Group Blog
 
All Blogs
 
เที่ยวเมือง โพคารา นั่งเครื่องบินเล็ก ultralight aircraft ชมยอดเขาหางปลา เนปาล

ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันว่า ที่เมืองโพคารา (pokhara) ประเทศเนปาล มีให้บริการเครื่องบินเล็ก ultralight aircraftชมยอดเขาหิมาลัยด้วย ความตั้งใจของการมาเที่ยวเนปาลครั้งนี้ ตั้งใจจะมาชม เรียนรู้ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเนปาล ชมธรรมชาติสวยๆชมยอดเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ที่เมืองไทยไม่มี ชม วัดวาอาราม ปราสาท ราชวัง เดินเขา ชมหมู่บ้าน ชนบท ระยะทางสั้นๆไปเช้า เย็นกลับ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาภูหิมะแสนสวย เท่านั้น


ครั้งแรกที่เห็นรูปภาพเครื่องบินเล็ก บินอยู่บนยอดเขาหิมะ ในร้านเอเจนซี่ท่องเที่ยว ความรู้สึกแรกว่า อยากลอง วิ่งเข้าไปในหัวสมอง ทันที พอลองเข้าไปสอบถามราคา หัวคิ้วชนกัน ไมเกรนขึ้นสมองทันที ราคาตั้ง 200 ยูโร หรือประมาณ 8,000 บาท แต่คิดไปคิดมาไหนๆก็ทำงานหนักมาทั้งปีแล้ว ขอให้ของขวัญปีใหม่ตัวเองแล้วกัน เพราะอีกไม่กี่วันก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว แต่คนที่เค็มและงก เฮ้ย รอบคอบอย่างผม มีหรือที่จะตกลงจองทันที ลองเปรียบเทียบราคาดูหลายๆเอเจนซี่แล้วกัน ถึงได้รู้ว่า แต่ละที่ราคาไม่เท่ากันจริงๆด้วย ทั้งๆที่การบริการเหมือนกัน และถือคติที่ว่า ในโลกนี้ไม่มีที่อะไรต่อรองไม่ได้ ก็เลยขอลดราคาแกมบังคับ ในที่สุดก็อ้อนจนได้ราคา 175 ยูโร หรือประมาณ 7,000 บาท ถูกกว่าตั้ง 1,000 บาท เพราะการตั้งราคาสไตล์ประเทศแถบเอเชีย เกือบทุกประเทศ จะตั้งไว้สูงๆเผื่อการต่อรองอยู่แล้ว ใครที่ใจร้อน ไม่เปรียบเทียบราคาก่อน หรือไม่ต่อรองราคา คนขายก็ฟันกำไรเนื้อๆ



ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่ตี 5 ให้รถแท็กซี่ ไปส่งที่สนามบิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโพคาราเลย มาถึงสนามบินยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ แล้วเขาก็พาเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่หมวกกันน๊อค ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เพื่อความอบอุ่นของร่างกาย เพราะข้างบนลมแรง และอากาศหนาวมาก เพราะมาช่วงหน้าหนาวพอดี เครื่องบินเล็กจะนั่งได้เพียงผู้โดยสารกับกัปตันเท่านั้น

กัปตันส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งมีหลายเชื้อชาติ กัปตันของผมเป็นชาวรัสเซีย ตัวสูงใหญ่ หน้าตาบึ่งตึง เย็นชาเหลือเกิน กัปตันชาติอื่นก่อนนำผู้โดยสารเหินฟ้า ชมยอดเขาหิมะ ระหว่างรอคิวเตรียมตัวบิน เห็นมาทักทาย แนะนำตัว พูดคุยกับผู้โดยสาร ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง แต่ไหงอีตากัปตันชาวรัสเซียคนนี้ของผม ตรงกันข้าม แค่ทักทาย Good morning แค่นั้นจบ ผมอยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาคนชอบสอดรู้สอดเห็น เฮ้ย ไม่ใช่ ตามประสาคนที่ชอบพุดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ แต่เห็นท่าทาง เย็นชาเหมือน หิมะบนยอดเขาแล้ว เลยขออยู่เฉยๆดีกว่า ไม่รู้ว่าเป็นบุคลิกของคนที่มาจากประเทศรัสเซียหรือเปล่า เห็นว่าคนประเทศนี้ หน้าตาบึ้งตึง บอกบุญไม่รับ กันค่อนประเทศ


ช่วงที่เครื่องบินลำเล็ก วิ่งบนรันเวย์ เหินขึ้นฟ้า เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากๆ ไม่มีความรู้สึกกลัวความสูง หรือเครื่องบินจะโหม่งพื้นเลย เครื่องบินสูงขึ้นเรื่อยๆ มองลงมาข้างล่าง เห็นตึกรามบ้านช่อง เห็นรถวิ่งบนถนนคันเท่ามด และแน่นอน สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด ก็คือเทือกเขาหิมะ ที่ทอดยาวไกลแสนไกล จนสุดสายตา เทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน มียอดเขาหลายลูก สูงลดหลั่นกันไป แน่นอนยอดเขาที่ได้รับความสนใจและโดดเด่น เป็นพระเอก ก็คือ ยอดเขามัจฉาปูชเร (Machhapuchhre) หรือ ยอดเขา หางปลา หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า Fish tail ยอดเขาหางปลาไม่ใช่ยอดเขาที่สูงที่สุด ของเทือกเขาอันนะปุรณะ (Annapurna) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยอันยาวไกล มีความสูง 6,997 เมตร ส่วนยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาAnnapurna คือยอดเขา Annapurna I ( หมายเหตุ ตัว I หมายถึงเลขโรมัน ที่ 1 นะครับ มันชื่อซ้ำกัน มี ที่ 1,2,3 ,I II, III ) ซึ่งมีความสูง 8,091 เมตร สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ส่วนอันดับ 1 .ใครๆก็รู้จัก ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ (Everest)นั่นเอง ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 8,848 เมตร ยอดเขาหางปลา ถึงจะไม่สูงที่สุดแต่ก็เป็นยอดเขาที่เด่นที่สุด ถ้ามองจากเมืองโพคารา จะเห็นยอดเขาหางปลาใกล้ที่สุด เลยดูเหมือนจะสูงกว่าทุกยอดเขา แต่ด้วยความที่มีรูปร่างแปลกตาโดดเด่น น่าจดจำที่สุด เลยต้องเป็นพระเอกไปโดยปริยาย โดยไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น ที่ได้ชื่อว่า ยอดเขา หางปลา ก็เพราะมีรูปร่าง เหมือนหางปลานั่นเอง


ส่วนตัว มองยังไงก็ไม่เห็นจะเหมือนหางปลาตรงไหน แล้วที่ว่าเหมือน หางปลา มันปลาอะไรก็ไม่รู้ นัยว่าที่เรียกยอดเขาหางปลา เพราะเงาสะท้อนยอดเขาในทะเลสาบมันมองดูเหมือนหางปลา เอาเถอะ มันจะเหมือนหางปลา หรือว่าหางอะไรก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆ ใครๆมาเที่ยวที่นี่ต่างก็สนใจยอดเขานี้กันทั้งนั้นแหล่ะ ถ้ามาเที่ยวเมืองโพคาราแล้ว ไม่เห็นยอดเขาหางปลา หรือไม่ได้ถ่ายรูปกับยอดเขา หางปลา จะถือว่ามาไม่ถึงเมือง โพคารา ก็คงไม่ผิดนัก แต่สำหรับผม นอกจากได้ชมยอดเขาหางปลาและถ่ายรูปกับยอดเขาหางปลาจากบนพื้นดินจนหนำใจแล้วมันยังไม่สะใจโก๋ ขอติดปีกเป็นนกน้อย พญาอินทรีย์โบยบิน เข้าไปชมยอดเขาหางปลาใกล้ๆ แบบสายตาของพญาอินทรีย์ ที่เรียกกันว่า Bird ,s eye view ด้วยการนั่งเครื่องบินเล็ก ชมแบบใกล้ๆ มันซะเลย ส่วนยอดเขาอื่นๆในเทือกเขา Annapurna ที่ไกลออกไป ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไรบ้าง ผมก็รู้จักแต่ยอดเขาหางปลาเท่านั้น และการนั่งเครื่องบินเล็ก เขาก็เน้นเฉพาะ ยอดเขาหางปลา เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ยอดเขาหางปลา มีรูปร่างเหมือนยอดเขา แมทเทอร์ฮอร์น (matter horn )เทือกเขา แอลป์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เหมือนกัน เป็นแฝดคนละฝาก็ว่าได้ อันหนึ่งตีความเป็น หางปลา ส่วนอีกยอดเขาตีความเป็น เขาสัตว์ ซะงั้น แต่เรื่องความสูง ยอดเขาหางปลา กินขาด เพราะแมทเทอร์ฮอร์น สูงเพียง 4,478เมตร เท่านั้น












ในเมื่อสวมวิญญาณของพญาอินทรีย์ ด้วยราคาแสนแพง จะบันทึกความงดงามด้วย สายตาและความทรงจำ อาจจะลืมเลือนไปกับกาลเวลา คงต้องให้เทคโนโลยีช่วยบันทึกความทรงจำอันสวยงามด้วย ซึ่งตอนก่อนบิน พนักงานเตือนแล้วเตือนอีก ไม่แนะนำให้เอากล้องขึ้นไปด้วย อาจหลุดมือหล่นลงพื้น เพราะข้างบนลมแรงถ่ายรูปไม่สะดวกนัก และ แน่นอน ไม่มีทางได้กล้องคืนแน่ๆ ดีที่กล้องผมเป็นกล้องคอมแพ็คเล็กๆ ผูกเชือกคล้องไว้กับข้อมือเลยไม่ลำบากในการถ่ายรูปสักเท่าไหร่ ผมกดชัตเตอร์ถ่ายรูปแบบไม่ยั้ง ถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด แสงแดดช่วงเช้าสาดส่องกระทบกับยอดเขาหิมะ สวยงามยิ่งนัก ข้างบนลมแรงมาก ปะทะหน้าจนปากแห้งไปหมด แต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมเท่าไหร่นัก เสียดายที่ถ่ายรูปตัวเองได้มุมกล้องที่ไม่สวยนัก
ครั้นจะให้กัปตัน ถ่ายให้ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ใครจะขับเครื่องบิน เกิดเครื่องบินโหม่งพื้น คงไม่รอดกันทั้งคู่ แต่เขาก็มีกล้องถ่ายรูปให้ จะติดกล้องไว้ที่ปีกเครื่องบิน เวลาจะถ่ายรูปกัปตัน จะส่งเสียงบอก ให้มองกล้อง แล้วก็กดปุ่ม ถ่ายรูปให้ มัวแต่ถ่ายรูปเพลินประกอบกับลมแรง เลยไม่ค่อยได้ยินเสียงกัปตันเตือนให้มองกล้อง ตั้งตัวไม่ทัน ไม่ได้โพสต์ท่าเต็มที่ แต่คิดว่ารูปที่ออกมาต้องสวยแน่ๆ เพราะเห็นรูปถ่ายคนอื่น มันช่างสวยนัก เครื่องบินสีสันสวยงามลอยล่องกลางอากาศ ตัดกับฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะหางปลาแสนสวย ผู้โดยสารหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความสุข โบกไม้โบกมือเล่นกับกล้อง ผมก็หวังว่า รูปถ่ายของผมคงจะสวยแบบนั้นเหมือนกัน จะเอารูปไปลง facebook ให้เพื่อนอิจฉาเล่นๆ การได้เผชิญหน้าใกล้ๆยอดเขาหางปลา เป็นความรู้สึกที่ ตื่นตาตื่นใจพอสมควร ผมเคยนั่งชมเทือกเขาหิมะทางหน้าต่างเครื่องบินโดยสารหลายครั้ง ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมองเห็นเต็มตา ไม่มีกระจกกั้น และใกล้ชิดกว่ามาก





เวลาประมาณ 30 นาที ของการนั่งเครื่องบินเล็ก ไม่ได้เห็นเพียงแค่ เทือกเขาหิมะแสนสวย Annapurna เท่านั้น แต่ยังเห็นวิวรอบๆเมืองโพคารา ทั้งเทือกเขาสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ และเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หมู่บ้าน แม่น้ำ ทะเลสาบเฟวา (Phewa Lake) เจดีย์สันติภาพสีขาว( Peace pagoda ) ตั้งอยู่บนยอดเขา อีกด้วย เรียกว่าชมวิว บนฟ้าจนเพลินไปเลย


พอลงจากเครื่องบินเล็ก ผมเข้าไปดูรูปถ่าย อยากจะบ้าตาย ฝีมือการถ่ายรูป ของอีตากัปตันรัสเซีย ไม่ได้เรื่องเลย รูปผมหน้าดำเป็นเหนี่ยง ไม่ชัดเลย มองดุไม่รู้เลยว่าเป็นตัวผม สงสัยจังหวะถ่ายรูป อาจจะแสงไม่พอ หรือย้อนแสง ถ่ายมา 2 รูป คนละช่วงเวลา ใช้ไม่ได้สักรูป นอกจากนิสัยจะเย็นชาแล้ว ยังถ่ายรูป ได้ห่วยแตกมาก ไม่รู้จักจังหวะของการถ่ายรูปเลย หรืออย่างไร เป็นกัปตันที่ไม่ได้เรื่องเลย โชคร้ายจริงๆเลยที่ต้องมาเจอกัปตันคนนี้ อุตส่าห์ฝันหวาน จินตนาการไปไกล ว่าจะได้รูปสวยๆไว้เป็นที่ระลึก ต้องมาพังทลายลงอย่างย่อยยับ ถึงราคาอัดรูปจะไม่แพงมาก ผมก็ไม่อยากได้อยู่ดี จะเอาไปทำไมให้เจ็บใจเล่นๆ พนักงานพยายามกล่อมให้ผมอัดรูป ผมบอกว่า ไม่ชอบ เขาเลยยินดีจะลดราคาให้ผม แต่ในความรู้สึกผม ก็ยังไม่อยากได้อยู่ดี เลยสั่งให้เขาลบรูปไปเลย แต่ทางบริษัทเขาก็มีใบประกาศนียบัตรลงชื่อให้ไว้เป็นที่ระลึก ว่าเคยขี่เครื่องบินเล็กชมยอดเขาหางปลา มาแล้ว มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ความรู้สึก และประสบการ์ณต่างหาก ที่จะอยู่ในความทรงจำไปนานแสนนาน







เมืองโพคารา เป็นเมืองที่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่งในแม่น้ำไหลเชี่ยว ร่มร่อน พาราไกลเดอร์ ( paraglider )โดดบันจี้จั๊ม นั่งเรือชมทะเลสาบ เฟว่า ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ผมสนใจทั้งนั้น ผมอยากโดดบันจี้จั๊มมาก แต่เสียดายที่นักท่องเที่ยวเยอะ เต็มหมดทุกที่ เลยพลาด และการมาเที่ยวเมืองโพคาราที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ การเดินเขานั่นเอง ทั้งการเดินเขาแบบธรรมดาๆระยะสั้นๆ และเดินเขาจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวแบบ Trekking มี หลายๆเส้นทาง แบบวันเดียวไปเช้าเย็นกลับ หรือจะค้างคืนหนึ่งคืนแล้วกลับก็ได้หากใครมีเวลามากจะเดินชมหมู่บ้านชนบท ในหุบเขาหิมะแสนสวยเป็นอาทิตย์หรือมากกว่านั้นก็ได้ ตามแต่เวลาจะอำนวย เพราะวิวภูเขาหิมะหิมาลัยสวยจนบรรยายไม่ถูก จะอาแบบไหนมีเวลาน้อยหรือมาก สามารถบอกไกด์ ได้เลย เขาจะจัดการ แนะนำเส้นทางให้ พร้อมด้วยเดินนำทาง หรือใครที่ศึกษาเส้นทางมาเองอย่างดี จะเดินเอง ไม่ต้องจ้างไกด์ก็ได้ ถ้าผมมีเวลามากพอจะเดินเขา Trekking สัก 10 วันเลย ส่วนขากลับจะนั่งเครื่องบินกลับเมืองโพคารา จะให้เดินกลับคงใช้เวลานานเกิน


ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว สักวันผมจะกลับมา ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ได้ เพราะดูในภาพแล้วมันสวยอลังการมากๆ แต่คราวนี้ขอเดินอุ่นเครื่องแค่ 1 วัน ก่อน เพราะไม่มีเ วลามากพอ ผมเลือกเส้นทาง ออสเตรเลียน แค้มป์ (Australian camp )ผ่านหมู่บ้าน Dhampus เป็นการเดินเขา ระยะสั้นๆ ไปเช้า เย็นกลับ
มีรถรับส่ง พร้อมไกด์นำทาง 1 คน ในราคาประมาณ 1,000 กว่าบาท รวมหมดแล้วทุกอย่าง ทั้งไกด์นำทาง รถรับส่ง อาหารกลางวัน 1 มื้อ ถือว่าคุ้มค่า สมราคามาก เป็นเส้นทางที่สวยงามมาก เดินไปไหนก็มองเห็นยอดเขาหิมะหางปลาโดดเด่น เป็นฉากหลัง ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ดูวิถีชีวิต ผู้คน รายทางมีโรงแรมน่ารักๆราคาถูกๆให้พักมากมาย ระหว่างทางเดินสวนกับ นักท่องเที่ยวเดินเขาหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นชาวตะวันตกทั้งนั้น บางกลุ่มมากันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูกๆ พร้อมด้วยไกด์และลูกหาบ เด็กๆถึงจะตัวเล็กแต่ ท่าทางดูมุ่งมั่น กันเหลือเกิน ถึงจะเดินไกลเป็นสิบกิโลเมตร แต่ไม่มีความรู้สึกว่าเหนื่อยเลย เพราะอากาศเย็นสบาย ทิวทัศน์มองไปทางไหนก็สวยไปหมด ผ่านหมู่บ้าน แวะทักทาย กับผู้คน ถ่ายรูปกับเด็กๆ พอเห็นหน้าผมเท่านั้น แหล่ะเด็กๆ ร้อง ช๊อคโกแลต ๆ เสียดายไม่มีขนมมาแจกน้องๆเลย

ประเทศเนปาล ถึงจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ และการมาเที่ยวเนปาล ค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงมาก คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ถึงเมืองไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย การได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม เพื่อนร่วมโลก ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต ได้สัมผัสบรรยากาศที่ไม่มีในเมืองไทย ประเทศ ที่มี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนตับแตก เนปาลจึงเป็นประเทศที่นักเดินทาง ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม












Create Date : 11 พฤษภาคม 2558
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 11:52:02 น. 2 comments
Counter : 895 Pageviews.

 
อยากเห็นยอดหางปลาในมุมสูงบ้าง ตอนที่ไปโพคารา ฟ้าปิด วิวทะเลสาบไม่แจ่มแบบนี้เลย

เจ้าของบล็อกนี่ เฟ้นหาร้านเพื่อเทียบราคาได้เยอะดีเป็นเราอาจดูไม่กี่เจ้าแถมอาจต่อราคาไม่เก่งด้วยแน่ะ 55

เคยไปเทรกแค่ 4 วันค่ะ ได้เห็นยอดหางปลาชัดๆก็ช่วงวันสุดท้ายใน Grundruk ยังเสียดายที่มีเวลาน้อยอยู่เลย อยากไปยาวๆ มัน คุ้มกว่าเห็นๆ

จริงนะ เห็นฝรั่งบางครอบครัวพาเขาก็พาเด็กมาเทรกด้วย เก๋ มากๆ


โดย: กาบริเอล วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:14:18:44 น.  

 
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทำให้เสียดายที่ยังไม่ได้ไปเที่ยวประเทศนี้ค่ะ


โดย: Maeboon วันที่: 17 พฤษภาคม 2558 เวลา:3:35:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

butterfly angel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับเพื่อนร่วมโลกทุกคน
ข้อความทั้งหมดที่ผมเขียนก็แค่อยากเขียน อยากเล่า อยากถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ตามแบบฉบับของตัวเอง ไม่ได้ยึดหลักการเขียนแบบนักเขียนมืออาชีพ เพราะก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแบบเขียนที่ดีเป็นแบบไหน อยากเขียนแบบไหนก็เขียน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้ความรู้และความบันเทิง ไม่มีมากก็น้อย

ข้อมูลหรือความคิดทั้งหมด เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากใครแวะมาอ่าน โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

ล๊อกอินนี้ใช้ร่วมกับหลานสาวและครอบครัวนะครับ
บางกระทู้ ก็เป็นคนในครอบครัวใช้นะครับ
แต่บล๊อกเป็นงานเขียนของผมคนเดียว




Friends' blogs
[Add butterfly angel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.