Mygazine : เก็บทุกสิ่งที่สนใจ

Biological clock, นาฬิกาชีวิต

การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง

อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว)

การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต”

1.00-3.00น

เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราทินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับ คือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ

1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนักตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามากจึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

3.00-5.00น

เป็นช่วงเวลาของปอด ควรตื่นขึ้นมาสูดอากาศรับแดดตอนเช้า ผู้ที่ตื่นช่วงนี้ประจำ ปอดจะดี ผิวดี และเป็นคนมีอำนาจในตัว???

5.00-7.00น

ลำไส้ใหญ่ ควรถ่ายให้เป็นนิสัย ถ้าไม่ถ่ายให้กดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก ถ้ายังก็ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว หรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง คนที่ถ่ายยากต้องกินข้าวเช้า บางคนไม่กินข้าวแต่กินกาแฟ ร่างการจะดูดกากอาหารตกค้างซึ่งกำลังจะเป็นอุจจาระเข้าไปใหม่ เท่ากับกินกาแฟแกล้มอุจจาระ

คนเรามักไม่ตื่นกันตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่ลำไส้ต้องบีบอุจจาระลง เมื่อไม่ตื่นจึงบีบขึ้น เมื่อไม่ถ่ายตอนเช้าลำไส้ใหญ่จึงรวน แล้วจะมีอาการปวดหัวไหล่ กล้ามเนื้อเพดานจะหย่อน แล้วจะนอนกรนในที่สุด

7.00-9.00น

กระเพาะอาหาร กินเข้าเช้าตอนนี้จะดี กระเพาะแข็งแรง ถ้ากระเพาะอ่อนแอ จะทำให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

ถ้าไม่กินข้าวเช้าอุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ กลิ่นตัวจะเหม็น ถ้าถ่ายออกหมดจะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่

9.00-11.00น

ม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย หน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดหัวบ่อยมักมาจากม้าม อาการเจ็บชายโครงมาจากม้ามกับตับ

- ม้ามโต จะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
-ม้ามชื้น อาหารแและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่าย

คนที่หลับช่วง 9.00-11.00 ม้ามจะอ่อนแอ ม้ามยังโยงไปถึงริมฝีปาก คนที่พูดมากช่วงนี้ม้ามจะชื้น ควรพูดน้อยกินน้อย ไม่นอนหลับ ม้ามจะแข็งแรง

11.00-13.00น

หัวใจ หัวใจจะทำงานหนักช่วงนี้ ให้หลีกเลี่ยงความเครียด หรือใช้ความคิดหนัก หาทางระงับอารมณ์ไว้

13.00-15.00น

ลำไส้เล็ก **ควรงดกินอาหารทุกประเภท** เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดสารอาหารที่เป็นน้ำเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง

15.00-17.00น

กระเพาะปัสสาวะ จะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด ช่วสงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก จะออกกำลังการหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อย จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เหงื่อเหม็น

17.00-19.00น

ไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนตอนนี้ ถ้าง่วงแสดงว่าไตเสื่อม ยิ่งหลับแล้วเพ้อ อาการยิ่งหนัก

-ไตซ้าย คุมสมองด้านขวาคือความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้ามีปัญหา อารมณ์นี้จะหมดไปเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่ไม่ปล่อยวาง และขี้ร้อน
-ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้ามีปัญหาความจำจะเสื่อมและเป็นคนขี้หนาว ผู้ใดที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนอายุยืน เป็นคนกล้า

ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต จะทำงานหนักเป็นโรคไต สมองเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลด

การดูแลคือ เช้าอาบน้ำเย็น เย็นอาบน้ำอุ่น

19.00-21.00น

เยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงนี้ควรสวดมนต์ ทำสมาธิ ให้ระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ

21.00-23.00น

เวลาของระบบความร้อนของร่างกาย ต้องทำร่างายให้อุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นเวลานี้จะเจ็บป่วยได้ง่าย ช่วงนี้อย่าตากลมเพราะลมมีพิษ

23.00-1.00น

ถุงน้ำดี เป็นถุงสำรองน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ อวัยวะใดขาดน้ำ จะดึงมาจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น อารมจะฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ตอนเช้าจะจาม ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอด จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00น

เพิ่มเติม
ช่วงลำไส้เล็กซึ่งสำคัญมาก ทุกวันนี้ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม แม้จะบอกว่าเป็นถั่วเหลือง หรือเมล็ดทานตะวันก็ตาม ถ้าเป็นน้ำมันธรรมชาติล้วนๆ เช่น น้ำมันมะกอกก็จะไม่เป็นปัญหาต่อลำไส้เล็ก เมื่อน้ำมันปาล์มโดนความร้อนจะทำให้เหนียวหนืด เวลาโฆษณาบอกว่าไม่เป็นไข แต่พอเข้าร่างกายแล้วจะไปเกาะที่ลำไส้ เวลาดื่มน้ำ น้ำก็ไม่สามารถทะลุผ่านลำไส้ ทำให้ต้องฉี่บ่อยๆ บางคนดื่มไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องลุกไปฉี่ ไตก็จะทำงานทำงานหนัก ไตควบคุมกระดูกและสมอง กระดูกก็เสื่อม เลือดไปเลี้ยงสมองก็น้อย สมองเสื่อมอีก เมื่อน้ำก็ไม่เข้าร่างกาย แต่สิ่งที่ผ่านไปได้คือวิตามิน A D E แต่ C กับโปรตีน กรดอะมิโน ผ่านไม่ได้จึงส่งผ่านไปให้ไต ไตก็ทำงานหนักขับโปรตีนออกมา

เมื่อเป็นปัญหาที่ไต น้ำผ่านไม่ได้ ถุงน้ำดีก็ข้น ทำให้ตื่นนอนหรือนอนไม่หลับช่วงห้าทุ่มถึงตีสาม ไปหลับอีกทีช่วงเช้ามืดซึ่งควรตื่นนอนแล้ว จึงเกิดไมเกรน หมอปัจจุบันต้องรอให้ปวดหัวก่อนถึงรู้ว่าเป็นไมเกรน แต่แผนโบราณบอกได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการคอแห้ง ร้อนใน ปวดตามซี่โครง ปวดขาด้านข้าง เสียวฟัน ปลายประสาทฟันเหงือกอักเสบตลอดเวลา ถ้าหาหมอฟัน ก็จะถอนให้ พอปวดกระบอกตา ปวดหูก็บอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ต้นเหตุจริงๆ มาจากถุงน้ำดีข้น เลือดก็เลี้ยงสมองส่วนหน้าไม่พอ ตาก็เป็นต้อง่าย จมูกเป็นไซนัสง่าย ภูมิแพ้ง่าย เป็นผลพวงมาจากลำไส้เล็กไม่สะอาดทั้งสิ้น

วิธีแก้
้ตามธรรมชาติ ก็ใช้โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว กินเข้าไปจะล้างลำไส้ได้ ช่วงย่อยขยะในลำไส้ สูตรนี้กินตอนเช้าลดความอ้วน กินตอนเย็นเพิ่มความอ้วน

ถ้ามีผลต่อเนื่องจากลำไส้เล็ก เช่นโรคไต การที่ผมเปลี่ยนสีเพราะไตเริ่มเสื่อม อาการซ้ายขวาไม่เหมือนกัน อ่านได้ข้างบน เห็ดหูหนูดำเป็นตัวดูแลไตที่ดี เห็ดหูหนูขาวบำรุงปอด ถ้าเอาเห็ดสาม (รวมเห็ดหอมมั้ง) อย่างมาปรุงอาหารรวมกัน จะสามารถล้างพิษในตับได้ รักษามะเร็ง รักษาตับ ซิสต์ เนื้องอก จะเอามาทำอะไรก็ได้ แกงเลียง ต้มยำของหวาน ได้ทั้งนั้นใครขี้เกียจอ่านยาวๆ มาอ่านตรงนี้ ก็พอ

สรุป
1.00-3.00 นอนซะ (ตับ)
3.00-5.00 ตื่นมาสูดอากาศ (ปอด)
5.00-7.00 ขับถ่าย (ลำไส้ใหญ่)
7.00-9.00 กินข้าวเช้า (กระเพาะ)
9.00-11.00 อย่าพูดมาก กินน้อยๆ อย่านอน (ม้าม)
11.00-13.00 หลีกเลี่ยงความเครียด (หัวใจ)
13.00-15.00 ห้ามกิน (ลำไส้เล็ก)
15.00-17.00 ออกกำลังหรืออบตัวให้เหงื่อออก (กระเพาะปัสสาวะ)
17.00-19.00 ทำให้สดชื่น อย่าง่วง (ไต)
19.00-21.00 ทำสมาธิ (เยื่อหุ้มหัวใจ)
21.00-23.00 ทำตัวให้อุ่นๆ ไว้ (ระบบความร้อนของร่างกาย)
23.00-1.00 กินน้ำก่อนนอน (ถุงน้ำดี)




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2553 11:47:47 น.
Counter : 348 Pageviews.  

สุขภาพ : ทำไมเวลาตากฝน แล้วถึงเป็นหวัด

เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาตากฝน โดยเฉพาะเวลาศีรษะเปียกฝน แล้ววันต่อมา เร่ิมมีอาการของหวัด เช่น มีอาการจาม คัดจมูก หรือมีน้ำมูก วันนี้ ผมมีคำอธิบาย และมีคำแนะนำเวลาตากฝน

โรคหวัด ก็คือโพรงจมูกอักเสบจากการติดเชื้อ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากไวรัส มีไวรัสเป็นร้อยชนิด ที่ทำให้เกิดไข้หวัดได้ ไวรัสเหล่านี้ กระจายฟุ้งอยู่ในอากาศ แล้วก็ตกลงอยู่ทีพื้น หรือเกาะ

อยู่ตามฝุ่น ไวรัสเหล่านี้ สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน ในช่วงปกติ เราก็จะสัมผัสกัับไวรัสเหล่านี้อยู่บ้าง แต่เนื่องจากปริมาณมีไม่สูง รวมทั้งภูมิต้านทานของร่างกาย และสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เรา

จึงไม่เป็นโรคหวัด

ก่อนฝนตก มักจะมีกระแสลมที่แรง ลมเหล่านี้ จะพัดให้ไวรัสให้ฟุ้งกระจายปริมาณมาก หากเราอยู่ในบริเวณนั้น ก่อนฝนตก โอกาส ที่จะสัมผัสไวรัสในปริมาณมากก็มีมากขึ้น ดังนั้น พยายามอย่าอยู่

ในที่โล่งแจ้้งโดยเฉพาะเวลาก่อนฝนตกนะครับ หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูก ในช่วงเวลานั้นก็ได้ครับ

หากเราตากฝน ศีรษะของเราก็จะเปียกฝน เชื้อโรคไม่ได้เข้าทางศีรษะนะครับ แต่การที่ศีรษะเปียกฝน จะมีผลทำให้อุณภูมิที่พื้นผิวของเยื่อบุจมูกลดต่ำลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิ

ระดับนี้ เหมาะสมสำหรับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสที่ตกค้างอยู่ในช่องจมูก ประกอบกับการสัมผัสเชื้อไวรัสปริมาณมากช่วงก่อนฝนตก ก็เลยทำให้มีไวรัสจำนวนมากบริเวณเยื่อบุจมูก ภูมิต้านทาน

ของร่างกาย จึงไม่อาจต้านทานเชื้อเหล่านี้ได้อีกต่อไป ก็เลยเกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก เกิดอาการบวมของเยื่อบุจมูก ทำให้คัดจมูก รวมทั้งเกิดการสร้างสารคัดหลั่งมากขึ้น ซึ่งก็คือน้ำมูก นั่นเอง

หากเชื้อไวรัสลุกลามไปที่ลำคอ ก็จะทำให้เกิดคออักเสบตามมาได้

นอกจากศีรษะที่เปียกฝน ที่มีผลต่ออุณหภูมิในจมูกแล้ว อุณหภูมิบริเวณมือและเท้า ก็มีผลด้วยเช่นเดียวกัน การที่รองเท้าเราเปียกน้ำ และต้องแช่อยู่ในนั้นนานๆ ก็มีผลทำให้อุณภูมิในจมูกลดลง นำ

ไปสู่อาการเป็นหวัดได้

วิธีการป้องกัน ไม่ให้เกิดหวัดเวลาศีรษะเปียกฝนก็คือ

1. หลบฝนในที่ร่มเสียก่อน รอจนฝนหยุด แล้วค่อยเดินทางต่อ

2. ใช้ร่มเพื่อบังศีรษะของเราไว้

3. หากศีรษะเปียกฝน รีบเช็ดให้แห้งเมื่อมีโอกาส ถ้าจะให้ดี สระผมไปเลยก็ได้ แล้วเช็ดหรือเป่าให้แห้งโดยเร็ว

4. รีบทำให้ร่างกายอบอุ่น

5. อาจแช่เท้าทั้งสองข้างในน้ำอุ่น เพื่อช่วยเปลี่ยนอุณภูมิที่พื้นผิวของจมูก ทำให้ไม่เหมาะต่อการแบ่งตัวของเชื้อโรค

6. รับประทานผลไม้ ที่มีวิตามินซีสูงๆ เช่น ส้ม วิตามินซี จะช่วยเสริมสร้างเซลและเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป ช่วยป้องกันการเป็นหวัดได้

วิธีการง่ายๆ เหล่านี้ ก็ทำให้คุณไม่เป็นหวัดง่ายๆ ในหน้าฝนนี้ครับ

โดย นพ.สมศักดิ์ หวานกิจเจริญ April 30th, 2007




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2553 11:48:23 น.
Counter : 432 Pageviews.  

วิธีป้องกันภัยกับคนรักรถ รอดพ้นเงื้อมมือโจร!

ข่าวตำรวจทลาย แก๊งโจรกรรมรถยนต์ มีให้เห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์รวมถึงสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้และป้องกันอย่างเต็มที่ แต่โจรก็คือโจร มันก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะเอารถเราไปจนได้ หากมันหมายตาไว้แล้ว

วันนี้จะบอกให้รู้ถึงวิธีการป้องกันอย่างง่ายซึ่งหลายคนอาจจะรู้หรือเคยอ่านผ่านกันมาแล้ว แต่เพื่อเป็นการเตือนให้ระวัง เราจึงนำมาให้พวกท่านอ่านอีกอีกครั้ง ย้ำ...โปรดอ่านอีกครั้ง

ก่อนลงมือโจรกรรม ฝ่ายนักแซ๊งทั้งหลายจะต้องรู้ ออเดอร์ หรือ ใบสั่ง ก่อน ว่าต้องการรถอะไร ยี่ห้อ รุ่น ขนาด หรือสีอะไร จากนั้นจะออกตระเวน ไปในที่ต่าง ๆ เพื่อหารถตาม ใบสั่ง ส่วนมากจะหาในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพราะมีรถตามที่ต้องการมาก วิธีการโจรกรรม มีอยู่หลายวิธี ทั้งวิธีการเก่าๆ และที่ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ ผสมผสานกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า คนร้ายได้ศึกษาวิธีการ และกลไกการป้องกัน การโจรกรรมรถ ของเจ้าของ และฝ่ายเจ้าหน้าที่ทุกวิถีทาง ฉะนั้นเราจึงควรต้องป้องกันรถของเราเอง เพราะหากหวังที่จะพึ่งพาตำรวจเพียงอย่างเดียวคงได้แต่นั่งช้ำใจแน่นอน

วิธีป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ที่แนะนำอาจจะดูว่าธรรมดา แต่หากเราป้องกันไว้ก่อนก็คงพอจะช่วยบรรเทาได้บ้าง คือเมื่อซื้อรถใหม่ ควรติดตั้งอุปกรณ์ กันขโมยเพิ่มเติม เช่น เปลี่ยนกุญแจใหม่ ติดตั้งชุดล็อคเกียร์ ล็อคครัช ล็อคพวงมาลัย และสัญญาณกันขโมย เพราะคนร้ายชอบขโมยรถใหม่ ๆ เนื่องจาก ขายต่อได้ง่าย มีราคาสูง โดยเฉพาะ บรรดารถ ยอดนิยมต่าง ๆ อาทิ รถปิคอัพ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถเก๋งรุ่นใหม่ ๆ เมื่อเจ้าของรถได้รถมาใหม่ มักยัง ไม่ติดตั้งอุปกรณ์กันขโมย เมื่อจอดไว้ใน ที่ไม่ปลอดภัย คนร้ายฉวยโอกาส โจรกรรมรถ ไปได้โดยง่าย ๆ ฉะนั้นอย่าดูแคลนขโมยพวกนี้ เพราะคนจำพวกนี้หูตาไวนักเชียว

แต่หากไม่มีเงินถอยป้ายแดง แต่อยากมีรถจำต้องซื้อมือสอง เพื่อความสะดวกสบายในการชีวิตประจำวัน ซึ่งเมื่อตกลงซื้อรถเก่า จากเจ้าของ หรือจากเต็นท์ขายรถ ต้องขอ หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง และสำเนาทะเบียนรถ มาตรวจสอบ กับทะเบียนรถ ในท้องถิ่นที่ รถนั้นจดทะเบียน ไว้เสียก่อน เพราะอาจเป็นรถ ที่ไม่ถูกต้อง หรือขโมย มาสวมทะเบียน เมื่อซื้อรถมาแล้ว ควรต้องเปลี่ยนกุญแจ และติดตั้งอุปกรณ์ กันขโมยเช่นเดียวกับ รถใหม่ พึงระมัดระวัง ระลึกอยู่เสมอว่า คนร้ายจ้องรอโอกาส ขโมยรถของท่านอยู่ อย่าคิดว่ารถเก่ามันจะไม่เอานะ พวกนี้มันเอาหมดแหละ...ขอบอก

เมื่อมีรถและติดตั้งอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมก็อย่าดูแคลนโจรร้ายเหล่านี้ การจอดรถก็ต้องระวัง เพราะการจอดรถไม่ว่าจะจอดในที่ส่วนบุคคล ที่สาธารณะ แม้จอดทิ้งไว้ระยะสั้นหรือ จะจอดนานเพื่อไปทำธุระ หรือทำงาน ก็ตาม ไม่ควร จอดไว้ห่างไกลจนเกินไป ควรมีคนเฝ้า หรือ รปภ. ดูแลและก่อนทิ้งรถ ควรไปตรวจสอบ การล็อคกุญแจประตู และใช้ อุปกรณ์ กันขโมย ให้ครบถ้วน อย่าทิ้งทรัพย์สิน สิ่งของมีค่า ไว้ในรถ ล่อตาคนร้าย บางครั้งรถ ไม่หายแต่ ของหาย มันก็น่าเจ็บใจไม่แพ้กันนะ...ขอบอกอีกที...

ต่อมาการจอดรถในบ้านต้องเอาท้ายรถออกนอกบ้าน ล็อครถและใช้อุปกรณ์กันขโมย บริเวณลานจอดรถควรติดตั้งโคมไฟให้ส่องสว่างให้มองเห็นทั้งในและนอกรั้วบ้าน แต่หากในบ้านไม่มีพื้นที่ให้จอดจำเป็นต้องจอดรถนอกบ้าน ควรจอดชิดขอบทางหน้าบ้าน ให้มองเห็นได้สะดวก ล็อคกุญแจและอุปกรณ์กันขโมย และต้องสร้างพันธมิตรกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงช่วยกันดูแล หรือหากมีเงินทองเหลือเฟือพอจะจ่ายได้ก็จ้างยามรักษาความปลอดภัย คอยดูแล และให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูแล ซึ่งกันและกันด้วย และข้อควรระวัง อย่าจอดรถทิ้งไว้ค้างคืนบนถนนต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีเครื่องป้องกันการโจรกรรมรถชนิดใดก็ตาม อีกอย่างคือต้องไม่ทิ้งกุญแจรถไว้ที่รถ เมื่อจอดรถลงไปทำธุระไม่ว่ากรณีใดก็ตาม

ข้อต่อมาระวังการนำรถไปซ่อม-รับบริการ ข้อนี้อาจจะคิดว่าเป็นการวิตกจริตเกินไป แต่อย่าลืมว่า แก็งคนร้ายอาจจะเป็นช่างซ่อมรถหรือผู้ให้บริการตามอู่ซ่อมรถ หรือสถานบริการบำรุงรักษารถ คนเหล่านี้มีความชำนาญระบบกลไก ของรถ อาจลักลอบทำกุญแจผี หรือทำลายระบบกันขโมย แล้วติดตามไปโจรกรรมรถของท่านในภายหลัง จึงควรระมัดระวัง ควรอยู่ดูแลการซ่อมหรือการบริการอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด แต่หากจำเป็นต้องทิ้งรถไว้ให้ซ่อม หรือบำรุงรักษา จะต้องเป็นร้านคุ้นเคยหรือ ไว้ใจได้เท่านั้น

สิ่งต่อมา กุญแจรถ เรื่องสำคัญ มีรถบางชนิด ใช้กุญแจ รถดอกเดียวกัน สำหรับเปิด ประตู ติดเครื่องยนต์ เปิดลิ้นชัก และฝาน้ำมัน ดังนั้นเมื่อ ฝาน้ำมันหาย อาจเป็นไป ได้ว่าคนร้าย ได้นำไปเพื่อ ทำแบบ สร้างกุญแจปลอม สำหรับ นำมาใช้ใน การโจรกรรม ฉะนั้น หากฝาถังน้ำมันหาย ควรรีบเปลี่ยนกุญแจ ที่ใช้กับรถ เสียใหม่ โดยใช้ กุญแจที่ใช้ เฉพาะแห่งเท่านั้น และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

แม้จะมั่นใจว่าติดอุปกรณ์เตือนภัยทุกอย่างแต่ก็ยังต้องระวังการใช้อุปกรณ์กันขโมย คือเมื่อติดตั้งอุปกรณ์ กันขโมยแล้ว การใช้ อุปกรณ์ ต้องเก็บ เป็นความลับเฉพาะ ผู้ที่ไว้ใจได้ เพราะอุปกรณ์บางอย่าง ใช้รหัสเฉพาะ หรือ สัญญาณรีโมท การไปจอกรถ ในที่ต่าง ๆ จึงควรระวัง คนร้าย อาจคอย สังเกตวิธีการ ใช้อุปกรณ์ กันขโมย ของท่านและ ติดตาม ไปหา โอกาส โจรกรรมรถ ของท่าน ในภายหลัง

แต่หากสังเกตพบว่าอาจจะถูกติดตามทำยังไงดี กรณีสังเกตรู้ว่า มีผู้ขับรถติดตามรถท่านให้สันนิษฐานว่าเป็นคนร้ายไว้ก่อน เพราะอาจตามไปฉวยโอกาส ขโมยรถเมื่อท่านจอดรถทิ้งไว้ในที่ไม่ปลอดภัยหรืออาจประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของท่าน ดังนั้น เมื่อรู้ว่า ถูกติดตาม จึงควรป้องกัน โดยพยายามขับรถเข้าไปในเขตชุมชน ขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน

สุดท้ายคือ ต้องจดจำตำหนิรูปพรรณ ข้อมูล รายละเอียด เกี่ยวกับรถของท่าน ไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะตำหนิรูปพรรณพิเศษอื่น ๆ โดยถ่าย เอกสาร ทะเบียนรถ เก็บไว้ รวมทั้ง ถ่ายรูปรถ ของท่าน ให้ปรากฏรอยตำหนิ พิเศษเก็บรักษา ไว้เป็นหลักฐาน หากสุดท้ายรถเกิดหาย จะได้นำมาแจ้ง ให้ตำรวจ ตรวจสอบ สกัดจับ ได้อย่างรวดเร็ว ทันการณ์ หากรถ ของท่าน ยังไม่มีตำหนิ ควรทำขึ้นไว้ในจุดที่ผู้อื่น ไม่สามารถ สังเกตเห็น และจดจำ ไว้ให้แม่นยำ

วิธีการเหล่านี้ คงเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่พอจะเป็นการป้องรถของท่านให้อยู่รอดปลอดภัยจากน้ำมือเหล่าโจรร้ายทั้งหลาย เพราะเรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวคงไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่ต้องสูญเสียมันน่าชอกช้ำและน่าเจ็บเสียนี่กระไร...

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 16:05:07 น.
Counter : 347 Pageviews.  

สุขภาพ: ตำแหน่งสิวบนใบหน้าบ่งบอกอารมณ์และโรค

สีหน้าและแววตาใช้สื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆได้ ผิวหน้าของคนเราก็เช่นกันสามารถสื่อถึงสุขภาพภายในร่างกายได้เหมือนกัน วิธีการสังเกตถึงสุขภาพภายในร่างกายของเราหรือของคนใกล้ตัวเรานั้นด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิว Face Mapping กระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออกแบบจีนซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้นที่ว่า 'ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ' ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิว

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิวจากศูนย์สุขภาพผิว LEONARD NARKE ได้นำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาผิวโดยมีหลักในการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ Face Mapping (เป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป) โดยแบ่งส่วนใบหน้าออกเป็นโซนดังรูป



โซนที่ 1 และโซนที่ 3 ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต สาเหตุคือ มีความเครียดสูงและล้างหน้าไม่สะอาด ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

โซนที่ 2 เกี่ยวกับตับ สาเหตุคือ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโตส รับประทานอาหารรสจัดหรือรับประทานอาหารดึกดกินไป

โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต สาเหตุคือ ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟและ แอลกอฮอล์มากเกินไป หากรู้สึกร้อนที่หูคุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง

โซนที่ 7 ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปากเกี่ยวกับหัวใจและระบบสืบพันธุ์ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือวัยทอง หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูกอาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง

โซนที่ 11 และโซนที่ 13 เกี่ยวกับรังไข่ สาเหตุคือ ทำความสะอาดได้ไม่ดีพอหรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้อีกว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกรามหรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน

โซนที่ 12 สิวเรื่อๆบริเวณคางนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็กและกระเพาะอาหาร ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ดมากเกินไปจนทำให้ลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม

โซนที่ 5 และโซนที่ 9 แก้มส่วนบนเกี่ยวกับไซนัสและปอด แก้มส่วนล่างเกี่ยวกับเหงือกและฟัน สาเหตุคือ สูบบุหรี่จัด แพ้ควันบุหรี่ เป็นภูมิแพ้ หวัดเรื้อรัง ใช้รองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาโรคปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบชนิดที่เป็นๆหายๆบริเวณแก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟันหรือใช้โทรศัพท์ที่ไม่สะอาด

โซนที่ 6 และโซนที่ 8 เกี่ยวกับไตและปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางค์ แว่นตา การมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก พักผ่อนน้อย อาการภูมิแพ้ และขาดสารอาหาร

โซนสุดท้ายบริเวณลำคอและหน้าอก หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง

นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยของการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่ทำให้รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เราทราบได้ว่าจะต้องดูแลบำรุงทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีทั้งสีหน้า แววตาและผิวพรรณที่เป็นสุขได้แล้วล่ะค่ะ

ที่มา : คัดลอกมาจากบล็อกคุณ ฉันเกลียดเดือนเมษา




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2553 12:01:23 น.
Counter : 466 Pageviews.  

วิธีล้างมู่ลี่

บ้านไหนที่มีหน้าต่างมู่ลี่แล้วไม่รู้จะล้างด้วยวิธีไหน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีล้างมู่ลี่มาฝากกัน....

การล้างมู่ลี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำความสะอาดมู่ลี่ได้อย่างล้ำลึก แต่ว่าอย่าได้นำเอามู่ลี่ไปล้างในอ่างอาบน้ำหรือว่าล้างมู่ลี่ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้ปลดออก

วิธีล้างมู่ลี่

1. เลือกบริเวณลานบ้านที่พื้นผิวเรียบและมีความลาดเอียงเล็กน้อย (เพื่อเป็นทางน้ำไหล) และนำผ้านวมหรือผ้าห่มผืนเก่าที่ไม่ใช้แล้วเตรียมเอาไว้

2. ปิดบานพับมู่ลี่ให้ลู่ลง ตรวจดูให้แน่ใจว่าบานพับทุกซี่ปิดหมดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงถอดมู่ลี่ออกแล้ววางลงบนผ้านวมหรือผ้าห่มที่เตรียมไว้

3. ผสมน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์หรือไม่ก็น้ำยาสูตรแอมโมเนียจากนั้นใช้น้ำยาที่ผสมนี้ชโลมมู่ลี่ให้ชุ่มและใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดโดยขัดไปในแนวเดียวกับบานมู่ลี่ ข้อสำคัญ เชือกดึงมู่ลี่จะต้องไม่โดนทับ เมื่อทำความสะอาดบานพับด้านหนึ่งเสร็จดีแล้วก็ปิดบานพับลู่ลงหรือลู่ขึ้นไปอีกด้านหนึ่งล้างและขัดให้สะอาด

4. ขึงมู่ลี่กับราวตากผ้าหรือขึงกับบันไดต่อขาก็ได้ หรืออาจจะให้ใครอีกคนยืนถือเอาไว้ก็ได้

5. จากนั้นก็เขย่า ๆ และทิ้งไว้ให้แห้งแล้วจึงนำกลับไปแขวนไว้ที่เดิม แต่ถ้ามู่ลี่เป็นสีเข้ม ก็ควรซับหรือเช็ดมู่ลี่ให้แห้งเสียก่อนเพื่อป้องกันคราบหยดน้ำ

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าจะล้างมู่ลี่ครั้งต่อไป ก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันได้.

ที่มา : เดลินิวส์ ออนไลน์




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 12 มกราคม 2553 15:45:28 น.
Counter : 372 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

Never be Afraid to Dream
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









หมายเหตุ :
1. ขอขอบคุณเจ้าของโค้ด รูป และของแต่งบล็อกที่รวมกันเป็นบล็อกนี้ทุกท่านและขออภัยที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ เนื่องจาก จขบ.เซฟมาเยอะจนไม่สามารถจำได้ว่าเอามาจากบล็อกของท่านใดบ้าง

2. ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ สำหรับทุกท่านที่แวะมาเยี่ยม มาแสดงความเห็นค่ะ และขออภัยหากไม่ได้กลับไปเยี่ยม
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Never be Afraid to Dream's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.