วันที่ 1 สัปหงกโงกเงก

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำวัดป่าสุคะโตก่อน วัดนี้อยู่ที่อ.แก้งคร้อ ต.ท่ามะไฟหวาน จังหวัดชัยภูมิ มีหลวงพ่อคำเขียน (ซึ่งขณะนี้อาพาส อยู่กำลังพักฟื้น) เป็นผู้ที่ดูแลวัดนี้ และวัดในเครือ มีหลวงพ่อไพศาล เป็นเจ้าอาวาส



พื้นที่ส่วนใหญ่ในวัดนี้เป็นป่า มีสระบัว ซึ่งตอนที่เราไป บัวบาน สวยงามเพราะเป็นหน้าน้ำ มีฝนตก ช่วงหน้าแล้งบ่อจะแห้งขอด พระอาจารย์บอกว่าปีที่แล้วถึงกับไปลอกสระได้เลยทีเดียว เพราะน้ำแห้งมาก

จากแผนที่เข้ามาแล้วก็จะเป็นหอฉันและครัว กุฎิของเราเป็นกุฎิที่มีกรอบสีแดง ของหลวงพ่อคำเขียนเป็นกรอบสีเหลือง และของอ.กำพล เป็นสีฟ้า เวลาปฏิบัติและทำวัตรก็จะทำที่หอไตรและลานหินโค้ง


สระบัว จุดที่สวยงามที่สุดของวัด

ตารางเวลาขณะที่อยู่ที่วัดป่าสุคะโตเป็นดังนี้

4.00 - 5.00 ทำวัตร + ฟังธรรม พร้อมนั่งวิปัสนากรรมฐานไปด้วย
5.00 พระอาจารย์สอนการปฏิบัติ รอพระอาทิตย์ขึ้น
5.30 โดยประมาณ (พระอาทิตย์ขึ้น) เข้าแถวตามลำดับ (แล้วแต่พระอาจารย์จะกำหนดแต่ละวันว่าตามลำดับอะไร เช่น อายุ, เงินเดือน, น้ำหนัก ฯลฯ)
5.45 - 7.30 เดินๆๆ
7.30 - 9.00 ไปที่หอฉันฟังธรรม, ตักอาหารของทั้งมื้อเช้าและเพล มาทานที่กุฎิ, อาบน้ำ
9.00 - 11.00 ฝึกวิปัสนากรรมฐาน
11.00 - 13.00 ฉันเพล ทำธุระส่วนตัว (ทำความสะอาดที่พัก, ซักผ้า ฯลฯ)
13.00 - 17.00 ฝึกวิปัสนากรรมฐาน
17.00 - 18.00 อาบน้ำ
18.00 - 19.00 ทำวัตรเย็น
19.00 - 20.00 ฝึกวิปัสนากรรมฐาน
20.00 เข้านอน


หอไตร

วันนี้ถือเป็นการปฏิบัติวันแรก หลังจากทำวัตรเช้า ก็รับศีล 8 แล้วเข้าแถวตามอายุ เดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ จนได้เวลาก็ไปทานข้าว โดยพระอาจารย์บอกว่าให้หาปิ่นโตแล้วตักอาหารทั้งมื้อเช้าและเพลมาเลย เพราะต้องการให้ปลีกวิเวก ไม่พูดคุยกับคนอื่น เวลากิน ก็ให้กินอย่างมีสติ ไม่ต้องรีบกิน

อาหารของที่วัดนี่ถ้าใครชอบผักจะมีความสุขมาก เพราะผักสด ๆ แม่ครัวจะทำอาหารแบบที่คนทั่วไปกินได้ ไม่เผ็ดหรือรสจัดเกินไป หลัก ๆ ก็จะเป็นผัดผัก, แกง (แกงจืด, แกงเลียง ฯลฯ) ข้าวกล้อง, ข้าวขาว น้ำพริก ผักสด ขนม และผลไม้ เรากินง่าย ๆ อยู่แล้ว แถมชอบข้าวกล้องอีกต่างหาก วันไหนตักข้าวกล้องไม่ทัน ได้ข้าวขาวจะรู้สึกว่าวันนั้นอาหารขาดรสชาติไป

กลับมาจากทานข้าว พระอาจารย์ก็อธิบายหลักในการปฏิบัติ ขอทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า บลอกนี้เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าประสบการณ์การวิปัสนา ไม่ได้ใช้เพื่อการสอนวิปัสนา แต่อธิบายหลักคร่าว ๆ ไว้ เพื่อเวลาอ่านต่อก็จะได้เข้าใจว่าเราทำอะไรบ้างค่ะ โดยจะมีสองแบบ คือการเดินจงกรม ซึ่งควรจะผ่อนคลาย เดินโดยการทำ marking ของเราเอง ว่าจะเดินจากตรงไหนถึงตรงไหน จะกอดอก หรือเอามือไว้ข้างหลังก็ได้ แต่ให้เก็บแขนไว้ ไม่เดินแกว่งแจน อีกแบบก็คือการนั่งสร้างจังหวะ นั่งในท่าที่สบาย แล้วยกมือ (เค้าจะมีรูปแบบของท่าทางการยกมือให้ 14 จังหวะ) หลักก็คือทำแบบสบาย ๆ เหมือนทำเล่น ๆ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องมากำหนดในใจว่ายกหนอ เหยียบหนอ ย่างหนอ แต่ให้รู้ถึงการสัมผัส หรือการเคลื่อนไหวของกาย สบาย ๆ กระทบรู้ ยกรู้ โดยเหมือนเราเป็นคนนอกที่มองดูตัวเองว่ารู้สึกอะไรอยู่ และถ้ามีความคิดหรือความรู้สึกอื่นนอกจากการปฏิบัติในรูปแบบตามที่บอกก็รับรู้ว่ารู้สึกแล้วก็ตัดออกมาที่ความรู้สึกตรงท่าทางการปฏิบัติแทน

เช่น ถ้าเราเดินอยู่ เราก็จะรู้ว่าเท้าเราเหยีบโดนพื้น เมื่อโดนพื้นแล้วก็รู้ ว่าโดน พอคิดอะไรก็รู้ว่าคิดแล้วตัดกลับไปที่ความรู้สึกที่เท้ากระทบพื้นต่อ ได้ยินอะไรก็รู้ว่าได้ยินแล้วก็กลับมาที่ความรู้สึกที่เท้าเราต่อ ตรงนี้เป็นการที่เราเจตนาสร้างการกระทบทางกายขึ้นมา เพื่อให้ ใจ+มีสติ+อยู่กับกาย ตามที่พระอาจารย์ทรงศีลให้สูตรไว้นั่นเอง

ความรู้สึกนั้นควรจะเป็นความรู้สึกเบา ๆ สบาย ๆ คิดเรื่องเครียดอยู่ก็ตัดทิ้ง คิดเรื่องที่พอใจอยู่ก็ตัดทิ้งไป คือทั้งสุขหรือทุกข์ ก็ไม่เอามาเก็บไว้ทั้งสิ้น วางใจให้อยู่ตรงปรกติอยู่เสมอ ตื่นเต้น รู้ว่าตื่นเต้นแล้วก็กลับมาที่ปรกติ กินข้าวรู้รสว่านี่อร่อย แต่ไม่ได้เพลินเพลินไปกับรสชาติ แล้วทำให้อยากจะกินอีก ให้รู้ว่าอร่อย แล้วก็กลับมาที่ปรกติ เพราะฉะนั้น keyword ก็คือคำว่า "ปรกติ" นั่นเอง

พระอาจารย์บอกว่าได้มาเดินจงกรม และ หลังเที่ยงไม่ทานอาหาร จะได้ลดความอ้วน "ดูสิ อาตมาก็ผอมลงไปตั้งเยอะ" เราเห็นท้องของพระอาจารย์ที่ตอนแรกดูเผิน ๆ เหมือนอุ้มบาตรอยู่ ก็...

เมื่อพระอาจารย์ทรงศีลอธิบายแล้วก็ให้พวกเราฝึก โดยเริ่มจากการเดินเป็นกลุ่ม ๆ เข้าแถว 3 แถว แถวละ 3-4 คน แล้วเดินไปแถวใครแถวมัน พอสุดศาลาก็กลับหลังหันแล้วเดินต่อ วนไปวนมา วันนั้นรับรู้แต่ว่า ง่วงมาก แล้วก็ปวดหลังมาก เราก็เดินๆๆๆๆ เดินๆๆๆๆ ตาก็ลืมอยู่ ขาก็ก้าวอยู่ แต่หัวโงกแบบสัปหงก! เท่านั้นแหละ ตาสว่าง ขำตัวเองว่า ทำไปได้ แล้วก็ตั้งใจฝึกต่อไป บางทีพระอาจารย์ก็ปล่อยให้ปฏิบัติเองโดยไม่ต้องทำพร้อมกลุ่ม จะนั่งจะเดินก็แล้วแต่ เราก็จะถนัดเดินมากกว่า เพราะนั่งแล้วจะหลับ แต่เดินก็ปวดหลัง

หมดวันด้วยความรู้สึกงง ๆ ว่าทั้งวันทำแค่นี้เองเหรอ (วะ)



Create Date : 13 กันยายน 2549
Last Update : 16 กันยายน 2549 10:46:28 น. 3 comments
Counter : 1226 Pageviews.

 
อยากเห็นรูปวัดเยอะ ๆ จังเลย


โดย: pk IP: 202.29.14.253 วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:15:05:04 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีแผนที่จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโตพอดีคะ มีรุ่นน้องที่เคยไปแนะนำมาอีกที แต่ที่น่าประทับใจมากๆคือสถานที่ของวัดร่มรื่นมาก


โดย: Jullaa IP: 125.25.32.38 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:1:16:02 น.  

 
ผ่านมาแล้ว 6 ปีวัดน่าจะร่มรื่นกว่าที่เห็นในรูปน๊ะ


โดย: Jullaa (Jullaa ) วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:1:18:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

แบ๊น แบน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ข้อความและรูปภาพต่าง ๆ ในบลอกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความและรูปภาพใน blog แห่งนี้ไปใช้เผยแพร่และอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

[Add แบ๊น แบน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com