Review: Biotherm Life Plankton™ Essenceให้แพลงตอนชอนไชบนผิวกันเถอะ! สวัสดีค่าบล็อกวันนี้ทรายจะมาพูดถึงสกินแคร์ตัวใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Biotherm ที่เพิ่งวาง จำหน่ายไปไม่นานนี้ค่ะ ชื่อว่า Life Plankton™ Essenceค่ะ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหัวใจหลัก ของแบรนด์Biothermคือ ส่วนผสมที่ได้จากจุลินทรีย์จากบ่อน้ำพุร้อนกลางเทือกเขาพีเรนีส ซึ่งมีอยู่ในทุกสูตรของผลิตภัณฑ์ไบโอเธิร์ม และเจ้า Life Plankton™ Essence พิเศษกว่า ตัวอื่นๆที่ไบโอเธิร์มเคยวางขายตรงไหน? มันอยู่ตรงที่นี่เป็นEssenceที่มีส่วนผสมของ Life Plankton™ อยู่ถึง5% ซึ่งมากที่สุดแล้ว ตั้งแต่ที่แบรนด์เคยทำมา ที่สำคัญEssenceตัวนี้ไบโอเธิร์มยังเคลมว่า ใช้ตัวนี้แล้วจะรู้สึก ได้เลยว่า “ผิวเด็กลง 3 ปีใน 8วัน” โอ้โหวววว อะไรจะขนาดนั้น!!! ปกติทรายเป็นคนที่จะไม่ ค่อยรับงานรีวิวสกินแคร์นะคะ เพื่อนๆที่ตามอยู่ก็คงทราบกันดีว่าจะมาแนะนำบอกข่าวแต่ ว่าจะไม่ทดลอง ยกเว้นในแบรนด์ที่เคยใช้ หรือโปรดักส์ที่ตัวเองอ่านแล้วสนใจอยากลอง ตัวนี้แจ็คพอตค่ะ อยากลองมากกก เมื่อก่อนเคยใช้ตัว Aquasource ของเค้า และปัจจุบัน ก็ยังใช้โฟมล้างหน้าของ Biothermอยู่ ดังนั้นLife Plankton™ Essenceตัวนี้ จากที่ตกลง กันกับแบรนด์ว่าไม่ลอง มันอดใจไม่ได้จริงๆค่ะ ทั้งกระแสจากคนที่ได้ใช้แล้วในบ้านเรา และจากบล็อกเกอร์เอเชียที่ทรายตามๆอยู่ ก็ฮือฮากันมากกก เรื่องตกเทรนด์นี่ยอมไม่ได้เลย Life Plankton™ Essence ตัวนี้เป็นสกินแคร์ที่ให้ใช้เป็นตัวแรกสุดหลังจากที่เราล้างหน้าเสร็จ เช็ดให้แห้งแล้วตบเข้าไปเลยค่ะ ทรายใช้วิธีเทลงบนฝ่ามือประมาณเหรียญ5บาท จากนั้นตบลง บนผิวหน้าของเราเบาๆ ทรายเป็นคนชอบทาคอด้วย ก็อยากแนะนำให้ทาเหมือนกันนะคะเพราะว่า เดี๋ยวตอนแก่ๆไปผิวที่คอเราจะเหี่ยวไปก่อนหน้า ต้องช่วยกันชะลอค่ะ ตัวนี้มองจากขวดเราจะเห็นเหมือนมีประกายสีเทาๆอะไรสักอย่างอยู่ในน้ำด้วย ถ้าไม่ลองเทออกมา จะไม่รู้เลยนะคะว่าน้ำมันไม่ได้ใสๆเหลวๆเหมือนน้ำตบทั่วไปของหลายๆแบรนด์ Life Plankton™ Essenceตัวนี้มีลักษณะน้ำสีออกขุ่นและมีความหนืดเล็กน้อยค่ะ ตบลงบนผิวจะรู้สึกเลยว่าผิวชุ่มชื้น ขึ้นทันที ใครที่ล้างหน้าแล้วผิวแห้งตึง ลงตัวนี้ไปเด้งกลับมาเลยทันที แล้วมันจะให้ความรู้สึกแบบ พอซึมลงผิวแล้วผิวเรานุ่มขึ้นสัมผัสได้เลยจริงๆไม่ได้โม้ ในครั้งแรกที่ทาเลยจริงๆ ตัวนี้ใช้ได้กับทุก สภาพผิวนะคะ ทุกเพศ และใช้ได้ทุกวันเช้า-เย็น (ทุกครั้งที่ล้างหน้า) มันจะมีกลิ่นที่ทรายรู้สึกว่าออก เป็นกลิ่นคาวนิดๆ จะว่าหอมก็หอมนะ จะว่าคาวก็คาว บอกไม่ถูก แต่ดมไปนานๆแล้วรู้สึกดี 5555 ทรายลองใช้ตัวนี้มาประมาณ2สัปดาห์แล้วค่ะ เพิ่งหดลงไปนิดเดียวเอง ขวดนึงจะมีอยู่ 125ml. ราคาอยู่ที่2,300บาท จริงๆทางไบโอเธิร์มเค้าบอกว่าหลังจากการใช้ครบ8วันตามที่เค้าเคลมแล้ว เราจะรู้สึกได้ถึง Skin Improvement 8 ประการนี้ (ผลจากผู้ทดลองใช้489รายในหลายการศึกษา) จริงๆผลการใช้ส่วนตัวก็ต้องบอกว่า เห็นและรู้สึกได้เกือบทั้งหมดที่เค้าว่ามานะคะ แต่ว่าทรายเอง นอกจากปรับเปลี่ยนสกินแคร์แล้ว ก่อนหน้าก็มีการทรีทเมนต์อื่นๆด้วย ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองผิวดีขึ้น ทรายหยุดให้วิตามินโดยตรงกับผิวมา2สัปดาห์แล้วเพื่อต้องการรู้ว่า ไบโอเธิร์มตัวนี้จะช่วยคงผิว ให้ทรายได้ไหม ก็อย่างที่เห็นในภาพนะคะ ทรายพอใจมากที่ใช้แล้วไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองเลย แล้วเหมือนมันช่วยเสริมกันกับสกินแคร์ตัวอื่นๆด้วย มันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างไปจากเดิม เรื่องรอยแดง ของผิวที่เกิดตามธรรมชาติดูลดลง ผิวดูแข็งแรงขึ้นแน่นขึ้น ไม่ค่อยเป็นอะไรมาก สิวหายไปเยอะด้วย ในรูปทรายเพิ่มหมดประจำเดือนหมาดๆเลยค่ะ ปกติสิวจะต้องระเบิดเป็นผดๆเต็มหน้า แต่นี่แบบมีแค่ เล็กน้อยเท่านั้น อาการผื่นแพ้ก็หายไป ทรายได้อ่านเอกสารของ Life Plankton™ Essence ตัวนี้เค้า บอกว่า Life Plankton™ 5%ที่เป็นส่วนผสมนั้น เป็นHealing Doseสามารถช่วยลดการระคายเคือง ของผิว และช่วยให้การสมานตัวของแผลเร็วขึ้น คือทรายรู้สึกจริงๆก่อนจะมาอ่านเอกสาร แล้วก็แบบ โอ้วววมิน่าละ แกะสิวแล้วมันหายไวจัง บล็อกนี้ทรายซูมผิวให้ดูสุดๆ ถ้าไม่นับว่าเกิดมารูขุมขนเบิกบาน อยู่แล้วก็ถือว่าผิวทรายดีขึ้นเยอะเลยนะ มันประกอบๆกันหลายๆส่วนทำให้เกิดผลนี้ คือดีใจที่ได้เจอ สกินแคร์ที่ใช้แล้วไม่แพ้และรู้สึกดี เอาจริงๆแล้วทรายก็ไม่รู้จะเขียนอะไรมาก เพราะสกินแคร์มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากๆ ผิวแต่ละคน มันไม่เหมือนกันจริงๆ บล็อกนี้ก็ถือว่าทรายมาแนะนำให้รู้จักกับอีก1โปรดักส์ที่ได้ลองใช้จริง และ ก็รู้สึกชอบจริงๆ ใครที่กำลังมองหาโปรดักส์แนวๆนี้ก็ลองไปเทสดูนะคะวางขายแล้วเรียบร้อย ps: แถมวิธีพลิกแพลงใช้เล็กๆใช้เป็นมาส์กก็ได้ เพื่อนๆสามารถซื้อแผ่นทิชชู่มาส์ก หรือสำลีมาส์ก แล้วนำมาหยดเจ้า Life Plankton™ Essence ให้ชุ่มจากนั้นมาส์กไว้บนผิว 10-15นาทีไม่ต้องล้างออกนะ Disclaimer: Sponsored Content by Biotherm Information: //www.biotherm-thai.com   Create Date : 27 พฤษภาคม 2557     Last Update : 27 พฤษภาคม 2557 0:14:26 น. Counter : 72552 Pageviews.   23 comment Share Tweet

[Beauty Update]: Dermaction Plus Cleansing Water ระดับพรีเมียมใหม่ล่าสุด3สูตรจากวัตสัน วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับโปรดักส์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าไทย กับคลีนซิ่งสูตรน้ำ จากแบรนด์พรีเมียมของวัตสัน Dermaction Plusค่ะ มีด้วยกัน3สูตรแต่ละสูตร เหมาะกับใครและมีอะไรพิเศษนั้น ติดตามดูได้ในคลิปนะคะ Disclaimer: Sponsored Content by Dermaction Plus Information: //bit.ly/1hkLAk9   Create Date : 03 พฤษภาคม 2557     Last Update : 3 พฤษภาคม 2557 13:15:31 น. Counter : 6466 Pageviews.   4 comment Share Tweet

Review: NIVEA Sun Instant Whitening & Smooth Serum SPF50 กันแดดสูตรเซรั่มพร้อมเมคอัพเบสสำหรับผิวหน้า บล็อกนี้ยังคงต่อเนื่องกับโปรดักส์ออกใหม่ของนีเวียสำหรับหน้าร้อนนี้นะคะ ตัวนี้ต้องบอกว่า พิเศษเพราะว่าใหม่ล่าสุดจริงๆ เพิ่งเปิดตัวรอบสื่อไปไม่กี่วันนี้เองค่ะ เป็นโปรดักส์กันแดดที่ ออกแบบมาสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ 3 ตัวด้วยกัน แต่ขอแอบอวดนิดนึงว่าทรายเองได้รับ โปรดักส์ทั้งหมดนี้มาก่อนหน้าที่จะออกสื่อซะอีก แอร๊ยยยย >////< คือทางทีมนีเวียเค้าให้ ทรายมาทดลองใช้เป็นเดือนแล้วค่ะ เพื่อที่จะทำความคุ้นเคยและเขียนออกมาให้เพื่อนๆอ่านกัน โปรดักส์ทั้งหมดมี3ตัว แต่แบ่งออกเป็น2กลุ่มนะคะ โดยที่ทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติหลักๆเหมือนกัน คือ พัฒนามาเพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดด รังสีUVB และUVA โดยสามารถครอบคลุมได้ถึง รังสี UVA1 ซึ่งเป็นช่วงกว้างที่สุดและสามารถทำร้ายผิวของเราได้ลึกที่สุดค่ะ โดยเทคโนโลยีนี้ ทางนีเวียเค้าเรียกว่า Ultra Deep UVA1 Protection โดยที่มีค่าSPFถึง50 ทางนีเวียเคลมว่า ในตลาดกันแดดที่เป็นแมส กลุ่มโปรดักส์ประเภทเดียวกันของบ้านเราตอนนี้ NIVEA มีค่าSPF สูงสุดแล้วค่ะ นอกจากนี้ก็ยังม่ีในเรื่องของการบำรุงผิวให้ยังคงความชุ่มชื้นไว้ได้ และอีก1จุดขายที่น่าสนใจคือ ทั้ง3ตัวมีส่วนผสมของเมคอัพเบสด้วย นอกจากจะกันแดดแล้ว ยังช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนแต่งหน้า เป็นเมคอัพเบสไปเลยในตัว และด้วยเทคโนโลยี Light Texture ที่ถูกสร้างให้มีอนุภาคเล็กขนาดไมโคร ก็เลยทำให้กันแดดทั้ง3ตัวนี้ ซึบเร็ว เบา สบาย ไม่เหนอะและไม่ทำให้หน้าเทาหรือลอย เพื่อให้ใช้ได้ทุกวันไม่ว่าจะแต่งหน้าจัดเต็ม หรือวันสบายๆได้ทุกโอกาส ซึ่งตรงนี้ทรายเห็นด้วยจริงๆว่าใช้แล้วรู้สึกสบายผิว ทิ้งความคิดเก่าๆ เกี่ยวกับกันแดดผิวหน้าของนีเวียไปเลยค่ะ ทรายขอพูดถึงตัวกระปุกเล็กๆป้อมๆก่อนนะคะ ทั้ง2ตัวนี้เป็นโลชั่นกันแดดสำหรับผิวหน้า สูตรMilk หรือน้ำนมนั่นเองค่ะ แต่แบ่งเป็น2สี คือ สีชมพู (Pink) และสีขาว (Glow) วิธีเลือกใช้ คือ - ใครอยากได้ผิวที่ดูกระจ่างใสอมชมพูให้เลือก NIVEA SUN Whitening Perfect Protecting Milk Pink Serum SPF50 PA+++ - ใครที่ต้องการให้ผิวเป็นธรรมชาติดูไม่หมองคล้ำให้เลือก NIVEA SUN Whitening Perfect Protecting Milk Glow Serum SPF50 PA++ แต่เอาเข้าจริงๆนะ ก็เหมือนกับเลือกตามอันเดอร์โทนเราคือว่าผิวขาว-ขาวชมพูก็ใช้pink ผิวเหลือง-คล้ำก็สีขาว เพราะเวลาที่เกลี่ยเรียบร้อยแล้วมันไม่เห็นความต่างกันชัดเจนมาก มายอะไรหรอกค่ะ พูดจริงๆนะตามใจชอบเลย ตัวนี้ทรายให้ต้นไปใช้สีขาว ต้นเค้าชอบมาก คือผู้ชายเค้าจะกังวลเวลาทากันแดดว่าจะลอยไหม? วอกไหม? แล้วจะเป็นคราบไหม?เทาไหม? เนื่องจากผู้ชายส่วนใหญ่เหงื่อจะออกง่าย ทรายก็แบบว่าไม่รู้สิ อยากรู้ก็ลองเอาไปใช้ดู ใช้แล้ว ก็บอกด้วยว่าเป็นไง หนูทดลองตัวแรกก็เลยเอาไปใช้ ไม่กี่สัปดาห์นางมาร้องว่าใช้หมดแล้ว ขออีก ... คือแบบ นี่ทาหน้าหรืออาบ? อ่อลืมไปนางหน้าใหญ่ พื้นที่หน้านางเยอะกว่าทราย55 สรุปก็คือต้นเค้าชอบค่ะ ไม่เกิดปัญหาที่เค้ากังวลนางให้สอบผ่าน *คือต้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทสกันแดดของทราย เพราะนางไปยิงเลเซอร์หน้าทุกเดือน ดังนั้น ผิวหน้านางจะต้องฉาบไปด้วยกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกวัน ไม่ว่าจะไปซื้อข้าวหน้าคอนโด หรือว่าจะไปไหนกับทราย แม้กระทั่งนางจะทำกับข้าว นางก็ทากันแดดเสมอ นางกลัวว่าไอร้อน จากเตาจะทำร้ายผิวของนาง -*- จริงๆถ้าไม่นับเรื่องดัดจริตเล็กๆ นางก็เป็นแบบอย่างที่ดีของ มนุษย์เลเซอร์ที่พึงกระทำนะคะ ขอปรบมือให้นางค่ะ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหนังหน้าทราย ดูแย่กว่าต้น ใครๆก็ทักว่าต้นผิวดีขึ้นมากในขณะที่หันมองหน้าทรายแล้วกรอกตาไปมา 5555 จบเรื่องของต้นค่ะ เม้าท์เยอะเดี๋ยวนางมีแฟนคลับ มาต่อกันที่เรื่องของทรายบ้าง ทรายรับ หน้าที่ลองตัวหลอดยาวๆเองค่ะ (สั้น-ยาวคือโปรดักส์เดียวกันนะคนละไซส์เฉยๆ) ตัวนี้ชื่อ NIVEA Sun Perfect Protect Instant Whitening & Smooth Serum SPF 50 PA+++ ชื่อจะยาวไปไหนกันคร๊าบบบบ ตัวนี้ความแตกต่างคือเป็นสูตรเนื้อเซรั่ม เวลาใช้มันจะให้ ความรู้สึกถึงการปรับสีผิวได้ชัดเจนกว่าตัวสูตรmilk แต่ไม่ได้หนาไปกว่ากันนะคะ เบามาก เกลี่ยแล้วกลืนหายไปเลยกับผิว ซึมเร็วมากแล้วก็ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะใดๆทั้งสิ้นไว้บนผิว ทรายพูดจริงๆนะว่าไม่ได้คาดหวังเลยเพราะกันแดดส่วนใหญ่ทาไปแล้วเราก็จะรู้สึกว่ามันคือ กันแดดที่สัมผัสผิวหน้าเรา บางตัวทาไปแล้วพอลงรองพื้นต่อขึ้นเป็นขี้ไคลซะงั้น แต่ตัวนี้อ่ะ เหมือนทาครีมบำรุงมากกว่า เบาสบายผิว ซึ่งเป็นความประทับใจนึงที่อยากบอกต่อว่า วันนี้นีเวียทำได้แล้วค่ะ และทำได้ดีด้วย Ps1.ปกติทรายเป็นคนที่ชอบทากันแดดในวันที่ไม่แต่งหน้า ก็จะขอทาไว้เสมอเพราะรู้สึกว่ามัน ดีกว่าปล่อยหน้าสดๆไปเจอมลพิษนอกบ้านอ่ะ ลองของทีไรกลับมาหน้าแหกทุกทีเลย ดังนั้นในวันที่ทรายหน้าสด จริงๆมันไม่สดหรอกมันมีกันแดดอยู่ไว้หลอกตาว่าผิวสวยนิดๆอิอิ ตัวทรายเองเป็นคนไม่ออกแดดอยู่แล้ว อย่างที่เพื่อนๆเห็นในชีวิตประจำวันของทราย ดังนั้นในบทความนี้ก็จะไม่มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการออกแดดแน่นอน ต้องขออภัยสำหรับใครที่อยากท้าพิสูจน์เรื่องนี้ แนะนำให้ซื้อมาทดลองเลยค่า 55555 ทรายคิดว่าด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้หลายคนที่รักสวยรักงาม ก็ตระหนักกันดีอยู่แล้ว ว่ากันแดดจำเป็นมากแค่ไหนกับผิวของเรา เหมือนเป็น1ในขั้นตอนประทินผิวที่เราทำกัน เป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับใครที่ยังไม่เริ่มเลย ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ เสียเงินร้อยสองร้อย หมั่นใช้ให้เป็นกิจวัตร ดีกว่าต้องไปเสียเงินรักษาริ้วรอยก่อนวัย ฝ้ากระ จุดด่างดำต่างๆที่ จะเกิดในภายหลังเพราะได้รับรังสีUVสะสมมากจนเกินไป โดยเฉพาะเด็กๆป้าขอเตือน55 พอเลย25แล้ว เอาช้างมาฉุดมันก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่กับเรานะคะความกระจ่างใส เต่งตึงเนี่ย ก็ฝากไว้แล้วกันนะคะ ถ้าใครกำลังมองหากันแดดที่ราคาน่ารัก หาซื้อง่าย และเนื้อดีงาม พี่ฟิแนะนำเจ้านีเวีย3ตัวนี้ไว้ให้ลองพิจารณาค่ะ Ps2. หน้าพี่ฟิช่วงนี้แหกนะคะเนื่องจากไปลองของเกาหลีมา หายซ่าเลยจ้า ยับเยินเลยทีเดียว ไม่เกี่ยวกับนีเวียแต่อย่างใดฮะ เจ้านี่ใช้เกือบเดือนแล้ว สบายๆ Disclaimer: Sponsored Content by NIVEA Information: //www.nivea.co.th UVA1 Information: https://www.youtube.com/watch?v=4LFA6x4o8a0   Create Date : 21 มีนาคม 2557     Last Update : 21 มีนาคม 2557 19:13:44 น. Counter : 13660 Pageviews.   1 comment Share Tweet

[Beauty Update]: NIVEA Skin Therapy Serum เซรั่มกันแดดสำหรับผิวคล้ำเสียง่าย ออกแดดบ่อยมาก บล็อกวันนี้ขออัพเดตโปรดักส์ใหม่ๆสำหรับหน้าร้อนในวงการบำรุงผิวกายจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง นีเวียกันหน่อยค่ะ โปรดักส์ตัวนี้มีชื่อเต็มๆว่า NIVEA Extra Whitening Skin Therapy Serum SPF 33 PA+++ ค่ะ โปรดักส์ตัวนี้เค้าทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ของคนที่มีผิวคล้ำเสียง่าย และต้องออกแดดบ่อยมากๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยไลฟ์สไตล์แบบนั้นแต่ก็ยังต้องการที่จะบำรุงดูแล ผิวพรรณของตัวเองให้ดูไม่คล้ำเสีย กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอกัน ใครรู้ตัวว่าตัวเองมีปัญหาแบบนี้ วันนี้แนะนำว่าต้องอ่านให้จบนะ เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้บอดี้เซรั่มจ้า เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้ว่าตัวเองโดนแดด แต่ยังไม่เข้าใจนักว่า รังสีUVA/ UVB คืออะไร?  แล้วจะได้รับรังสีนี้ผ่านทางไหนบ้าง? วันนี้ทรายจะขอให้ข้อมูลที่ทรายรวบรวมมาเล็กน้อยค่ะ รังสี UV คือ คลื่นความถี่ของพลังงานที่ถูกส่งมาจากดวงอาทิตย์ค่ะ และส่องลงมาถึงพื้นโลก โดยที่ไม่ถูกชั้นบรรยากาศซึบซับไว้ รังสี UVA คือ รังสีที่มีช่วงคลื่นยาว แต่มีพลังงานต่ำ ผลของการได้รับ UVAมากๆ จะทำให้ผิวหนัง ของเรามีสีคล้ำ แดง รังสีUVAนี้เราจะพบได้ตลอดในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม มันจะลงเข้าไปถึงชั้นผิว รังสีนี้แหละค่ะ ที่เป็นบ่อเกิดและเป็นต้นเหตุสำคัญของผิวคล้ำเสีย ร่วงโรย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียน ผิวแก่ก่อนวัย ลองสังเกตุคนที่ทำงาน กลางแจ้งเป็นประจำ คนเหล่านี้จะมี ผิวหยาบกร้านและดูแก่กว่าวัยมากกว่าคนที่ใช้ชีวิตในร่มค่ะ รังสี UVB คือ รังสีที่มีช่วงคลื่นสั้น แต่มีพลังงานสูง รังสีตัวนี้หากได้รับมากๆจะทำให้เกิดการไหม้ เบิร์นบนผิว ผิวมีการบวมแดง พุพอง รังสีUVBนี้หากได้รับติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะ ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ การที่เราผิวคล้ำแดด แดง บวม ลอกเป็นแผ่นๆ เวลาไปเที่ยวกลางแจ้ง เช่นไปทะเล ก็เพราะรังสีUVBนี่เอง และรังสีนี้แหละค่ะที่เป็นต้นเหตุของจุดด่างดำ ฝ้า กระ บนผิว ง่ายๆเลยนะคะ UVA มีผลโดยตรงต่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเรา ทำให้เราแก่ เหี่ยว  มีริ้วรอยก่อนวัย ผิวคล้ำเสีย ไม่เรียบเนียน ส่วน UVB มีผลต่อการผลิตเม็ดสีผิวหรือ เมลานินำให้ผิวหมองคล้ำ ไหม้เกรียม เกิดจุดด่างดำ รวมถึงมะเร็งผิวหนังในระยะยาว เห็นไหมคะ? ไม่ว่าจะรังสีไหนก็ล้วนแต่น่ากลัวทั้งนั้น!!! ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะตัดขาดมันได้อย่าง ถาวร ก็ต้องคอยหลบเลี่ยงให้ได้มากที่สุด อย่างที่เราๆทำกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะ หลบแดด หรือว่า ทากันแดด แต่นั่นคือการป้องกันภายนอก สิ่งที่นีเวียนำเสนอผ่าน นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์เทนนิ่ง สกิน เธอราพี เซรั่มตัวนี้ คือ 1.การปกป้องสูงสุดด้วย SPF 33 PA +++ ซึ่งตอนนี้ในกลุ่มบอดี้ ไวท์เทนนิ่งเซรั่มที่สามารถปกป้อง ได้ทั้ง UVAและUVB (Broad Spectrum)ในบ้านเรา นีเวียตัวนี้มีค่าSPFสูงที่สุดค่ะ 2.มีส่วนผสมของวิตามินซีบริสุทธิ์ 95% และเทคโนโลยีเฉพาะของเค้า 10X Whitening ช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวคล้ำเสียที่เห็นชัดภายนอก ชะลอการก่อตัวของปัญหาผิวคล้ำเสียจากภายใน ตัวทรายเองได้รับโปรดักส์สำหรับ PR มาจากทางนีเวียก็แอบลองใช้แล้วบ้างเล็กน้อย แต่ก็ต้อง ขอสารภาพว่า ส่วนตัวไม่ใช่คนที่ออกแดดเยอะ แทบจะไม่เจอแดดเลยดีกว่า 555 ทรายผิวค่อน ข้างขาวมาก มันไวกับแดด จึงเป็นอะไรที่ไม่ชอบเลยตั้งแต่เด็กอยู่แล้วไม่ชอบความเจ็บปวดแสบ ปวดร้อนบนผิวหลังออกแดด ขยาดแดดมาตั้งแต่เด็กๆว่างั้น แต่ก็ยังได้รับรังสียูวีจากไฟ จอคอม จากช่วงเวลาในที่ร่มอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ผิวไม่ค่อยเกิดดาเมจมาก ดังนั้นทรายคงไม่สามารถ ที่จะทดลองจนมาเปรียบเทียบอะไรได้ ถึงแม้ว่าข้อความโปรยของเค้าจะน่าพิสูจน์มากก็ตาม .. “ผิวดูกระจ่างใส ดูมีออร่า เห็นผลจริงใน14วัน!” ขอแนะนำอย่างเดียวละกันนะแฮ่ะๆ  ใครอยากทดลอง ลองแล้วมาบอกกันบ้างว่าเป็นยังไงนะ (ในมือทรายขนาด180ml 180บาทค่ะ) ส่วนตัวแล้วทรายต้องบอกว่า NIVEA Skin Therapy Serum ตัวนี้เป็นสูตรสำเร็จของการเป็น ทั้งกันแดดและเซรั่มบำรุงผิวไปในตัว คือใครที่ขี้เกียจ ไม่ชอบทาซ้ำซากก็ใช้ตัวเดียวจบได้เลย ไม่ต้องมานั่งทาแยกว่า นี่โลชั่นนะ นี่กันแดดนะ เพราะว่าเนื้อเซรั่มนั้นเข้มข้นพอสมควรเลย ใช้นิดเดียวก็ทาได้ทั่วผิวแล้วค่ะ เวลาที่เห็นโปรดักส์พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วเค้าจะทำออกมาขายแบบออกสีขาวๆ ไว้หลอกว่าทาแล้ว ผิวขาวขึ้นในทันที มีส่วนผสมของกันแดดเยอะก็เลยดูหลอกๆเกาะอยู่บนผิว ตัวนี้ไม่ใช่นะคะ คือ ให้ความรู้สึกเหมือนทาครีมบำรุงผิวปกติเลย สำหรับทรายที่ผิวแห้งชอบทาโลชั่นบำรุงเยอะๆ อยู่แล้ว รู้สึกถูกจริตค่ะ ที่สำคัญคือมันไม่เกาะอยู่บนผิวแต่ซึมลงไป ก็เลยไม่เหนอะหนะดีค่ะ คำถามที่ต้องมีคนสงสัยเหมือนทราย ทรายเห็นว่ามันมีกันแดดสูงตอนแรกก็แอบคิดอยู่ว่าเอาไว้ ทาตอนกลางวันอย่างเดียวหรือเปล่า? จริงๆมันก็ไม่ตายตัวนะคะ คืออยากใช้ทั้งกลางวัน-กลางคืน ก็ทำได้ ระหว่างวันอยากจะทาเพิ่มอีกหลายๆรอบ ก็ทำได้เหมือนกันค่ะ ก็ฝากเอาไว้กับอีก1ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวกายในบ้านเรานะคะ รู้ถึงความน่ากลัวของแดดแล้ว ยิ่งอยู่ประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเราด้วย ห้ามลืมดูแลผิวกายเด็ดขาดนะคะ หน้าสวย ผิวตัวแย่ ความสวยของหน้าก็ไม่ช่วยอะไรน๊า พูดเลยจริงๆ Disclaimer: Sponsored Content by NIVEA Information: //www.nivea.co.th Information: https://www.facebook.com/NIVEAThailand   Create Date : 10 มีนาคม 2557     Last Update : 10 มีนาคม 2557 16:53:55 น. Counter : 5059 Pageviews.   2 comment Share Tweet

[Beauty Rescue]: เล่าประสบการณ์ทำiLasikแก้ไขปัญหาสายตา เหมือนเกิดใหม่อีกครั้งจริงๆนะ บล็อกวันนี้เป็นบล็อกที่เชื่อว่ามีหลายคนรออ่านอยู่แน่ๆ ทรายเขียนแล้วลบ เขียนแล้วแก้ อยู่หลายรอบมาก คือ ไม่รู้จะใช้วิธีเล่าแบบไหนดี ให้ออกมาแล้วสื่อได้ทั้งหมดที่อยากเล่า โดยที่ไม่งง และอ่านง่ายๆ ทรายเชื่อว่าใครก็ตามที่สนใจจะทำเลสิก ย่อมต้องมีการ เสิร์ชหาข้อมูลทางวิชาการมาแล้วบ้าง คงไม่อยากอ่านอะไรซ้ำซาก แต่อยากได้ประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นจริง จากคนที่ทำจริง เล่าให้ฟังมากกว่า ว่าตอนทำเป็นไง ทำเสร็จแล้วเป็นยังไง? สุดท้ายจากการแก้ไปแก้มา ทรายตัดสินใจเขียน เรียบเรียงใหม่หมดเล่าเป็นฉากๆตามนี้นะ จุดเริ่มต้น ทรายเป็นเด็กสายตาสั้นมาตั้งแต่สมัยมัธยมประมาณม.3ค่ะ ไม่ค่อยยอมใส่แว่น เพราะมันน่าอาย เพื่อนๆก็ไม่ค่อยใส่กัน ใครใส่ก็ดูเนิร์ด(เรียนสายวิทย์ด้วย) ดูไม่เก๋ ก็เลยอาศัยใส่คอนแท็คเลนส์ มาตลอด หลอกคนอื่นว่าเราปกติดีนะ จนถึงก่อนหน้าที่จะทำเลสิก มีแว่นนะคะ แต่จะใส่เฉพาะเวลา ที่ไม่มีใครเห็นคือ อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว คนที่เราเป็นเราได้โดยไม่ต้องอาย ไม่ต้องห่วงสวย ดังนั้นดวงตาของทรายจึงทำงานหนักมากมาตลอด (ทรายจบปริญญาตรีมา5ปีแล้วคิดดูสิกี่ปี55) จุดหักเห สายตาทรายแย่ลงเรื่อยๆค่ะ ทุกครั้งที่ตัดแว่นใหม่ คุณหมอจะคอยตัดเตือนตลอดให้เลิกใส่ คอนแท็คเลนส์ ใส่แว่นดีกว่า ค่าสายตาเสถียรและตรงกับตาคุณมากกว่า เชื่อคุณหมอ แต่ว่า ทรายไม่สามารถทำได้ ด้วยหน้าที่การงาน เราก็อยากสวย ก็ยังไม่หย่าขาดจากเลนส์ ทีนี้สิ่งที่ มันทำให้รู้สึกแย่มากๆจนตัดสินใจหาข้อมูลเพื่อจะทำเลสิก คือ ทรายขับรถตอนกลางคืนไม่ได้แล้ว เพราะทรายมองไม่เห็นถึงแม้จะใส่คอนแท็คเลนส์ที่มองชัดเจนในเวลากลางวันก็ตาม แสงมันแตก ภาพมันมัว จนกะระยะไม่ถูก เห็นแต่แสงเป็นดวงๆเต็มถนนไปหมด ชีวิตลำบากมากขึ้นเมื่อไม่มี ใครช่วยขับรถให้ หรือต้องไปไหนคนเดียวกลางคืน นอกจากนั้นคงไม่ต้องเล่าว่า เวลาไม่ใส่เลนส์ ชีวิตแย่ขนาดไหน คือมองอะไรไม่เห็นเลย ต้องใกล้ระยะ 1ไม้บรรทัดเท่านั้น ที่เหลือคือมัว งง ก่อนการตัดสินใจว่า เอาวะ!!! จะทำเลสิกให้ได้ มันมีการตักเตือนอีกครั้งจากคนที่วัดสายตาตัด แว่นให้ (ตัดรพ.) เค้าถามว่าใช้ชีวิตได้หรอ? ทุกๆวันปกติดีไหม? เพราะค่าสายตาเราแย่มากเลยนะ ทรายก็มานั่งพิจารณาดู เออก็จริงของเค้า เราใช้ชีวิตได้ไงวะ หรือว่านี่จะเป็นอีกสาเหตุที่เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว ปวดตาอยู่บ่อยๆ ค่าสายตาที่แสนจะแย่ ก่อนการทำเลสิก จะต้องมีการวัดสายตาอย่างละเอียดค่ะ รวมถึงตรวจสุขภาพตาว่าพร้อมหรือไม่ สามารถทำเลสิกได้ไหม? โดยทรายตรวจวัดทั้งหมดที่ Supreme iLasik เค้ารวมอยู่ในแพ็คเกจค่ะ ผลที่ออกมาคือ ทรายสายตา2ข้าง ไม่มีอะไรเท่ากันเลย แย่มากๆ ตาขวาสั้น 350 เอียง250 ตาซ้ายสั้น 500 เอียง 100 ค่าสายตาอาจจะไม่ได้มากจนเป็นพัน แต่คนที่สายตาสั้นเหมือนกันคงรู้นะคะว่ามันทรมาณ ขนาดไหน เหมือนคนตาบอดขนาดไหน เวลาที่สั้นขนาดนี้ แล้วยังเอียงขนาดนี้อีก แถมสองข้าง ยังไม่เท่ากันอีก ทั้งหมดนี้คือ ผลจากการที่ทรายไม่รู้จักดูแลดวงตาตัวเองตั้งแต่เด็ก ห่วงสวย เรื่องน่ายินดี ระหว่างที่ทรายเสิร์ชหาสถานที่ทำเลสิกดีๆในไทย คือดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางและมีค่ามาก จะทำอะไรทั้งที ถ้าไม่ดีที่สุดทรายก็ไม่อยากเสี่ยง ก็ถามคนนั้นคนนี้ ถามเพื่อนๆพี่ๆในเพจ ขอรู้ ประสบการณ์ของเค้า ทำอะไรที่ไหนอย่างไรกัน สุดท้ายก็มีพี่ที่เคารพท่านนึงแนะนำให้รู้จักกับ ศูนย์ Supreme iLasik และทางนั้นเค้าก็ต้องการเป็นสปอนเซอร์ในการรักษาทราย ตอนแรก ทรายยังไม่ตกลง ถึงแม้จะฟรี และดีใจมากก็ตาม ยังไงก็ต้องขอรู้ข้อมูลทุกอย่างของเค้าก่อนที่ จะตกลงเอาตัวไปเสี่ยงใดๆ อุปกรณ์ วิธีการ ทีมแพทย์ สถานที่ จนมั่นใจแล้วว่า ที่นี่ดีกว่าที่อื่น ถึงตกลง ที่บอกว่าดีกว่าเพราะวิธีการทำเลสิกที่ทรายเลือก ทรายเลือกแบบเลเซอร์ทั้งหมดคือ จะไม่ใช้คนในการผ่าตัดเลย เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ลงมือผ่า โดยใช้เลเซอร์ทั้งหมด เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องกังวลมากเหมือนวิธีการที่ผ่าโดยใช้ใบมีดเฉือนโดย มือคุณหมอ คือทรายอยากให้แผลเล็กที่สุด หายเร็วที่สุด และเสถียรในขั้นตอนการทำที่สุด คือไม่ใช่ว่าผ่าเปิดด้วยมือคุณหมอไม่ดี ดีค่ะ ราคาถูกกว่าเยอะมากด้วย วิธีการผ่าแบบนี้จะอยู่ ที่ประมาณ 5X,XXX บาท แต่ว่าวิธีการใช่คอมพิวเตอร์ และเลเซอร์ในการผ่าเปิดมันจะแม่นยำกว่า ลดความเสี่ยงอื่นๆได้มากกว่า แต่ก็แน่นอนว่ามันแพงกว่า ราคาที่นี่อยู่ที่ 140,000บาทค่ะ (ปกติ) แนะนำให้ติดตามดูโปรโมชั่นนะคะ (มีส่วนลดบ่อยๆค่า) จริงๆเพื่อนๆคงจะพอทราบว่าในไทยการทำLasik ด้วยเลเซอร์ทั้งหมดมีหลายที่ แต่สิ่งที่หลายคน ไม่รู้ก็คือ ระบบการวางเครื่อง ทรายไปไล่ถามจนรู้มาว่าทำไม Supreme iLasik ถึงมั่นใจนักว่า ตัวเองดีกว่าที่อื่น คือเค้าเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในไทยของเจ้าเครื่องiLasik แต่ถ้าเพื่อนๆเคยเห็นรูป มันจะมีด้วยกันหลายตัวในชุดอุปกรณ์ ที่นี่ใช้อุปกรณ์ชุดเดียวกันทั้งหมด คือตัวเครื่องและอุปกรณ์ ทั้งหมดมาจากบริษัทเดียวกัน ไม่มีการคัสตอมแบบ เครื่องอันนี้ใช้ยี่ห้อนึง เครื่องอีกตัวใช้อีกยี่ห้อนึง แล้วค่อยมาจอยกัน ไม่ใช่ ที่นี่เป็นระบบเดียวกันทั้งหมด ในไทยมีแค่ 2 ที่ที่วางระบบนี้คือ ที่นี่และ โรงพยาบาลศิริราชค่ะ คุณหมอและทีมแพทย์ของ Supreme iLasik เป็นทีมที่จบจากรามาฯ ทุกคน มีประสบการณ์การทำงานมานาน และเชี่ยวชาญจนถูกดึงตัวมาเป็นทีมที่Supreme iLasik และประจำ ที่นี่ที่เดียว และอีกเหตุผลทางเทคโนโลยีที่ดึงดูดให้ตัดสินยอมแขวนลูกกะตาไว้กับเค้าคือ เทคโนโลยีiLasik ของเค้าค่ะ (ขอก็อปแปะนะแฮ่ะๆ) - ตรวจวัดกระจกตาด้วยเครื่องสแกนแบบ Full HD ที่ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 1,257 px - ยกชั้นกระจกตาด้วย Bubble Hydro ที่แผ่วเบาและนุ่มนวล - ปรับผิวกระจกตาด้วย Multi 7 Laser ที่ให้ผลลัพท์แบบ Custom - Designed    (เฉพาะบุคคล) จึงมีความแม่นยำสูง - ได้รับการพิสูจน์ และ ยอมรับ จากองค์การ NASA เทคโนโลยี iLasik ที่ถือเป็นเทคโนโลยี่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วสหรัฐอเมริกา  เนื่องจากให้ประสิทธิภาพสูง ข้อผิดพลาดต่ำเพราะพึ่งพาคนน้อย (High Efficiency Technology,  Low Human Error) การตรวจวัดค่าดวงตาด้วยเครื่อง Wave Scan จะได้ค่าละเอียดกว่าการวัด ด้วยเครื่องมืออื่นๆ การฟื้นตัวที่รวดเร็วกว่าการรักษาด้วย Lasik แบบเดิม (Lasik แบบเดิมจะต้อง ปิดตา นอนพักประมาณ 1เดือน แต่ iLASiK จะใช้เวลาประมาณ 1-3วัน) ระบบ Lasik แบบเดิม จะใช้วิธี "เจียรนัยและขัดกระจกตาเพื่อแก้ปัญหาสายตา" แต่ iLASiK "จะใช้เลเซอร์ยิงเพื่อปรับ ค่าสายตา" จึงทำให้ระยะเวลาในการพื้นตัวของดวงตารวดเร็วกว่า Lasik แบบเดิม เตรียมตัวเตรียมใจ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพลังใจเกินร้อยจากเพื่อนในเพจค่ะ ที่ให้กำลังใจทราย บอกให้ทรายไม่ ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล และจำไว้เถิด ทำแล้วคุ้มค่าแน่นอน “เหมือนได้เกิดใหม่” ทรายท่องจำไว้ แม่นดังก้องในสมองตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว มีเรื่องเดียวคือ ภาวนา ให้การตรวจสุขภาพ ของดวงตา ผลออกมาดี และพร้อมที่จะรับการรักษาด้วยเถิดดดดด (ถ้าไม่พร้อมทำไม่ได้ค่ะ) เตรียมตัวก่อนทำเลสิก เค้าจะให้งดใส่คอนแท็คเลนส์อย่างน้อย7วันค่ะ ใส่ได้แต่แว่นเท่านั้น ถ้าใครใส่เลนส์แบบรายปี จะต้องงดใส่อย่างน้อย2สัปดาห์ก่อนวันนัดตรวจ ทำไมต้องทำ? เพราะการใส่เลนส์นานๆมันทำให้ ความโค้งของกระจกตาเราเปลี่ยน การงดใส่เป็นระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ความโค้งตามจริงของเรา กลับมาเข้าที่เข้าทาง ผลตรวจจะแม่นยำขึ้น ว่าเป็นค่าสายตาจริงของเรา สุขภาพตาจริงของเราค่ะ นอกจากนั้นหากเป็นไปได้ควรงดการเมคอัพบริเวณรอบดวงตาด้วยนะคะ และใส่แว่นกันแดดตลอด เวลาก่อนการตรวจ จริงๆคือใส่ให้ชินไปเลย เพราะก่อนทำหลังทำยังต้องใส่ไปอีกนานเลยค่ะ ยาวๆ วันนัดตรวจเราควรหาคนมาเป็นเพื่อนด้วยนะคะ เพราะเค้าจะมีการหยอดยาขยายรูม่านตา มันจะ ทำให้เราตาพล่าไปพักนึง อาจจะเดินทางกลับไม่สะดวก ระหว่างนี้หลังจากทราบผลแล้วหากทำได้ คุณหมอจะให้น้ำตาเทียมมาคอยหยอดปรับสภาพตา ให้พร้อมทำเลสิกตามนัดต่อไป ก็ทำตัวอย่างที่บอกด้านบนค่ะ เตรียมตัวขึ้นเขียง วันที่ทำเลสิก ทรายได้เอกสารมาอ่านว่าต้องทำตัวยังไงบ้าง? จะต้องอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย ใส่เสื้อถอดง่าย เอาแว่นกันแดดมาด้วย และไม่ต้องแต่งหน้าใดๆทั้งสิ้นนะคะ นอนหลับ กินอิ่ม สดชื่นมาบอกลาโลกเก่าๆของเรากัน ง่ายเนอะวิธีเตรียมตัว ไปวัดยังเยอะกว่านี้เลย อ่อ ห้ามลืม เอาแว่นตากันแดดมาในวันผ่าตัดด้วยนะคะ ตอนที่ทำเค้าจะมีห้องเตรียมตัวเราก่อน เจ้าหน้าที่และคุณหมอก็จะมาอธิบายขั้นตอนให้ฟังว่า ทำยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่ บลาๆๆ จุดนั้นบอกตรงๆว่าฟัง แต่ไม่ค่อยเข้าหัว ตื่นเต้น 555 ถึงจะรู้เยอะ อ่านมาเยอะ แต่แบบเห้ย วันจริงมันคือตัวเราที่อยู่ตรงนั้น ไม่รู้สิ ไม่กลัว แต่ตื่นเต้นมาก เปลี่ยนชุด ทำความสะอาด หยอดยา เตรียมพร้อมบอกลาโลกเก่ากัน ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีเชื่อไหม? คือเร็วมากจนทรายแบบว่า ห๊ะ? เสร็จแล้วหรอคะ? ไม่น่ากลัวเลย ตอนที่เปิดผิวตามันจะมีเครื่องดันลงมาที่กระบอกตา เหมือนให้ลูกตาเรานูนแบบหมาปั๊กมั้ง อันนั้น จะหนักประมาณ2ขีดกดทับลงมา นั่นคือขั้นตอนที่รู้สึกที่สุดแล้ว รู้สึกปวดหัว 5555 เพราะมันกด ไอ้ขั้นตอนที่ลำแสงผ่าเปิดผิวตา หรือทำการรักษาตา ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ แค่นอนจ้องแสงจุดๆ ที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อยๆ ข้างที่สั้นน้อยจะใช้เวลาเร็วมากของทรายรู้สึกจะข้างนึงไม่ถึง10วิ กับอีกข้าง สิบกว่าวิ แล้วคุณหมอก็บอกว่า โอเค เสร็จแล้วค่ะ ... ห๊ะ... !!! ลงจากเขียงได้แล้ว เชื่อไหมว่าลืมตามาปุ๊ป เราจะรู้สึกว่าโลกเราเปลี่ยนจริง แต่ยังมีหมอกจางๆขวางอยู่ เพราะว่า มันต้องรอให้แผลที่เปิดผิวตาสมานกันปิดสนิทเหมือนเดิมก่อน เราถึงจะเห็นภาพเคลียร์ขึ้น แต่ใน ความคิดเรา เราว่ามันชัดแล้วอ่ะ ชัดเกือบเท่าตอนใส่คอนแท็คเลนส์เลย แอบดีใจอยู่เบาๆ จากนั้น... เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ ดิฉันก็ต้องต่อสู้กับความปวด ตึง แน่หละ มันมีแผลที่ตานะ ลูกตา ที่เส้นประสาทเชื่อมกันไปหมด รีบกินยาแก้ปวด ทำทุกอย่างตามที่หมอสั่ง ห้ามล้างหน้า ต้องใส่ ที่ครอบตา และรีบนอนพักผ่อนเยอะๆ วิธีปฎิบัติตัว อุปกรณ์และยาต่างๆ เค้าจะจัดให้เรามาแบบ ไม้ต้องสอบถามอะไรมากมายเลย มีอธิบายพร้อมครบถ้วน หลับซะคนดี พรุ่งนี้โลกใหม่รอเธออยู่... วันแรก เป็นเช้าที่ตื่นเต้นมาก ลืมตามองผ่านพลาสติกครอบตาขุ่นๆ รู้สึกมึน งง ความปวดหน่วงหายไปแล้ว แกะพลาสติกครอบ เช็ดขี้ตา หยอดน้ำตาเทียม ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่... ชัด แต่ยังมีหมอกจางๆอยู่ แต่ว่า ชัดเว้ยเห้ยยยยยยย จากนั้นวันนี้ก็ไปให้คุณหมอดูอาการหลังทำ 1 วันค่ะ ที่นี่จะมีการนัดตรวจ เพื่ออัพเดตอาการแบบนี้ค่ะ 1 วันหลังทำ 7 วัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ1 ปี (รวมอยู่ในค่าใช้จ่าย) สัปดาห์ที่ 1 (7วัน) ใช้ชีวิตไม่ยาก ทำจมูกเจ็บปวดกว่ามาก บอกเลย!!! ห้ามแต่งหน้า ทาครีมได้ แต่ว่าไม่ให้ล้างหน้าด้วย น้ำประปา ให้ใช้น้ำเกลือขวดๆเทใส่สำลีเช็ดแทน (ผิวดีมากช่วงนั้น) ไปข้างนอกต้องใส่แว่นกันแดด คืออันนี้ไม่ต้องเตือนกันแล้ว มันจะอัตโนมัติเลย เพราะเราสู้แสงไม่ได้แน่ๆ อย่าเพิ่งเล่นคอม อย่าเพิ่ง อ่านหนังสือ หรือจ้องอะไรนานๆ อย่าพยายามเพ่ง (ทำไม่ได้หรอก มันต้องลองของแน่ๆ กร๊ากกกกก) เชื่อมะทรายแอบเล่นไอแพด แต่ต้องใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา แม้จะปิดไฟเล่นก็ตาม เพราะมันไม่สู้ แสงเลยจริงๆ แสงจ้ามากเราจะปวดตามาก ทำiLasikมันไม่ต้องพักนานนะคะ วันแรกหลังทำทรายก็ ออกไปสู่โลกกว้างได้แล้วอ่ะค่ะ เดินทางได้ ไปห้างได้ แบบใส่แว่นกันแดดไว้ เหมาะมากๆกับคนที่ต้อง ทำงานแล้วไม่สามารถลางานได้หลายวัน มันไม่ต้องพักเยอะ ลาสัก 2วันก็พอแล้ว ครบ7วันที่ทำมีนัด ตรวจกับคุณหมออีกครั้งเพื่ออัพเดตผลการรักษาค่ะ สัปดาห์ที่ 2 ทุกอย่างเคลียร์ ภาพชัดเจน บางทียังมีการปรับโฟกัสที่ทรายรู้สึกได้ บางวันมันจะชัดมาก บางวัน ก็เวียนหัว บางวันก็มัวๆ เหมือนเวลาเราปรับโฟกัสเลนส์กล้องแบบนั้นเลย แต่โอเคนะ ผ่านมันไปได้ ไม่ยากเย็น และก็มีความสุขดี บางทีก็ลืมว่าเราใส่คอนแท็คหรือเปล่า จะเดินไปถอดด้วยความชิน คิดแล้วก็ตลกตัวเอง อ่อทรายมีเส้นเลือดฝอยในตาแตกข้างนึง มันคงทนแรงดันตอนเปิดผิวตาไม่ไหว ก็จะเป็นตาแดงๆมีเลือดในตาขาว ประมาณ 3อาทิตย์จะหายเกลี้ยงค่ะ ระหว่างนั้นก็จะค่อยๆจาง ใส่แว่นกันแดดตลอดอยู่แล้วก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิต สัปดาห์ที่ 3-4 (หนึ่งเดือน) ทรายเริ่มใช้ชีวิตปกติ ใส่แว่นกันแดดบ้างไม่ใส่บ้าง ขับรถได้ กลางวันชัดมาก กลางคืนก็ชัด แต่ว่า จะยังมีปัญหาเรื่องแสงแตกพร่าอยู่ หมอบอกว่าต้องรอให้หายสนิทดีก่อน ครบ1เดือนก็มีการตรวจ ผลการรักษาอีกครั้งค่ะ แผลทรายสมานดี ไม่มีอาการใดๆแทรกซ้อน นอกจากว่า ต้องนอนเยอะๆ แล้วก็หมั่นหยอดน้ำตาเทียมที่คุณหมอแนะนำเพื่อให้ตาไม่แห้ง จากการตรวจล่าสุดคือ ผิวตาตรง กลางแห้งมากเป็นกระจุก คุณหมอกังวลว่าจะมีผลต่อค่าสายตาที่จะได้หลังทำ ปกติแล้วหลังทำเสร็จ ส่วนใหญ่คนไข้จะได้ค่าสายตาระดับ Super Vision กัน คือชัดยิ่งกว่าHD ในคนที่สุขภาพตาดีเป็นพื้นอยู่แล้วนะ สำหรับทราย ผ่านมาสามเดือนแล้ว ไม่ได้ชัดขนาดนั้น แต่ก็ชัด แบบที่พอใจมากแล้ว ไม่ได้อ่านชาร์ตวัดสายตาได้ครบทุกวัน แต่ก็อยู่ในระดับที่ดีกว่าที่เคยใส่คอนแท็ค เลนส์มาทั้งชีวิต คุณหมอบอกว่าสายตาทรายต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากว่าค่าสายตาต่างกันค่อน ข้างเยอะสองข้าง และทรายใส่คอนแท็คเลนส์มานานเกินไป ดวงตาอาจจะไม่ได้มีพื้นฐานดีเหมือนคน ที่เค้าไม่ค่อยใส่คอนแท็คเลนส์ ซึ่งทรายยอมรับได้นะ มันเป็นผลที่เกิดมาจากความสามารถของอวัยวะ ทรายเอง ตรงนี้โอเคกับมัน ไม่มีปัญหา ไม่ซีเรียส สัปดาห์ที่12 (3เดือน) โลกใหม่ของทราย ทรายปรับตัวและคุ้นเคยกับมันแล้วค่ะ รู้สึกขอบคุณที่มีคนให้โอกาสดีๆกับเรา มีคนให้กำลังใจ และคำแนะนำที่ดี จนทำให้ทรายมีวันนี้ นานแค่ไหนแล้วจำไม่ได้เลย ที่สามารถ มองเห็นด้วยตาตัวเองชัดเจน ไม่ผ่านเลนส์ใดๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตอีกเรื่องค่ะ ทำเลสิกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดกันนะคะ อย่าไปดูเลยไอ้วีดีโอขั้นตอนการทำ เพราะถึงเวลาทำจริง เราไม่เห็นหรอกค่ะ แทบยังไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ อ่าวเสร็จแล้ว!!! ใครลังเลอยู่ ทรายขอเป็นอีกเสียงที่ จะบอกคุณว่า หยุดลังเล ถ้าทำได้ทำเลยค่ะ ปัจจุบัน 8เดือน ล่าสุดไปตรวจสายตามา ข้างที่สั้น500ยังเหลือเอียง50อยู่ ส่วนสายตา2ข้างวัดได้ระดับ00แล้ว การมองเห็นปกติดีทุกอย่างทั้งกลางวัน-กลางคืน สู้แสงได้ปกติแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าทราย ทำงานกับคอม แล้วก็พักผ่อนน้อย มันทำให้มีปัญหาการฟื้นตัวช้า แล้วก็บางทีเห็นเส้นเลือด ฝอยในตาแดงๆเพราะดวงตาทำงานหนักแล้วแห้ง ให้กระพริบตาบ่อยๆ หมั่นหยอดน้ำตาเทียม แล้วก็ล้างเมคอัพ ล้างตาให้สะอาด บางทีเศษฝุ่นผงเมคอัพไปกวนตาขาว ทำให้เกิดเยื่อขุ่นๆ ขึ้นใกล้ๆตาดำ มันคือตาระคายเคืองอักเสบ คนที่ไม่ค่อยได้พบหมอ ก็จะไม่รู้ว่าเกิดอาการนี้ แล้วถ้าไม่หมั่นดูแลรักษา ต่อไปมันจะกลายเป็นต้อลมได้ ซึ่งคนไทยเป็นกันเยอะมากๆ อันนี้ ไม่เกี่ยวกับการทำเลสิก แต่เป็นความรู้ที่คุณหมอบอกระหว่างไปตรวจเช็คผล ก็อยากแบ่งปัน ให้ได้ทราบกันจ้า เพิ่มเติม *ค่าสายตาอาจจะกลับมาสั้นอีกได้ มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเรา การรักษาเหมือนการย้อนเวลา กลับไปที่จุดเริ่มต้นค่ะ ส่วนแก่ตัวไปอยากทำอีกทำได้ไหมต้องถามคุณหมอดูนะคะ รวมถึงคนที่สายตา ยาวด้วย มันมีหลายแบบยาวเพราะอายุ ยาวโดยกำเนิด อะไรงี้ให้คุณหมอดูว่ารักษาได้ไหมนะคะ ** หลังจากครบ1เดือนแล้ว สามารถใส่คอนแท็คเลนส์สีๆได้นะคะ ถ้าใครจำเป็นต้องใช้เกี่ยวกับงาน แต่ทรายขอเล่าว่า หลังจากคุณชินกับหน้าเดิมๆตัวเองแล้ว คุณจะหลงรักตัวเองไม่คิดถึงช่วงเวลาที่ ใส่คอนแท็คเลนส์อีกเลยค่ะ (แต่ทรายก็เริ่มใส่ถ่ายงานบ้างหลังจากครบ3เดือนค่ะ) *** แว่นกันแดดจำเป็นสำหรับการถนอมดวงตา ถ้าต้องออกแดดจ้าก็ใส่เถอะนะคะแล้วก็หมั่นหยอด น้ำตาเทียม แบบกระเปาะใช้แล้วทิ้งเลย เป็นแบบที่ดีและปลอดภัยที่สุดที่คุณหมอแนะนำค่ะ “โลกใหม่มีอยู่จริงนะ.. ทรายบอกได้แค่นี้ ที่เหลือคุณต้องพาตัวเองไปพบมันนะ” Disclaimer: Sponsored Content by Supreme iLasik Information: //www.supremeilasik.com Information: https://www.facebook.com/supremeilasik   Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2557     Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2557 2:16:30 น. Counter : 10011 Pageviews.   3 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com