Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

วิธีปรับตัวให้เข้ากับหน้าร้อน

หน้าร้อนอากาศร้อนจนจิตใจหงุดหงิดเอาได้ง่าย ๆ แถมยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเจ็บป่วยอีกด้วย เมื่อถึงฤดูที่แสงแดดแผดจ้าเช่นนี้จึงต้องมีการปรับปรุงการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม การอยู่อาศัย ฯลฯ

มีหลักที่อยากแนะนำสำหรับให้ทุกคนนำไปใช้ในการปรับตัวให้เข้ากับหน้าร้อนเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจของคุณทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือคุณคงเปลี่ยนอากาศที่ร้อนแสนสาหัสของเมืองไทยไม่ได้แน่ แต่คุณสามารถที่จะรับมือกับมันเพื่อผ่านฤดูร้อนอันแสนหฤโหดไปได้

เริ่มกันที่การรับมือกับแสงแดด ถ้าไม่มีความจำเป็น ให้หลบแดดข้างนอกมาอยู่ใต้ร่มเงาของอาคารจะดีกว่าโดยเฉพาะแดดช่วง 10.00-16.00 น.แต่หากต้องออกไปเผชิญกับแสงแดด ให้ดื่มน้ำก่อนออกจากบ้านสัก 1-2 แก้ว เมื่ออยู่นอกบ้านแล้วควรหาทางดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 4-6 แก้ว เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก


จากนั้นก็มาดูเรื่องที่พักอาศัยของคุณ ควรปรับสภาพแวดล้อมให้รับกับภาวะอากาศที่ร้อนด้วย เช่น ถ้าในบ้านไม่มีเครื่องปรับอากาศ ก็ควรเปิดหน้าต่างให้มากที่สุดเพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่ถ้ามีเครื่องปรับอากาศ ก็ควรหมั่นตรวจสภาพและทำความสะอาดช่องอากาศด้วยเพราะเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียในเครื่องจะเติบโตเร็วมากในหน้านี้

สุขภาพของคุณก็สำคัญ คุณควรปรับสภาพความพร้อมของร่างกายให้สมบูรณ์ แข็งแรง เตรียมรับกับภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ด้วยการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย

อาหารการกินในหน้านี้ ต้องเลือกบริโภคอาหาร น้ำดื่มและนมให้ถูกสุขอนามัย โดยพิถีพิถันในเรื่องของความสด ใหม่ สะอาด และต้องหมั่นสังเกตในเรื่องของสินค้าหมดอายุที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย เพราะสภาวะอากาศในฤดูนี้จะส่งผลให้อาหารเกิดการบูด เน่าเสียได้ง่าย

ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพราะในหน้าร้อน แอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว เพิ่มแรงดันเลือดสูงมากกว่าในช่วงสภาพอากาศปกติ ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน อาจช็อกได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว

นอกจากระวังสุขภาพของคุณแล้ว เด็กเล็กและคนชราก็ควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ จัดให้พวกเขาอยู่ในที่ที่มีสภาพแวดล้อม มีอากาศระบายถ่ายเทได้ดี ระวัง อย่าให้เด็กวิ่งเล่นจนเกินกำลังในช่วงเวลาที่อากาศร้อนอบอ้าวมาก ๆ เพราะร่างกายจะเกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย

เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาควบคู่กับมนุษย์ สิ่งที่ควรเรียนรู้ก็คือการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาตินั่นเอง วิธีที่บอกกล่าวไปนั้นคงไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกเย็นได้โดยทันทีทันใด แต่อย่างน้อยภัยร้ายที่เกิดในหน้าร้อนคงไม่แวะมาเยี่ยมคุณแน่ ที่สำคัญ ถ้าใจบอกว่าเย็น ร่างกายของคุณก็จะเย็นเอง




 

Create Date : 14 เมษายน 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 13:25:48 น.
Counter : 762 Pageviews.  

8 เคล็ด ความสุขฉบับเรียบง่าย

หากความสุขคุณคือวัตถุ หรือเป็นสิ่งที่ต้องไขว่คว้า ขอแนะนำว่าลองหยุดพักสักนิดแล้วมองหาความสุขรอบตัวกันดีไหม ใครจะไปรู้ ครั้งนี้คุณอาจจะได้เจอความสุขของจริง และยังได้อิ่มเอมใจทุกวันอย่างไม่ต้องหาไปมองหาที่ไหนอีกเลย เป็นอะไรบ้างนั้นลองไปอ่านกันเลย

1. เริ่มทุกวันใหม่
เริ่มต้นความเรียบง่ายของแต่วันกันนับแต่เวลาตื่นนี่ล่ะ เพราะนี่คือเวลาสำคัญที่ทำให้เราสดชื่นไปทั้งวัน ง่ายๆ เพียงขยับตัวออกกำลังเบาๆ ทานอาหารดีๆ และวางแผนในแต่ละวันว่าเราจะทำอะไรวันนี้ให้เสร็จสิ้น ใช้เลวาสักหน่อยกับตัวเองในการพิจารณาถึงเป้าหมายของเรา แล้วออกจากบ้านด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ

2. ชื่นชมศิลปะ
ไม่จำเป็นเลยที่ต้องเป็นการชมศิลปะจริงๆ จังๆ เพราะศิลปะหรือตีความง่ายๆ ว่าความงามนี้มีอยู่ในหลายๆ สิ่ง ไม่ว่า อาคารบ้านเรือน ดอกไม้ข้างทาง เสื้อผ้า อาหาร หรือแม้แต่ภาษา การที่เราได้เห็นความงามจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ก็เป็นความเรียบง่ายที่แสนสุขได้

3. หัวเราะบ่อยๆ
การหัวเราะช่วยบำบัดโรคได้ด้วย มีการวิจัยพบว่าทำให้เราอายุยืนขึ้นเพราะช่วยเพิ่มฮอร์โมนคอร์ติซอล บำบัดโรคเรื้อรัง กล้ามหน้าท้องแข็งแรงขึ้น และทำให้เราสดใส มองโลกในแง่ดี

4.พบปะเพื่อนฝูงและครอบครัว
เป็นการดีทีเดียวที่ควรจะนัดพบเพื่อนฝูงบ้าง และพบหน้าครอบครัวบ่อยๆ หากแยกออกมาอยู่ลำพัง การสื่อสารและการถ่ายพลังทางบวกต่อกัน จะทำให้เราได้เพิ่มภูมิคุ้มกันทางใจ และสร้างการเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีไปในตัว

5. สัมผัสธรรมชาติ
นอกจากคนใกล้ชิด ธรรมชาติอย่างต้นไม้ ใบหญ้า ก็เป็นอีกความสุขเรียบง่ายที่เติมเต็มความสุขได้ ด้วยเพราะธรรมชาติมีพลังและจิตวิญญาณด้านบวก ที่ช่วยส่งเสริมพลังชีวิตเราได้ นั่นเป็นเหตุที่ว่า ทำไมเราจึงสุขใจทุกครั้งแค่ได้มองต้นไม้ เรื่อยไปถึงได้ท่องเที่ยวตามใจชอบ

6. ฝึกให้อภัย
แม้ทางศาสนาพุทธก็ยังบอกว่าอภัยทานคือทานที่สูง และยิ่งถ้าทำได้แล้ว เราจะยิ่งรู้สึกโล่งสบายเหมือนยกภูเขาออกจากอก อย่างนี้แล้วเรามาลดความโกรธ ความเครียด กังวล ที่ล้วนส่งผลลบต่อร่างกายเราออกไปดีไหม

7. ฟื้นฟูจิตวิญญาณ

การเสพข่าวสารหรือเรื่องราวลบๆ ย่อมทำให้ใจเราหดหู่ได้ ในแต่ละวันลองหาเวลาอยู่กับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่การหมกมุ่นอยู่กับข่าวสารบ้านเมือง ดูโทรทัศน์เป็นเวลานาน หรือใช้อินเตอร์เน็ตนานๆ เหล่านี้มีผลกระทบต่อความสุขเราได้โดยแทบไม่รู้ตัว

8. รักษาสุขภาพเสมอ
การรักษาสุขภาพกายรวมไปถึงการทานอาหารที่ดีต่อสภาพร่างกายของเรา การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก และการมองรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพ ไม่ว่า ความเครียด การเดินทาง หรือแม้แต่การสื่อสารต่อผู้อื่น

ที่มา : sabai-arom.com




 

Create Date : 14 เมษายน 2553    
Last Update : 14 เมษายน 2553 23:49:33 น.
Counter : 298 Pageviews.  

เทคนิคง่ายๆผ่อนคลายตัวเอง

ในโลกปัจจุบันนี้ หลายๆคนคงต้องเผชิญกับความเครียดและแรงกดดันต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหาหนทางที่จะผ่อนคลายตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของเราเป็นอย่างมาก บางคนอาจเข้าสปา ไปนวดหน้านวดตัว บางคนไปเที่ยว ซึ่งต่างก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่ความลับของการผ่อนคลายที่แท้จริงก็คือ การควบคุมภาวะจิตใจของเรานั้นเอง ถ้าคุณขาดการควบคุมจิตใจแล้ว การเข้าสปาที่ดีที่ การเที่ยวที่ที่สวยที่สุด ก็ไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้เลย

เทคนิคการผ่อนคลายตนเอง

1.ปัจจุบัน คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
บ่อยแค่ไหนที่คุณมักจะพบว่าคุณเป็นกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คนส่วนมากมักจะมีความวิตกกังวลในเรื่องของอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิตกกังวลไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะอยู่ในโลกแห่งอดีตหรืออนาคต คุณก็จะไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย ฉะนั้นถ้าคุณต้องการผ่อนคลายอย่างแท้จริงคุณจะต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันตนเองอยู่เสมอ

2.สิ่งแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ
ที่ที่คุณอยู่ หรือสภาพแวดล้อมที่คุณต้องเจอก็ส่งผลต่อจิตใจของคุณเช่นเดียวกัน หลายๆคนอาจไม่ได้ตระหนักถึงปัจจัยนี้ แต่ถ้าสังเกตให้ดี การอยู่บางที่ มันก็ยากที่จะรู้สึกผ่อนคลายได้ คราวนี้ เริ่มมองไปที่รอบตัวคุณ ถ้าคุณเห็นสิ่งที่คอยเตือนใจให้คุณทำโน่นทำนี้ คุณคงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างกับห้องของคุณแล้ว

เจ้าพวกของที่คอยกวนใจคุณเป็นเหมือนภาระหนักของจิตใจคุณ จัดการจัดห้องให้เป็นระเบียบและเก็บมันไปให้พ้นหูพ้นตา หาของประดับห้องให้มีความรื่นรมณ์มากขึ้น คุณอาจยอมเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่อง หรือเทียนหอมมาจุด ก็ช่วยให้คุณผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณอีกด้วย

3.การทำสมาธิ
ระหว่างที่เรามีสมาธิ จิตของเราจะอยู่ในความเงียบ สงบ และรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง การทำสมาธิสอนให้เรารู้จักจัดระเบียบของความคิดที่ยุ่งเหยิงของเรา ขณะที่มีสมาธิ จิตของเราจะหยุดนิ่ง ซึ่งนำมาซึ่งความสงบและความเบิกบาน การทำสมาธิจึงเป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุด คุณลองหาเวลาวันละ 10 - 15 นาทีเพื่อทำสมาธิ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกแห่งความสงบและผ่อนคลายที่แท้จริงเป็นอย่างไร

4.ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
การผ่อนคลายไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องปล่อยกายปล่อบใจอยู่ในสปา หรือบนชายหาดตลอดทั้งวัน เราจะต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายท่ามกลางกิจกรรมปกติของเรา การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำอย่างเป็นระบบ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน จะช่วยให้คุณทำงานสบายขึ้น และได้ผลงานที่มากขึ้น ในขณะที่คุณทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ความสบสนวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น แล้วคุณก็จะไม่รู้สึกถึงการผ่อนคลายได้เลย เริ่มทำงานที่สำคัญมากที่สุดและเร่งที่สุดก่อน และค่อยๆทำงานที่สำคัญรองลงมา ค่อยๆทำอย่างรอบคอบ อย่ากดดันตัวเองให้ต้องทำงานให้มากที่สุด การทำวิธีนี้จะช่วยให้คุณทำงานถูกต้องมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความสบายใจมีมากขึ้น นี่แหละคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับคุณ

5.อย่ายึดติดกับความคิดเห็นของคนอื่น
บ่อยแค่ไหนที่คุณยึดติดกับความคิดของคนอื่น ตอนที่เรากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จะพูดอย่างไร นั้นก็คือเราได้สร้างภาระทางใจให้กับตัวเอง เพราะลึกๆแล้ว เราพยายามสนองความต้องการของคนอื่นอยู่ เราก็จะกดดันตัวเองและก็จะไม่มีทางที่จะผ่อนคลายเลย คุณรู้ไหมว่า คนอื่นก็มักจะคอยจับผิดเรา เราจะไม่มีทางดีพอสำหรับคนอื่นได้ ดังนั้น จงอย่าผูกติดตัวเองกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นไม่ว่าจะเป็นในทางบวกหรือลบ

ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น แต่หมายความว่า เราอย่าทำให้ตัวเราต้องรู้สึกสับสนวุ่นวายใจเพียงเพราะความเห็นของคนอื่น เรารับฟังและนำมาคิดด้วยสติอย่างมีเหตุมีผล มันอาจจะทำยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะรู้ว่าคุณยึดติดกับความคิดผู้อื่นน้อยลงเรื่อยๆ

6.ให้เวลากับตัวเอง
แบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะว่างตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หัวหน้า หรือแม้กระทั่งเพื่อน จงรับโทรศัพท์หรือตอบ email ลูกค้า หรือหัวหน้าในเวลาทำงานเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งกวนใจ และบั่นทอนพลังกายและใจของคุณ

7.การเปลี่ยนแปลงก็ดีไม่แพ้การพักผ่อน
ชีวิตเราคงไม่ดีแน่ถ้าเหมือนละครที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา ถ้าคุณพบว่าคุณติดอยู่ในบ่วงของการทำสิ่งที่จำเจทุกวัน ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้วหล่ะ เช่น ถ้าคุณดูโทรทัศน์หรือท่องอินเตอร์เน็ตหลังอาหารเย็นทุกวัน วันนี้คุณลองเปลี่ยนมาเดินเล่นรอบหมู่บ้านดูบ้าง การได้ทำสิ่งอะไรใหม่ๆ พบเห็นสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้อย่างไม่รู้ตัว

การผ่อนคลายง่ายเหมือนแค่การหายใจ เมื่อใดที่คุณรู้สึกเครียดหรือกดดัน คุณลองกำหนดลมหายใจเข้า-ออก หายใจอย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ แค่นี้คุณก็จะรู้สึกถึงความผ่อนคลายได้ไม่ยาก

ที่มา : hbwellness (จาก MCOT.NET)




 

Create Date : 28 กันยายน 2552    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:34:13 น.
Counter : 296 Pageviews.  

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพบหมอ

มีเสียงวิภากษ์วิจารณ์หมอในหมู่คนไข้มากมายแต่ในทางกลับกัน พวกหมอก็คงมีข้อสังเกตเกี่ยวกับคนไข้ ซึ่งมีหลากหลายประเภท เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าพูดมาก เพราะโดยวิชาชีพแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ยิ่งในเชิงการค้าด้วยแล้ว คนไข้คือลูกค้าชั้นดีเลยหล่ะ

อย่างไรก็ตาม การไปปรึกษาไข้กับคุณหมอนั้น ถ้าหากผู้ใช้บริการมีการเตรียมตัวไว้บ้าง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ฝ่ายคุณหมอก็จะได้รับข้อมูบรายละเอียดประกอบการวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้น ฝ่ายคนไข้ก็จะได้รับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้องมากขึ้น

สมุดบันทึกสุขภาพ (Medical Note Book) เป็นเครื่องมือที่ผู้อ่านทุกท่านควรพิจรณาจัดทำไว้ ยิ่งบันทึกละเอียดเพียงใด ก็ยิ่งทำให้ท่านรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น คุณหมอเองเมือเห็นเข้าก็จะรู้จักคนไข้คนนี้ได้ชัดขึ้น


ข้อมูลเบื้องต้นควรประกอบด้วย
* ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหมอ ที่ท่านรู้จัก และติดต่อกันอยู่เป็นประจำ
* ข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ (Allergy) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยา หรืออาหารที่ท่านแพ้ รวมทั้งเวลาแพ้แล้วเกิดอาการแบบไหน
* ยาใดก็ตามที่ท่านกำลังรับประทานอยู่
* ยาที่เคยลองใช้แล้วไม่ได้ผล หรือก่อให้เกิดอาการข้างเคียง อันไม่พึงประสงค์อย่างไรบ้าง
* ประวัติการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อมทอนซิล หรือผ่าคลอด
* สำเนาบัตรประกันสุขภาพต่างๆ ที่มีอยู่
* ผลการตรวจคัดกรอง ตัวอย่างเช่นการตรวจ Pap แมมโมแกรม ไขมันในเลือด (Lipid Profile) การตรวจต่อมไทรอยด์ การนับเม็ดเลือด (CBC)
* ประวัติการสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น การฉีดวัคซีนต่างๆ
* คำถามที่ท่านสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพตัวเอง ที่เตรียมไว้ถาม คุณหมอควรจดบันทึกไว้
* ประวัติครอบครัวว่ามีสมาชิกคนใดในครอบครัวที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น

ผลการวิจัยพบว่าเวลาคนไข้ไปหาหมอแล้วไม่จดบันทึกอะไรไว้เลยนั้น คล้อยหลังไปไม่กี่นาที จะจำข้อมูลที่คุณหมอแนะนำเหลือเพียงครึ่งเดียว แถมข้อมูลที่ฟื้นความจำได้ ครึ่งหนึ่งจะเป็นข้อมูลที่จำมาผิดๆ

ดังนั้นการบันทึกข้อความทั้งคำถามที่เตรียมไปถามคุณหมอ ตลอดจนคำตอบที่ได้รับจากคุณหมอจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว ถ้าขัดเขินหรือไม่แน่ใจก็ชวนญาติหรือเพื่อนสนิทไปร่วมฟังด้วยก็ได้

ที่มา : นิตยสารดิฉัน (จาก MCOT.NET)




 

Create Date : 28 กันยายน 2552    
Last Update : 14 มกราคม 2553 11:35:59 น.
Counter : 314 Pageviews.  

ขจัดกลิ่นเหม็นภายในบ้าน

ใครที่กำลังมองหาวิธีขจัดกลิ่นเหม็นภายในบ้าน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีมาบอก...

- กลิ่นบุหรี่ในห้อง
เปิดหน้าต่างให้โล่ง ใช้สำลีชุบแอมโมเนีย หรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง หรือจะจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่น

- กลิ่นในห้องน้ำ
จุดเทียนไขไว้ในจานเชิง จากนั้นดับให้สนิท ยกไปวางไว้ในห้องน้ำ ปิดประตูทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนจะเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ กลิ่นไม่พึงประสงค์จะหมดไป

- กลิ่นสีทาบ้าน
ผ่าครึ่งหอมหัวใหญ่ตามยาว แล้วนำไปวางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน หอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น จะดูดกลิ่นฉุนของสีทาบ้านให้เบาบางลงได้

- กลิ่นอาหารในครัว
ห้องครัวที่ทำอาหารเป็นประจำมักจะมีกลิ่นฉุน สามารถลดกลิ่นได้ โดยใช้ผงกาแฟโปรยลงบนเตา พอให้เกิดควัน จากนั้นปิดประตูห้องครัวไว้ราว 5 นาที แล้วจึงเปิดประตูตามปกติ กลิ่นจะจางลง ถ้าไม่มีกาแฟ ให้ใช้เกลือป่นหรือผงถ่านละเอียด โรยตามบริเวณที่มีกลิ่นก็ได้

บ้านไหนที่อยากให้กลิ่นเหม็นหายไป ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้




 

Create Date : 18 กันยายน 2552    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:41:34 น.
Counter : 444 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.