และ Dr. Katsuaki Dan หัวหน้าคณะวิจัยด้านอายุรแพทย์ วิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัย
เคโอ, ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำและมีอายุเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ เมื่ออยู่ในท้องแม่ก็ต้องมีการพึ่งพาอาศัยรกอยู่แล้ว คุณค่าสาร
รกที่ติดตัวแม่กับเราทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อนักวิจัยแยกส่วนประกอบต่างๆออกมาจึงค้นพบว่า
ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กิน ดื่ม ทา หรือแม้แต่การฉีดเข้าร่างกายโดยตรง ซึ่งในต่าง
ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้ยินว่า เป็นรกแกะ รกวัว สำหรับเกรฟาสแล้ว ต้องเป็นรกหมูเท่านั้นค่ะ
เกรฟาสเล่าว่า เค้ามีผลการวิจัยที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์แล้วว่าPlacenta
ที่ได้จากหมู
มีความใกล้เคียงและเข้ากันได้ดีกับมนุษย์มากกว่า80% และเมื่อเทียบกับ
การใช้รกวัว หรือรกแกะที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อวัวบ้า(Anthrax)
ได้ง่ายแล้ว รกหมูคือคำตอบที่ดีที่สุดของเกรฟาสค่ะ เนื่องจากหมูสามารถเลี้ยงได้ใน
ฟาร์มปิด การได้รับการควบคุมดูแลทุกด้าน ไม่ว่าจะสภาพแวดล้อม อาหารการกิน
หรือแม้แต่สภาวะจิตใจ ให้ปราศจากความเครียดหรือถูกกระตุ้นใดๆ เป็นข้อได้เปรียบ
ของGrefas เพราะเค้ามีการก่อตั้งฟาร์มปิดขึ้นที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเลี้ยง
หมูให้ได้มาตรฐานที่เค้าตั้งไว้คือ SPF (Specific Pathogen Free) หรือหมูปลอดเชื้อ
ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างจากวัวและแกะ ที่ต้องเลี้ยงในฟาร์มเปิดอิสระเท่านั้น ทำให้การควบคุม
โรคต่างๆเป็นไปได้ยากมาก
แต่เดี๋ยวนะ เชื่อว่าหลายคนตั้งคำถามแล้วหละ เห้ย! เลี้ยงแล้วฆ่าเอารกเร๊อะ?!!!!
ไม่ใช่นะคะ เค้าเลี้ยงให้น้องหมูมีลูกหมู แล้วคลอดลูกออกมาถึงจะเอารกมาใช้จ้ะเล่าเรื่องประวัติมาเยอะแล้ว ขอเข้าเรื่องของตัวเองแล้วนะทีนี้ ทรายรู้จักกับเกรฟาส
มาได้สองปีแล้วค่ะ ตอนนั้นมีโอกาสได้เข้าไปฟังบรรยาย และทำความรู้จักกับแบรนด์
ก็ได้ข้อมูลเบื้องต้นมาอย่างที่เขียนเล่าไปด้านบน แต่ที่ได้มากกว่าทุกคนที่อ่านในนี้
ก็คือ ได้เห็นคนที่เค้าใช้จริง เป็นลูกค้าจริง และเล่าประสบการณ์จริงให้ฟัง
เชื่อไหม? ว่ากลับมาถึงบ้านแทบคลั่ง เพราะที่ๆเค้านัดไปเจอคือ Club Grefas
ที่ตึกAlma Linkหลังเซ็นทรัลชิดลม เค้าจะมีห้องทรีทเมนต์ให้สมาชิกมานวดหน้า
อะไรทำนองนี้อ่ะ ตอนแรกทรายเห็นผิวของเจ้าของที่นำเข้าเกรฟาสมาไทยก็อึ้ง
มากๆแล้ว เพราะผิวที่เห็นคือ มันดูอ่อนเยาว์ ดูแบบสุขภาพดี ดูเป็นผิวที่แพงมาก
แต่ว่าคุณเค้าไม่เคยฉีดโบท็อกซ์ หรือทำอะไรกับผิวหน้าเลย ซึ่งเค้าโกหกไม่ได้
เพราะทรายมองแล้วก็เห็นริ้วรอยจางๆบนใบหน้านั้น ที่สามารถบอกได้ว่าเค้า
มีอายุแล้วระดับนึง ซึ่งคนที่ทำหน้าตึงๆเราจะมองไม่เห็นแบบนั้นหรอก แล้วเราก็
คงจะไม่รู้สึกประทับใจผิวเค้าขนาดนั้น ตอนทายอายุทรายก็เลือกทายมากหน่อย
เพราะสังเกตจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เชื่อไหม? ที่ทายไปว่าเยอะจนเสียมารยาท
แล้ว แต่คำตอบของจริง คุณพระ!!!! มันมากกว่านั้นหลาย เล่นเอาอึ้งไปเลย
จากนั้นทรายถึงเริ่มมองไปรอบๆ แล้วก็เห็นสิ่งที่ทุกคนในนั้นเชื่อมโยงกัน เหมือน
กันมาก คือผิว จริงๆนะ นึกย้อนไปราวกับฉากในหนัง ทุกคนมีผิวที่มองไปแล้ว
ให้ความรู้สึกคล้ายๆกัน เห็นแล้วคำอุทานในใจคือ โอ้วว ผิวววววว.....
นั่นเป็นความประทับใจแรกของทรายที่มีให้เกรฟาสค่ะ จากนั้นก็มีโอกาสได้ใช้
ตัว Live Placenta ของเค้ามาเรื่อยๆ แต่ทรายไม่ได้ใช้บ่อยอย่างคุณเจ้าของใช้
นะคะ ถึงแม้จะอยากมีผิวแบบเค้าใจจะขาด (พี่เค้าใช้ทุกวันเช้า-เย็นมาเป็นสิบปี)
ส่วนนึงเพราะปัจจัยด้านการเงินค่ะ 555 ทรายยังเด็ก การงานยังไม่มั่นคงเท่าไหร่
การซื้อเซรั่มบำรุงผิวในราคาหลายพันบาท ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะซื้อได้บ่อยๆ
เชื่อว่าเดี๋ยวต้องมีคนนึกถึงคำว่า Rebirth เพราะทรายเคยพูดอยู่บ่อยๆเมื่อก่อน
เคยให้ดูในวีดีโอ Skincare Routine ด้วย แต่ว่าตอนนี้ไม่มี Rebirth แล้วค่ะ
เพราะเจ้าRebirthได้รับการเกิดใหม่เรียบร้อย เป็น
Refineที่ได้รับการพัฒนาสูตร
ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดมากยิ่งขึ้น แล้วก็มีการรับฟังเสียงจากลูกค้า ปรับปรุงสิ่ง
ที่ลูกค้าแนะนำ เช่นเรื่องของกลิ่นคาว ที่เหม็นมาก ให้ลดลงด้วยการผสม Rose oil
และเพิ่มอายุการจัดเก็บให้ยาวนานขึ้นในอุณภูมิปกติ โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพ
ใดๆถดถอยลงค่ะ
ตอนเอากลับมาบ้าน
วิธีเก็บรักษาที่ดีที่สุดคือ เอาเข้าตู้เย็นใส่ช่องฟรีซไว้เลยค่ะ
ทีนี้เวลาจะใช้ซองเล็กๆ เค้าจะมีปริมาณพอดีๆกับ 1หน้า และ1ครั้งการใช้ แต่ทราย
ค้นพบว่า มันมากไปหน่อย สำหรับคนหน้าเล็ก (แอร๊ยยยย เขิลจัง -*-) คือเราสามารถ
ทาได้ทั้งหน้าและคอเลยค่ะ เหลือเฟือ แต่ว่าต้องใช้ให้หมดนะคะ เปิดแล้วเปิดเลย
ตอนที่เปิดอาจจะยังไม่ได้กลิ่นคาวอะไรชัดเจน เพราะเซรั่มจะยังเป็นน้ำแข็งอยู่จากนั้น
เมื่อโดนอุณหภูมิจากมือเราจะเริ่มละลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว น้ำจะมีสีอมเหลืองและ
จะมีอะไรขุ่นๆนิดหน่อยให้เห็น ไม่รู้อะไรเหมือนกัน 555 ทีนี้พอแปะน้ำรกหมูลงหน้า
กลิ่นมาเลยค่ะ เป็นกลิ่นคาวๆ บางคนบอกว่าอยากจะอ้วก ตอนแรกทรายก็รู้สึกอยู่นะ
แต่ว่าพอใช้ไปเรื่อยๆ กลับไม่รู้สึกว่ามันเหม็นเหมือนครั้งแรก
มาสรุปกันได้ว่า เพราะมโนฯไว้เยอะ + กลิ่นจริง ก็เลย = ของจริงx2
ดังนั้นในครั้งต่อๆไปที่เริ่มชินแล้ว ก็แทบไม่รู้สึกอะไร แม้แต่คนข้างๆยังเฉยๆตามเลยค่ะ
ถ้าวันไหนทาแล้วกลิ่นไม่ค่อยออก เราจะเริ่มพานิคละว่า เห้ยรกหมูชั้นตายแล้วหรือเปล่า?
แต่นี่คือประสบการณ์กลิ่นของสูตรเก่านะคะ สูตรใหม่ Refine ตัวนี้เค้าทำให้มันกลิ่น
ลดน้อยลงแล้ว ซึ่งทรายว่า ลดลงไปประมาณ 40%เลยหละ แอบคิดถึงตัวเก่า 5555
1 ถุงใหญ่ เค้าจะมีซองเล็กๆประมาณ 30 ซอง คุณเจ้าของเคยบอกว่า Grefas
เป็นเจ้าแรกในโลกที่คิดการแบ่งสกินแคร์เป็นซองๆสำหรับการใช้แต่ละครั้ง
โดยที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องคำนวนปริมาณการใช้ และสามารถคำนวนล่วงหน้า
ได้ว่าจะต้องซื้อเมื่อไหร่ อย่างไร
ราคา1ถุงใหญ่อยู่ที่ 6,000 บาท ปกติเค้าจะแนะนำ
ให้ใช้วันละ 1 ครั้ง หลังล้างหน้าทำความสะอาดผิว ลงเป็นตัวแรกเลยก่อนบำรุงอื่นๆ
แต่ถ้าผิวแย่มากต้องการบำรุงขั้นสุด ให้เปลี่ยนมาใช้เช้า-เย็น คนที่ผิวแห้งก็อาจจะ
ต้องทาตัวบำรุงอื่นๆเพื่อความชุ่มชื้นเพิ่มด้วย แต่ถ้าผิวโอเคแล้วจะทาแบบแค่เซรั่ม
รกหมูสดตัวนี้เช้า-เย็น เป็นกิจวัตรเลยก็ได้
ทีนี้อย่างที่บอกไป มาลองคำนวนสิว่า 30ซอง ก็ใช้ได้ 1เดือน เดือนละ6พันบาท
ทรายไม่สามารถหรอกค่ะ 1ซองใหญ่ของทราย ทรายใช้ได้เกือบครึ่งปี 5555
เพราะว่าทรายเลือกที่จะเก็บเอาเซรั่มรกหมูสดไว้ใช้เวลาที่จำเป็นแทน
อย่างเช่น วันที่ผิวแย่มากๆ ต้องการฟื้นฟูอย่างแรง ทรายจะอัดรกหมูสดลงหน้า
ติดๆกันเช้า-เย็นๆ สัก3วัน ผิวก็จะเริ่มกลับมาดี หรือวันที่มีแผลสิวเละเทะบนหน้า
ทรายก็จะใช้รกหมูสดทาหน้าติดต่อกันสัก 2-3วัน หรือกรณีที่ใช้บ่อยมากและแนะ
ให้ทุกคนที่ใกล้ชิดใช้คือ หลังการทำเลเซอร์ผิวหน้ามา ใช้ไปเลย อัดเช้า-เย็นๆ
สัก 1สัปดาห์ ผิวจะฟื้นตัวเร็วมาก ฟูมาก ดูสุขภาพดีสุดๆ
สิ่งที่ทรายคิดและรู้สึกได้จากวิธีการใช้ของทรายคือ ทรายเห็นผลว่าผิวมันซ่อมแซม
ตัวเองเร็วมาก อย่างรอยแผลสิวแดงๆเละๆ ใช้เวลาในการหายเร็วมากขึ้นกว่าปกติ
เป็นเท่าตัว แล้วอย่างเรื่องที่ใช้กับผิวหลังเลเซอร์ คือทรายถามหมอมา หมอบอกว่า
ผิวหลังเลเซอร์ คือผิวใหม่ มันยังเวอร์จิ้นส์มากๆ มีอะไรที่คิดว่าดีที่สุดให้จัดลงไปเลย
มันจะลงไปได้ลึกกว่าปกติและดูดซึมได้ดีกว่าปกติ พอฟังอย่างนั้นปุ๊ปแหงหละ
สำหรับทรายแล้ว ดีที่สุดเท่าที่หาได้ก็รกหมูสดนี่แหละ อัดลงหน้าไปไม่ยั้ง
จริงๆไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วเพราะเขียนมายาวมากราวกับทำทีสิส ขอปิดท้ายบล็อก
ด้วยประโยคเด็ดจากเกรฟาส ที่เหมือนฮุคหมัดขวาเข้าหน้าอย่างจัง ข้าพเจ้าโดนมาแล้ว
น็อคคาสนามรูดบัตรไม่รู้ตัว แอนตาซินไม่แจกด้วย
ไม่มีอาหารทิพย์ใดของสิ่งมีชีวิต ที่จะทรงคุณค่าเท่ากับอาหารมื้อแรกของสิ่งมีชีวิต นั่นคือ Live Placenta คุณพระ!!!!
ดิฉันยอมมมมมมม