Group Blog
 
All blogs
 

[Beauty Rescue] เล่าประสบการณ์ช็อคเซลส์ไขมันที่อุณหภูมิ-3°องศาด้วยนวัตกรรมFreeze Lipo




นวัตกรรม Freeze Lipo นี้อาจจะไม่ใช่นวัตกรรมที่ใหม่อะไรมากมายคือ มีอยู่พักใหญ่แล้ว

แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เป็นการกำจัดไขมันด้วยการใช้ความเย็นจัด เข้าไปช็อคมันแล้ว

เซลส์ไขมันเหล่านั้นจะถูกขับออกมาเองตามระบบขับถ่ายของเสียในร่างกายเรา


วิธีนี้ทำได้เฉพาะจุดค่ะตามขนาดหัวของเครื่อง และตามแต่คุณหมอจะวิเคราะห์ว่าไขมันเรา

พอที่จะสามารถใช้วิธีการนี้รักษาได้หรือไม่? ทรายเชื่อว่าเป็นวิธีที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินกัน

ผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนสงสัยว่า ถ้าจะเข้ารับการรักษาด้วยเจ้าเครื่องแบบนี้

จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนะ? เจ็บไหม? เสียวไหม? มีเลือดตกยางออกอะไรหรือเปล่า



วันนี้ทรายจะพาไปทำความรู้จักกันแบบละเอียดทุกขั้นตอน เห็นกันจะจะไม่กั๊ก

โดยมีคุณหมอจุ๋มจาก The Face Aesthetic Clinic เป็นผู้แนะนำค่ะ



Update:

หลังทำ 7 วัน รอยห้อเลือดหายสนิทแล้วนะคะ ไม่มีร่องรอยอะไรเหลือ

ไม่เจ็บผิว แล้วก็เริ่มเห็นส่วนของเอวที่เหมือนจะเล็กลงฝั่งที่ทำ คือยืนตัวตรงแล้ว

มีความเว้ากว่าอีกฝั่งที่ไม่ได้ทำน่ะค่ะ = ='อันนี้มีผู้ร่วมสังเกตด้วยนะ ปกติคือจะเป็น

คนที่หุ่นตรงเป็นกระบอกเลย - - มีเว้ามาถือว่าแปลก กรี๊ดดไขมันมันหายไปหรอ>///<

แต่ผลจริงคือต้อง2-4สัปดาห์ เอาไว้เราไปให้คุณหมอfollow upให้ใหม่ แล้วมาเล่าต่อ



--->อ่านเรื่องรักษารอยหลุมสิวด้วย นวัตกรรม FineScan6 คลิ๊กที่นี่ //bit.ly/YwB1Bw




Disclaimer: คลิปนี้ได้รับการสนับสนุนข้อมูลและการทดลองจากThe Face Aesthetic Clinicนะคะ

ค่าใช้จ่ายตามจริง รบกวนสอบถามกับทางคลีนิกเอง คร่าวๆแจ้งได้ว่า1จุดอยู่ที่ประมาณ4,000บาท/ครั้งค่ะ

Information: //www.thefaceaesthetic.com

Information: //www.facebook.com/thefaceclinic





 

Create Date : 18 เมษายน 2556    
Last Update : 18 เมษายน 2556 13:53:30 น.
Counter : 6387 Pageviews.  

Beauty Update: Fillerคางครั้งที่2ด้วยJuviderm

ทรายมาอัพเดตเรื่องสวยๆงามๆส่วนตัวค่ะ วันนี้มาฉีดสารเติมเต็มหรือที่เราเรียกกันว่า

ฟิลเลอร์ โดยทำที่คางเพิ่ม คือถ้าย้อนกลับไปเดือนกุมภาฯปีที่แล้ว จะเห็นวีดีโอที่
ทรายไปฉีดฟิลเลอร์คางครั้งแรกในชีวิตมา โดยคุณหมอคนเดิม และคลีนิกเดิม 
ผ่านไป1ปี1เดือนเต็ม มันก็มีการสลายไปเองตามธรรมชาติ ทรายก็เลยถือโอกาส
ไปเติมแต่งให้เข้ารูปเหมือนครั้งแรกที่ทำใหม่ๆ โดยคุณหมอเติ้ล The Klinique 
แต่ครั้งนี้เปลี่ยนตัวฟิลเลอร์เป็นแพงกว่าจาก Restylane® เป็น JUVÉDERM® ค่ะ
แต่ว่าทั้งคู่นั้นดีเหมือนกันค่ะผ่านการรับรองจาก US FDAแล้วทั้งคู่นั่นแหละค่ะ 
ยังไงก็ไปดูอัพเดตกันนะ





Disclaimer: การรักษาเป็นไปโดย The Klinique เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ




 

Create Date : 01 เมษายน 2556    
Last Update : 2 เมษายน 2556 23:59:51 น.
Counter : 5664 Pageviews.  

[Beauty Rescue]: เล่าประสบการณ์รักษารอยแผลสิวที่แผ่นหลัง





บล็อกวันนี้เป็นบล็อกที่โดนเพื่อนๆทวงแล้วทวงอีกไม่เขียนสักที คือว่ารูปมันกระจัดกระจาย
เนื่องจากว่าการรักษาแผลที่หลังนี้ ใช้เวลาในการรักษานานมากๆ เรียกได้ว่ารักษากันลืม
ขอเล่าย้อนความก่อนแล้วกันนะคะ ถึงที่มาที่ไปว่าทำไมหลังมันถึงเละได้ใจไปเลย จนต้อง
วิ่งโร่ไปให้คุณหมอเติ้ล The Klinique ช่วยเหลือ


 photo E400E2503_zpsf22c2339.jpg


ทรายเป็นคนผิวไม่ละเอียดมากแต่ผิวดีค่ะ ไม่ค่อยมีรอยอะไรมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งแผ่นหลังแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่เคยมีอะไรมาระคายให้เสียผิว อุตสาห์ถนอมมาตั้งแต่เด็กยัน2X+
แต่แล้ว... อนิจจังฮอร์โมนคนเรามันไม่แน่ไม่นอนจริงๆนะคะ อยู่ๆมันนึกจะสวิงให้ผิวเรา
ปรับตัวกันจ้าละหวั่น มันก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อตอนยี่สิบนิดๆ ทรายก็เลยผิวเสียไปเลย
ทั้งหน้า คอ หน้าอก และหลัง เละตุ้มเปะเพราะสิวฮอร์โมน ก็พยายามหาวิธีการรักษาเจ้าสิว
ชนิดนี้จนกระทั่งช่วงอายุหนึ่ง ทรายเริ่มทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ แล้วเจ้าสิวตามตัว
ตามหน้ามันก็ค่อยๆหายไป เรื่องนี้ขอข้ามไปแล้วกันนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
ไปอีกหัวข้อนึง ทั้งการคุมกำเนิดและควบคุมฮอร์โมน

ทีนี้เมื่อปัญหามันเกิดไปแล้ว มันย่อมทิ้งร่อยรอยไว้ให้เราเจ็บใจ ใบหน้าทรายไม่กังวลเพราะ
ว่ามันได้รับการบำรุงตลอดเวลา และการผลัดเซลส์ผิวหน้าของทรายเป็นไปด้วยดี ไม่เคย
ต้องหาหมอช่วยเรื่องรอยแผลจากสิวเลย แต่ว่าแผ่นหลังนี่แหละ ปัญหาใหญ่มากๆ เพราะว่า
มันเละตุ้มเป๊ะ หาดีไม่ได้เลย จากคนที่ไม่เคยกลัวเลย จะสายเดี่ยว เกาะอก เปิดหลัง อะไร
กลายเป็นคนเรียบร้อยไม่เคยเปิดเผยแผ่นหลังอีกเลย แม้แต่ชุดว่ายน้ำ ทรายยังไม่มั่นใจ
ที่จะใส่มันลงสระว่ายน้ำเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าอายค่ะ บอกตรงๆว่าอายมาก ที่หลังเละ

ทรายก็รอจนกระทั่งค่อนข้างชัวร์กว่า90%แล้ว ว่าสิวอักเสบใหญ่ๆที่หลังมันจะไม่มาอีก
หรือไม่มาถี่ๆเยอะๆแล้ว ก็เลยเริ่มปรึกษาคุณหมอเติ้ลว่าช่วยได้ไหม มันมีผลต่อการใช้
ชีวิตของทรายมาก แล้วแฟชั่นกดดันอ่ะ คือตอนที่เริ่มรักษาแฟชั่นเว้าหลังมันอินน์มาก
คุณหมอก็เลยบอกว่ารักษาได้ แต่ต้องอดทน แล้วก็ต้องใช้เวลามาก เพราะเลเซอร์ที่ทำ
จะยิงได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น จุดนั้น แค่ได้รู้ว่ารักษาได้ก็น้ำตาจะไหลแล้ว ให้อดทนรอ
เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ

แผลของทรายคุณหมอวิเคราะห์แล้วว่ามีทั้งรอยดำและรอยแดง โดยเฉพาะรอยดำที่ลึก
มีเยอะมาก เนื่องจากกว่าจะรู้สึกกระเตื้องว่าควรรักษา ทรายใช้เวลาถึง2ปีในการงมโข่ง
ปล่อยมันไปกับความคิดที่ว่า ช่างเถอะ ไม่มีใครมาเห็นมาสนใจหลังชั้นหรอก....

คุณหมอจึงตัดสินใจเริ่มรักษาที่รอยดำก่อน เพราะชนิดของเลเซอร์ที่จะใช้รักษาต่างกัน
กับรอยแดง เครื่องมือที่ใช้รักษารอยดำชื่อว่า HELIOS II (เฮลิออสทู) เป็นเลเซอร์ที่
ปกติแล้วจะใช้ในการรักษา ปานดำ กระ ฝ้า รอยสัก โดยจะมีวิธีการเข้าไปทำลายเม็ดสี
เซลส์สีที่เกาะกลุ่มกันอยู่ ให้แตกกระจายออกและค่อยๆจางลง

สามารถดูคำอธิบายแบบละเอียดของเลซอร์ตัวนี้ได้ที่
//www.theklinique.com/treatment-detail.asp?treatment_id=162


ทรายรักษาด้วย Helios II ทั้งหมด6ครั้ง แต่ไม่ได้ใช้เวลา6เดือนเป๊ะๆนะคะ เพราะว่า
บางเดือนนั้นทรายก็มีติดภาระกิจ ติดนั่นนี่โน่นจนเวลามันเวิ่นออกไปยาว ในครั้งแรกที่
ทรายเข้าไปรับการรักษาเป็นวันที่ 18 เมษายน 2555 ค่ะ คิดดูสิจะ1ปีแล้วตั้งแต่วันนั้น


 photo E400E2501_zps6d96901c.jpg


Helios II เจ็บไหม? สำหรับทรายมันจะคันๆ ยิบๆ มีจี๊ดบ้างเล็กน้อย หัวเค้าจะเล็กมากๆ
เป็นจุดๆ แล้วรอยแผลทรายมันวงกว้าง ก็จะโดนยิงกระจาย สังเกตคุณหมอจะมันส์มาก
เวลายิงจะดังเปรี๊ยะๆๆๆ เหมือนเนื้อไหม้เลยค่ะ 55555 แต่ว่าเค้าจะมีการเป่าลมเย็นช่วย
คือเป็นเลเซอร์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาใดๆนะ ทนได้ชิลๆ

หลังทำเสร็จผิวจะแดงมาก แล้วก็จะมีบางจุดเหมือนเป็นเลือดจุดๆ ซึ่ง1-2ชั่วโมงเจ้าความ
แดงและแสบๆคันๆมันจะหายไป ส่วนรอยที่เหมือนเลือดจุดๆจะหายไปใน2-3วันค่ะ
หลังทำก็แค่อย่าใส่เสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังให้มันโดนแดดสัก1สัปดาห์ก็พอแล้ว ไม่มีข้อจำกัด
เรื่องอื่นเลย สบายชิลๆอย่าไปแกะ ไปเกา ไปยุ่งกับมันก็พอ



 photo E400E2502_zps66626bec.jpg


ทีนี้หลังจากการรักษารอยดำจนเป็นที่พอใจแล้วสำหรับคุณหมอ คุณหมอก็เปลี่ยนมารักษา
รอยแดงให้ทรายแทนค่ะ หากดูจากรูปข้างบนแล้ว จะเห็นได้ว่ามันดูเป็นสีแดงและน้ำตาล
คือทรายจะบอกว่า อย่าวินิจฉัยเองนะคะ ให้คุณหมอเป็นคนพิจารณาค่ะ ว่ารอยแบบนี้คือ
สีอะไร บางทีเราอาจจะมองว่ามันคือรอยดำ แต่มันอาจจะคือรอยแดงที่สีค่อนไปทางน้ำตาล
ก็เป็นไปได้ ตรงนี้ต้องผู้มีความรู้โดยตรงดูนะ

รอยแดงเราจะใช้เลเซอร์ที่ชื่อว่า Dual Yellow ช่วยเหลือค่ะ เลเซอร์ตัวนี้เป็นการผสมกันของ
เลเซอร์2ชนิดที่เป็นสีเหลือง จะมีผลต่อเส้นเลือดฝอยเล็กๆให้รอยแดงดูจางลง โดยไม่ทำให้ผิว
ที่อยู่ด้านบนเกิดความเสียหาย ไม่เกิดจ้ำเลือดหลังการรักษา ส่วนอีกสีเป็นสีเขียว จะมีผลต่อ
เม็ดสีของผืวหนังด้านบน โดยไม่ทำให้ผิวหนังด้านล่างเกิดความเสียหาย ผลคือผิวจะขาวใส
รอยแดง เส้นเลือดฝอยดูจางลงมากกว่าการทำIPL เอาเป็นว่าไปอ่านแบบละเอียดๆที่นี่ดีกว่า

//www.theklinique.com/treatment-detail.asp?treatment_id=161


สำหรับการรักษาของทรายคุณหมอกำหนด Dual Yellow ไว้4ครั้ง ทรายเพิ่งทำไปได้ครั้งเดียวค่ะ
ยังไม่ครบคอส แต่อยากเล่าให้ฟังกันก่อน ไม่งั้นคงรอกันอีกยาวววว 5555 เลเซอร์ตัวนี้เวลาทำ
เค้าจะมีการทาเจลเย็นที่ผิว ทรายไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนคุณหมอเอาไม้อะไรมาขีดๆเล่นที่หลัง
มีความอุ่นนิดๆ หลังการทำผิวเราจะเป็นสีแดงอย่างที่เห็นในรูปค่ะ สัก1-2ชั่วโมง มันก็จะหายไปเอง
การดูแลก็เหมือนเดิมคือ ไม่ต้องทำอะไรแค่พยายามเลี่ยงแดดในช่วงแรกๆก็พอ ง่ายมาก


และนี่คือผิวในปัจจุบันของทราย กล้าที่จะใส่เดรสที่มีเว้าหลัง กล้าที่จะใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว
มั่นใจและไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะมันดีขึ้นมากๆๆๆ เมื่อเทียบกับก่อนการรักษา


 photo E400E2504_zps98c90ae8.jpg


ทรายรู้ดีว่าไม่มีทางที่มันจะกลับมาไร้รอยเนียนเรียบเหมือนตอนเด็กๆได้ แต่มันได้ถึง80-90%
แบบนี้ทรายก็ดีใจแล้ว ทุกคนที่เจอบอกว่า ถ้าไม่สังเกตจริงจังนะ มองผ่านๆแทบไม่รู้สึกเลย
ว่าทรายมีแผลที่หลัง คือเป็นผิวธรรมดาๆ ที่ไม่ได้เนียนเหมือนดารานางแบบในนิตยสาร
แต่มันไม่น่าเกลียดเลยสักนิด ทรายบอกตรงๆดีใจมากที่ได้รักษา แล้วหลายคนก็ประสบปัญหานี้
แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะรักษาได้เหมือนที่ทรายเคยคิด มันจึงเป็นที่มาของการแชร์ประสบการณ์ใน
ครั้งนี้นะคะ ถึงจะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆในการรักษา แต่ทรายคือเคสตัวอย่างสำหรับหลายๆคน
ให้ได้รู้ว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์ของเราในปัจจุบัน ช่วยเหลือเราได้ในเรื่องนี้แล้วค่ะ


ต้องขอขอบคุณ The Klinique และคุณหมอเติ้ล ที่ยินดีช่วยรักษาให้ทราย จนมีวันนี้ที่กล้า
เผยผิวอีกครั้งนึง รูปภาพทั้งหมดไม่มีการตกแต่งใดๆเพื่อบิดเบือนผลการรักษานะคะ
แต่อาจจะชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างอันนี้ต้องขออภัย ทรายผิวขาว กล้องไม่ค่อยโฟกัสค่ะ ใช้iPhone
ถ่ายเอาจับภาพได้ดีกว่า จะถ่ายวีดีโอมันก็โป๊เกินลิมิตส่วนตัวของทรายไป เอาเป็นว่าถ้าต้องการ
ที่จะพิสูจน์แบบตัวเป็นๆละก็ เจอทรายที่ไหน ถ้าใส่ชุดที่สามารถเห็นหลังได้ ยินดีโชว์ให้ดูค่ะ
และจนกว่าจะจบคอส Dual Yellowที่เหลือ ก็ต้องขอรบกวนคุณหมออีกหลายเดือนนะคะ;P




Disclaimer :
การรักษาเป็นไปโดยThe Kliniqueรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ
Information : ราคารบกวนสอบถามคลีนิกโดยตรง เพราะโปรโมชั่นในแต่ละเดือนไม่เหมือนกัน
Information : //www.theklinique.com 




 

Create Date : 26 มีนาคม 2556    
Last Update : 26 มีนาคม 2556 1:16:28 น.
Counter : 131420 Pageviews.  

Review: SK-II Facial Treatment Essence สุดฮิตเพิ่งเคยได้ลอง





เชื่อไหม? ว่าทรายไม่เคยใช้SK-II Facial Treatment Essenceเลยตลอดเวลาที่

เป็นบล็อกเกอร์มา7-8ปี เป็นเรื่องที่หลายคนสวนกลับว่าไม่เชื่อออออ มักจะมีคนมา
สอบถามความเห็นถึงผลิตภัณฑ์ของ SK-II กับทรายอยู่บ่อยๆค่ะ อาจจะเพราะเค้า
เคยเห็นว่าทรายพูดถึงแผ่นมาส์กหน้าของแบรนด์นี้ ที่ทรายและแม่ชอบมากกกกก
ใช้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้วก็เลยอาจจะมีบางท่านสับสน สันนิษฐานว่าทรายเคยใช้
ผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วยเหมือนกัน

วันนี้สารภาพแบบเป็นทางการค่ะ ว่าไม่เคยใช้เลย ใช้แค่มาส์กเพราะตอนสมัยที่
รู้จักกับ SK-II แรกๆ ทรายยังถือว่าเป็นเด็กอยู่ อยู่ในช่วงวัยรุ่นไม่มีปัญหาอะไร
มากมายกับผิว ก็บำรุงไปตามเรื่องตามราวธรรมดา ส่วนการมาส์กก็สัปดาห์ละครั้ง
หรือ2 สัปดาห์ครั้ง เรียกว่านานๆที ตามประสาเด็กๆ นั่นแหละนะคะ เรื่องผลิตภัณฑ์
บำรุงผิวขั้นสูงแบบนี้ ไม่ได้ใส่ใจเลย และรายได้ในตอนนั้นก็ยังหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้


Photobucket


บล็อกวันนี้เขียนถึงประสบการณ์การทดลองใช้ SK-II Facial Treatment Essenceค่ะ
เป็นผลิตภัณฑ์สุดยอดขายดีที่สุดของเค้า เรียกได้ว่าเอ่ยชื่อแบรนด์นี้ปุ๊ป ทุกคนจะ
ต้องมีภาพเจ้าสิ่งนี้ผุดขึ้นมาแน่นอน โดยมีคุณเจี๊ยบ-โสภิตนภา เป็นBrand Ambassador 
มายาวนาน และปัจจุบันนี้มีคุณสู่ขวัญเป็นBrand Ambassador อีกท่านนะคะ


Photobucket


เกริ่นมาขนาดนี้ เพื่ออะไร? เพื่อจะเล่าถึงความพิเศษของเจ้า Pitera™ ซึ่งเป็นส่วนผสม
หลักของเอสเค-ทูค่ะ เนื้อหาก็ไม่ต่างจากที่เคยเห็นในโฆษณาหรอกค่ะ เผื่อใครอาจจะ
พลาดไม่เคยเห็นตัวโฆษณา อ่านจากทรายตรงนี้ได้เลย เรื่องมันเกิดจากความช่างสังเกต
และสงสัย ที่ทีมวิจัยของเอสเค-ทูได้ค้นพบว่า คนงานวัยชราในโรงบ่มสาเกที่ญี่ปุ่น
เมื่อสักประมาณ 30ปีก่อน ทำไมถึงมีมือที่ดูอ่อนเยาว์ จึงเกิดการค้นคว้าวิจัยขึ้นมา
อย่างที่รู้กันว่าสาเก เกิดจากการบ่มหมักข้าว ตอนแรกทรายเข้าใจว่า Pitera™
เป็นยีสต์ (Yeast Extract)เพราะคนพูดกันเยอะมากกว่าเกิดจากการสกัดได้จากยีสต์
ที่หมักบ่มข้าว แต่พี่ปูเป้เคยบอกไว้ว่า Pitera™ ไม่ใช่ยีสต์โดยตรง แต่เป็นเพียง
ผลพลอยได้จากที่เกิดจากการหมักยีสต์กับข้าวอีกที (Ferment Filtrate) ตรงนี้ทราย
ซึ่งไม่มีความรู้ระดับนั้นจึงอ่านไว้ประดับความรู้คร่าวๆเฉยๆไม่ได้เข้าใจฟันธงได้
อย่างท่องแท้ค่ะ (บอกเล่าให้ฟังนะ)


Photobucket



ที่ผู้คนใช้ผลิตภัณฑ์ของSK-II แล้วติดใจ ส่วนใหญ่จะเล่าว่า เคยมองหาผลิตภัณฑ์อื่น
ที่ราคาย่อมเยาว์กว่า และมีส่วนผสมใกล้เคียงกัน มาลองใช้แต่ก็ไม่เคยมีอันไหนรู้สึกดี
หรือติดใจเท่าSK-II Facial Treatment Essenceเลย นั่นเพราะ Pitera™ในเอสเคทู
มีปริมาณมากถึง 90%ของส่วนผสมทั้งหมด จึงทำให้ผู้ที่เคยได้ใช้แล้วติดใจและ
ใช้อย่างต่อเนื่อง อันนี้ทรายดูจากประสบการณ์ของแต่ละคนที่บอกเล่ามานะคะว่าส่วนใหญ่
ใช้แล้วก็ติดใจได้เรื่องเป็นสาวกกันแทบทุกราย แต่รายที่ใช้แล้วไม่ชอบก็มีค่ะ 

เนื่องจากว่าPitera™นั้นน่าจะมีต้นตอมาจากยีสต์ (เชื้อราชนิดหนึ่ง) จึงทำให้บางคนมี
โอกาสแพ้ได้ ซึ่งตรงนี้ทรายก็ได้อ่านความเห็นจากผู้คนมากมายในแฟนเพจซึ่งทราย
ก็คอยสอบถามแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเค้าอยู่เรื่อยๆนะคะ อย่างเรื่องของSK-II Facial
Treatment Essenceนี่ ก็มีความเห็นหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่คือ

ใช้แล้วชอบติดใจใช้ต่ออย่างที่ทรายบอกไป กับบางคนที่ใช้แล้วเกิดอาการระคายเคือง
จึงหยุดเลิกใช้ไป และกับอีกหลายคนที่เกิดอาการระคายเคือง แต่ทนใช้ต่อสักระยะ
1-2 สัปดาห์ แล้วปรากฎว่าใช้ได้และไม่มีอาการระคายเคืองอีกเลย เป็นเรื่องที่ตัวเราเอง
ต้องตัดสินใจเองนะเพราะคนที่แพ้จริงก็มี คนที่ผิวแค่ปรับสภาพเฉยๆแต่ตกใจกลัวก็มี
ทรายอยากเล่าไว้เพื่อเป็นกรณีให้คนที่จะเริ่มใช้เตรียมตัวไม่ตกใจค่า (มีแฟนเพจเตือน
ทรายไว้ก่อนลอง)



Photobucket



ผลการทดลอง : ระยะเวลามากกว่า 4 สัปดาห์


หลังจากล้างหน้าตามปกติแล้ว ทรายหยุดใช้Lotion ที่ใช้ประจำ แล้วเปลี่ยนมาใช้
Clear Lotion ของที่มาด้วยกันในเซ็ทให้ทราย ขวดSK-II Facial Treatment Essence
ของทรายเป็นไซส์ทดลองขนาดเพียง 30ml.ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าเล็กจังจะอยู่ให้ใช้
ได้ถึงเดือนไหมเนี่ย? ปรากฎว่าผ่านไปสองสัปดาห์ ยังเหลือเยอะอยู่ค่ะ ค่อนขวดได้
เค้ามีขายทรายดูในเว็ปเอสเคทูไทย มันเป็นเซ็ทสำหรับคนที่อยากลองซื้อไปลองได้

(ในรูปคือถ่ายช่วง2สัปดาห์นะคะ ปัจจุบันทรายใช้มาเกินเดือนแล้ว เหลืออยู่1/3ของขวดจ้า)


Photobucket


หลังเช็ดClear Lotionแล้ว ทรายก็ตามด้วยเจ้าFacial Treatment Essenceนี่เลย
แต่ว่าวิธีใช้ที่ถูกต้องจริงๆคือ ต้องใช้หยดบนสำลีแล้วค่อยทาลงบนหน้าเบาๆ
แต่ทรายลองแล้วไม่ค่อยชอบ รู้สึกเปลือง 555 (มีน้องแนะนำว่าBAที่ญี่ปุ่นบอกว่า
การใช้ให้ได้ผลที่สุดคือเทลงบนสำลีเท่านั้น แถมมีภาพเปรียบเทียบระหว่างผิวที่ใช้
แบบเทลงมือแล้วทา กับเทลงบนสำลีด้วย จากนั้นน้องก็เทลงบนสำลีตลอด)


Photobucket


หรือ


Photobucket



เนื้อเอสเซนต์มันเป็นน้ำเหลวๆเลยค่ะ คือสามารถนำไปใส่ขวดหัวสเปรย์แล้วใช้เป็น
mist ฉีดระหว่างวันเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เลย (ทรายอ่านมาว่าคุณสู่ขวัญทำแบบนี้)
เวลาที่ลงบนผิวแล้วมันจะซึมไปเร็วมากๆ หายไปกับผิวเลย แต่ผิวจะสดชื่นสุดๆ
แน่ละ ก็เหมือนผิวโดนน้ำเราก็รู้สึกเฟรชอ่ะนะคะ แต่ถ้าใครคิดว่าลงทุนซื้อตัวนี้มาใช้
แล้วจบเลย ขอเตือนนะคะ ว่าไม่จบค่ะ ยังไงก็ต้องมีตัวบำรุงต่ออีกสัก 1ตัวเพราะมัน
ไม่ได้ให้การบำรุงจนถึงขั้นพอต่อผิว จะเป็นมอยเจอร์ ทรีทเมนต์ อะไรก็ตามแต่ค่ะ


Photobucket



Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket




ทรายใช้ต่อเนื่องเช้า-เย็นมาตลอด ตั้งแต่ได้มาจนวันที่เขียนนี้ และก็มั่นใจว่าตัวเอง
จะยังคงใช้ต่อไปจนกว่าจะหมดขวด และก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะซื้อขวดจริงไซส์
ใหญ่มาใช้ต่อบ้าง คือทรายรู้สึกว่าตัวเองต้องมนต์สะกดเข้าแล้ว มันไม่ใช่ว่าใช้แล้ว
เห็นผลอะไรแบบชัดเจนนะคะ มันมองแล้วมันไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แบบโอ้วว๊าว
แต่ที่บอกได้คือความรู้สึกข้างในใจ ทรายรู้สึกว่าผิวทรายเหนื่อยน้อยลง ผิวดูสดชื่นขึ้น
ดูแข็งแรงขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าแตะหน้าปุ๊ป แอร๊ยยยย ความอ่อนเยาว์บังเกิด ใครคนไหน
ที่บอกแบบนั้นเลิกอ่านเลิกฟังมันไปได้เลยค่ะ สกินแคร์ไหนๆก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
ผลลัพธ์ทั้งนั้น อ่อ ตอนแรกๆช่วงวันที่2-4 ทรายมีอาการคล้ายๆหน้าเป็นผดๆ แต่มันไม่
ขึ้นเม็ดให้เห็นมันเหมือนลูบไปบนผิวแล้วมันไม่เรียบเหมือนปกติ มันดูสากๆ เหมือนเป็น
อะไรสักอย่างแต่ไม่ตระหนกค่ะ เพราะได้อ่านข้อมูลเตรียมตัวมาแล้ว ใช้ต่อไปสัก2-3วัน
ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติสุขดี ไม่มีอาการอะไรอีก








เมื่อปี 2011, SK-II เค้าได้เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดที่เป็นอีกก้าวของการเข้าใจปัญหาที่
ว่าด้วยสภาพผิวอันเป็นเอกลักษณ์ของผิววัย20 ซึ่งแสดงถึงปัญหาผิวที่ทำให้ผู้หญิงกังวลใจ
และเป็นสัญญาบ่งบอกว่า คุณสาวๆ กำลังเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนของผิวในวัยสาวแล้ว
ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพผิวทั้ง 5 มิติ ทั้งนี้นักวิจัยเปิดเผยว่า ช่วงวัย20นี่แหละ
ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของผิววัยสาว (ผ่านไปแล้วด้วยความไม่รู้ตัวเลย และมันแย่จริงๆนะ)

หลักๆเลยเค้าชี้แจงว่า การสะสมทับซ้อนของเซลส์ผิวที่มากขึ้น ความเครียดจากไลฟ์สไตน์
ที่เปลี่ยนไปของสาววัย20ในปัจจุบัน ที่ดูจะใช้ชีวิตทรหดมากกว่าวัยอื่นๆ (เต็มที่กับชีวิต)
นำพาให้ผิวของคุณสาวๆทั้งหลายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนในทางที่แย่ลง
(ดิฉันเจอมาแล้วT^T)

เค้าจึงหยิบเอาปัญหานี้มาวิเคราะห์และ ได้คิดค้นเครื่องมือที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการ
ตรวจสอบสุขภาพผิวทั้ง5มิติ ที่จะนำทางคุณไปสู่ผิวในอุดมคติที่ใฝ่ฝัน เครื่องมือนี้ชื่อว่า
“Crystal Clear Skin Mode; โมเดลมหัศจรรย์สู่ผิวกระจ่างใสดุจกำเนิดใหม่”


ผิวในอุดมคติทั้ง 5 มิติมีอะไรบ้าง?

1. ผิวดูเนียนละเอียดดุจเจียรไน หมายถึงผิวที่ดูนุ่มลื่น เรียบเนียน ไม่ปรากฏร่องรูขุมขน
ที่ชัดเจนซึ่งจะทำให้ผิวดูหยาบ
2. จุดด่างดำดูลดเลือน ด้วยการดูแลตั้งแต่เบื้องต้น เพื่อลดเลือนจุดด่างดำ ให้ผิวดู
สม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้า
3. ผิวดูเปล่งประกาย เป็นสัญญาณของผิวที่มีสุขภาพดีดุจมีประกายออร่า
4. ริ้วรอยดูลดเลือน ทั้งรอยบาง และร่องลึก ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด
5. ฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระชับ ช่วยให้ผิวแลดูกระชับ สวยงาม ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่
ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส


Photobucket



ทั้งนี้ทั้งนั้น เค้าบอกว่าเจ้า Pitera™ มหัศจรรย์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของSK-IIนี่แหละ
ที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ค้นพบนี้ให้กับสาวๆได้ ดังนั้นSK-IIจึงไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะ
สมกับคนมีอายุที่จะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ของผิวอย่างเดียวแล้ว การตระหนักของโลกที่
เปลี่ยนแปลงไป และผลการวิจัยที่ออกมาบ่งบอกว่าสาวๆในวัย20นั้นควรให้ความสำคัญ
ในการบำรุงผิวได้แล้ว และอย่างมากด้วย เพราะผิวของคุณจะเข้าสู่จุดเปลี่ยน ทรายเคย
เล่านะคะ ถึงช่วงเวลาโหดร้ายที่อยู่ดีๆผิวก็แย่ลง เละลงแบบไม่รู้ที่มาที่ไป หลังจากที่อ่าน
บทวิจัยนี้แล้ว อิชั้นได้ทราบแล้วว่ามันคืออะไร -/- กราบงามๆ แต่ก็ผ่านมาแบบทุลักทุเล
พอควรกว่าจะปรับตัวแล้วเริ่มจริงจังกับการบำรุงผิวได้ ดังนั้นถ้ามีน้องๆอ่านบทความนี้อยู่
ตระหนักเถอะค่ะ วันนึงเราจะเจอจุดที่เป็น The Point of No Return 55555555 เริ่มยื้อมัน
ไว้ก่อนไอ้ความสาว ความสวย ความอ่อนเยาว์ของผิวเนี่ย เพราะเวลาที่มันหายไปแล้ว
เอาช้างมาฉุดมันก็แทบไม่อยากจะขยับกลับมา = =’ ดิฉันจะใช้พิเทร่าซัดลงนผิวหน้า
จากนี้และตลอดไป >/////< เป็นอีกตัวที่ได้มีโอกาสลองแล้วชอบแบบไม่มีสาเหตุเลยอ่ะ



Photobucket



อย่างที่บอกไปราคาค่อนข้างแรง แปะให้ดูละกัน (ส่วนตัวคิดว่าซื้อช่วงเทศกาลจัดโปร
หรือว่าในดิวตี้ฟรีไทยราคาโอมากกกกก ที่ญี่ปุ่นมันน่าจะแล้วแต่ช่วงเรตเงินตอนนั้นๆ)

SK-II Facial Treatment Essence ขนาด 75ml 2800 บาท
SK-II Facial Treatment Essence ขนาด 150ml 4300 บาท
SK-II Facial Treatment Essence ขนาด 215ml 5300 บาท
SK-II Facial Treatment Essence ขนาด 330ml 7900 บาท

ส่วนเซ็ททดลองก็ลองกูเกิ้ลดูในลิ้งค์เว็ปด้านล่างนะคะ มันมีขายแต่ทรายไม่แน่ใจว่า
มีตลอดทุกสาขาหรือเปล่า พอดีมีคนถามที่เพจว่าไซส์ที่ทรายโพสมีไหมอยากลอง
ก็เลยลองค้นข้อมูลให้จ้า




Disclaimer : Sponsored Content by SK-II
Information : //www.sk-ii.co.th/




 

Create Date : 24 มกราคม 2556    
Last Update : 24 มกราคม 2556 21:37:27 น.
Counter : 138634 Pageviews.  

เล่าประสบการณ์ต่อขนตาปลอมครั้งแรก ดีไม่ดียังไง? เหมาะกับใคร?






เมื่อไม่กี่วันก่อนทรายมีโอกาสไปทดลองต่อขนตาปลอมครั้งแรกในชีวิตมาค่ะ โดยมีร้าน
Blanc Eyelash Salon เกตุเวย์ เอกมัย ชวนไปทดลองบริการของเค้า ร้านนี้เค้ามาจากญี่ปุ่นค่ะ
ที่ญี่ปุ่นเองเค้ามีมากกว่า50สาขาและเปิดเป็นสถาบันสอนต่อขนตาโดยเฉพาะที่โอซาก้าด้วย 
มาตรฐานทั้งผีมือช่างและอุปกรณ์จึงได้รับการรับรองมาตรฐานอย่างดีจาก MHLW ประเทศญี่ปุ่น
เรื่องความชำนาญของ Eyelash Specialist และอุปกรณ์ทุกชิ้นผ่านมาตรฐาน PMDA ซึ่งที่
เกตเวย์เอกมัยนี้เป็นสาขาแรกในไทยค่ะ จากประสบการณ์ของทรายขอแนะนำแบบนี้แล้วกันนะคะ 


ดูรูปที่ไปทำได้ที่นี่ค่ะ //www.facebook.com/media/set/?set=a.10152432659915556.949755.10150103156550556&type=1&l=8a29c9adce


ที่นี่เค้าบอกว่าเค้าใช้วิธีการต่อเส้นต่อเส้น โดยต่อทับขนตาเดิมของเรา ไม่ใช่การต่อแทรกเพิ่มเส้น 
คือตัวเองมีขนตาถี่แค่ไหนก็ได้แค่นั้นค่ะ แต่เส้นขนตาปลอมที่จะต่อเข้าไปสามารถเลือกขนาดของ
ความหนา ความงอน ความยาวได้ โดยจะมีแบบให้เลือกว่าอยากให้ลุคออกมาประมาณไหนก่อนทำ
Eyelash Specialist จะเป็นคนคอยแนะนำเราว่าจะตัดสินใจแบบไหนดี ของทรายเค้าทำแบบMIX
โดยเลือกให้ดูเป็นธรรมชาติ ใช้ขนตา3เบอร์ผสมกัน ตาบนประมาณ70เส้น/ข้าง ตาล่าง15เส้น/ข้าง 
อย่างที่บอกนะคะ มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับฐานเดิมของเรา ทรายได้ฟังมาว่าร้านนี้เค้าใช้กาวอ่อน 
ซึ่งจะแตกต่างกับร้านทั่วไปคือ หากขนตาที่ต่อหลุด จะไม่ทำให้ขนตาจริงหลุดออกมาด้วย


การเตรียมตัวก่อนทำ

1. ไม่ต้องแต่งตา ห้ามมาสคาร่า
2. ห้ามดัดขนตาไป
3. นัดหมายให้เรียบร้อย ไปตรงเวลา พกตังไปด้วย
4. เผื่อเวลาไว้เยอะๆ คนนึงใช้เวลาในการต่ออย่างต่ำ 2ชั่วโมง มากน้อยขึ้นอยู่กับขนตาแต่ละคน
5. ก่อนจะตัดสินใจทำ อ่านทั้งหมดที่เขียนนี้ใครครบก่อน ถ้าทำได้รับได้ รีบพุ่งไปเลย


การดูแลหลังทำ

1. ห้ามขนตาโดนน้ำเป็นเวลา5ชั่วโมงหลังต่อเสร็จ เรานัดเกือบ6โมง ทำเสร็จ 3 ทุ่ม กว่าจะได้นอน
ตี2 เลยนะ ดังนั้นควรนัดเข้าไปทำและเผื่อเวลาให้ดีให้เหมาะกับธุระตัวเอง
2. ห้ามใช้ออยล์เช็ดเครื่องสำอางเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้กาวหลุดไว
3. หลีกเลี่ยงมาสคาร่า อายไลเนอร์ ชนิดกันน้ำ เพราะขนตาไม่สามารถทนการเช็ดล้างรุนแรงได้
4. ห้ามใช้ที่ดัดขนตาเด็ดขาด ขนตามีความงอนอยู่แล้ว
5. ห้ามนอนคว่ำ ห้ามตะแคงซุกหน้า ห้ามเอาอะไรมาปิดทับขนตา มันจะหัก เสียทรง เบี้ยวจน
ไม่สามารถคืนรูปกลับมาเหมือนเดิมได้


ข้อดีที่เราพบ

1. หน้าดูมีอะไร... คือหน้าดูไม่โล้นแม่ไม่แต่งหน้าเพราะขนตาเด่น ทำให้เส้นตาชัดคล้ายมี
ไลเนอร์บางๆขีดอยู่
2. คนขนตาตก (ทิ่มลง) แบบเราสามารถต่อได้โดยที่ไม่ทำให้ตาดูปรือ หรือเล็กลง
3. หน้าหวานขึ้นมาก ช้อนตาแต่ละที ดึงความสนใจไปที่ขนตาเลย
4. วันไหนขี้เกียจแต่งหน้ามาก แทบไม่ต้องยุ่งกับช่วงตาเลย ทาแป้งเขียนคิ้ว ปัดแก้มเบาๆ 
เช้งกระเด๊ะ
5. ได้ยินว่าส่วนใหญ่ไปต่อขนตาปลอมแบบนี้จะแสบตากัน ของเราไม่แสบนะ มีเคืองตา
ตอนต่อบ้างเพราะว่าเปิดเปลือกตานาน มันแห้ง พอเสร็จแล้วหยอดน้ำตาเทียมก็หาย 
เราใส่เลนส์จึงมีพกติดตัวประจำ
6. ดูรู้ว่าเป็นขนตาปลอม แต่ดูไม่เป็นแผงกันสาด เนียนไปกับขนตาจริง มันเลยดูดีกว่า
ขนตาปลอมแบบที่ใช้แล้วทิ้ง


ข้อเสียที่เราพบ

1. การเช็ดเครื่องสำอางบริเวณตาออก จะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติหลายเท่าตัว 
ถึงแม้จะไม่ใช้มาสคาร่าเลย น่าจะล้างง่ายสบายกว่า แต่เรากังวลว่าขนตาจะร่วงจึงค่อยๆทำ 
เกร็งไปเลยซะงั้น สำลีที่ไม่ดีแตกตัวง่ายจะมีโอกาสไปติดที่ขนตาปลอมอาจทำให้เกิด
การระคายเคืองได้
2. ล้างหน้า-สระผม เราไม่สามารถลูบหน้าปาดน้ำลวกๆได้เหมือนเมื่อก่อน ต้องเว้นช่วงตา 
แล้วจะมีน้ำบางส่วนไปเกาะอยู่ที่ขนตา ทำให้น้ำไหลเข้าตาบ้าง ลืมตาแล้วเคืองเพราะน้ำบ้าง
(เพราะเรากลัวมันพังไม่กล้าปัดน้ำออกจากขนตา)
3. ใส่คอนแท็คเลนส์ยากมากขึ้น เพราะตอนแหวกตาเสียวมากว่าขนตาจะหลุด
4. ผ่าน2วันไปแล้วจะเริ่มมีขนตาหลุดออกมาเรื่อยๆ จากประสบการณ์ ขนตาล่างหลุดก่อน 
ขนตาบ่นจะเริ่มหลุดประมาณวันที่ 4 แต่จะเห็นแบบหลุดเส้นนึง อะไรงี้ ขนตาล่างหลุดง่ายกว่า
เยอะกว่า แต่ว่าเราเข้าใจว่าขนตาจริงๆของคนเรามันจะมีระยะเวลาชีวิตของมันที่จะต้องหลุดร่วง
อยู่แล้ว เราเลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันหลุดตามธรรมชาติหรือยังไง
5. หน้าจะมีอยู่ลุคเดียวคือหวาน สำหรับเรานะ จากที่เราก็แนวหวานอยู่แล้วคือพยายามเหี้ยม
ยังไงก็ติดหวาน มันกลายเป็นหวานมาก มันไม่ใช่ข้อเสีย แต่อยากแชร์ว่าถ้าเป็นคนไม่ชอบ
อะไรจำเจ อันนี้คงไม่เหมาะเพราะปรับลุคยาก
6. ถ้าจำเป็นต้องแต่งตาจัดเต็ม มันจะเป็นอุปสรรคในการแต่ง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบแต่งตา 
ไม่ชอบทำอะไรกับตามากกว่า ถ้าเป็นคนชอบสนุกกับอายแชโดว อายไลเนอร์ไม่แนะนำ


บทสรุปของเรา

เรามีความเห็นว่าการต่อขนตาปลอมแบบนี้ เหมาะกับคนที่มั่นใจว่าตัวเองขาดขนตาปลอมไม่ได้ 
คือชีวิตปกติจะไม่มั่นใจถ้าไม่มีขนตาปลอม หรือตัวเองเป็นคนที่ชื่นชอบการติดขนตาปลอมมาก 
ติดทุกวันอยู่แล้ว อันนั้นเหมาะค่ะ แต่ถ้าเป็นคนประเภทขี้เบื่อ ชอบอะไรแปลกๆใหม่ๆ แต่งหน้า
จัดเต็ม แต่งตัวแต่ละวันแทบจะคนละลุค อันนี้ทรายว่าไม่เหมาะเลย คนที่ทำเลเซอร์ประจำ 

คนที่ไม่มีความอดทนในการรักษาของ ไม่ควรต่ออีกเช่นกันเพราะความร้อนจะทำให้ขนตาบิดเบี้ยว
เสียทรง คนที่ไม่อดทนก็จะทำให้ขนตาเสื่อมเร็วกว่าที่ควร ปกติแล้วเค้าแนะนำว่า 2-3 สัปดาห์ควร
ไปต่อเติมซ่อมแซมให้มันอยู่ในรูปทรงที่สวยงามเสมอ ซึ่งใครจะรักษาได้ยาวนานแค่ไหนก็แล้วแต่คน
ดังนั้นทรายจึงเตือนไว้ข้างต้นว่าอ่านให้จบทั้งหมดแล้วชั่งน้ำหนักดู ว่าเหมาะสมกับตัวเองไหมนะคะ




Disclaimer: ค่าบริการทำฟรีค่ะ, ไม่ได้รับค่าจ้างในการเขียนค่ะ




 

Create Date : 16 มกราคม 2556    
Last Update : 16 มกราคม 2556 3:51:05 น.
Counter : 11809 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

feonalita
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 908 คน [?]




 photo icon_facebook_48_zpsb497412b.png photo icon_instagram_48_zps84436242.png photo icon_youtube_48_zpsfc801391.png photo icon_twitter_48_zps6e17cf8d.png photo icon_pinterest_48_zps16047ffb.png

FEONALITA: Beauty & LifeStyle Blog✰
คำว่า"สวย"ของแต่ละคน มีคุณค่าไม่เท่ากัน
∙•The Beauty of an Individual◀•∙

บล็อคนี้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 22-11-2006 ค่ะ

feonalita@gmail.com feonalita@gmail.com





Golden Rose Liquid Matte Lipstick “London
“Citra THREE 4D-Plus Eye Palette พาเลทอายแชโดวซัมเมอร์ครบทุกสี
Canmake New Collection ฟรุ้งฟริ้งหลายสิ่งน่ารักจากญี่ปุ่น Winged Liner & Chocolate Lips Inspired by Kylie Jenner
No 7 Matte Lip Crayon & Precision Lips Pencil 9สี LANCOME Juicy Shaker Full Collection










New Comments
Friends' blogs
[Add feonalita's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.