลยนะคะ เน้นความชุ่นชื้นของผิวเป็นหลัก แล้วก็เพิ่มเรื่อง การกระชับผิว รูขุมขน ลดริ้วรอย และ Healing ซึ่งก็ตรงกับปัญหาผิวจริงๆ เพราะว่าทรายไม่มีปัญหา เกี่ยวกับความขาวกระจ่างใสเลย ฝ้าไม่มี กระไม่มี และผิวค่อนข้างเสมอกัน คิดไปคิดมาก็สมเหตุสมผลนะ ที่ไม่ชอบอะไรพวกนี้ #เกี่ยวมั๊ย
สูตรที่ชอบที่สุดคือ Snail ค่ะ จริงๆก็ชอบ Hya เพราะมันเน้นเรื่องเติมน้ำกักเก็บน้ำให้ผิวเลยตรงๆ ซึ่ง มันคือปัญหาหลักของผิวทราย แต่ว่าทรายก็ยังรู้สึกให้คะแนนกับ Snail ของ Skindom มากกว่า เพราะ มันให้สัมผัสที่ดีมากจริงๆ คุณสมบัติของ Snail คือการช่วยกระชับผิว และปลอบประโลมผิวค่ะ เวลาที่ เหนื่อยล้ามา หรือแบบอยากให้ผิวดูเด้งดีใน20นาที ทรายจะหยิบตัวเมือกหอยทากมาใช้ ตอนที่แปะแผ่น มาส์กลงบนผิวหน้า มันจะเย็นแบบสบายผิวมากๆ ทั้งๆที่ทรายก็ไม่ได้แช่มาส์กในตู้เย็นเลยนะคะ วางไว้ ในครัวอุณหภูมิบ้านปกตินี่แหละ มันเย็นด้วยตัวมันเอง เป็น Healing Effect ของเมือกหอยทาก มันจะ ช่วยคนที่ผิวระอุแบบทรายให้ผิวเย็นลง แล้วก็ลดการระคายเคืองลงด้วย ความชุ่มชื้นมันได้มาเต็มๆอยู่แล้ว ดังนั้นตัว Hya เลยแพ้ Snail ในความเห็นของทราย เพราะ Snail แถมเรื่องของการกระชับผิว กระตุ้น การสร้างเซลส์ผิวใหม่มาให้ด้วย
ย้อนกลับไปที่ย่อหน้าแรก ทรายพูดถึงความรู้สึกแตกต่างระหว่างมาส์กแบบทา กับแบบแผ่น สำหรับตัวทราย ทรายว่ามาส์กแบบทาทั้งคืน มันจะให้ความรู้สึกเหมือนสกินแคร์ มันจะกระตุ้นผิวให้เฟรชในตอนช่วงแรกที่ เนื้อมาส์กแตะผิวเรา 1นาทีไม่เกินนั้น จากนั้นมันก็จะให้ความรู้สึกเหมือนการทาสกินแคร์ทั่วไป แต่มาส์กแผ่น ไม่ใช่เลย มันคือ ความรู้สึกสดชื่นที่จะยังคงอยู่ต่อเนื่องกว่า 10 นาที (แต่บางยี่ห้อก็ไม่ถึงนะ เหมือนใส่ตัวน้ำ มาในซองน้อย แล้วมันก็แห้งไวมากจนแบบเฟลอ่ะ) อย่างตัว Snail อันนี้ คือแปะไว้20นาทีก็ยังชุ่มเย็นฉ่ำ เหมือนตอนแปะแรกๆเลย ไม่มีการแบบแห้งกรอบ หรือรู้สึกว่าน้ำมาส์กหายไปหมดแล้ว คุ้มค่าทุกนาทีที่แปะ แล้วตอนแกะแผ่นมาส์กออก ตัวน้ำ Ampoule จะยังคงอยู่บนผิวเรา พอนวดๆก็จะซึมลงผิวแล้วผิวเย็นเด้งมาก ไม่เป็นคราบขุยๆด้วย ในขณะที่สลีปปิ้งมาส์กเป็นนะคะ ถูไม่ได้มันจะลอกเป็นขี้ไคลเลย มันเลยใช้ได้แค่ช่วง เวลากลางคืนเท่านั้น
รู้สึกเขียนมายาวมาก ทรายว่าทรายพูดเรื่องที่อยากพูดเกี่ยวกับมาส์กแผ่นที่เป็นรูปแบบผ้าไปหมดแล้วหละ เอาไว้โอกาสหน้า จะมาเขียนถึงมาส์กแผ่นแบบที่ทำมาจากเจล หรือไฮโดรเจลให้ฟังว่ามันแตกต่างกันอย่างไร อ่อแถมอีกนิด มาส์กพวกนี้สามารถใช้ได้ตลอดนะคะ จะใช้ทุกวัน Daily Mask เลยก็ไม่มีใครว่าค่า เพราะว่า ราคามันน่ารัก พวกมาส์กแผ่นแพงๆที่เค้าให้ใช้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งเพราะมันแพง 555555555555
พบกันใหม่ใน blog หน้านะคะ สวัสดีค่า
Disclaimer: Sponsor Content by Skindom Thailand Information: https://www.facebook.com/SkindomThailand
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2559 | | |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2559 14:42:29 น. |
Counter : 6080 Pageviews. |
| |
|
|
|