Group Blog
 
All blogs
 

[Review] ขาวกระจ่างใสโดยไม่ต้องฉีดกลูต้าด้วย โปรวาเมด กลูต้า ซีรั่ม

  สวัสดีค่ะปีใหม่นะคะทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ปีงูเล็กหรือปีมะเส็งนั่นเองจ้า
เนื่องจากปีใหม่อยู่แต่ที่บ้านเลยมีเวลาเขียนรีวิวมาให้ดูกัน
เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจก่อนที่จะซื้อมาใช้

สำหรับวันนี้นกก็มีริวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อผิวขาวกระจ่างใสมาให้ดูกัน ก็คือตัว
 Provamed Gluta Serum ที่เค้าเคลมไว้ว่าใช้ต่อเนื่องกันจะทำให้
ผิวกระจ่างใสขึ้น 20% ใน 14 วัน ใครสนใจอยากหน้าใสโดยไม่อยากเสี่ยงไปฉีดกลูต้าไทโอน 
ลองอ่านกันดูนะคะ นกเริ่มใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2555 ครบ 14 วัน
วันที่ 29 ธันวาคม 2555 ซึ่งตอนนี้ก็ครบ 14 วันตามที่เค้าโฆษณาแล้วค่ะ
 ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวรออ่านด้านล่างกันนะจ๊ะ 
นกสรุปผลการใช้ไว้ล่างสุดใครไม่อยากอ่านรายละเอียดอื่นๆ เลื่อนลงไปได้เลยนะจ๊ะ

อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ผิวของเราเกิดความหมองคล้ำและริ้วรอยร่องลึกขึ้นได้
ผิวหมองคล้ำ เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด กระตุ้นให้เมลาโนไซต์สร้างเม็ดสีผิวดำออกมาเพื่อปกป้องอันตรายจากแสงแดดส่งผลให้ผิวของเราเกิดการหมองคล้ำ
การผลัดเซลล์ผิว ผิวของคนเราจะมีระยะเวลาในการผัดเซลล์ผิว หากเซลล์ผิวเก่าไม่หลุดออกไป การทับถมของเซลล์ผิวทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าไม่สดใส
ริ้วรอยร่องลึก เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการเสื่องสภาพของคอลลาเจน, การพักผ่อนไม่เพียงพอ


กระบวนการสร้างเม็ดสีผิวของเราเป็นอย่างไร
1. ผิวชั้นนอก Epidermis : บริเวณล่างสุดของผิวชั้นนอกจะมีเซลล์ที่ชื่อว่า Melanocyte
(เมลาโนไซต์) ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผิว ซึ่งภายในเมลาโนไซท์จะมีเอนไซม์ไทโรซิเนสอยู่
เอนไซม์ตัวนี้เป็นตัวเปลี่ยนสารทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวน้ำตาลหรือดำและระยะเวลาที่เม็ดสีผิว
ที่สร้างจากชั้นล่างจะเดินทางขึ้นสู่ผิวชั้นบนจะอยู่ที่ประมาณ 24-28 วัน
2. ผิวชั้นใน Dermis : ที่บริเวณผิวชั้นในจะมีเซลล์ที่ชื่อว่า Fibroblast (ไฟโบรบลาสต์) ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง
3. ชั้นใต้ผิวหนัง Hypo Dermis : เป็นชั้นที่อยู่ของไขมันทำหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้อวัยวะที่สำคัญภายในได้รับการกระทบกระเทือน 


กลูต้าไทโอนคืออะไร ช่วยทำให้ผิวขาวได้อย่างไร

- กลูต้าไทโอนคือ หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ สร้างมาจากกรดอะมิโน 3 ตัว (กลูตามีน ไกลซีน ซิสเทอีน) ทำหน้าที่กำจัดสารพิษให้กับร่างกาย อาหารที่เป็นแหล่งของกลูต้าไทโอน ได้แก่ ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่เป็นแหล่งของโปรตีน เช่น ผลอะโวคาโด กลูต้าไทโอนทำให้ผิวได้โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ขัดขวางการเปลี่ยนสาร ทำให้การสร้างเม็ดสีดำใหม่ไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผิวค่อยๆ ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ  

โปรวาเมด กลูต้า เซรั่ม เป็น Glutathione แบบชนิดทาลงบนผิวเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ในการช่วยทำให้สีผิวกระจ่างใสได้โดยขั้นตอนง่ายๆโดยทาลงบนผิวหน้า
จะทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสเห็นผลรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์ของ โปรวาเมดเป็น กลูต้าไทโอนในรูปแบบเซรั่ม เพื่อผิวหน้าสว่างกระจ่างใสด้วย Triple Bright Action และสารสกัดจากข้าวสาลีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรรับรองว่ามีคุณสมบัติคล้ายกับ Glutathione ในแง่ Antioxidants
- ขัดขวางกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวสีดำ ผิวจึงขาว กระจ่างใส
- สารสกัดจากข้าวสาลี ช่วยเติมเต็มให้กับเซลล์ผิว ลดริ้วรอยร่องลึกให้ตื้นขึ้น
- เพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดกระบวนการทำลายเซลล์ป้องกันการเสื่องสภาพของคอลลาเจนช่วยให้ผิวที่หมองคล้ำกระจ่างใส
- สารสกัดจากซิตรัส ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ
- Hyalulonic Acid ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

นวัตกรรม Nano Gluta Solution (Triple Bright Action) ของ Provamed Gluta Serum เป็นการรวมสาร Whitening คุณภาพสูง 3 ชนิด ได้แก่ Natural
Arbutin, Glutathione, Vitamin C ที่มีขนาดเล็ก 50 นาโนเมตรและมีการเรียงตัวแบบ Bilayer ทำให้สารต่างๆ แทรกซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึกและปกป้องสารสำคัญไม่ให้เสื่อมสภาพเมื่อโดนน้ำและอากาศ ส่งผลให้สารสำคัญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงได้นานยิ่งขึ้น
1. Glutathione เป็น Tripeptide ที่ร่างกายมนุษย์สร้างเองได้ โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
แต่ร่างกายเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นจะสร้างได้น้อยลง ยับยั้งการทำงานของ
เอนไซม์ไทโรซิเนส เนื่องจากคุณสมบัติ Reduction Potential จึงช่วยเสริมให้ผิวขาว
2. Arbutin (B-Arbutin) สารสกัดจากธรรมชาตโดยสารสกัดจากใบ Bearberry ช่วยยับยั้ง
การทำงานเอนไซม์ Tyrosinase
3. Vitamin C palmitate (Ascorbly Palmitate) เป็นวิตามินซีที่อยู่ในรูปดีที่สุด ดูดซึมได้เร็ว ไม่เสื่อมสภาพง่ายเมื่อสัมผัสน้ำและอากาศ หนึ่งในสารกลุ่ม Whitening ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยช่วยผลัดเซลล์ผิวและช่วยกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast
ในการสร้างคอลลาเจนจึงช่วยชะลอริ้วรอย

มาดูหน้าตาผลิตภัณฑ์กันจ้า โปรวาเมด กลูต้า เซรั่ม จะมาในกล่องกระดาษแบบนี้นะคะ 


ของแท้ต้องมีสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงสีเงินเขียนว่าโปรวาเมด ว่าแต่มีของปลอมออกมาบ้างรึปล่าวนกก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะยังไม่เคยได้ยินข่าวเลยค่ะ

ด้านหลังกล่องจะบอกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ วิธีใช้ และส่วนประกอบสำคัญ

ด้านใต้ของกล่องจะบอกวัน เดือนปีที่ผลิต และล็อตที่ผลิต

ด้านข้างบอกบริษัทที่ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่ายไว้ชัดเจนค่ะ 
ด้านข้างอีกด้านมีเบอร์ Hotline และเครื่องหมายบอกไว้ว่าควรใช้ให้หมดภายใน 24 เดือน
หลังจากเปิดใช้นะคะ (บนหลอดก็มีเครื่องหมายบอกเช่นเดียวกัน)

มาดูตัวผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในกันบ้าง ผลิตภัณฑ์จะบรรจุอยู่ในหลอดบีบ

ด้านหลังหลอดก็มีส่วนประกอบและวิธีใช้บอกไว้เช่นเดียวกันกับหลังกล่อง

ด้านบนของหลอดก็จะมีล็อตที่ผลิตและเดือนปีที่ผลิตปั๊มบอกไว้
(แต่ล็อตใหม่ๆ จะเป็นหมึกพิมพ์ลงไปบนหลอดนะคะ ไม่ได้ปั้มแล้ว) กล่องที่นกแกะ
เลขจะตรงกันทั้งบนหลอดและบนกล่องกระดาษนะคะ


ฝาปิดของหลอดจะเป็นฝาเกลียว

ปลายหลอดมีรูขนาดเล็กเวลาบีบเซรั่มออกมาสามารถควบคุมปริมาณได้ง่าย นกชอบพวกครีมที่อยู่ในหลอดหรือในขวดที่กดปั๊มออกมา มากกว่าแบบที่เป็นกระปุกนะคะ
เพราะรู้สึกว่าแบบนั้นฝุ่นจะตกลงไปได้ง่ายและไหนจะสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนมือของเราอาจจะไปสะสมก่อให้เกิดเชื้อโรคได้ง่าย หรือหากมีช้อนเล็กๆ มาให้ตักก็
ต้องรักษาความสะอาดของช้อนให้ดีด้วย

เนื้อผลิตภัณฑ์ ลักษณะเหมือนเนื้อเจล ต่างกับบางยี่ห้อที่ผลิตภัณฑ์ประเภทเซรั่มจะค่อนข้างเหลวเหมือนน้ำ สีออกขาวแต่ก็ไม่ถึงกับขุ่น เนื้อนุ่มลื่น เกลี่ยง่าย แต่นกรู้สึกว่าแห้งเร็วไปนิดนึงบางที
ยังเกลี่ยไม่ทันทั่วเลยแห้งไปหมดแล้วอะ ต้องบีบเพิ่มเปลืองๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เกลี่ยแปบเดียวหายไปหมดแล้ว บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ

ผลจากการใช้ของนก โปรวาเมด กลูต้า เซรั่ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ถามว่าขาวขึ้นมั้ยตอบได้เลยว่า 14 วันที่ลองมาผิวไม่ได้ดูขาวขึ้นจนเห็นถึงความแตกต่างนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าขาวอยู่แล้วก็ได้ แต่สิ่งที่ได้จะเป็นความใสของผิวมากกว่า และรอยแผลเป็นจุดด่างดำจากสิวที่ดูจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดเลย แต่ต้องบอกก่อนว่ารอยด่างดำส่วนใหญ่ที่จางลงจะเป็นรอยจากสิวที่พึ่งเป็นใหม่ๆ ปกติสิวมันก็จะขึ้นพอยุบไปก็ทิ้งรอยด่างดำไว้แต่เมื่อเวลาผ่านไปผิวมีการผลัดเซลล์ผิวมันก็จะสามารถจางลงเองได้ แต่พอมาใช้โปรวาเมดนกสังเกตุดูว่ามันจางลงเร็วขึ้นไม่กี่วันก็หายไปแล้ว แต่ถ้าเป็นรอยเก่าๆ ที่เป็นมานานแล้วเป็นปีอันนั้นจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนะคะ ที่ได้ผลจะเป็นรอยใหม่ๆ จะเห็นได้ชัดกว่า ลองสังเกตุดูในรูปนะคะ

รูปด้ายซ้ายคือก่อนใช้โปรวาเมด รูปด้านขวาคือใช้โปรวาเมดมาแล้ว 14 วันนะคะ รอยด่างดำดูจางลง สีผิวดูเท่ากันมากขึ้นปกติมันจะกระดำกระด่างหน่อย 555+ (เขียนไปก็นึกไปถึงหมาลายจุดทั้งหลาย)เนื้อเซรั่มซึมลงผิวเร็วมากๆ รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นสดชื่นดีค่ะ ด้วยความที่เป็นเซรั่มเนื้อจึงบางเบามากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเหนอะหนะหรือว่าทำให้ผิวหน้าของเรามันขึ้นค่ะ เท่าที่ลองใช้มาไม่เกิดการแพ้แต่อย่างใดค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพท์ที่ได้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลนะคะ รีวิวนี้เป็นผลจากการใช้ของนกเพียงคนเดียวเท่านั้นนะคะ อย่าเชื่อจนหมดใจว่านกใช้แล้วดีมันจะดีสำหรับเพื่อนๆ ด้วยจนกว่าจะได้ลองด้วยตัวเองนะจ๊ะ




 

Create Date : 02 มกราคม 2556    
Last Update : 21 มกราคม 2556 1:04:34 น.
Counter : 4410 Pageviews.  

[Review] Biore UV Aqua watery Essence SPF 50+ / PA+++ แจ่มมาก

     สวัสดีค่ะ วันนี้มีริวิวกันแดดบิโอเรมาให้ดูกันอีกแล้ว มาติดกันสองอันเลย พอดีไปเดินเซเว่นแล้วไปเจอเข้ากับเจ้าตัวนี้ Biore UV Aqua watery Essence SPF 50+ / PA+++ ขนาดใหม่ 15 กรัม เห็นติดป้ายลดราคาอยู่ด้วย สมองคำนวณฉับพลันทันใด 15 กรัม ลดราคาเหลือ 99 บาท จากราคา 129 บาท เท่ากับ กรัมละ 6.6 บาท ส่วนหลอดจริง 50 กรัม ราคาเต็ม 420 บาท ตอนนี้ที่วัตสันลดราคาเหลือ 357 บาท เท่ากับกรัมละ 7.14 บาท อย่างนี้หลอดเล็กที่เซเว่นถูกกว่ากันเห็นๆ สอยกลับบ้านมา 1 หลอด เพราะมันเหลือแค่หลอดเดียวแล้ว เพราะเหตุนี้เลยเข็นรีวิวนี้ออกมาก่อนเผื่อมีเพื่อนๆสนใจจะได้รีบไปซื้อกัน เดี๋ยวมันหมดโปรซะก่อน

     นกไม่เคยใช้สูตรนี้มาก่อนนะคะปกติใช้แต่ขวดขาวกับชมพู ลองใช้ตัวนี้มาได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้วถึงทำมารีวิวให้ดูกัน

     ขนาดทดลองจะมาในกล่องแบบนี้นะคะ ไม่ได้เป็นแพคกระดาษแข็งวางด้านหลังเหมือนหลอดใหญ่นะ เดี๋ยวจะมองหาไม่เจอกัน

     คุณสมบัติของสูตรนี้ คือ
- UV Aqua Jelly Capsule นวัตกรรมกันแดดอัจฉริยะจากญี่ปุ่น เก็บกัก SPF 50+/PA+++ ในแคปซูลอนุภาคเล็ก แปรสภาพเสมือนน้ำกระจายตัวทั่วผิวทันทีที่ทา จึงปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ลดสาเหตุของผิวหมองคล่ำจากแสงแดด และริ้วรอยก่อนวัย
- ดูแลผิวด้วย Watery Essence อุดมด้วยความชุ่มชื่นดุจเติมน้ำให้ผิว เนื้อบางเบาเป็นพิเศษซึมซาบเข้าสู่ผิวง่ายดาย จาสามารถทาทับเครื่องสำอางคระหว่างวัน โดยไม่ทิ้งคราบและความมันเหนอะหนะหลังทา
- ผสาน Hyaluronic Acid และ Mix Citrus Essence จากเกรฟฟรุ๊ตออเรนจ์และเลมอนเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นกว่าที่เคย พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ระคายเคือง
จึงอ่อนโยนต่อผิว

     ส่วนประกอบทั้งหมดและคำเตือน (ควรอ่านคำเตือนก่อนใช้ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามนะคะ)

     แกะออกมาวางบนฝ่ามือหลอดเล็กๆ แบบนี้แหละจ้า

     ด้านหลังหลอด อ่านไม่ออกอีกตามเคย 555+

     ด้านบนจะมีปั๊มวันผลิตไว้ชัดเจนค่ะ ไม่ใช่ตัวพิมพ์ไม่ต้องกลัวว่านานๆ ไปแล้วจะเลือนหายค่ะ

     เปิดฝาออกมาจะเป็นฝาเกลียวเหมือนกับไซส์จริงเลยค่ะ

     บีบออกมาลองทาที่แขนดูซะหน่อย เนื้อครีมกันแดดจะเป็นเหมือนเจลสีออกเหลืองครีมนะคะ มีกลิ่นมะนาวหอมสดชื่น แต่ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์เลยนะคะทั้งที่ใส่มาในอันดับต้นๆ

     พอเริ่มเกลี่ยจะเห็นเนื้อครีมมีเหมือนเม็ดเล็กๆ คงเป็นเจ้าแคปซูลที่เค้าบอกไว้ พอทาไปเรื่อยเดี๋ยวมันก็จะแตกตัวไปเองค่ะ เนื้อนุ่มลื่น แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

     หลังทารู้สึกว่าผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วยนะคะ มันจะรู้สึกว่าผิวตรงนั้นจะเย็นนิดๆ เลยทำให้รู้สึกผิวสดชื่นค่ะเนื่องจากตัวนี้ไม่ได้เป็นเบสจึงไม่ได้ช่วยปรับสีผิวให้ขาวขึ้นแต่อย่างใดนะจ๊ะ

     ทดสอบความมัน เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นที่ไม่ได้เป็นสูตรอควา

    

     จะเห็นได้เลยว่ากระดาษซับมันที่แปะลงไปบนแขนด้านที่ใ­ช้บิโอเรเกือบจะปลิวหลุดตลอดเวลา ต่างกับอีกยี่ห้อที่แนบสนิทไปกับผิว เป็นเพราะว่าของ Biore แทบจะไม่มีความมันเลย เลยทำให้กระดาษไม่สามารถติดอยู่บนผิวได้นั่นเองจ้า

     เนื่องจากเค้าบอกว่าสามารถทาทับเมคอัพได้จึงลองดูซะหน่อย ทดสอบที่แขนให้ดูก่อนนะคะ จะได้เห็นชัดๆ นกทารองพื้นและทาแป้งที่แขนแล้วปัดบลัชออนจำลองการแต่งหน้าของเราค่ะ

     บีบครีมกันแดดออกมาแล้วก็ทาลงไปให้ทั่วๆ บริเวณที่เราเตรียมไว้

     จะเห็นว่าเริ่มมีสีของเมคอัพทั้งบลัชออนและรองพื้นละลายออกมาบ้าง แต่พอทาถูทาถูไปเรื่อยๆก็จะค่อยๆแห้งไปเอง

     พอแห้งแล้วไม่เป็นคราบแต่อย่างใด แต่ว่าสีของบลัชออนจะกระจายตัวไปตามบริเวณที่เราเกลี่ยทำให้สีตรงบริเวณที่เราทาจริงๆดูจางลง แต่รองพื้นดูเนียนขึ้้นเหมือนกับว่าพอเจอกับน้ำแล้วจะเซ็ตตัวได้ดีขึ้น

     ทีนี้มาลองที่หน้าดูบ้าง เอาแบบหน้าจัดเต็มอยู่เลยนะคะ เอาครีมกับแดดมาป้ายๆ ลงไปแล้วก็เกลี่ยๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา

     หลังทาครีมกันแดดทับจะเห็นได้ว่าสีของบลัชออนจางลงไปเยอะเหมือนกัน รองพื้นไม่เป็นคราบ แล้วก็ดูเนียนขึ้นด้วยค่ะ

     แนะนำว่าระหว่างวันให้ทาครีมกันแแดดก่อนแล้วค่อยเติมเมคอัพซ้ำลงไปสำหรับระหว่างวันนะคะไม่งั้นเดียวสีบลัชจะกระจายไปทั่วหน้าตามที่มือเราลูบไปได้จ้า เดี๋ยวจะกลายเป็นชมพูทั้งหน้าไป

     สรุปผลจากการใช้ กันแดด Biore UV Aqua watery Essence SPF 50+ / PA+++ ตัวนี้เป็นกันแดดอีกตัวของบิโอเรที่เริศไม่แพ้ตัวอื่นเลยที่เดียว เป็นเนื้อเอสเซ้นส์ เกลี่ยง่าย บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ แห้งเร็ว แถมยังให้ความรู้สึกสดชื่นด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของมะนาวที่กลบกลิ่นของแอลกอฮอล์ซะมิดเชียว รู้สึกว่าผิวมีความเย็นชุ่มชื้นที่ปกติไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับกันแดดตัวอื่นเลยตัวนี้เป็นตัวแรกอาจจะเพราะว่าเป็นสูตรน้ำด้วยก็ได้ สามารถทาทับเครื่องสำอางคได้จริงๆ โดยที่ไม่ทิ้งคราบไว้เลยแม้ว่าจะมีรองพื้นหลุดออกมาบ้างระหว่างกำลังทาก็ตามแต่พอแห้งแล้งก็ไม่เป็นคราบ สีของบลัชออนหลุดออกกระจายบนหน้านิดหน่อยให้อภัยเพราะคิดว่าถ้าเป็นวันปกติที่จะทาทับจริงๆ สีบลัชทีติดอยู่บนหน้าคงหลุดออกเกือบหมดแล้วแหละกว่าจะถึงเวลาที่เราจะเติมหน้าอีกครั้ง เป็นครีมกันแดดอีกตัวที่ราคาไม่แพงแต่มีคุณสมบัติเยี่ยมเลยจ้า ชอบตรงทาทับเครื่องสำอางคเนี่ยแหละ

     ข้อเสีย เราไม่ค่อยชอบเท่าไรที่มีแอลกอฮอส์สำหรับคนที่ผิวบอบบางอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ แต่ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์มันก็คงไม่แห้งเร็วแบบนี้ ได้อย่างเสียอย่างหนะ แล้วก็ตัวนี้มีน้ำหอมด้วยนะคะถึงจะไม่มากเท่าไรก็ตาม

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม

ชอบไม่ชอบก็ติชมได้ตามสบายจ้า บ้ายบายจุ๊บๆ เจอกันรีวิวหน้านะคร๊าบบบบ




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2555    
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 20:17:21 น.
Counter : 5771 Pageviews.  

[Review] Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++ (ขวดสีขาว)

เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา มาดูมาชมกันก่อน ไม่ซื้อหาไม่ว่ากันจ้า

เย้ยยยยย ไม่ได้มาขายของนะ จะมารีวิวให้ดูต่างหาก ดูแล้วไม่ชอบไม่ซื้อมาใช้ไม่ว่ากันจ้า

เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปไกลกลับมาดีกว่าวันนี้จะมาเสนอขาย เอ้ย!!! เสนอรีวิวกันแดดราคาไม่แพง

หาซื้อง่ายตามห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และร้านค้าชั้นนำทั่วไป นั่นก็คือ

Biore UV Perfect Face Milk SPF50+ PA+++

ก่อนอื่นมารู้จักกับ UVA UVB SPF และ PA กันก่อนดีกว่าค่ะ

     ในผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ซึ่งจะมีการเขียนอธิบายอยู่ข้างหลอดของครีมกันแดด UV-A UV-B ซึ่งรังสี UV ทั้ง 2 ประเภทนี้ คือ ชนิด AและB ก็มาจากแสงของดวงอาทิตย์ ส่องมายังพื้นโลก จะเป็น UV-A 95 % UV-B 5 % ซึ่งทำให้เกิดปัญหาของผิวพรรณตามมา และมี UV-C ซึ่งจะไม่ลงมาบนพื้นผิวโลก เนื่องจากชั้นโอโซนช่วยกรองเอาไว้ ซึ่ง UV-C เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง

     รังสีจาก UV-A จะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย หน้าคล้ำได้ ฉะนั้นเวลาไปทะเล แล้วผิวคล้ำเกิดจาก UV-A

     ส่วนรังสีจาก UV-B Burning คือผิวไหม้แดด เกรียมแดด อย่างกรณีไปอาบแดด แล้วผิวไหม้ ผิวเกรียม เกิดจาก UV-B ฉะนั้นจึงต้องมีครีมกันแดดป้องกันทั้ง
ทั้ง UV-A และ UV-B

     เพราะรังสี UV ที่ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมาคือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดสารพันปัญหาผิวในระยะยาว โดยเฉพาะริ้วรอยและจุดด่างดำ สาเหตุของฝ้า กระ และรอยหมองคล้ำ กว่า 80% เป็นผลมาจากแสงแดดและรังสี UVA, UVB จากหลอดนีออนและหน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้จะทาครีมดีๆเซรั่มประสิทธิภาพสูง ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากหากอยากมีผิวที่สวยยาวนาน

     ส่วน SPF มีชื่อเต็มๆว่า Sun Protection Factor หมายถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดก่อนจะเกิดอาการไหม้ของผิว(ปกป้องผิวจากรังสี UVB)ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าผิวของคุณทนต่อแสงแดดได้เป็นเวลา 15 นาทีจะเกิดอาการไหม้ การทาครีมป้องกันแสงแดด SPF 30 นั้นจะช่วยให้ผิวจะทนได้ 450 นาที ก่อนที่ผิวจะไหม้ จึงสรุปได้ว่า ค่า SPF เป็นค่าจำนวนเท่าของเวลาในการทนต่อแสงแดด ก่อนที่ผิวจะไหม้ (ป้องกันรังสี UV-B) ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ จึงไม่จำเป็นว่าจะต้องป้องกันรังสี UVA ได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ที่สูง ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันรังสี UV ได้ดีเสมอไป.

     และสุดท้าย PA หมายถึง Protection Grade of UVA หรือระดับการป้องกันแสง UV-A นั้นเอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดหน่วยบอกระดับการซึมซับยูวีเออย่างละเอียดแบบ SPF เพราะฉะนั้นค่า PA เลยเป็นแค่การบอกคร่าวๆด้วยเครื่องหมาย + มีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับ คือ PA+ , PA++ และ PA+++ จริงๆแล้ว PA+ ก็เพียงพอในการทำกิจกรรมเกือบทุกประเภทของคุณสาวๆแล้วหล่ะค่ะ แต่ถ้าต้องอยู่กลางแดดนานๆ ก็เพิ่มเป็น PA++ หรือระดับสูงสุดที่ PA+++ ก็ได้ค่ะ

แกะห่อกันก่อนดีกว่า ดึงตรงรอยปรุๆด้านข้าง นั่นแหละจ้าจะได้แกะง่ายๆ

ออกมาแล้ว

ด้านหลังแพ็คเกจจะบอกคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์

คุณสมบัติเด่นของบิโอเร ยูวี เพอร์เฟค เฟส มิลค์ SPF 50 + / PA +++ โลชั่นน้ำนมป้องกันแสงแดดสำหรับผิวหน้า

เป็นทั้ง Make up base + UV block + Oil control
- UV Extra Block วิทยาการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย SPF 50+ / PA+++ จึงช่วยลดสาเหตุของผิวหมองคล้ำจากแสงแดด
และริ้วรอยก่อนวันอันควร
- All-Day Matte Make up Base ปรับผิวให้ดูเรียบเนียนไม่มันหมองคล้ำ พร้อมควบคุมความมันให้เมคอัพสวยติดทนนานตลอดวันด้วย Sebum absorbing powder
- โลชั่นเนื้อน้ำนมซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ หน้าไม่ขาวลอยเพียงครั้งแรกที่ใช้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางเบาราวกับแป้งสบายผิวตลอดวัน
- ไม่มีสีไม่มีกลิ่น

บอกวิธีใช้(บอกว่าสามารถทาทับเมคอัพได้ด้วยนะคะ แต่ยังไม่ได้ลองเลยค่ะ เดี๋ยวลองแล้วจะมาบอกอีกที) ส่วนประกอบทั้งหมด(สามารถบอกประเภทของครีมกันแดดได้ด้วยนะคะ) คำเตือน ปริมาณสุทธิ สถานที่และวัน เดือน ปี ที่ผลิต

ประเภทของครีมกันแดด มีทั้งหมด 3 ประเภท (โดยดูจากส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมกันแดดนะคะว่าเป็นประเภทใด) ดังนี้ คือ

1.  Chemical Sunscreen เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตไว้ในตัวครีมกันแดด(แต่ก็ไม่ได้ดูดซับไว้ได้ทั้งหมดนะคะ) ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทา ครีมกันแดด ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย

2. Physical Sunscreen เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จะเรียกครีมชนิดนี้ว่า “Non-Chemical” ซึ่งมีส่วนผสมหลักก็คือ ไททาเนียม ไดออกไซด์ (Titanium dioxide) และ ซิงค์ ไดออกไซด์ (Zinc dioxide)ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดด ประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแล้ว หน้าจะดูขาวมาก

3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และ ลดความขาวเมื่อทาครีม และ เสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน

     ความจริงแล้วทั้ง Chemical Sunscreen และ Physical Sunscreen ต่างก็เป็นสารเคมีนะคะ เพียงแต่การเล่นคำโฆษณา (อีกแล้นครับท่าน!) ที่ได้โอกาสเรียก Physical หรือ “Non-Chemical” อาจทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าไม่ได้เป็นสารเคมี แต่นั่นคือชื่อชนิดของครีมกันแดดเฉยๆนะคะ confirm ค่ะว่าทั้ง 2 ชนิดต่างก็เป็นสารเคมี แต่หน้าที่การทำงานแตกต่างกันไปดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นว่าแบบเคมีคอลจะดูดซับรังสียูวีแทนผิว ในขณะที่แบบฟิสิคอลจะสะท้อนรังสีออกไป

สำหรับกันแดดรุ่นนี้ขนาดปกติปริมาณสุทธิ 30 มิลลิลิตร (ตอนมาในขวดจะมีผลิตภัณฑ์บรรจุอยู่ไม่เต็มขวดอยู่แล้วนะคะ มีถึงประมาณคำว่า Perfect Face Milk ค่ะ)

    ฝาเปิดเป็นเกลียวหมุน ปากขวดเป็นรูขนาดเล็กสามารถควบคุมปริมาณตอนเทได้ง่ายค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะหกออกมาเยอะเกินไป

ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อโลชั่นค่อนข้างเหลว สีขาว ไม่มีน้ำหอม แต่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรง ในรูปหากสังเกตุดีๆ จะเห็นความแตกต่างระหว่างด้านที่ทากับด้านที่ไม่ทาครีมกันแดดด้านที่ทาผิวจะดูเงาๆ เหมือนมีอะไรมาเคลือบไว้ (ขออภัยรูปเล็กไปหน่อยค่ะ)

ก่อนใช้เรามาทดสอบกันก่อนว่าแพ้หรือไม่
     ให้ทาครีมกันแดดบริเวณใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาที แล้วสังเกตว่ามีอาการบวมแดงหรือไม่ ถ้าปรากฏอาการดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามบางคนอาจจะใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการแพ้ (delay sensitivity) ดังนั้นจึงควรรอดูอาการถึง 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง จึงจะสรุปได้ว่าไม่มีอาการแพ้จริงๆ ค่ะ หวังว่าจะเลือกครีมกันแดดใช้ได้ถูกใจและปกป้องผิวสวยๆของเรากันได้แล้วนะคะ

     นกทดสอบตั้งแต่ก่อนใช้แล้วไม่แพ้แต่อย่างใดจ้า ( ความจริงก็ใช้มาตั้งหลายขวดแล้วแหละไม่แพ้หรอกแต่อยากทดสอบให้ได้ดูกันเฉยๆ จ้า สาวๆ และหนุ่มๆ ควรจะทดสอบการแพ้ของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดก่อนที่จะนำมาทาลงบนใบหน้าของเรานะจ๊ะ อย่าลืมว่าหน้าเรามีเพียงหน้าเดียว หากเสียแล้วไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เหมือนหัวเทียนนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ)

การทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง
      ควรทาครีมกันแดดให้หนาเพียงพอ ปริมาณที่ใช้ไม่ควรน้อยเกินไป (เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดลดลง) ก่อนอยู่กลางแดดอย่างน้อย 15 นาทีและจำนวนครั้งที่ทาต่อวันก็สำคัญนะคะถ้าอยู่ในออฟฟิศห้องแอร์วันละครั้งก็เพียงพอค่ะ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดดโดนลมอาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากการทาครีมกันแดดซ้ำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกันแดดได้อีก อย่างไรก็ตามนอกจากการทาครีมกันแดดแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วยนะคะ อาจจะใส่แว่น ใส่หมวก กางร่ม เนื่องจากครีมกันแดดไม่ว่าจะมีค่า SPF สูงเพียงใดก็ไม่ได้กันแดดได้ 100 % ค่ะ

ใบหน้าหลังจากทาครีมบำรุงทิ้งไว้ 30 นาที ก่อนทาครีมกันแดดลงไป


นกจะเปรียบเทียบให้ดูกันค่ะว่าสามารถคุมมันได้จริงหรือเปล่า โดยใบหน้าด้านซ้ายของรูปนกใช้ฟิล์มซับความมันออกจากใบหน้าก่อนนะคะ ส่วนด้านขวาไม่ได้ซับมันออกค่ะ

เมื่อทาครีมกันแดดลงไปแล้ว จะเห็นได้เลยว่าหน้าดูมันน้อยลงและดูขาวขึ้นด้วยเนื่องจากว่าครีมกันแดดตัวนี้เป็นเมคอัพเบสอยู่ในตัวจึงช่วยปรับผิวให้ดูสว่างขึ้น

ทดสอบความมันโดยใช้ฟิล์มซับมันซับลงไปบนใบหน้าทั้งด้านซ้ายและขวา

 จะเห็นว่าทั้งสองด้านความมันมีน้อยมากแทบจะไม่ต่างกัน แสดงให้เห็นว่าถึงแม้เราจะมีความมันอยู่บนใบหน้าแต่เจ้าตัวนี้ก็สามารถช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าของเราได้เป็นอย่างดีไม่ต่างกับด้านที่เราใช้ฟิล์มซับความมันออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแห้งสนิทแบบไม่ความมันเลยนะคะ

สรุปผลจากการใช้ ครีมกันแดดเนื้อน้ำนม เกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบ ชอบมากตรงที่ทาไปซักพักมันจะกลายเป็นเหมือนแป้งลื่นๆ หน้าดูเนียนๆดีค่ะ ไม่เหนอะหนะ บางเบาสบายผิวหน้า ไม่ทำให้หน้ามันและช่วยควบคุมความมันได้ในระยะนึงแต่พอผ่านไปซัก 3-4 ชั่วโมง หน้าก็จะเริ่มกลับมามันเหมือนเดิม สามารถใช้เป็นเบสปรับสีผิวในตัวทาแล้วหน้าจะดูสว่างขึ้นด้วยค่ะ ไม่มีอาการแพ้เกิดขึ้นแต่อย่างใดค่ะ

ข้อเสีย กลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรง มีแอลกอฮอล์อยู่ค่อนข้างเยอะระบุเป็นส่วนผสมในระดับต้นๆ อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายและผู้ที่แพ้แอลกอลฮล์ค่ะ

ให้คะแนน 9 เต็ม 10 ค่ะ หักที่แอลกอฮอล์เยอะ

ปิดท้ายด้วยวิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

     1. มีคุณสมบัติครบในการป้องกันทั้งรังสี UVB และ UVA ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น

     2. ดูที่ค่า SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ตัวอักษร PA และเครื่องหมาย
 + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ

     3. เลือก ครีมกันแดด ที่มีสารเคมีที่กัน UVA ได้ดีอย่างน้อย 2 ชนิด เช่น Oxybenzone + TiO2 หรือ Parsol 1789 + ZnO เป็นต้น

     4. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water
Resistance)

ค่า SPF ซักเท่าไรดี
     ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ไม่ได้ดีต่อผิวเสมอไป เพราะหากคุณไม่ได้ไปออกแดดแรงจัด แต่ดันชโลมครีม ลูบไล้โลชั่นที่มีค่า SPF ระดับสูงมากๆ เช่น SPF70 หรือ SPF90 แทนที่ผิวจะปลอดภัย กลับกลายเป็นได้รับสารเคมีเพิ่มเข้าไปในผิวซะอย่างงั้น โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้ที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่าย การใช้ครีมที่มีค่า SPF สูง อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่ายๆ ทางออกที่ดีสำหรับผู้มีผิวบอบบางคือ การใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำลงมาสักหน่อย และขยันทาให้บ่อยครั้งอีกสักนิด ซึ่งอาจคำนวณเองได้ง่ายๆ โดยการนำตัวเลขที่ต่อท้าย SPF มาคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะหมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดนั้นจะป้องกันรังสี UVB ได้ เช่น SPF15ให้นำ 15 x 30 จึงเท่ากับครีมนั้น สามารถป้องกันรังสี UVB ได้นาน 450 นาที

     หลายคนเมื่อออกแดดจัด เช่น เล่นน้ำทะเล โต้คลื่นลมเสียจนเพลิน มักหลงลืมเวลาที่จะทาครีม หรือโลชั่นกันแดดซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่ส่วนใหญ่ด้านข้างผลิตภัณฑ์มักระบุไว้ชัดว่า ควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเมื่อออกแดด การออกแดดเพลินจนลืมเวลาเช่นนั้น จะส่งผลเสียต่อผิวคุณอย่างมากค่ะ เพราะผลจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีแนวโน้มเกิดผิวไหม้เกรียมมากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ถึง 5 เท่า ฉะนั้นถ้ารักที่จะมีผิวสวยเมื่อทาครีมป้องกันผิวอย่างดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมคำนวณเวลาที่จะต้องทาครีมกันแดดซ้ำอีกรอบอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 16 ธันวาคม 2556 20:10:36 น.
Counter : 15212 Pageviews.  

[CR] Botanic Renewing Oil Cleanser VS Naive Make up Cleansing Oil

สวัสดีค่ะ รีวิวนี้จะเป็นรีวิวเปรียบเทียบ Cleansing Oil สองตัวที่เราใช้จ้า นั่นก็คือ

Botanic Renewing Oil Cleanser VS Naive Make up Cleansing Oil

     วิธีทดสอบนจะทำคล้ายกับเวลาที่เราแต่งหน้าจริงๆ เลยค่ะ คือ ลงรองพื้น ทาแป้งฝุ่นทับ แล้วค่อยทาเมคอัพตัวอื่นทับเริ่มจากเส้นแลกเป็นลิปสติก อายไลเนอร์แบบดินสอ เจลอายไลเนอร์ มาสคาร่า และ สุดท้ายเป็นอายแชโดว์ค่ะ

     เริ่มที่ Botanic Renewing Oil Cleanser กลิ่นมะลิ สำหรับผิวแห้ง (ความจริงเราผิวมันนะคะ แต่ว่าพอดีสูตรนี้มันลดราคาเหลือ 90 หรือ 99 บาท เนี่ยแหละค่ะ ไม่เกิน 100 บาทแน่นอน ซื้อจากงานที่ไบเทค)

     ลักษณะเป็น Oil สีใส มีกลิ่นมะลิแต่รู้สึกว่ากลิ่นแรงไปหน่อยนกชอบกลิ่นมะลิแบบหอมอ่อนๆมากกว่าค่ะอันนี้มันเยอะเกินเหมือนกลิ่นสังเคราะห์มากไปหน่อย กดมา 1 ปั๊ม แล้วก็ลูบวนไปวนมาบริเวณที่ลงเมคอัพไว้ประมาณ 30 วินาที Botanic จะหลุดง่ายกว่า Naive ค่ะ นกวนไปประมาณ 10 วินาทีพวกอายไลเนอร์ที่ว่าล้างออกยากก็เริ่มหลุดออกมาแล้ว พอครบ 30 วินาที มองไม่เห็นเครื่องสำอางคที่เราทาไว้หลงเหลืออยู่แล้วค่ะ กลายเป็นแขนดำๆแทน

     Naive Make up Cleansing Oil

     ลักษณะเป็น Oil สีใสเช่นเดียวกัน แต่ว่าตัวนี้จะเป็นกลิ่นคล้ายกลิ่นกุหลาบค่ะ เราว่าหอมกว่า Botanic ค่ะ กดมา 1 ปั้มเช่นเดียวกัน ลูบวนไปวนมา 30 วินาทีเท่ากัน Naive จะล้างออกไม่ดีเท่า Botanic นะคะ นกวัดจากการที่ตัวนี้ต้องถูไปนานกว่า เกือบ 20 วินาทีได้ค่ะกว่าพวกอายไลเนอร์จะหลุดออก

ดำปี๋เลย

     เดี๋ยวนกไปล้างน้ำก่อนนะคะ นกเอามือไปจุ่มน้ำแล้วเอาถูวนๆ อีกรอบนึงก่อน ตัว Botanic จะกลายเป็นน้ำนมอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าตัว Naive จะไม่ค่อยเป็นน้ำนมเท่าไรคะ แบบว่าเห็นเป็นสีขาวจางมากไม่เหมือนตัว Botanic ที่เห็นสีขาวกว่าอย่างชัดเจน

     ผลที่ได้หลังการล้าง Botanic ล้างเครื่องสำอางคออกได้หมดจดกว่าในเวลาเท่ากัน เท่าที่ใช้มาตัว Botanic ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ไม่เกิดสิวนะคะแต่เวลาล้างต้องระวังไม่ให้เข้าตานะคะไม่งั้นจะแสบตามาก ของ Naive ยังเหลือร่องรอยของอายไลเนอร์ที่ล้างออกไม่หมดอยู่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ไม่เป็นสิวเพิ่มเช่นเดียวกันค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเปรียบเทียบสองตัวนี้นกชอบ Botanic มากกว่านะคะเพราะว่าทำความสะอาดได้สะอาดกว่าเหมาะกับวันที่แต่งหน้าจัดเต็มมากๆค่ะ นอกจากนั้นผิวหลังจากล้างน้ำออกตัว Botanic ผิวจะนุ่มกว่า Naive ด้วยค่ะ ส่วนตัว Naive นกจะเก็บไว้ใช้ในวันที่ไม่ค่อยแต่งหน้าหรือแต่งน้อยๆ ไม่ใช้อายไลเนอร์ตัวที่ล้างออกยาก Naive ก็เพียงพอค่ะ

ให้คะแนน Botanic 9 เต็ม 10 หักที่กลิ่นแรงเกินไปนกไม่ชอบ
              Naive 7 เต็ม 10 หักคะแนนที่ล้างอายไลเนอร์ประจำของเราไม่ออก และหาซื้้อค่อนข้างยาก

 




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 17:56:56 น.
Counter : 4132 Pageviews.  

[SR] Review My Beauty Diary Mask Sheet Box Set Limited Edition

     สวัสดีค่ะ วันนี้มีของใหม่มาให้ดูกันอีกแล้วค่ะ เป็นมาส์คจาก My beauty diary แต่วันนี้มาในรูปของ Box set เป็นสินค้า Limited Edition ที่นำเข้ามาเนื่องในโอกาสวันแม่จำนวนจำกัดเพียง 2000 ชุดเท่านั้น

     กล่องหน้าตาแบบนี้ค่ะ ลายน่ารัก สดใส อีกแล้วเราชอบสีและลายแพคเกจจิ้งของยี่ห้อนี้มากเลยค่ะออกแนวหวานแหวว น่ารัก

     เปิดกล่องออกมาด้านในจะเจอแบบนี้จ้าในกล่องจะมีมาส์คทั้งหมด 15 แผ่น 3 สูตร สูตรละ 5 แผ่นค่ะ

     ด้านหน้ากล่องจะเขียนไว้ว่าคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าอย่างเร่งรัด เนื่องจากทั้ง 3 สูตรจะเน้นเรื่อง ยกกระชับผิวและเพิ่มความกระจ่างใส

สูตรแรก

ผลจากการใช้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบเย็นสบายผ่อนคลายได้ดีทีเดียวค่ะ ผิวหน้าดูกระจ่าง สดใส ชุ่มชื่นนุ่มขึ้น แต่เรื่องความขาวก็ไม่เห็นผลแต่อย่างใดคาดว่าต้องใช้อีกหลายแผ่นถึงจะเห็นผล

สูตรที่ 2

ผลจากการใช้ หน้าเนียนนุ่มลื่น เด้ง กระจ่างใส มีกลิ่นหอมอ่อนผ่อนคลายสบายชวนหลับมากๆ

สูตรที่ 3

ผลจากการใช้ หน้านุ่ม เด้งดึ๋ง ผิวเนียนนุ่มลื่น รู้สึกว่าหน้าตึงๆ ขึ้นเล็กน้อย

นอกจากนั้นในเซ็ตยังมี ลิปบาล์ม สูตรน้ำผึ้ง (Honey Lip Essence Repairing Effect)

     ลิปนี้หอมกลิ่นน้ำผึ้งมากๆค่ะ ให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างดี เนื้อลื่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มีสีค่ะ เราชอบลิปมากๆเลยจ้า

     ใครสนใจลองไปหาดูได้ที่วัตสันนะคะราคากล่องละ 750 บาทค่ะ ใครที่ใช้ยี่ห้อนี้อยู่แล้วเราว่ากล่องนี้คุ้มค่ะ ได้แถมลิปอีกหลอดนึงด้วยค่ะ




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2555    
Last Update : 14 สิงหาคม 2555 18:22:02 น.
Counter : 3456 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

babybirdzaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add babybirdzaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.