Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

นิสัยแย่ๆ ของแต่ละราศี

ราศีเมษ (21 มี.ค. - 20 เม.ย.)

แม้จะเป็นชาวราศีที่น่าตื่นเต้นชวนสนใจกว่าใคร แต่ก็ใจร้อนใจเร็ว ไม่อดทน อยู่สงบๆ ไม่เป็น สะเพร่า บุ่มบ่าม เจ้าโทโส เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก หัวดื้อ ตลบตะแลง ชอบบงการและเพียบพูนด้วยตัณหา ความทะยานอยาก

ราศีพฤษภ (21 เม.ย. - 21 พ.ค.)

ข้อเด่น คือเป็นคนหน้าตาดีเอามากๆ แต่ก็ดื้อหัวชนฝาทีเดียวเชียว นิยมวัตถุ ขี้อิจฉา เจ้าคิดเจ้าแค้น ชอบทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตามใจตัวเอง ดันทุรัง ชอบโต้แย้งเป็นที่สุด

ราศีมิถุน (22 พ.ค. - 21 มิ.ย.)

ถึงจะเป็นคนที่สนุกสนานรื่นเริงเป็นสองเท่าเมื่อคบหา แต่ส่วนเสียประจำราศีนี้ ก็คือ เหลาะแหละ โลเล ขี้เบื่อ กวนประสาท อยู่ไม่สุข ช่างกังวลและเครียดง่าย ชอบสอดรู้สอดเห็น ชอบยักย้ายเปลี่ยนแปลง และมักพาลหาเรื่องทะเลาะวิวาท

ราศีกรกฎ (22 มิ.ย. - 23 ก.ค.)

เป็นชาวราศีที่น่ารักมีน้ำใจกว่าใครอื่น ทว่า ข้อเสียคือชอบผัดวันประกันพรุ่ง ขี้ระแวง นึกถึงแต่ตัวเอง หงุดหงิดง่าย ทำอะไรไม่เรียบร้อย อยากได้โน่นนี่ ไม่ตรงไปตรงมา ขุ่นใจเป็นประจำ หวั่นไหวง่าย ถ้าเป็นหญิงก็มักน้ำตาหยดทุกบ่อย เพราะอารมณ์กระฉูดอยู่ซำเหมอ

ราศีสิงห์ (24 ก.ค. - 23 ส.ค.)

ชาวสิงห์เกิดมาเป็นนักปกครอง จึงมักหยิ่ง ยโส โอหัง เชื่อมั่นตัวเองจนล้นเกิน มีความทะเยอทะยานสูง ชอบคุยโว ชอบวางมาด ขี้อิจฉา เจ้าทิฏฐิ เจ้าเล่ห์ ชอบควบคุม อวดดี ชอบก้าวก่ายแทรกแซง และครบเครื่องเรื่องตัณหา ทั้ง โลภะ ราคะ โทสะ และโมหะ

ราศีกันย์ (24 ส.ค. - 23 ก.ย.)

เป็นชาวราศีที่สุดเซ็กซี่ แต่ก็สามารถครองตำแหน่งจอมจู้จี้ จุกจิก ชอบติ ชอบบ่น เจ้าทุกข์ ช่างวิตกกังวล โลเล ชอบอวดรู้ ชอบโต้แย้ง และ... อาจสำส่อน

ราศีตุล (24 ก.ย. - 23 ต.ค.)

ชาวราศีนี้สุดฟู่ฟ่าก็จริง หากชอบหนีปัญหา ไม่ยอมตัดสินใจไม่ว่าเรื่องอะไร ชอบนินทา เป็นนักยักย้ายเปลี่ยนแปลง ถูกชักจูงง่าย ถูกหลอกก็ง่าย ชอบเหมางาน เจ้าชู้ เอาแต่ใจตัวเอง ทนการวิจารณ์ติติงไม่ได้เลย

ราศีพิจิก (24 ต.ค. - 22 พ.ย.)

มีลับลมคมนัย คิดมาก ขี้หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนง่ายและรุนแรง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดื้อรั้น ขี้โมโห ขี้อิจฉา ชอบเรียกร้องคนอื่น เจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วก็เป็นอีกราศีที่บริบูรณ์ด้วยตัณหานานา

ราศีธนู (23 พ.ย. - 21 ธ.ค.)

เป็นพวกมองโลกในแง่ดีอย่างหลับหูหลับตา อยู่นิ่งไม่ได้ ไม่มีไหวพริบ ชอบเป็นเผด็จการ ไม่ยอมใคร เชื่อมั่นตนเองจนล้นเกิน ชอบเรียกร้องคนอื่น ทื่อมะลื่อ ขวานผ่าซาก ชอบอยู่ตามลำพัง ไม่สนใจใคร และไม่รับผิดชอบ แต่น่าแปลกที่ใครๆ กลับมารุมตอมชาวราศีนี้กัน

ราศีมังกร (22 ธ.ค. - 20 ม.ค.)

เอาใจยาก ช่างติ ขี้ระแวง ทะเยอทะยานสูง หัวรั้น เข้มงวด ช่างวิตกกังวล มักเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ ชอบไต่เต้าแสวงหาตำแหน่งหรือสถานภาพสูงๆ ไม่เคยพึงพอใจอะไรเลย

ราศีกุมภ์ (21 ม.ค. - 19 ก.พ.)

ชาวราศีนี้แม้ดูสมบูรณ์แบบไปหมด แต่เป็นพวกไร้อารมณ์ ไม่มีไหวพริบ ชอบมีความลับ เย็นชา ไม่อ่อนไหว ดันทุรัง ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ต่อต้านสังคม

ราศีมีน (20 ก.พ. - 20 มี.ค.)

นี่ก็เป็นอีกราศีที่ชอบหลบเลี่ยงปัญหา ชอบมีลับลมคมใน และทำตัวเป็นปริศนา ใจลอยเป็นที่หนึ่ง จะพูดจะทำอะไรก็คลุมๆ เครือๆ ไม่ชัดเจน ขี้เกียจหลุดโลก ลังเล อ่อนไหวเกินเหตุ ถูกหลอกหรือถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรได้ง่าย

ไม่รับประกันความแม่นยำ แต่เอามาให้อ่านกันเล่นๆ แก้เซ็งช่วงอากาศร้อนๆค่ะ




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 12 มกราคม 2553 16:06:15 น.
Counter : 314 Pageviews.  

“นอนตะแคงขวา” ดีต่อสุขภาพ

ใครที่พบกับปัญหานอนไม่ค่อยสบายตัว วันนี้เกร็ดความรู้ขอจะแนะนำท่านอน เพื่อให้นอนหลับสบายกันตลอดคืน

นพ.ชนินทร์ กล่าวว่า ท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่านอนอื่น ๆ คือ ท่านอนตะแคงขวา เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะ จะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี

ส่วนท่านอนตะแคงซ้าย จะช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่ควรกอดหมอนข้างและพาดขาไว้ เพื่อป้องกันอาการชา ที่ขาซ้ายจากการนอนทับเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ท่านอนตะแคงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียด บริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมด ในช่วงก่อนเข้านอน คั่งค้างในกระเพาะอาหาร

ส่วนท่านอนคว่ำ เป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัด ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้า มาทางด้านหลังหรือบิดหมุน ไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำ ก็ควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ

ลองหันมานอนตะแคงขวาดู จะได้หลับสบายแถมยังไม่ปวดหลังอีกด้วย

ที่มา : เวบไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 24 เมษายน 2550    
Last Update : 14 มกราคม 2553 12:04:46 น.
Counter : 310 Pageviews.  

10 สัญญาณอันตราย ฟ้องสภาพการเงินส่อเค้าย่ำแย่

คุณรึเปล่า ที่ได้แต่ใช้ชีวิตเพลินๆ ไปวันๆ ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขภาพการเงินเท่าที่ควร

เพราะบางคนอาจจะรู้สึกว่า สภาพคล่องยังไม่ถึงกับติดขัด ยังมีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถอย่างเป็นปกติ มีกินมีใช้อย่างเดือนชนเดือน

แต่อย่างน้อยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง บางทีคุณอาจพบว่า นี่แหละสัญญาณอันตราย กำลังกะพริบเตือนเข้าแล้ว

มีสัญญาณอะไรบ้างล่ะ ที่ฟ้องว่าสุขภาพทางการเงินของคุณกำลังย่ำแย่ Fundamentals ฉบับนี้จะพาคุณตามไปดู เผื่อว่าจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที

****************

จะว่าไปแล้ว สุขภาพทางการเงินก็เหมือนสุขภาพกายนั่นแหละ ถ้าคุณไม่เคยใส่ใจไยดี คุณก็แทบไม่รู้ว่า ความผิดปกติอะไรซ่อนอยู่หรือไม่

แต่ถ้าคุณหัดเป็นคนสังเกตสังกากับชีวิต รู้จักตรวจสอบและใส่ใจกับทุกเรื่องราว เมื่อพบว่ามีอะไรที่ผิดปกติในชีวิต และเราสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ปัญหาร้ายแรงก็จะไม่เกิดขึ้น

"พจนี คงคาลัย" คอลัมนิสต์ ประจำเซคชั่น Fundamentals เจ้าของหนังสือเรื่อง "จน เครียด เก็บตังค์สิ" ให้ความเห็นว่า สุขภาพทางการเงินก็เหมือนกับสุขภาพร่างกายของคนเราที่ต้องหมั่นตรวจเช็คสังเกตอาการเป็นประจำเพื่อความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพทางการเงิน อาการที่บ่งบอกว่าสุขภาพทางการเงินของเราเริ่มอ่อนแอแล้ว

"เวลาเดินไปพร้อมกับอายุเราที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สุขภาพร่างกายเราจะแปรผกผันกับอายุ อายุยิ่งมากสุขภาพยิ่งเสื่อมถอยลง โดยเฉพาะคนที่ตรากตรำทำงานหนักโดยไม่เคยดูแลหรือตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย รู้ตัวอีกทีก็เมื่ออาการโคม่าแล้ว และวันนั้นจะพบว่าเงินที่หามาตลอดทั้งชีวิตหามาเพื่อเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลตอนวัยเกษียณนั่นเอง

ในทางตรงกันข้ามกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หมั่นตรวจเช็คดูแลสุขภาพร่างกายเป็นประจำ ทำให้ทราบถึงความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย และสามารถป้องกันหรือเยียวรักษาได้ทันไม่ปล่อยให้โรคลุกลามจนยากแก้การรักษาช่วยให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมั่นคง"

เอาเป็นว่า ถ้าอาการหน้ามืด วิงเวียน ปวดหัวบ่อยๆ หรืออาการหายใจติดขัด เป็นสัญญาณบางอย่างที่ทำให้คุณรู้ว่า มีความไม่ปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับสุขภาพกายของคุณ อาการหลายอย่างเหล่านี้ก็อาจจะฟ้องว่า สุขภาพทางการเงินของคุณกำลังทำท่าว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก ตามมาดูกันว่าเป็นอาการอะไรบ้าง

@ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชีเลย

ถึงแม้ว่าสถานภาพทางการเงินของคุณ จะอยู่ในระดับที่ "ไม่น่าเป็นห่วง" หรือ "ต้องระมัดระวัง" แต่วันหนึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากทางการเงินคุณอาจแย่ก็ได้ ถ้าพบว่าคุณไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชีเลย

ประเภทมีเท่าไรใช้เกลี้ยง ทุกสิ้นเดือนจบลงด้วยความว่างเปล่า ไม่มีเงินเหลือพอที่จะเก็บเอาไว้ให้อุ่นใจ เมื่อไรที่เกิดเหตุฉุกเฉินในชีวิตขึ้นมา คราวนี้ล่ะหาทางออกลำบาก

คุณอาจจะมองว่า การไม่มีเงินเก็บไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มีกินมีใช้ให้ครบเดือนก็บุญโขแล้ว ถ้ามีเอาไว้จับจ่ายใช้สอยไม่ครบเดือนสิ นั่นแหละถึงน่าเป็นห่วง

แต่ขอให้รู้ไว้เถอะว่า การเป็นผู้ปลอดเงินออมคือ อาการเบื้องต้นของผู้ที่มีสุขภาพทางการเงินอันย่ำแย่ และอาจจะนำไปสู่โรคภัยทางการเงินในที่สุด

@พกบัตรเครดิตมากกว่า 10 ใบ

ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าบัตรเครดิตเป็นประเภทใช้ก่อนผ่อนทีหลัง ยิ่งมีเยอะเท่าไร ก็ยิ่งเป็นพิษภัยกับกระเป๋าสตางค์มากเท่านั้น คุณอาจจะบอกว่า ก็ทำไว้เท่ๆเฉยๆ หรือพกติดกระเป๋าไว้ให้อุ่นใจเท่านั้นแหละ

แต่เมื่อถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน บัตรเครดิตนี่แหละที่เป็นเจ้าตัวร้าย ที่คุณจะคว้ามันแก้อาการติดขัดของเงินทองอยู่เสมอ

ยิ่งพอพกหลายใบเข้า หลายคนเลยใช้บัตรเครดิตเป็นแหล่งหมุนเงินไปโดยปริยาย และด้วยคุณสมบัติของมันที่กดง่ายรูดคล่อง จึงเป็นใจให้การเป็นหนี้เกิดขึ้นได้ง่าย บางคนหันมาใช้วิธีรูดเงินสดจากบัตรนั้นไปโปะบัตรนี้ รูดเงินสดจากบัตรนี้ไปโปะบัตรโน้น ก็เลยกลายเป็นดินพอกหางหมูในที่สุด ท้ายสุดหนี้พันกันเป็นหางว่าวเลยทีนี้

บัตรเครดิตจึงเหมือนแหล่งเพาะชำหนี้ชั้นดีทีเดียว

ไม่ต้องทำบัตรเครดิตถึง 10 ใบ คุณก็เท่และบุคลิกดีได้ ตรงกันข้ามเมื่อไรที่พกบัตรเครดิตมากกว่า 10 ใบ นั่นแหละ สัญญาณไม่ดีเริ่มมาเยือนแล้ว

@ผ่อนชำระตามยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต

จากที่เคยยึดระบบใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น แต่จู่ๆ คุณก็หันมาเริ่มผ่อนชำระตามยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต หรือแค่ 10% ของยอดค้างชำระ

สัญญาณร้ายกะพริบเตือนคุณแล้ว เพราะการชำระแค่ขั้นต่ำ เท่ากับคุณตั้งใจเริ่มต้นสะสมหนี้อย่างเป็นทางการ ยิ่งถ้าทำแบบนี้ทุกๆ เดือน จนติดเป็นนิสัย คราวนี้ก็เตรียมเปิดประตูร้อนรับหนี้ก้อนโตเข้าบ้านได้เลย

พจนีบอกว่าการเริ่มค้างชำระบัตรเครดิต จะนำไปสู่ผลข้างเคียง นั่นคือ ทำบัตรใหม่เพื่อเบิกเงินสดล่วงหน้ามาชำระหนี้บัตรเก่า อาการแบบนี้ต้องเลิกพฤติกรรมการใช้จ่ายเกินตัว ลัทธิเอาอย่าง หลังจากนั้นรับประทานยา" ประหยัด" ทุก 4 ชั่วโมง พร้อมกับกินวิตามินเสริม คือ หารายได้เพิ่ม

"ส่วนใหญ่เมื่อค้างชำระหนี้บัตรเครดิต เพราะเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง พูด ง่ายๆ เงินที่เคยพอใช้จ่ายทุกเดือน จู่ๆ เกิดอาการหมดก่อนเงินเดือนออก อาการแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไรจะมีผลข้างเคียง คือ เริ่มก่อหนี้ หรือกรณีมีเงินออมก็จะเริ่มถอนเงินออมออกมาใช้ ต้องรีบหาสาเหตุของการใช้จ่ายที่ผิดปกติทันที หลังจากนั้น หากรู้จักประหยัดอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการออมและการใช้จ่ายเงินโรคร้ายต่างๆ ทางการเงินไม่มีวันที่จะทำลายสุขภาพทางการเงินของเราได้"

@ ยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่มาชำระเจ้าหนี้รายเดิม

อีกอาการหนึ่ง ที่บ่งบอกได้ว่า ฐานะการเงินของคุณกำลังทำท่าว่าจะไม่ค่อยดี นั่นคือ การยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่มาชำระเจ้าหนี้รายเดิม หรือกู้เงินก้อนใหม่มาโปะหนี้ก้อนเก่า

จากเดิมที่แค่หมุนเงินเฉพาะจากบัตรเครดิตใบต่างๆ อาจจะเริ่มหันไปกู้สินเชื่อบุคคล กู้เงินด่วน หรือแย่กว่านั้นคือ กู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบ

พจนีบอกว่าเมื่อเริ่มเป็นหนี้ครบสูตร โดยเริ่มจากหนี้บัตรเครดิต ลามไปถึงหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้นอกระบบ ผลข้างเคียงของมันคือ จะทำให้ครอบครัวเริ่มไม่เป็นสุข ความสามารถในการทำงานตกต่ำอาจตกงานได้ อาการแบบนี้ต้องตั้งสติให้ดี รักษาโรคที่ร้ายแรงที่สุดก่อน นั่นคือ เร่งกำจัดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงสุด ระหว่างนี้ต้องหมั่นรักษาร่างกายให้แข็งแรงไว้ คือ ต้องขยันขันแข็งในการทำงาน ห้ามก่อหนี้เพิ่ม มีวินัยในการผ่อนชำระ ลดละเลิกพฤติกรรม "การอยู่อย่างอยาก"

@ ถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม

โดยมาก เมื่อฐานะการเงินของคุณง่อนแง่น การชำระหนี้เริ่มไม่เป็นปกติ สิ่งที่คุณอาจจะเจอะเจอคือ ถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม หรือถูกขอให้มีผู้กู้ร่วมจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะความสามารถชำระหนี้ของคุณลดลง

กรณีนี้ บางคนอาจจะไม่เจอ แต่เมื่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้เริ่มรู้สึกว่า พฤติกรรมการชำระหนี้ของคุณ ฟ้องว่าชักมีภาวะเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงจะขอเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม เพื่อให้คุ้มกับมูลค่าหนี้ กรณีที่คุณปล่อยให้หนี้ก้อนนี้เป็นหนี้เสียขึ้นมา

@ไม่สามารถประมาณการหนี้สินทั้งหมด

เมื่อไรก็ตาม ที่คุณแค่รู้สึกว่า กลายเป็นคนที่มีหนี้รุงรังเต็มไปหมด และเริ่มจับต้นชนปลายไม่ได้ว่ามูลหนี้ทั้งหมดมีอะไรบ้าง หรือหนี้ที่งอกงามขึ้นนั้นเกิดจากอะไรบ้าง และรวมกันทั้งก้อนเป็นเงินเท่าไร พูดง่ายๆ คือ ไม่สามารถประมาณการได้มีหนี้สินรวมทั้งหมดเท่าไร

ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพราะคุณสร้างหนี้ซะเพลิน ปล่อยให้หนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต กินใช้อย่างตามใจความอยากจนติดเป็นนิสัย

มาทำนองนี้ เห็นทีจะแย่แล้วสิ ถึงขั้นนี้คงไม่ใช่หนี้ธรรมดาๆ แล้ว แต่คงเยอะจัดจนคุณตาลายกับหนี้กองพะเนิน ทางที่ดี ใช้สติที่เหลืออยู่รีบจัดระเบียบหนี้ให้เข้าที่เข้าทาง

เอาแค่พื้นๆ ก่อนว่า มีหนี้จากบัตรเครดิตทั้งหมดเท่าไร แล้วค่อยๆ แยกซอยออกมาเป็นใบๆ ว่าใบไหนมีหนี้เท่าไร แล้วค่อยไปดูหนี้อย่างอื่นต่อ เช่นหนี้จากสินเชื่อบุคคล หนี้กู้ซื้อบ้าน หนี้ผ่อนรถ หนี้ที่กู้ยืมมาจากเพื่อนฝูงและญาติมิตร ไปจนถึงหนี้จากเจ้าหนี้นอกระบบ

แล้วก็ตามสูตร ลงมือกำจัดหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงที่สุดออกไปจากชีวิตคุณก่อน ที่สำคัญคือ ค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ และอดทน

@ส่งค่างวดผ่อนบ้าน-รถเลท

เคยจ่ายค่างวดผ่อนบ้าน และผ่อนรถตรงเวลาเป๊ะ หรือบางคนตรงดิ่งไปจ่ายที่แบงก์ก่อนครบกำหนดชำระซะอีก แต่ถ้าจู่ๆ ก็ปล่อยให้มันล่าช้าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

แบบนี้ เขาเรียกเกิดอาการสภาพคล่องติดขัด กระแสเงินสดหมุนเวียนไม่เป็นปกติ สัญญาณแบบนี้อย่านิ่งนอนใจไป ต้องรีบตรวจเช็คว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับสุขภาพทางการเงินของคุณ

เมื่อพบว่าต้นตอของปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องรีบสะสางให้จบโดยเร็ว อย่าปล่อยปละละเลยด้วยการส่งค่างวดบ้านและรถล่าช้า เพราะนั่นอาจกระทบถึงเครดิตทางการเงินในระยะยาวของคุณ

ทางที่ดี ถ้าเริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระ รีบเข้าไปหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ บอกกล่าวถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหา

@ขอหยุดส่งประกันกลางทาง

ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องส่งประกันเป็นประจำทุกปี ซึ่งโดยปกติในปีแรกๆ หลายคนจะยังส่งด้วยรอยยิ้ม แต่พอนานเข้าบางคนก็รู้สึกเหมือนแบกภาระอันหนักอึ้งเอาไว้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง เช่น ตอนตัดสินใจทำลืมประเมินตัวเองในระยะยาว ว่ามีความสามารถในการผ่อนแค่ไหน ด้วยแรงยุของคนขายประกันเลือกวงเงินไว้ซะเยอะ หรือบางคนอาจจะมีรายได้ไม่แน่นอน ทีแรกคิดว่าส่งไหว แต่ไปๆ มาๆ ชักไม่ค่อยไหว หรือบางคนอาจจะเจออุบัติเหตุชีวิต ปีก่อนๆยังไม่มีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่ปีนี้มีเหตุจำเป็นทำให้ส่งไม่ไหว เลยต้องหยุดเอากลางคัน

การหยุดส่งประกันรายปี เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ส่งสัญญาณเตือนให้คุณหันมาใส่ใจกับสุขภาพทางการเงินให้มากขึ้น ทางที่ดี ถ้ารู้ว่ามีภาระต้องส่งประกันแบบนี้ และไม่อยากเกิดอาการสะดุด ก็ลองเก็บออมเงินไว้เป็นเดือนๆ

เช่น คุณต้องส่งปีละ 36,000 บาท ในแต่ละเดือนก็เก็บไว้เดือนละ 3,000 บาท พอถึงกำหนดเดือนที่ต้องส่งค่าประกัน คุณก็จะรู้สึกว่าต้องขวนขวายหาเงินก้อนมาส่งค่าประกัน ทำแบบนี้ เป็นการสลัดคำว่า "ภาระ" ให้พ้นจากการออมผ่านประกัน ต่อไปก็จะมีทัศนคติที่ดีกับการทำประกัน

@ต้องยอมขายหุ้นทั้งที่ยังขาดทุน

ปกติคุณก็เป็นนักลงทุนระยะยาวดีๆ อยู่ เพราะไม่อยากซื้อๆ ขายๆ แต่ถ้าวันดีคืนดี ต้องยอมขายหุ้นทั้งที่ยังขาดทุนอยู่ แบบนี้ อาการค่อนข้างชัดเลยว่า "ร้อนเงิน"

เพราะถ้าคุณลงทุนด้วย "เงินเย็น" ถึงแม้ตลาดหุ้นจะร่วงระเนระนาดแค่ไหน แต่ถ้าคุณยังเห็นว่าหุ้นตัวนั้น พื้นฐานดีมีอนาคต ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องรีบขาย เงินเย็นจะทำให้คุณรอได้ และไม่ต้องยอมขายทั้งที่ยังขาดทุนอยู่

เหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพทางการเงิน คุณอาจไม่ได้มีอาการครบทุกข้อข้างต้น แต่ถึงแม้มีอาการใดอาการหนึ่งเกิดขึ้นกับคุณ แค่นี้ก็นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว ลงมือเยียวยาอาการโรคภัยทางการเงินนั้นซะ จะได้ไม่ต้องใช้คำว่า "โคม่า"

ที่มา : บทความของคุณกาญจนา หงษ์ทอง จากเวบไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ




 

Create Date : 24 เมษายน 2550    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:48:04 น.
Counter : 331 Pageviews.  

สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้ ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรา!

วันนี้. . .เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง

จนคิดว่าเราขาดไม่ได้

แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป

สักวันเราจะรู้ว่า. . .สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้

เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา

ไม่ใช่. . .ทั้งหมดของชีวิตเรา

วันหนึ่ง. . .หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่

ที่เราคิดว่าเราพึงใจ ปรารถนา. . .ต้องการ. . .ขาดไม่ได้

เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก

เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า. . .

ความผูกพันกับสิ่งใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง

จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ

อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตหลุ่มหลง

คิดเสียว่า. . .เราโชคดีที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก

ความผูกพัน. . .ก็เหมือนกับความรัก

หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก

หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก

เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก

แต่ความผูกพันที่ว่า ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง. . .

ไว้กับสิ่งนั้น เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง

เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ

ในยามเช้าเราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม

พออากาศร้อนหน่อย เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ

บางครั้งที่เราไม่สบาย เราอาจต้องการน้ำอุ่น

ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ

ในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม

หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ

แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันทีในแก้วใบเดียวกัน

เราก็จะพบว่าแก้วใบนั้น ก็จะร้าวแล้วเริ่มแตก

ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา. . .

ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่งไม่ผิด

ถ้าเราค่อยๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง

ให้กลับคืนในเวลาที่ควร

เพราะอย่างน้อยที่สุดเราก็มีโอกาสได้ผูกพัน

ซึ่งก็เหมือนเราได้มีโอกาส “ได้รัก” นั่นเอง!!

ข้อมูลจาก : ฟอร์เวิร์ดเมล์




 

Create Date : 24 เมษายน 2550    
Last Update : 24 เมษายน 2550 17:56:33 น.
Counter : 309 Pageviews.  

คำถามจิตวิทยา...ลองตอบดูแล้วคุณจะรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน

1. คุณกำลังเดินไปตามทางเดิน แล้วเห็นอะไรอยู่รอบตัว
ก. ป่าทึบ มองขึ้นข้างบนแทบไม่เห็นท้องฟ้า
ข. ทุ่งข้าวโพดเหลืองอร่ามตัดกับสีขอบฟ้า
ค. เนินเขาสีเขียว เห็นภูเขาอยู่ลืบๆ

2. คุณเห็นอะไรตกอยู่ข้างๆ เท้า
ก. กระจก
ข. แหวน
ค. ขวด

3. เก็บมันขึ้นมาไหม
ก. เก็บ
ข. ไม่เก็บ

4. เดินต่อไปเจอแหล่งน้ำ แหล่งน้ำที่ว่าคือ…
ก. ทะเลสาบใส
ข. น้ำตก
ค. ลำธาร

5. กุญแจที่จมอยู่ในน้ำซึ่งคุณกำลังจะเก็บขึ้นมานั้นมีลักษณะอย่างไร
ก. กุญแจบ้าน
ข. กุญแจโบราณ
ค. กุญแจล็อคเกอร์เล็กๆ

6. ต่อมาเจอะบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นเป็นบ้านแบบไหน
ก. แมนชั่นหรูแบบละแวกฮอลลีวู้ด
ข. กระท่อมพร้อมสนามหญ้า
ค. ปราสาทสวยโทรมๆ

7. แล้วทำยังไงต่อ
ก. มองเข้าไปทางหน้าต่าง
ข. เข้าไปสำรวจ
ค. ไม่สน… แล้วเดินต่อไป

8. ทันใดนั้นก็มีบางอย่างกระโจนใส่ ทำให้คุณตกใจ สิ่งนั้นคือ
ก. หมี
ข. พ่อมด
ค. เหยื่อที่ใช้ตกปลา

9. ด้วยความตกใจคุณจึงวิ่งไปจนถึงกำแพงมีประตูคุณจึงมองลอดรูกุญแจก็เลยเห็น
ก. สวนเขียวขจีในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง
ข บ่อน้ำกลางทะเลทราย
ค. ชายหาดและเกลียวคลื่น

เฉลยคำถาม


คำถามที่ 1 ทัศนคติของคุณเกี่ยวกับตัวเอง
ก. คนอื่นมองว่าคุณเป็นคนที่น่าสนใจเพราะคุณปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพื่อนๆรักคุณ
เพราะคุณเป็นนักฟังที่ดี

ข. เป็นคนฉลาด ซื่อสัตย์และน่ารักเป็นมิตรกับทุกคนและไม่ค่อยมีเรื่องกับใครแถมยังเป็นตัวแทนข องความร่าเริง สนุกสนาน ใครๆจึงมักจะเข้ามาพูดคุยด้วย
ค. เป็นคนติดดิน และผู้คนเขาก็รักคุณเพราะนิสัยเป็นคนตรงๆ นี่แหละคุณคือนักไกล่เกลี่ยปัญหาเพราะคุณจะรับฟังความของทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสิน ว่าใครถูกใครผิด

คำถามที่ 2 ลักษณะของคู่รักที่คุณมองหา
ก. แฟนคุณต้องเป็นคนที่จะร่วมชีวิตกันในอนาคต แต่คุณควรเปิดใจให้กว้างเพราะเขา/เธอที่สมบูรณ์ตามแบบของคุณ อาจไม่ค่อยมีเสน่ห ์มากนัก
ข. คุณป็นคนโรแมนติกยามรักก็จะทุ่มเทเพื่อถนอมรักไว้ให้ดีที่สุดเพราะคุณเชื่อว่าร ักแท้จะคงอยู่ตลอดกาลและคุณก็อยากให้แฟน ห่วงใยดูแลคุณเสมอ
ค. คุณชอบคนที่กล้าแสดงความเก่ง ทะเยอทะยาน และ จริงจัง ฉะนั้นพวกหล่อ/สวยอย่างเดียวน่ะไม่ผ่าน

คำถามที่ 3 ความพร้อมที่จะผูกมัดกับใครซักคน
ก. ถ้าใช่ก็ได้เลย
ข. ดูใจกันไปเรื่อยดีกว่า

คำถามที่ 4 รักคุณซึมลึกขนาดไหน
ก. คุณจริงจังกับความสัมพันธ์เอามากๆ ถ้าพบคนที่ใช่คุณก็จะรักเขา/เธอคนั้นสุดหัวใจ
ข. เพศตรงข้ามคิดว่าคุณเซ็กซี่มากเพราะคุณหว่านเสน่ห์เก่งชาย/หญิงหลายขโยงจึงพากั น หลงใหลคุณ
ค. ทักษะการจีบของคุณเป็นเลิศ คุณจึงเปลี่ยนคู่ควงได้ไม่ซ้ำหน้า

คำถามที่ 5 ความสำคัญของการศึกษา
ก. การศึกษาสำคัญน้อยกว่าโลกภายนอกที่รออยู่เบื้องหน้าลึกๆแล้วคุณอาจจะอยากเริ่มท ำงานและออกมาอยู่เอง
ข.การศึกษาสำคัญที่สุดคุณอยากเรียนหนักๆจะได้ซึมซับความรู้ไว้ให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้
ค. คุณอาจจะไม่ชอบเรียน แต่มีความคิดดีๆมากมายคุณเชื่อสัตชาตญาณและสมองของตัวเองฉะนั้นคุณอาจลงเอยด้วย อาชีพที่ไม่เหมือนใคร

คำถามที่ 6 งานเหมาะๆ
ก. คุณมีเป้าหมายเยอะและพยายามทำทุกอย่างสุดๆงานที่ชอบจึงต้องเป็นงานที่ได้แสดงพลังคุณปรารถนา ความสำเร็จอย่างที่สุด
ข. คุณยึดหลักความเป็นจริงในการเลือกอาชีพและมุ่งมั่นจะเติบโตในสายงานที่คุณเลือก
ค. อาชีพที่คุณฝันไว้เป็นไปได้ยากในชีวิตจริงน่าจะมองๆหาอะไรใกล้ตัวทำไปก่อนดีกว่าไม่งั้นอาจเศร้า

คำถามที่ 7 ความสำเร็จมีความหมายแค่ไหน
ก. คุณกลัวล้มเหลวเลยไม่กล้าเริ่มต้นจงอย่าเพิ่งยอมแพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำ
ข. คุณมั่นใจว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ เพราะจะไม่มีสิ่งไหนมากั้นขวางคุณได้
ค. ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องใหญ่คุณพอใจในสิ่งที่มีอยู่และชอบที่จะอยู่กับคนที่คุณรักมากกว่าจะทุ่มชีวิตไปกับการงานหรือดำรงตำแหน่งสูง

คำถามที่ 8 คุณกลัวอะไรมากที่สุด
ก. คุณกลัวที่จะไม่มีใครให้พึ่ง หรือกลัวเลี้ยงตัวเองไม่ได้
ข. คุณกลัวในสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเพื่อกลบเกลื่อนคุณก็เลยใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปบ้าง
ค. คุณเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองในสายตาคนอื่นเอามากๆ จึงพยายามสุดชีวิตที่จะได้รับการยอมรับจากผู้คนคุณต้องเชื่อในการตัดสินใจของตั วเองบ้างแล้ว

คำถามที่ 9 ตัวตนของคุณคือ…
ก. คุณเป็นผู้ใหญ่มีความคิดความอ่าน ซื่อสัตย์ กล้าแสดงความเห็นผู้คนจึงมาขอคำปรึกษาในเรื่องต่างๆ แต่คุณอาจแย่ถ้าเจอปัญหาที่ต้องใช้หัวใจมิใช่สมอง
ข. คุณต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะชอบอยู่กับความคิดของตัวเองและมักจะแว่บหายยามเข้าตาจน แต่คุณจะรู้สึกดีขึ้นถ้าระบายกับคนที่คุณไว้ใจซะบ้าง
ค. คุณเป็นคนที่เต็มที่กับชีวิตและกล้าแสดงออก แต่เดาอารมณ์ยากและเปลี่ยนความคิดได้เรื่อยๆ บางครั้ง คุณก็เหมือนมหาสมุทร…สงบได้…แต่ไม่นาน

ลองทำกันเล่นๆ แก้เซ็งช่วงอากาศร้อนๆค่ะ




 

Create Date : 16 มีนาคม 2550    
Last Update : 12 มกราคม 2553 16:06:43 น.
Counter : 382 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.