Group Blog
 
All blogs
 

Feonalita Vacation ⎟Escape KhaoYai หลบความวุ่นวายไปสูดอากาศกลางเขา












Blog วันนี้เรียกว่าเขียนบันทึกย้อนเวลาก็ได้ เพราะว่าทรายไปมาตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกราแล้วค่ะ
Escape KhaoYai เป็นโรงแรมในเครือของ Sansiri Hotel Collection ค่ะ ใช่ค่ะแสนสิริ ไม่ได้ฟังผิด
แสนสิริจริงๆ  555 ตอนนี้เค้าลงมาเล่นธุรกิจโรงแรมด้วย นอกจากเอสเคปเขาใหญ่แล้ว ก็ยังมีเอสเคป
หัวหินด้วยค่ะ เรียกได้ว่าเปิดตู้มเจาะพื้นที่พักใจของคนเมืองเลยจริงๆ เพราะทั้ง2ที่ใช้เวลาขับรถจาก
กทม ไปเพียง 2-3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ทรายยังไม่เคยไปหัวหินนะคะ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาเอสเคปเขาใหญ่ค่ะ







โรงแรมตั้งอยู่ริมถนนเลยนะคะ แต่ไม่ได้อยู่เส้นที่คนพลุกพล่านอย่างธนะรัชต์ แต่เป็นเส้นผ่านศึก-กุดคล้า
ที่สามารถวิ่งตรงยาวไปโผล่ถนนมิตรภาพหรือธนะรัชต์ก็ได้ บริเวณใกล้เคียงไม่ไกลกันก็มีรีสอร์ทและสถานที่
ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแวะเยอะค่ะ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เอาไว้อ่านจากของพวก Travel Blogger ดีกว่าเนาะ
ทรายขอลงแต่ดีเทลที่ไปมาเลยแล้วกัน





ทริปนี้จริงๆเป็นแพลนเที่ยวที่ทรายกับน้องนีน่า (NinaBeautyWorld) นัดกันค่ะ หลายคนอาจจะงงว่าเอ๊ะ
ไปไงมาไงทำไมถึงมาเที่ยวด้วยกันได้ ขอท้าวความนิดนึงเนาะ ทรายกับนีน่าเคยไปเที่ยวเกาหลีด้วยกัน
4คนแบบนี้มาแล้ว แล้วก็มีสังสรรค์ทานข้าวด้วยกัน4คนบ้างมาตลอด คือผู้ชายเค้าค่อนข้างคุยแล้วคลิ๊กกันค่ะ
สาวๆอย่างเราก็เลยมีความสุขไปด้วย ไปไหนไปกันได้สบายๆ ตอนนั้นประเทศเรายังมีความหนาวหลงเหลือ
อยู่ที่เขาใหญ่ค่ะ ประมาณ 17-18 องศา นี่เลยกลายเป็นทริปคว้าลมหนาวเฮือกสุดท้าย55









โชคดีที่ทางเราได้ Complimentary ที่พักจากทางแสนสิริ แล้วก็โชคดีโครตๆที่แพลนไปช่วงที่เค้าทำ Villa7
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยได้มีโอกาสพักที่นี่ค่ะ มันใหญ่มากจนทรายกรีดร้องกับนีน่าว่า นี่มันเหมือนบ้านในฝัน
มากกว่าที่พักตากอากาศอีก คือเพดานสูงมากๆ โปร่งโล่งมาก โถงนั่งเล่นใหญ่มากๆ มีชุดโซฟา และโซฟาเบด
ที่ดูเป็นเตียงเลยมากกว่า มีเคาเตอร์บาร์สำหรับนั่งดื่ม มีระเบียงยาวที่ออกไปนั่งรับลมได้ มีโต๊ะทานอาหาร
ขนาดใหญ่ให้ด้วย คือดีจนรู้สึกว่าเห้ย มากันน้อยเกินไป! ห้องพักมี3ห้องนอนในตัว และทุกห้องมีห้องน้ำของ
ตัวเองอยู่ด้านใน  ห้องโถงมีห้องน้ำแขกแยกออกไป ด้านหลังมีห้องนั่งเล่นเล็กอีกห้อง (ที่ไม่เล็กเลย) และที่
เด็ดสุดคือ มี Pool ที่สามารถปรับระดับอุณหภูมิน้ำได้ จะเปิดจะปิดกี่โมงก็เรื่องของเราเลย เพราะว่ามันเป็น
พื้นที่ส่วนตัวของ Villa 7 มันดีตรงนี้แหละค่ะ เอาเป็นว่าดูภายใน Villa7 ชัดๆในวีดีโอได้เลยค่ะ 


Escape


Grand Three Bedroom Sunken Heated Pool Villa


















พูดถึงกิจกรรมที่สามารถทำได้ในโรงแรมก่อนละกัน เอาจริงๆในวิลล่าของเราก็ยังใช้ Facility ไม่ครบเลยค่ะ
เพราะเยอะจัดจริงๆ ที่นี่ใหญ่นะคะ ถ้าจะเดินก็โอเคเดินถึงกันหมด แต่ถ้าแดดร้อนนี่ไม่ไหวค่ะ ทางโรงแรม
มีรถกอล์ฟรับส่งตลอด แค่โทรเรียกเค้า ห้องอาหารจะอยู่ที่ด้านบนของ Lobby ที่เราเช็คอิน มีสปา มีห้องประชุม
ห้องออกกำลังกาย มีจักรยานให้ยืมขี่ภายในบริเวณโรงแรม มีสระว่ายน้ำส่วนกลางให้ใช้

*เค้าจะทำบุญตักบาตรพระภิกษุที่ออกบิณฑบาตรตอนเช้าด้วยนะคะ ใครอยากตักบาตร
ก็สามารถให้ทางโรงแรมเตรียมเครื่องถวายไว้ให้ได้ (มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยค่ะ)





















ส่วนที่ทรายชอบสุดๆก็คือ Winter Yard ค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าฤดูอื่น เค้าจะมีเปลี่ยนชื่อไหม? แต่จริงๆมันคือ
ลานสวนกว้างๆหน้าโครงการติดถนนค่ะ เค้าจัดพื้นที่ตรงนี้ไว้เป็นเหมือนลานกิจกรรม ตอนเย็นๆจะมีการ
ทานอาหาร Out Door ตรงนี้ เป็นสไตล์ปิ้งย่างค่ะ คิดราคาเป็นชุด แต่ละชุดจะมีกำหนดคนเอาไว้ว่าได้กี่คน








อย่างทรายไปกัน4คน ก็สั่งปิ้งย่างไป 2ชุด เพราะ 1ชุดเหมาะกับ2คน ตอนแรกคิดว่าราคาสูงอยู่เหมือนกันแฮะ
แต่พอไปทานจริง เห้ยดีมากกก เพราะมันมีบุฟเฟ่ต์อาหารอื่นๆให้ตักทานตามสบายด้วยพวกเครื่องดื่มก็มีในเซ็ท
ส่วนใครอยากสั่งเครื่องดื่มอื่นๆก็มี Happy Hour ให้ โต๊ะอาหาร อุปกรณ์ทุกอย่างดีงามมากกกกกกกกก
อาหารไม่น้อย และสดมาก แต่ไม่รสจัดจ้านมากนะคะ อยากได้แซ่บๆอาจจะต้องไปตื้อเชฟให้ช่วยปรุงเพิ่ม
พวกน้ำจิ้ม แต่ทรายโอเคนะ กินแล้วแบบเออดีงามอ่ะ บรรยากาศดีมาก แต่ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะมีแค่ช่วง
คืนวันศุกร์-เสาร์ค่ะ ใครจะไปพักก็ลองสอบถามเค้าดูนะคะ เพราะว่าต้องจองและระบุเวลาล่วงหน้า ตอนทราย
ไปทานคือคนแน่นมากเลยค่ะ แต่ถ้าไม่ชอบตรงนี้ก็ไปทานที่ห้องอาหารได้ค่ะ ห้องอาหารอันนี้เปิดทั้งวัน
เหมือนแบบเช้าก็ทำอาหารเช้า เที่ยง-เย็นก็รับลูกค้าทั่วไปและโรงแรม แต่ถ้าขี้เกียจมาก ก็ Room-Serviceค่ะ














เขาใหญ่มีอะไรให้ทำ? ทรายเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ก็ไปตามที่เพื่อนๆน้องๆแนะนำกัน อย่างร้านส้มตำเป็นลาว
คือแบบคิวเยอะมากกกกก โชคดีที่พวกเราไม่ได้รอนานมาก แนะนำลาบเป็ดค่ะ อร่อยโครต ไม่เคยเจอลาบเป็ด
ที่อร่อยแบบนี้เลยอ่ะ ทานแบบเมี่ยงห่อกับผักออแกนิก(กรีนโอ๊ค-เรดโอ๊ค)ที่เค้าให้หยิบได้เองไม่จำกัด ฟินน์มาก





ตรงข้ามกันแบบข้ามถนนเลยนะ จะเป็นร้านกาแฟและที่พักชื่อเบิร์ดดี้ลอร์ดอะไรสักอย่าง เห็นว่าดังนะคะ
ทรายกับน้องไม่รู้หรอก ตอนแรกคิดว่าเป็นสถานที่อะไรสักอย่างที่ไม่ให้คนนอกเข้า แต่เห็นคนถือกาแฟออกมา
ก็เลยคิดว่าคงไปได้ พอเปิดIGดู โอ้มีชื่อเสียงนี่นา ชอบโรงนาค่ะ เป็น Bahn แบบฝรั่งเลย ยังคิดว่าเค้าน่าจะ
เอามาทำเป็นที่จัดงานแต่งงานเนาะ (ในฝันเลยอ่ะ) ส่วนตรงที่เป็นร้านกาแฟ ก็ดีไซน์ทรงแปลกดี นั่งได้ชิลๆค่ะ









อีกจุดนึงที่เราแวะกันคือร้านกาแฟชื่อดัง Yellow Submarine เราไม่รู้ว่าดังเรื่องอะไร น้องบอกว่าควรไปก็ไป
น่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ของร้าน มันสไตล์ Loft ดูเก๋ๆขัดตากับบรรยากาศของป่าเขาที่นี่ ขนม น้ำ พอใช้ได้ค่ะ
มาเช็คอินน์ก็โอเคนะ ถ่ายรูปขำๆ มันมีป่าอยู่ข้างๆ ทรายชวนนีน่าไปถ่ายรูปกัน แหม่คิดถูกจริงๆที่เดินออกไป
พอเราถ่ายเสร็จ เดินตามไปถ่ายกันบ้างเต็มเลย 55555 คือแต่งสีนิดหน่อยมันอารมณ์แบบ Twilight อ่ะ














แล้วก็ข้อแนะนำเสริมแล้วกันเนาะ สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวเขาใหญ่ คือ ควรมีรถส่วนตัวมานะคะ ไม่งั้น
ก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ไปไหนเลยนอกจากโรงแรม เพราะที่นี่แทบไม่เห็นรถสาธารณะเลยค่ะ เป็นเมือง
แบบตากอากาศจริงๆ และใครที่ขับรถไม่แข็ง ไม่คล่อง อย่าขับมาเอง เพราะถนนเส้นมาเขาใหญ่จากกทม.
รถเยอะมากและขับกันดุมาก โดยเฉพาะรถใหญ่ รถเล็กๆไม่จำเป็นอย่าห้าวใส่เค้านะคะ ใกล้ๆกับโรงแรม
เอสเคป ไม่มีร้านสะดวกซื้อ อยากได้อะไรซื้อเข้ามาก่อนเลย ถ้าขาดเหลือจริงๆก็ถามกับพนักงานได้
แต่เค้าก็ไม่ได้มีให้หมดทุกอย่าง อย่างน้ำแข็งหรือมาม่า เค้าพอจะหาได้ค่ะ แต่ถ้าอยากได้อะไรที่เกินกว่านี้
ช่วงกลางดึก คงไม่สามารถนะ






ขอจบบล็อกดีกว่าตอนแรกว่าจะไม่เขียนอะไรเยอะ กลายเป็นเล่าเยอะตามประสาเราอีกละ ใครที่อยากรู้ราคา
เอาชื่อวิลล่าไป Google ได้เลยค่ะ เพราะโรงแรมปกติแล้วจะมีราคาไม่เท่ากันในแต่ละฤดูกาลนะ 
Escape Grand Three Bedroom Sunken Heated Pool Villa (อันนี้คือชื่อเต็มของ Villa7ค่ะ) แอบกระซิบ
จากประสบการณ์ที่เสิร์ชเล่นหลายๆครั้ง จองผ่านเว็ปไซต์ของเอสเคปเองราคาถูกกว่าผ่านเว็ปเอเจนต์ค่ะ
ถูกกว่าแบบ 1-2พันบาทเลย อันนี้พบเจอเองนะ อย่างห้องนี้ทรายลองปักที่วันที่ 4/05/59 ในเว็ปเอเจนต์ราคา
14,xxx แต่ว่าในเว็ปเอสเคปเอง ราคา 12,xxx คือแบบเห้ยยย (ขอเขียนแปะไว้ละกันนะ ต่างกันเกิ๊น) และใน
เว็ปเอเจนต์จะระบุว่าพักได้สูงสุดแค่6คน ในเว็ปเอสเคประบุว่า maximum 10 persons นะคะ ลองเช็คดีๆ
ถ้าไม่แน่ใจอะไรโทรถามเลยดีกว่า เอาเป็นว่าขอจบการพาเที่ยวแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่าาาSmiley




Disclaimer : Complimentary room from Sansiri Hotel Collection
Information : //www.escape-hotel.com/khaoyai/th/





 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 7:10:13 น.
Counter : 5373 Pageviews.  

พาเที่ยวงาน Sansiri Winter Market Fest #3 งานช็อป งานกิน งานเบิกบาน~<3

Blog วันนี้เรียกว่ารายงานเกือบสดก็ได้ เพราะยังไม่ถึง 24 ชม.ดีเลยด้วยซ้ำค่ะ ทรายรีบมาเขียนก็เพราะว่า

งาน Winter Market Fest #3 ที่จัดโดย Sansiri ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และยังเหลือเวลาให้ได้
มาสนุกกันในงานอีกเพียงวันเดียวเท่านั้น ก็คือ วันนี้ค่ะ (13/12/15) เริ่มตั้งแต่เวลา 5PM ไปจนถึง 10PM
กันเลย






งานนี้จัดขึ้นในพื้นที่ของโครงการ The Base คอนโดมิเนียมในเครือของแสนสิริ ซึ่งตรงนั้นมีอยู่ 2โครงการ
ขนาบกัน โดยมีสะพานแสนสำราญกั้นอยู่นะคะ ที่เด็ดคือ ตรงนั้นมี Community Mall ของเค้าชื่อว่า Habito Mall
เป็นโครงการที่รวมเอาร้านค้ามากมายที่เป็นที่นิยมมาไว้ให้ลูกบ้านและชุมชนแถวนั้นได้มาหย่อนใจกัน 
ในปีหน้าโครงการทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ งาน Winter Fest ก็จะไม่สะดวกในการใช้พื้นที่แล้ว ดังนั้นปีนี้
มันจึง
เป็นความพิเศษมากๆค่ะ ใครเคยได้ยินชื่อเสียงคำร่ำรือของงานที่ผ่านมาทั้ง 2ครั้ง คงจะอดใจไม่ไหวเหมือนทราย






ทำได้ดีและมีดีเทลที่น่ารักเยอะมากๆ งานใหญ่นะคะ เดินจนพอเหนื่อยเลยแหละ เสียดายที่อากาศปีนี้บ้านเรา
ดูเหมือนจะไม่มีลมหนาวพัดมาเลย จะพกพัด พกอะไรมาคลายร้อนก็เตรียมมาเลย อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือ 
กระเป๋าตังค์และกล้องถ่ายรูปนะคะ ของให้กินเยอะมาก ของให้ช็อปก็น่ารักมาก และยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆเพียบด้วย





ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตของศิลปินดังๆด้วยนะคะ เมื่อวานได้ฟังพี่ป๊อดกับพี่นภ ฟินนน์มากกกกก ยิ่งดึกยิ่งคึกค่ะ 
คนที่มางานหลากหลายวัย มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ไม่เสียค่าเข้านะคะ อยากมาก็มาได้เลย จริงๆทรายอยากชวนมา
เพราะว่าร้านค้าที่มาในงาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขายของ เป็นร้านแบบฮิปๆ ที่มีของเจ๋งๆมาปล่อยกันเพียบ 
เปิดหูเปิดตาได้ดีมากๆเลยค่ะ รออะไรคะ รีบแต่งตัวออกมาเร็ว^^ ใครขับรถมาจอดที่วัดมหาบุศย์ค่ะ มีรถตู้
ของงานรับส่งให้ ส่วนใครมา BTS ลงอ่อนนุชแล้วต่อพี่วินมาแปปเดียวถึงเลย Smiley



















































































ปิดท้ายที่ 2 คนนี้ เปิดเพลงสนุกมากกกกกกกกกชอบบบบ รีบออกจากบ้านกันนะ <3








Disclaimer: Sponsored Content By Sansiri
Information: #WMF3 #Wintermarketfest




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2558    
Last Update : 13 ธันวาคม 2558 18:57:03 น.
Counter : 3179 Pageviews.  

เรื่องเล่าฉบับนักเดินทางตัวจิ๋ว พาเที่ยวญี่ปุ่น: เกาะคิวชู Fukuoka - Oita - Kumamoto






บล็อกวันนี้ทรายจะขอเล่าเก็บประสบการณ์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ ส่วนตัวแล้วทรายมี
ประสบการณ์เดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นเกือบ20ครั้งแล้วค่ะ แต่จะอยู่ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่และแถบ
ภาคกลางซะมากกว่า ทริปที่จะเล่าวันนี้ เป็นการท่องเที่ยวแถบคิวชู ซึ่งเราจะไปกัน3จังหวัด ก็คือ
จังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งมีสนามบินอยู่ที่นี่ จังหวัดโออิตะที่เด่นเรื่องน้ำพุร้อน และจังหวัดคุมาโมะโตะซึ่งเป็น
จังหวัดที่มีปราสาทโบราณที่ยังเหลืออยู่ใหญ่เป็นอันดับ3ของประเทศค่ะ  และที่นี่เป็นต้นกำเนิดของ
เจ้าหมีคุมะม่อน คาแร็คเตอร์ชื่อดังสุดๆของญี่ปุ่นตอนนี้ด้วย สำหรับทรายแล้วเมื่อหลายปีก่อน ทราย
เคยมาท่องเที่ยวแถบนี้แล้วครั้งนึง แต่เป็นจังหวัดฟุกุโอกะ-นางาซากิ ก็ประทับใจจนอยากกลับมาอีก
ทริปนี้ก็เลยดีใจมากๆไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลงรับคำเชิญชวนจากการท่องเที่ยวคิวชู





แน่นอนว่าเราเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Jetstar ซึ่งเป็นอีก1ผู้สนับสนุน
หลักของทริปนี้นะคะ เพื่อนร่วมคณะเดินทางของทราย มีทั้งนิตยสาร หนังสือพิมพ์และเว็ปไซต์ท่องเที่ยว
ชื่อดังตอนแรกๆก็รู้สึกเกร็งๆเหมือนกันแต่พวกเราละลายพฤติกรรมกันเร็วมากค่ะ ทำให้ทริปนี้สนุกและ
ผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก เราออกเดินทางกันตอน 02:15 น. เพื่อไปถึงสนามบินฟุกุโอกะในเวลา 9:30 น.





Jetstar
เป็นสายการบินLow Costสัญชาติออสเตรเลีย ไฟลท์ที่ทรายบินเป็นการบินตรงไปยังญี่ปุ่นเลย
ไม่มีการแวะพักใดๆ ใช้เวลาบินปกติคือ 5-6ชั่วโมงเหมือนบินตรงอื่นๆ ราคาไปฟุกุโอกะจากที่สอบถาม
ก็คือจะอยู่ที่ประมาณห้าพันถึงหมื่นนิดๆ แล้วแต่ช่วงนะคะ ถ้าฤดูกาลท่องเที่ยวก็จะสูงหน่อย แต่อย่างไร
ก็จัดว่าอยู่ในราคาประหยัดกว่าระดับปกติ เครื่องบินที่พาทรายไปนั้นคือเครื่องบินแอร์บัสขนาด180ที่นั่ง
จะมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องเป็นชาวสิงคโปร์ซะส่วนใหญ่ ทั้งไปและกลับของทรายนะ





ในฐานะที่นี่เป็นการนั่งสายการบินประหยัดออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกของทราย ก็จะขอเล่าเผื่อใคร
ที่ยังไม่เคยเหมือนกันจะได้ทำความเข้าใจค่า มันจะไม่ได้สะดวกสบายมากๆเหมือนการบินแบบราคาปกติ
อาทิเช่นเบาะที่นั่ง ก็จะไม่สามารถปรับเอนนอนได้เยอะๆ ไม่มีหมอนหรือผ้าห่มให้ ยกเว้นแต่เราจะกดสั่งซื้อ
พร้อมตอนที่ซื้อตั๋ว ถ้าอยากได้สามารถซื้อบนเครื่องได้ ประมาณ460บาทมีผ้าห่มกับถุงใส่อุปกรณ์อะไร
สักอย่าง ทรายคิดว่าเตรียมไปเองจากบ้านดีกว่า คือทรายไม่รู้ไง แล้วไม่ได้เอาเสื้อแขนยาวไป ก็เลยต้อง
ขอซื้อบนเครื่อง ซื้อแล้วก็เป็นของเราไปเลย เอาไว้ใช้ขากลับด้วย อาหารการกินบนเครื่อง จะมีเสิร์ฟ1มื้อ
รู้สึกจะเหมือนผ้าห่ม คือต้องมีระบุไว้ที่หน้าตั๋ว น้ำที่ให้คือน้ำเปล่า และขนม1อย่างเป็นคิทแคทรสออริจินอล
ที่ไม่รู้ทำไมอร่อยกว่าปกติ555 ถ้าเครื่องไม่เต็มคุณจะได้ที่นั่งวีไอพี คือเหยียดยาวตรงได้3ที่นั่งนอนสบาย
ยิ่งกว่าเฟิร์สคลาส ทรายแนะนำให้คนตัวใหญ่ ขายาว ควรเลือกระบุที่นั่งประมาณแถว 11-12นะคะ
มันเป็นทางออกฉุกเฉิน ระหว่างเท้าและเบาะก็เลยจะกว้างมากกว่าแถวอื่น แบบชัดเจนเลย บนเครื่องจะ
ไม่มีสิ่งบันเทิงใดๆ ดังนั้นควรพกพามาเองนะคะ แต่ถ้าบินกลางคืนแบบทราย กะว่าถึงเช้าลุยเที่ยวละก็
ขอแนะนำให้นอนเอาแรงไว้ดีกว่า เครื่องดีไม่เก่า ปรับความดันอากาศได้ดี หลับได้ค่ะ เหมาะกับคนที่
ต้องการเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอาไว้กินเที่ยวส่วนอื่น





ก่อนจะเริ่มปวดหลังเราก็ถึงประเทศญี่ปุ่นกันแล้วค่ะ เครื่องไม่ดีเลย์น่ารักที่สุด ช่วงเวลาที่ทรายไปคือ
เป็นหน้าร้อน+ฝน ของญี่ปุ่น อากาศ18-23องศา คณะเรามีไกด์มาดูแลค่ะ เป็นคุณลุงชาวญี่ปุ่น อายุ
60กว่าๆ คือเกษียณแล้วก็เลยมาเรียนภาษาอังกฤษที่จุฬาฯแล้วก็เรียนต่อป.โท ด้านการท่องเที่ยว
ที่มหิดล พอจบก็กลับมาทำงานเป็นไกด์ พูดไทยได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนภาษาอังกฤษนั้นต้องบอกว่า
เป๊ะมากๆ ไม่ติดสำเนียงญี่ปุ่นเลยฟังง่าย ประทับใจมาก ที่สำคัญคือเค้าเข้าใจคนไทยค่ะ พยายาม
สอดแทรกความรู้ วัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นให้ตลอดทริป การเที่ยวญี่ปุ่นแบบมีไกด์คนท้องถิ่นมันดีแบบนี้
นี่เองสินะ เริ่มต้นเรายังไม่ได้เที่ยวที่จังหวัดฟุกุโอกะนะคะ เราขึ้นมินิบัสมุ่งหน้าไปที่จังหวัดโออิตะ (Oita)
กันก่อนค่ะ พูดชื่อจังหวัดเราอาจจะไม่คุ้นเคย แต่ถ้าบอกว่าเมืองเบปปุ น้ำพุร้อน ยุฟุอินอะไรแบบนี้
ทรายคิดว่าหลายคนคงร้องอ๋อเลยหละ จังหวัดนี้แทบทุกพื้นที่ของจังหวัดมีน้ำพุร้อนค่ะและเนื่องจากมี
บ่อน้ำพุร้อนอยู่เยอะมากเลยทำให้เกิดทิวทัศน์ที่เรียกว่า “เมฆไอน้ำ” (ยุเคะมุริ) คือถ้ามองเบปปุจากที่สูง
จะเป็นไอน้ำพวยพุ่งขึ้นฟ้าเต็มไปหมดเลย ที่นี่ถูกเลือกให้เป็น1ใน100ทิวทัศน์ญี่ปุ่นที่ควรสงวนรักษา
แห่งศตวรรษที่21 และเป็นทิวทัศน์สวยงานลำดับที่2ของญี่ปุ่น รองมาจากภูเขาไฟฟูจิค่ะ





เรามุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านยุฟุอิน (Yufuin) กันเป็นที่แรกค่ะ ที่นี่อยู่ห่างออกมาประมาณ2ชั่วโมงค่ะ ถ้าฝน
ไม่ตกก็อาจจะไปได้เร็วกว่านี้ บรรยากาศโดยรอบจะเป็นป่าและเขาเขียวขจีมากๆ เราแวะทานอาหาร
มื้อแรกกันระหว่างทาง ซึ่ง Oita Prefectural Government เป็นเจ้าภาพเค้าแนะนำชาบูชาบูหมูค่ะ
ทรายชอบทานพวกนี้ด้วยอยู่แล้วเลยซัดเรียบแฮ่ะๆ ร้านนี้มีทิวทัศน์ของภูเขายุฟุอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็น
ภูเขาที่ถูกบรรยายถึงความงามอยู่ในโคลงกลอนโบราณอันเลื่องชื่อของญี่ปุ่นจากศตวรรษที่ 7 จริงๆ
แล้วมันเป็นเขาสีเขียวๆเหมือนสนามกอล์ฟเลยไม่มีต้นไม้สูงๆ ทรายก็แปลกใจอยู่เหมือนกันนะ





มาถึงยุฟุอินเราจะเจอส่วนของถนนคนเดิน “ยุโนะซึโบะ” ก่อนค่ะ เป็นเหมือนหมู่บ้านท่องเที่ยวเล็กๆ
มีขนม มีร้านค้า ของที่ระลึกขาย และที่พัก แน่นอนว่ามีออนเซ็นด้วย ระหว่างทางเดิน1 กิโลเมตร
ไปยังสถานที่ๆนักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปคือ “ทะเลสาบคินริน” ซึ่งถูกตั้งชื่อตามแสงระยิบระยับ
จากเกร็ดสีทองของปลาที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบ ตอนทรายไปมันครึ้มฝนเลยไม่เห็นแสงสะท้อน
แบบที่เค้าว่ากัน แต่ปลาเยอะมากจริงๆ แล้วก็วิวสวยเหมือนภาพวาดเลยค่ะ โดยเฉพาะตรงแถวๆวัด











จากนั้นพวกเราก็ไปต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดังและมีชื่อเสียงระดับโลกที่เมืองเบปปุ(Beppu)กันค่ะ
เราจะไปดูน้ำพุร้อนธรรมชาติกัน (ออนเซ็น) เบปปุเป็นเมืองที่มีกระแสน้ำร้อนพวยพุ่งอยู่ถึง 130,000
กิโลลิตร/วัน คิดเป็นลำดับที่2ของโลกรองมาจากอุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตนที่อเมริกา และถูกจัดให้
เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใครมาแถบนี้แล้วไม่ได้มาเยือนเบปปุ ถือว่าพลาดมากเลยจริงๆ
นะคะ อันดับ1ของโลกอยู่นี่แล้ว








ที่นี่จะมีสถานที่ๆเราเรียกว่า “ทัวร์นรกเบปปุ” จริงๆเป็นเหมือนสวนที่มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีลักษณะพิเศษ
แตกต่างกันอยู่ในบริเวณใกล้ๆกันสามารถซื้อตั๋วเข้าไปเดินดูได้แบบใกล้ชิดเลยค่ะ บ่อสีฟ้าจะสวย
เป็นพิเศษนักท่องเที่ยวจะให้ความสนใจกันมากๆ เค้าชื่อว่า บ่อทะเลเดือดเพราะมีลักษณะสีเหมือน
น้ำทะเลฟ้าสดใสมากๆ ถัดไปจะมีบ่อสีแดงชื่อว่า บ่อนรกแดงฉาน รู้สึกจะมีแร่ธาตุที่ออกสีแดงผสมอยู่
เลยทำให้น้ำเป็นสีแบบนั้น และก็มีบ่อโคลนเดือน เป็นโคลนเดือดปุดๆจริงๆค่ะ พอเห็นแล้วก็นึกถึง
พวกเครื่องสำอางที่ทำจากโคลนภูเขาไฟอะไรแบบนี้ อยากทุ่มตัวลงไปค่ะ 5555









จบการเดินทางของวันแรกเราเข้าพักกันที่โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่าเรียวกังค่ะ ทรายเคย
พักแบบนี้กับครอบครัวอยู่2-3ครั้งแล้วก็เลยคุ้นเคย สำหรับคนที่ยังไม่เคยต้องลองสักครั้งนะคะ
ฟูตอง (ฟูกนอน)แบบนี้ขอบอกว่านอนสบายนุ่มนิ่มชวนเคลิ้มหลับมากกว่าเตียงอีกค่ะ








Day 2: Oita -> Kumamoto


เช้านี้เราใช้สเต็ปการนัดเป็นโค้ดลับค่ะ 6-7-8 หมายความว่า ตื่น6โมงนะ 7โมงกินข้าว 8โมงล้อหมุน
ทรายชอบคณะเดินทางนี้มากเลยจริงๆ ทรายไม่ค่อยได้เจอคนต่างวงการเท่าไหร่ รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้
พวกเค้า และที่สำคัญการสังสรรค์หลังเดินทางก็เป็นการละลายพฤติกรรมให้สนิทกันไวมากๆเลยค่ะ





วันนี้เรามีโปรแกรมอัดแน่นมากๆ เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยังสวนดอกไม้ชื่อดัง Kuju Flower Park
ซึ่งยังอยู่กันที่จังหวัดโออิตะนะคะ ที่นี่มีเนื้อที่ 20 เฮกเตอร์ ทรายก็ไม่ค่อยเข้าใจหน่วยวัดนี้ แต่จากที่ไปมา
คือเดินไม่ไหว ต้องใช้รถกอล์ฟไปยังโซนต่างๆนะ กว้างมากจริงๆ มีดอกไม้เพียบเลย ทรายไปทันทุ่งลา
เวนเดอร์ สามารถตัดและเก็บกลับบ้านได้ช่อนึงด้วย แต่เสียดายดอกคอสมอสยังไม่บานเลยอดดู





ใช้เวลาที่สวนดอกไม้กันพักนึง จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยัง Kurokawa Onsen หมู่บ้านเล็กทางเหนือของ
ภูเขา ASO ที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ล บ่อออนเซ็นกลางแจ้ง และเรียวกังเพียบค่ะ เยอะมากๆจนดูแผนที่
แล้วตาลายเลย หลายๆสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วย คุณฮิเดะ ไกด์ของเราเล่าว่าหมู่บ้านนี้เป็นสถานที่
พักผ่อนในฝันของชาวญี่ปุ่นทุกคน ที่ญี่ปุ่นจะมีสถานที่ตากอากาศขึ้นชื่อแบบนี้ไม่กี่ที่ ถ้าเป็นภาคกลาง
ก็คือเมืองคารุยซาว่า อยู่จังหวัดนากาโนะ (ที่ทรายไปบ่อยมากๆเพราะมีเอ้าเล็ทใหญ่ๆ55) และก็คือที่นี่
คุโรคาว่าออนเซ็น สวรรค์ของคนรักการแช่น้ำร้อน แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลที่มีอยู่
ทั่วหมู่บ้านจะเป็นสีแดง ส้ม เหลือง สวยมากๆ และถ้าหน้าหนาวหิมะจะปกคลุม ทำให้การแช่น้ำร้อนที่นี่
เป็นเหมือนสวรรค์เลยค่ะ แต่จองล่วงหน้าหน่อยนะ เพราะคนแทบทั้งญี่ปุ่นจะพร้อมใจกันมาที่นี่ค่ะ จริงๆ
แล้วหมู่บ้านนี้สงบมากๆ เหมือนการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง เค้าจะอยู่กันในรีสอร์ทแบบเงียบๆ ถ้าใคร
เป็นคู่รักอยากมาฮันนีมูนกลับไปมีลูกเลย ทรายบอกตรงๆ ทุกคนในทริปลงความเห็นว่า แค่เข้ามาเยี่ยม
ชมออนเซ็น2-3ที่ แบบผ่านๆไม่ได้พัก ยังรู้สึกว่าโรแมนติกมว๊ากกกกกกกก






จากนั้นคณะของเราก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของจังหวัดคุมาโมโตะ ไปยังภูเขาไฟASO (อะโซะ)
ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและยังมีชีวิตอยู่ ที่นี่ยังเป็น1ในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ด้วยค่ะ ตรงนี้ใครที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ เป็นหอบหืด ภูมิแพ้ใดๆที่ทำให้หายใจลำบาก แนะนำว่า
ไม่ควรขึ้นไปนะคะ คือเราสามารถซื้อตั๋วนั่งรถบัสเล็กๆขึ้นไปดูปากปล่องภูเขาไฟได้ ในระยะใกล้ๆ
มีควันและมีเสียงคำรามฮึมๆ จริงๆคงเป็นเสียงลมเสียดสี หรือเกิดปฏิกริยาอะไรกันสักอย่างแหละ
แต่มันจะมีกลิ่นน่าจะเป็นกำมะถันมั้งคะ สูดดมนานๆจะเวียนหัว ออกซิเจนน้อยอะไรแบบนั้นด้วยมั้ง
แต่บนนั้นไม่มีอะไรส่วนใหญ่ก็อยู่กันสัก10นาที แชะรูปแล้วก็กลับ ด้านล่างมีร้านขายของที่ระลึกไว้
ดักนักท่องเที่ยวแบบเราด้วยค่ะ พวกการ์ตูนคาแร็คเตอร์ทั้งนั้น ไม่รอดจริงๆ กลับโรงแรมทรายก็
เต็มไปด้วยของฝากอ่ะนะคะ ใครเจอคุมะม่อน หรืออะไรที่อยากซื้อ ให้ซื้อเลยนะคะ เพราะแต่ละที่จะ
มีของไม่เหมือนกัน บางทีบริเวณที่คิดว่ามีก็ดันไม่มีขาย ดังนั้นเจออะไรที่ใช่ สอยซะ







วันนี้เราเข้าพักกันที่ Kumamoto Castle Hotel ค่ะ อยู่ตรงข้ามกับตัวปราสาทเลย ข้ามถนนไปก็ถึง
ห้องของทรายเห็นวิวเป็นตัวปราสาทเจ๋งมากๆ ที่พักดีทุกอย่างดี เดินทางโรงแรมไปบล้อกเดียว
ถึงสถานที่ช็อปปิ้งหลักของเมืองนี้แล้ว ดีงามมากกกกก ใครมาเที่ยวคุมาโมะโตะแนะนำให้พักที่นี่ค่ะ




มื้อเย็นวันนี้พวกเราได้รับเกียรติจากKumamoto Prefectural Government เป็นเจ้าภาพ ที่ร้าน
Shiromiyagura (Kaiseki) อยู่ด้านข้างของปราสาทคุมาโมโตะ เดินจากโรงแรมไปประมาณ
3นาทีก็ถึง ร้านนี้เค้าบอกว่ามีชื่อเสียงมาก ทรายดูแล้วก็ค่อนข้างน่าจะแพงมากพอสมควรเลย
ทางการKumamoto Prefectural Government อยากให้พวกเราได้ลองชิมอาหารขึ้นชื่อของ
จังหวัดนี้ เพราะต้นตำรับคือที่นี่ หาทานได้ที่คุมาโมโต้เท่านั้น นั่นก็คือเนื้อม้าดิบ (Basashi)
จริงๆเค้ามาเป็น1ในอาหารจานเล็กๆของคอสใหญ่ ไม่ได้มาให้ลองเยอะหรอกเพราะเค้าก็พอ
เข้าใจว่าคนไทยไม่มีวัฒนธรรมกินเนื้อม้า จริงๆเนื้อวัวยังไม่ค่อยจะกินกันเลย แต่ทรายชอบเนื้อวัวนะ
ชอบมากกกก แต่เนื้อม้านี่ลองเป็นพิธีแล้วไม่เอาดีกว่า ก็เหมือนกันกับที่คนญี่ปุ่นไม่กินเป็ด
คนบ้านเรานี่แทะกันอย่างเมามันส์มาก ต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมเนอะ จบมื้อนี้เราก็แยกย้ายกันไป
ช็อปปิ้งพักผ่อนค่ะพรุ่งนี้ยังมีอะไรรออยู่อีกมากSmiley





Day 3: Kumamoto -> Fukuoka


เช้านี้เราตื่นกันเหมือนเดิมค่ะ เริ่มต้นวันด้วยการทัวร์ปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle)
ปราสาทโบราณที่มีชื่อเสียงและใหญ่เป็นลำดับที่3ของประเทศญี่ปุ่น ปราสาทนี้สร้างเสร็จในปี1607
ใช้เวลา7ปีในการก่อสร้าง เจ้าผู้ครองปราสาทคือ Kiyomasa Kato เป็นซามูไรในยุคนั้น





มีเกร็ดความรู้เล็กๆจากคุณไกด์บอกว่าสมัยสงครามเซคิงาฮาร่า ฝ่ายซามูไรที่แพ้จะถูกยึดแผ่นดิน
ที่ตนปกครอง ลดที่ดินและบรรดาศักดิ์ บางครั้งก็มีการทำลายปราสาทเดิม และห้ามไม่ให้ก่อสร้าง
ปราสาทใหม่ ใครที่จะก่อสร้างปราสาทจะต้องได้รับความเห็นชอบจากโชกุนก่อน ซึ่งความใหญ่โต
ก็จะต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และสถานะของซามูไรนั้นๆต่อโชกุนด้วย คาโต้คนนี้ก็น่าจะเป็นคน
สำคัญมากคนนึงเลยนะคะ ปราสาทนี้มีพื้นที่โดยรอบ9กิโลเมตร ใหญ่มากจริงๆ ตัวปราสาทจะมี3หลัง
หลังใหญ่จะเหมือนตึกแฝดอยู่คู่กันเป็นหอคอยเล็กกับใหญ่ ส่วนนี้ถูกเผาทำลายลงจนต้องบูรณะ
ขึ้นมาใหม่ ส่วนอีกหอคอยนึงที่อยู่ห่างออกไป เป็นของเก่าแท้ดั้งเดิมกว่า400ปี ยังสามารถเดินเข้าไป
เยี่ยมชมได้ค่ะ แต่เป็นหอคอยที่ไม่สูงนะคะ เห็นเค้าว่าตอนกลางวันจะมีการแสดงจากพวกนักแสดง
ที่เดินอยู่รอบๆปราสาท จำลองวิถีชีวิตแบบซามูไรให้คล้ายสมัยที่ยังมีผู้ปกครองปราสาทอยู่ด้วย
แต่เราไม่มีโอกาสได้ดูเพราะต้องไปต่อค่ะ









เรานั่งรถจากจังหวัดคุมาโมโต้เข้าสู่จังหวัดฟุกุโอกะค่ะ วันนี้เราจะไปยังจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมา
ห้ามพลาดของฟุกุโอกะกัน ที่นี่จะเป็นเมืองที่ค่อนข้างทันสมัย ติดทะเล แตกต่างจาก2จังหวัดที่
เราไปมาจะเป็นป่าและเขา อันนี้เหมือนไปเที่ยวแบบพัทยาอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ กองทัพเราต้อง
เดินด้วยท้องนะคะ





วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ของ Fukuoka City ขอนำเสนอของถูกและดีมีอยู่จริงที่นี่ค่ะ
เท็มปุระชื่อดังของฟุกุโอกะ ร้านดารุมะ เป็นร้านเล็กมากๆ ทรายว่าน่าจะรองรับลูกค้าได้เต็มร้าน
ไม่เกิน20คนนะ เห็นว่าร้านนี้อยู่มานาน มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อย เท็มปุระไม่ได้ทอดกันง่ายๆนะคะ
เป็นของทอดที่ใช้ศิลปะมากๆ คนที่ทอดอร่อยหายากค่ะ ที่สำคัญคือ ร้านนี้ขายถูกมากกกกกก
คุณไกด์บอกว่าเพราะพวกเราได้สิทธิพิเศษจองไว้ก่อน ถึงเข้ามากินได้สบายๆ ไม่อย่างนั้นช่วง
ใกล้เที่ยงแบบนี้จะต้องเห็นกองทัพคนญี่ปุ่น ยืนต่อแถวเรียงรอเข้าร้านกันยาวเหยียดเลยค่ะ






อิ่มท้องแล้วเราก็ไปที่จุดแรกกัน Fukuoka Tower ตึกสูงที่ใช้ชมวิวทิวทัศน์ของเมือง มีมาถ่ายละคร
ที่นี่บ่อยๆด้วยนะคะ ทรายเคยมาแล้วเมื่อครั้งมาเที่ยวฟุกุโอกะครั้งแรก ตอนนั้นเป็นเวลาเย็น
แดดส่องกระทบน้ำเป็นสีทอง สวยไปคนละแบบกับตอนกลางวันค่ะ








จากที่นี่เราเดินทางไปยัง Marinoa City กันต่อค่ะ อยู่ไม่ห่างกันแปปเดียวเอง ที่นี่เป็นเหมือน
Outletค่ะ ทีมงานคงคิดว่าสงสารพวกนี้จังไปแต่ป่าแต่เขา ให้ไปช็อปิ้งหน่อยละกัน ที่นี่ก็มี
แบรนด์ของญี่ปุ่นและต่างประเทศอยู่นะคะ แต่จะไม่มีแบรนด์เนมแบบ Hi-end จะมีพวกแนว
Hi-Streetอยู่บ้าน ที่ทรายพุ่งตรงเข้าไปดูคือ Brook Brothers แบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายสไตล์ไอวี่
ที่ต้นชอบ สรุปแล้วคือมีแต่ของฝากให้ต้น55555 มีCOACH มีร้านรองเท้าสนีกเกอร์ มีร้านแว่น
มีอะไรหลายๆอย่างเยอะอยู่ ทรายเดินไม่ทั่วเท่าไหร่





จากตรงนี้เรามุ่งหน้าไปยังโรงแรมของเราซึ่งอยู่กลางเมืองค่ะ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟHakata
หรือว่า Fukuoka Station สถานีใหญ่สุดของเมืองค่ะ อ่อเป็นเกร็ดความรู้นะคะ Hakata คือชื่อ
เดิมของฟุกุโอกะ ก็คล้ายๆสยามกับไทยนั่นแหละค่ะ ตรงนี้ด้านบนของสถานีมีห้างอยู่ นี่ต่างหาก
สวรค์ของทราย แทบพุ่งค่ะ แต่โดนยั้งไว้เพราะทางเจ้าหน้าที่ของFukuoka Cityแนะนำไว้ว่าต้องไป
ทานของว่างตอนบ่ายที่ร้านนี้ให้ได้ Campbell Early เป็นร้านแพนเค้กอยู่บนชั้น9ค่ะ ไม่ผิดหวัง
เลยจริงๆที่หักห้ามใจเดินตามมา เพราะมันน่ารักมาก คนเยอะมาก ดังมากๆจริงๆ ใครมาเที่ยว
ที่นี่อย่าลืมแวะมาทานค่ะ แนะนำเลย จากนั้นทรายก็เดินช็อปปิ้งนะ กว่าจะหาโซนเสื้อผ้าแบรนด์
ดังๆของญี่ปุ่นแบบเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นเจอ เหลือเวลา10นาทีจากที่นัด = = เครียดมาก พุ่งเข้าไป
3ร้านช็อปเสร็จเหลือ2นาทีวิ่งกลับ ไม่เป็นไรได้เสียเงินแล้ว นอนตาหลับ






จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปอีกที่นึงเรียกว่าคาแนลซิตี้ ตรงนี้เค้าห้ามถ่ายภาพ มันมีราเมงสเตเดียมด้วย
เราไปทานมื้อเย็นกันที่นั่นค่ะ มีให้เลือกหลายร้านมาก แต่รับประกันว่าทุกร้านอร่อย เพราะไม่อร่อย
จะไม่ได้ขายต่อที่นี่ เค้ามีวิธีเลือกร้านเข้ามาขายด้วยการแข่งขันอ่ะ ทุกคนเป็นแชมป์ สั่งมั่วก็อร่อย
ให้ตายสิ เสร็จแล้วมันก็จะมีคล้ายคอมมูนิตี้มอลนะ ช็อปปิ้งได้มีร้านมาเปิดเยอะแยะ แต่พวกเรา
เดินออกมาข้างนอก เพื่อเดินไปอีกทางนึงเลียบแม่น้ำNaka น่าจะชื่อว่า Nakasu มันจะมีร้านของกิน
ข้างทางแบบในหนังสือการ์ตูนวางเรียงกันเพียบเลย ทรายไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ส่วนอื่นของญี่ปุ่น
มาฟุกุโอกะครั้งก่อนก็มาแถวนี้แต่ไม่ได้กินคือคนเยอะตลอด แนวๆแบบstreet food คนที่นี่เรียก
ร้านพวกนี้ว่า “Yatai” พวกเราก็ไม่ได้กินนะ เดินเก็บบรรยากาศสวยๆของเมือง แล้วก็แยกย้ายกัน
กลับเข้าที่พักค่ะ ตรงนี้ทรายก็ร่ำลากับคุณฮิเดะไกด์ที่น่ารักของเราเรียบร้อยเพราะเช้ามาเราจะต้อง
ขึ้นเครื่องกลับไทยแล้ว













Day 4:
Go back home


ทรายตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม เก็บข้าวของเตรียมขึ้นเครื่องกลับไทยค่ะ สนามบินฟุกุโอกะก็คล้ายๆ
กับสนามบินภูเก็ตนะคะ ไม่ค่อยมีอะไรขาย ดิวตี้ฟรีก็เล็กๆ จิ๋วๆ ของกินควรซื้อไปจากข้างนอกเลย
สิ่งที่ควรซื้อเป็นของฝาก หรือว่าของที่ควรลองกินสักครั้งเพราะขึ้นชื่อของที่นี่ ได้แก่ เมนไทโกะ
หรือไข่ปลาค็อดนะคะ มันจะมีหลายรส เผ็ดนิดๆอร่อยมาก คลุกข้าวร้อนๆหรือสปาเก็ตตี้ก็ได้
แล้วก็ขนมคัสเตลล่าค่ะ จริงๆเป็นขนมชื่อดังของนางาซากิ แต่ก็ไม่ควรพลาดอ่ะ ที่สถานีรถไฟฮากาตะ
มีขาย ต้องร้านนี้เท่านั้นนะคะ ออริจินอลดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงที่สุด บุนเมโดะค่ะ ทรายเคยไปร้านเค้า
ที่นางาซากิ ขลังมากกกก อร่อยมากจริงๆ เลิกซื้อโตเกียวบานาน่าค่ะ คัสเตลล่าคือที่สุด






ทริปนี้ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนหลักทุกท่านนะคะที่ให้โอกาสทรายได้ไปสัมผัสอีกมุมของเกาะคิวชู
ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วก็หวังว่าจะได้เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลเที่ยวแถบนี้นะคะ






Disclaimer: Sponsored Trip by

  • Oita Prefectural Government
  • Kumamoto Prefectural Government
  • Fukuoka City
  • JETSTAR AIRWAY




















 

Create Date : 26 สิงหาคม 2557    
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 5:50:12 น.
Counter : 20169 Pageviews.  

มาออกกำลังกายกับทรายกันเถอะสาวๆ ฮูเร่ ฮึบๆ กันที่ Phillip Wain





บล็อกวันนี้จะเขียนถึงกิจกรรมที่ทรายทำช่วง2-3เดือนมานี้ค่ะ ทรายไปออกกำลังกายมา
กรี๊ดดดดดดดด ได้ยินไม่ผิดค่ะ ไปออกกำลังกายเข้าฟิตเนสมาจริงๆ (ไม่น่าเชื่อเลยขุ่นแม่!)
ปกติแล้วทรายเป็นคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยค่ะ แต่ตอนเด็กๆฟิตมากนะเพราะโดนบังคับ
พอเข้ามหาลัย เรียนจบทำงาน เราเลิกกันเลยค่ะ ดังนั้นการตัดสินใจเข้าฟิตเนสครั้งนี้จึงถือ
ได้เลยว่าเป็นครั้งแรกในรอบ10ปีที่คิดจะ Work Out จริงๆ แอร๊ยยยยย


 photo 1copy_zps437a4b98.jpg


ทรายได้รับการติดต่อมาจากทาง Phillip Wain ค่ะ ให้ไปทดลองใช้บริการในคลับของเค้า
ซึ่งทรายคิดไม่นานหรอกค่ะ ก็ตอบรับด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. เหตุผลด้านของความสะดวกเลยคือใกล้บ้าน (เซ็นทรัลลาดพร้าว) 
  2. เหตุผลด้านชื่อเสียง คือได้ยินมานานและเป็นแบรนด์ระดับโลก (มีในหลายประเทศ)
  3. ข้อสุดท้ายเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากเป็นคลับที่ให้เฉพาะสาวๆเข้าได้เท่านั้น

จริงๆเหตุผลในข้อ3ทรายเห็นความสำคัญเพราะว่า มันเป็นอะไรที่ผู้หญิงอย่างทรายต้องการ
ถึงแม้จะอดไปออกกำลังกายกับต้น แต่มันได้เรื่องความปลอดภัย ความสบายใจ ไม่อึดอัดใจ
กลับคืนมา เพราะมีแต่ผู้หญิง จะแต่งตัวยังไงก็ไม่โป๊ คนอื่นก็มีเหมือนๆเราไม่ต้องอาย จะนั่ง
จะยืน จะเดิน จะออกกำลังกายท่าไหน ก็ไม่ต้องมาคอยกังวลใจเหมือนฟิตเนสรวมๆ



 photo 2copy_zpsfe18a9b5.jpg



ครั้งแรกที่ไปเล่น ทรายไปกับพี่ที่สนิทกันอีก2คน คือพี่มด กับพี่ตูนค่ะ เค้าให้เรา3คนไปเล่น
จะได้แบบว่า มีแรงจูงใจในการเข้าฟิตเนส มีเพื่อนคุย เป็นที่ๆเราสามารถทำกิจกรรมกันได้
และก็ได้ประโยชน์กับสุขภาพอะไรแบบนี้ แต่ทรายไปลองวันนึงแล้วก็มีบินญี่ปุ่นยาว จึงได้กลับ
มาออกกำลังเต็มๆอีกทีในเดือนถัดไป

เอาเข้าจริงทรายก็เข้าไปคนเดียวซะทุกครั้ง เพราะว่ามันใกล้บ้านมาก (สะพานควาย-เซ็นทรัล)
แล้วทรายได้รับทดลองเล่นแบบมี Personal Trainer เป็นเวลา 10 ครั้ง มันก็เลยไม่มีอาการ
แบบว่าเหงา หรือไม่อยากเล่น เพราะพี่เทรนเนอร์เค้าจะคอยอยู่กับทรายตลอดเวลา แล้วก็สอน
จัดโปรแกรมว่าเราควรเล่นอะไรยังไงบ้าง เวลาจองเทรนเนอร์ก็จะได้คนละประมาณ 1-2ชม/ครั้ง
แค่นั้นก็โอเคมากๆแล้วค่ะ

สำหรับทรายแล้วจากที่เล่นๆมา ทรายชอบการมีเทรนเนอร์ส่วนตัวมาก เพราะทรายไม่ค่อยรู้
ว่าอุปกรณ์อะไรใช้อย่างไร ถึงเราจะสามารถถามพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคนในฟิตเนสได้ แต่เราก็จะไม่
รู้ว่าอุปกรณ์นี้เวลาเล่นแล้วเราแสดงอาการแบบไหนถึงควรหยุด ประมาณไหนถึงจะไม่เป็นอันตราย
กับกล้ามเนื้อของเรา พี่เทรนเนอร์เค้าจะช่วยดูแลให้ เชื่อไหมทรายไปเล่นไม่เคยมีอาการแบบ
กล้ามเนื้ออักเสบ หรืออุบัติเหตุอะไรเลย เค้าดูตลอดจริงๆ คือเล่นแบบไม่มีPTก็ได้ แต่มีดีกว่ามากอ่ะ


 photo 3copy_zps8f2f4e4d.jpg


ที่นี่เค้าเปิดทุกวันค่ะ วันธรรมดาเปิดตั้งแต่7โมงเช้า ปิดเวลา3ทุ่ม แต่ถ้าเสาร์-อาทิตย์ เค้าจะปิด
6โมงเย็น อาจจะเห็นว่าแปลกจัง ตอนแรกทรายก็รู้สึก แต่พอรู้เหตุผลว่า เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่
อยากใช้เวลาช่วงเย็นวันหยุดกับคนสำคัญมากกว่า เค้าเลยเลือกที่จะเปิดแค่ถึง6โมงในวันเสาร์
-อาทิตย์ค่ะ

คลับของ Phillip Wain สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวที่ทรายไปเล่น จะอยู่ที่ชั้น 12A ขึ้นลิฟท์ฝั่ง
ที่เป็นออฟฟิต ถ้าจอดรถชั้น2ก็ลิฟท์ข้างสตาร์บัคส์เลยค่ะ ขึ้นไปแล้วเราจะพบกับReception
ของเค้าก่อน สมาชิกจะยื่นบัตรตรงนี้ แล้วก็เดินเข้าไปรับผ้าเช็ดตัว2ผืน ล็อกเกอร์และหมวก
สำหรับคลุมผมอาบน้ำ Facilities เค้าครบเลยค่ะ สามารถมาที่นี่ ออกกำลัง ฟิตเนส เข้าคลาส
ซาวน์น่า อบสตรีม นวดสปา ทำทรีทเมนต์ผิวตัว ผิวกาย หรือกระชับสัดส่วน ทานอาหารสุขภาพ
อาบน้ำก็มีแชมพู สบู่ ครีมนวดเตรียมไว้ครบ มีแผนกทำผมทำเล็บ มีห้องให้นอนพักด้วย คือว่า
เป็นสถานที่แห่งการพักผ่อนของสาวๆจริงๆ ทรายมักจะไปขลุกอยู่ที่ตั้งแต่บ่าย3ถึง1ทุ่มทุกที
แบบว่าอยู่แล้วยาวลืมเวลาไปเลย

ทรายเองได้ลองซื้อนวดตัวด้วยน้ำมันของเค้าครั้งนึง อันนี้ซื้อเองเพราะว่ามองจากคลับลงไป
เห็นถนนวิภาวดีรถติดมาก เย็นนั้นเลยขี้เกียจกลับเร็วๆ หาเรื่องไปนอนให้คนนวดคลายเส้น
บำรุงผิวด้วยเลยดีกว่า เค้านวดดีมากๆพี่คนที่นวดให้ทราย สุภาพ นวดนี้ จนทรายหลับไปเลย
นวดน้ำมันเหมาะมากๆกับคนผิวแห้งนะคะ นวดแล้วผิวนุ่มชุ่มชื้น น้ำมันที่นี่ไม่เหนียวด้วย


 photo 4copy_zps6bda814d.jpg


ทรายบอกตรงๆว่าจนทุกวันนี้ก็ยังใช้บริการของเค้าได้ไม่ครบเลย มันเยอะจริงๆ สิ่งที่ทราย
อยากลองในโอกาสต่อๆไปคงเป็นการเข้าคลาสเต้น หรือคลาสโยคะ จริงๆเค้าบอกว่าเดือนนึง
เค้ามีคลาสกว่า400คลาสเลย ทรายแอบเล็งเต้นzamba เอาไว้ด้วย 5555 จะรอดไหมไม่รู้
แต่ว่าแต่ละคลาสคนไม่เยอะ ห้องไม่แออัด ทรายชอบที่นี่ตรงนี้ ทรายเคยไปดูสถานที่เล่น
โยคะของอีกแบรนด์นึง ในตึกเดียวกัน บอกตรงๆว่ารับไม่ได้เลย มันแน่น อึดอัด และให้ความ
รู้สึกไม่สะอาด แตกต่างอย่างมากกับทางPhillip Wainที่เข้าไปแล้วรักเลย โดนดูดวิญญาณ


อีก1อย่างที่ประทับใจมาก คือ โซนอาหารเพื่อสุขภาพของที่คลับ แต่ละวันเค้าจะมีเมนูประจำ
เปลี่ยนไปทุกสัปดาห์ค่ะ ตั้งแต่ทรายไปมา ยังไม่เคยมีวันไหนที่ทานแล้วไม่อร่อยเลย จริงๆนะ
อร่อยมากๆๆๆๆๆทุกเมนู แล้วทรายกินเกลี้ยงทุกครั้ง ยังคิดอยู่ว่านี่ตกลงจะมาฟิตแอนด์เฟิร์ม
หรือว่าจะมาเพิ่มน้ำหนัก 55555 แต่เค้าคำนวนแคลลอรี่อะไรให้เรียบร้อยนะคะมีนักโภชนาการ
เป็นคนจัดเซ็ทอาหารในแต่ละสัปดาห์ไว้ ส่วนใหญ่มันก็จะแบบว่าเน้นผัก เน้นของมีประโยชน์ 
ทรายเห็นเมมเบอร์ที่ประจำที่นี่เค้าชอบซื้อกลับบ้านไปให้คนที่บ้านทานกันด้วย 
(กระแสอาหารสุขภาพมาแรงมากๆ)


 photo 5copy_zps1c08c08a.jpg


ราคาMembershipที่นี่ รายเดือน เดือนละ 7,000 บาท แต่ถ้าสมัครรายปีราคา 38,500 บาท
ใช้สตีม ซาวน่า เข้าคลาสต่างๆ ได้ ส่วนเทรนเนอร์ส่วนตัว (PT) ครั้งละ 2,200 บาท ถ้าเป็น
พวกสปา บริการซาลอน Facial Treatment Body Treatment อาหารเพื่อสุขภาพ พวกนี้จะ
มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไม่รวมในค่าเมมเบอร์ค่ะ (ทรายแนะนำให้คอยตามดูโปรโมชั่นเค้าไว้)


สรุปแล้วทรายไปที่นี่แล้วมีความสุขอ่านะคะ นี่ถ้าอายุสมาชิกที่เค้าให้ฟรีหมดแล้ว ทรายก็ว่า
จะซื้อต่อเองด้วย ผู้คนน่ารัก บรรยากาศดี อาหารอร่อย คลาสเยอะ สงบ สะอาด ปลอดภัย
ทรายว่าครบที่ทรายต้องการ ถึงแม้PTจะแพงไปนีดส์ 555555 ช่วงนี้ทรายเก็บเกี่ยวทริกต่างๆ
ที่พี่เทรนเนอร์สอน พยายามจำ ไว้ใช้เองในวันที่หมดโควต้าPTแล้ว (ออกโปรPTนะคะ พลีสสส)
เออลืมเล่าเลย ก่อนเล่นเค้าจะมีวัดร่างกายทั้งหมดก่อนออกกำลัง ทรายไขมันเยอะมากเลยอ่ะ
เหมือนก้อนไขมันเดินได้ มวลกล้ามเนื้อแทบไม่มี T_T พี่เทรนเนอร์บอกว่า ทรายกล้ามเนื้อไม่
แข็งแรงเลย อ่อนแอมาก จากการไม่เคยออกกำลังเลย ช่วงแรกเลยจะต้องเสริมความแข็งแรง
ให้กล้ามเนื้อก่อน ยังไม่ได้มีการWork Outรีดหุ่นใดๆนะ เล่นต่อเนื่องสักอาทิตย์ละ 2-3ครั้ง
มันจะดีขึ้น ผิวที่เคยหย่อนๆยานๆก็จะกระชับขึ้น สุขภาพก็จะดีขึ้น ผิวดีขึ้นด้วยเพราะเลือด
เหงื่อ น้ำเหลือง ไหลเวียนได้ดีขึ้น ก็อยากชวนนะคะ ไม่เกี่ยวกับฟิลลิปเวน อยากชวนเอง
ชวนสาวๆมาออกกำลังกัน ทรายเจอที่ๆดีและคิดว่าโอเคแล้วเลยอยากหยิบมาบอกต่อจริงๆค่ะ
เพราะสิ่งนี้เราไม่ได้ดีลกันเป็นตัวเงินไม่ได้รับค่าจ้าง ทรายจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ จะเล่นหรือไม่
ก็เป็นสิทธิ์ของทราย ถ้าไม่เห็นว่าดี ก็ไม่อยากมาบอกต่อจริงๆนะ ใครจะไปเล่นบอกทรายด้วย
เผื่อเราไปเล่นพร้อมกัน แฮ่ะๆ  


Ps, ตอนนี้มีโปรนี้อยู่ แอบขโมยมาแปะ

 photo PW-Mag_Mar_132_zps5098a734.jpg




Disclaimer: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเป็นmember ทางPhillip Wainรับผิดชอบค่ะ
Information: //www.phillip-wain.com/th/
Information: //www.facebook.com/phillipwain








 

Create Date : 16 ตุลาคม 2556    
Last Update : 16 ตุลาคม 2556 2:58:18 น.
Counter : 26964 Pageviews.  

[เที่ยวSHIBUYA] ไอศครีมพาเฟ่ท์ผลไม้ที่ห้ามพลาด Nishimura Fruit Parlor




ทุกครั้งที่ทรายไปชิบุยะ จะไม่เคยพลาดร้านนี้เลยสักครั้ง เพราะแค่เดินผ่าน
เห็นดิสเพลย์ที่จัดโชว์เมนูของร้านก็ใจละลายแล้ว ต้องเดินเข้าไปกินให้ได้
ไม่ว่าอากาศจะเย็นยะเยือกแค่ไหนก็เถอะ


 photo f1_zps236c79bc.jpg


ไอศครีมพาเฟ่ท์ผลไม้ที่ร้าน Nishimura Fruit Parlor ที่จริงแล้วมันเป็นอีกส่วน
ของร้านขายผลไม้คือจริงๆที่นี่ขายผลไม้ แต่ขยับขยายแตกหน่อไปทำไอศกรีม
พาร์เฟ่ท์ผลไม้ซะด้วยเลย ที่สาขาชิบุยะ ชั้นล่างจะขายผลไม้สด ส่วนชั้น2จะเป็น
ร้านไอศกรีมค่ะ สามารถนั่งแล้วก็มองวิธีชีวิต ผู้คนที่ชิบุยะได้ด้วย เพราะมุมของ
กระจกที่ร้าน จะทำให้เรามองเห็นแยกไฟแดงในตำนาน และสถานีรถไฟชิบุยะค่ะ


 photo f3_zps8e463fb2.jpg


ที่ร้านแบ่งเป็น2โซน มีฝั่งสูบบุหรี่ได้ และไม่สูบบุหรี่ ห่างกันชัดเจน คนที่นี่เรียก
ไอศกรีมพาร์เฟ่ท์ว่า ไอศกรีมซันเดย์ ก็แล้วแต่จะเรียกเนอะ ทรายก็ไม่รู้ว่ามันมี
ความแตกต่างกันยังไง เอาเป็นว่านักท่องเที่ยวแบบเราๆ แค่เห็นก็น้ำลายหก
จะไอติมอะไรก็เอามาเถอะ 555 ราคาต่อเมนูจะอยู่ที่ประมาณ 1,xxx เยน up+ นะคะ
เรียกได้ว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง สำหรับทรายที่สั่งรายการตามรูปเมนู แล้วได้ออกมา
เหมือนในรูปแทบไม่แตกต่าง (ลองเป็นบ้านเราสิ 5555) ความสวยกับรสชาติไปใน
ทิศทางเดียวกันอย่างลงตัว คุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปจริงๆนะ


 photo f2_zps365cfc5b.jpg



เมนูเค้าจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาลด้วยนะ ผลไม้ที่ใช้ก็เหมือนกัน แต่ว่าทุกอย่าง
ถ้านักท่องเที่ยวที่อ่านไม่ได้แบบเราไปจิ้มๆชี้ๆตามรูปเมนู ไม่ต้องกังวลเลย รับรองว่า
ออกมาตามแบบแน่ๆ อันนี้ให้ดูเมนูสำหรับ Winter 2012ที่ทรายไปกินมา ฟินน์เวอร์!!!


 photo englishchina_zpsd4ab6a77.jpg



มีให้ดูแบบวีดีโอด้วยนะ แต่ว่าเป็นลิงค์จาก Socialcamจ้า



ทรายไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาเขียนบล็อกถึง แต่พอดีมีคนถามเยอะก็เลยหยิบรูปที่ถ่ายไว้
ด้วยไอแพดและคลิปที่ถ่ายเล่นๆมาประกอบบทความ ดังนั้นถ้ามันไม่ชัด ไม่เคลียร์
ไม่มีหน้าร้านให้ดู ไม่มีดิสเพลย์เมนูให้เห็น ก็นี่แหละเหตุผลนะคะ ใครมีโอกาสได้ไป
เดินเที่ยวชิบุยะ ก็อย่าลืมแวะไปลอง แล้วจะติดใจถอนตัวไม่ขึ้น เตือนแล้วนะฮะฮ่า~


วิธีการเดินทางค่ะ :


Nishimura Fruit Parlor Map photo 3834397x429_zps53614eaf.png

อยู่ห่างจากสถานีชิบุยะแค่1นาทีเดินเท้า ข้ามถนนมาก็เจอค่ะ ออกทางออก Hachiko
จากนั้นเดินข้ามทางแยกใหญ่มามุ่งตรงมาที่สตาร์บัคใหญ่ๆจากนั้นเดินไปทางซ้าย ตึกจะอยู่
ทางขวามือของเรา มองหาร้านผลไม้ดูหรูๆสวยๆ แล้วก็ดิสเพลย์ขนมไว้นะ หาง่ายมาก

-JR, Toyoko, Inokashira, Subway Line(s)
-Nishimura Bldg. 2F, 22-2 Udagawacho, Shibuya, Tokyo 150-0042

มีสาขาอื่นที่ไหนบ้าง? ทรายไม่ทราบอ่านไม่ออกลองหาข้อมูลทางอื่นดูนะคะ





Disclaimer : ไม่มีสปอนเซอร์ค่ะ
Information : //www.snfruits.com







 

Create Date : 25 มีนาคม 2556    
Last Update : 25 มีนาคม 2556 13:45:46 น.
Counter : 9223 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  

feonalita
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 908 คน [?]




 photo icon_facebook_48_zpsb497412b.png photo icon_instagram_48_zps84436242.png photo icon_youtube_48_zpsfc801391.png photo icon_twitter_48_zps6e17cf8d.png photo icon_pinterest_48_zps16047ffb.png

FEONALITA: Beauty & LifeStyle Blog✰
คำว่า"สวย"ของแต่ละคน มีคุณค่าไม่เท่ากัน
∙•The Beauty of an Individual◀•∙

บล็อคนี้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 22-11-2006 ค่ะ

feonalita@gmail.com feonalita@gmail.com





Golden Rose Liquid Matte Lipstick “London
“Citra THREE 4D-Plus Eye Palette พาเลทอายแชโดวซัมเมอร์ครบทุกสี
Canmake New Collection ฟรุ้งฟริ้งหลายสิ่งน่ารักจากญี่ปุ่น Winged Liner & Chocolate Lips Inspired by Kylie Jenner
No 7 Matte Lip Crayon & Precision Lips Pencil 9สี LANCOME Juicy Shaker Full Collection










New Comments
Friends' blogs
[Add feonalita's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.