Group Blog
ลาก่อย..สิวเสี้ยน กับสครับทำเองในครัว + SMOOTO






สวัสดีค่า...วันนี้นิชามีสูตรสครับจากในครัวของนิชาเองนี่แหละมาฝาก
สูตรนี้ได้คำแนะนำมาจาก Pastry Chef ที่รู้จักคนนึง
เป็นสูตรครับหน้ากำจัดสิวเสี้ยน สิวหัวดำ เซลส์ผิวที่ตายแล้ว
ทำให้ผิวหน้านิ่ม และขาวใส 

แต่นิชาแอบมาเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราหาได้ง่ายกว่า ><

สูตรเดิมก็คือใช้ น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง และน้ำเลม่อน!
ต้องเป็นน้ำเลม่อนเท่านั้น ห้ามน้ำมะนาว เพราะว่ามะนาวจะมีกรดมากกว่าเลม่อน
เลม่อนจะอ่อนโยนต่อผิวหน้ากว่า เค้าว่ามางี้นะ ก็คงจริงเพราะมะนาวบ้านเราเปรี้ยวกว่าเลม่อนเยอะ -*-


แต่...เลม่อนบ้านเราหายาก และราคาค่อนไปทางแพง เราซื้อมาลองลูกเกือบ 50 บาท !!
ตอนเข้า 7-11 ผ่านตรงที่เค้าวางขายพวกครีมบำรุงเหลือบไปเจอ SMOOTO LEMON-C 
เลม่อนเหมือนกันเลย...เออ น่าจะใช้แทนกันได้ เผลอๆอาจจะดีกว่า เพราะอ่านสรรพคุณ
แล้วช่วยผลัดผิว ลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน มี AHA, BHA จากผลไม้ บลาๆ
และที่สำคัญหาซื้อง่าย ในราคาซองละไม่กี่สิบบาท ><


ไปดูสครับของนิชาที่เค้าบอกมาอีกทีกันดีกว่า -0-



-น้ำตาล 2 ช้อนชา-

น้ำตาลเกล็ดละเอียดก็จะยิ่งดี เพราะจะทำให้อ่อนโยนต่อผิวมากขึ้น
แต่อย่าให้ถึงขั้นเป็นน้ำตาลไอซ์ซิ่งเพราะมันจะละลายไปเลยเมื่อโดนน้ำผึ้ง 



- น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา -
อันนี้น้ำผึ้งแท้ส่งมาจากบ้านคุณซะมีเลยจ้า 



คนๆรวมกัน 



จะใช้น้ำเลม่อนก็ประมาณ 1 ช้อนชา 



หรือจะใช้ SMOOTO-C ก็ประมาณ 1/2 ช้อนชาก็พอ 

ใครจะใช้ 2 อย่างรวมกันเลยก็ไม่ผิดกติกา



รอบนี้เราขอใช้ SMOOTO-C 1/2 ช้อนชา

บีบๆลงไป ที่เหลือพับเก็บไว้ใช้ต่อได้ ><



มิกซ์ให้เข้ากันดีอีกรอบ 



ล้างหน้าให้สะอาดแล้วก็สรับเลยสิคะ รออะไร 

ตรงรอยติงกาเอามือนวดๆเบาๆอย่าแรงมากค่ะ เดี๋ยวกาตกใจจะย่ำรอยเพิ่ม ><
ลูบเบาๆตรงเปลือกตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น เข้าตาได้ธรรมชาติล้วน ไม่มีปัญหา

ตรงปากก็ใช้ได้ถูวนๆขัดปากให้นุ่มนิ่ม ตอนทาปากจะได้ไม่แห้ง ลิปไม่ตกร่อง



ตรงหน้าผากนี่ขัดได้เต็มที่เลย ขัดเบาๆวนๆ 
ตรงแก้มก็วนๆย้อนขึ้นต้านแรงโน้มถ่วงโลกกันหน่อยนะเธอ



จมูก ซอกจมูก ใต้จมูก ดงสิ้วเสี้นยเลย
ถูๆขัดๆวนๆ เน้นค่ะเน้น

ทิ้งไว้ 10-15 นาที ว่าไป อย่าเผลอหลับมดขึ้นหน้าไม่รูนะ อิอิ



ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ไม่ต้องใช้โฟมเน้อ 



ชื่นชมกับผิวนุ่มนิ่มได้ตามอัธยาศัย ><

นุ่มขึ้น ลื่นขึ้นจริงๆนะ หลังล้างหน้ารู้สึกได้เลย 

เผื่อใครสงสัย ใช้เลม่อนสดกับ SMOOTO-C ต่างกันรึเปล่า??

เลม่อนสด จะได้กลิ่นหอมจากผลเลม่อนเวลาบีบ ทำให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย 
แต่ความหน้านิ่มไม่เท่า SMOOTO-C เหมือน SMOOTO-C มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวหน้ามาเพิ่มด้วย

แล้วแต่ว่าใครจะใคร่ใช้อะไร ตามความถนัดเลยจ้า
ส่วนนิชามีอะไรสะดวกหาง่ายเราก็ใช้ ><



ที่เหลือในซองเอามาทาหน้าหลังสรับ เพิ่มความชุ่มชื่นได้อีก



แหะๆ หน้าผ่องแล้ว ( ผ่องได้แค่นี้ตามวัย 30+ )



LEMON JUICE >o<
( ซื้อที่ Tops Supermarket )



SMOOTO LEMON-C 
(ซื้อที่ 7-11)



ชอบแบบไหนเลือกได้ตามอัธยาศัย =v=



หวังว่าจะชอบกันนะค้าา บั๊บบายยย V(^_^)V



Follow me!
Facebook : NichachaCuisine






Create Date : 03 สิงหาคม 2559
Last Update : 3 สิงหาคม 2559 16:58:57 น.
Counter : 1847 Pageviews.

0 comment
น้ำมันหมูดีกว่าน้ำมันพืช?? จริงหรือเปล่านะ!!

น้ำมันหมูดีกว่าน้ำมันพืช?? จริงหรือเปล่านะ!!



จากที่เกิดประเด็นให้พวกเราได้พูดคุยกันเมื่อตอนที่นิชาทำคะน้าหมูกรอบ  
ว่าใช้น้ำมันหมูผัดผักนั้นจะทำให้ผัดผักหอมอร่อยกว่าน้ำมันพืชจริงหรือไม่? 
เห็นชาวเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนมากก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า 
“น้ำมันหมูอร่อยกว่า” และยังไม่ใช่แค่อร่อยกว่ายังมีคนบอกว่าน้ำมันหมูดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันพืชซะอีก


เรานี่ หา!!…เลย  -0-!! ไม่จริงหรอกมั้ง พี่ที่ออฟฟิศบอกเรามาหนึ่งเสียงที่ เห็นเราชอบทำอาหาร 
มีอยู่วันนึงเราไปผัดผักที่ออฟฟิศ (ออฟฟิศมีครัวนะ ทำอาหารได้ เลิศป่ะล่ะ555) แกก็บอกว่าให้ใช้น้ำมันหมูผัดผัก
จะอร่อยกว่ามาก ที่บ้านแกเป็นคนจีน รุ่นอาม่าก็เจียวมันหมูเองแล้วก็ใช้มันน้ำหมูนั่นแหละประกอบอาหาร 
เราก็ฟังผ่านๆมันหมูจะไปดีกว่าน้ำมันพืชได้ไง แต่พอเห็นหลายๆความคิดเห็นที่บอกว่าน้ำมันหมูอร่อยกว่า 
ดีกว่า แม่เราก็บอกว่าน้ำมันหมูโอเคกว่านะ

เลยลองไปหาข้อมูลอ่านให้คลายข้อสงสัยสักหน่อย ก็ได้ความมาว่า 
ไขมันทุกชนิดนั้นให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่เท่ากันหมด 
ไม่ว่าจะเป็นไขมันอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของไขมัน
 เพราะฉะนั้นจะทานน้ำมันหมูหรือน้ำมันพืชก็อ้วนเท่าๆกัน 
อ้วนมากอ้วนน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่เราทานเข้าไปต่างหาก


ไขมันทุกประเภท มีทั้งกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแต่ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน  
จริงอยู่ที่มันหมูจะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง แต่มันหมูก็มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือ Monounsaturated fatty acid 
ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในปริมาณที่มากเช่นกัน เมื่อเทียบกับไขมันอิ่มตัวประเภทอื่น 
เช่น เนย น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว และไม่เป็นไขมันทรานส์ 
เพราะมันหมูเป็นไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ ไม่ผ่านกรรมวิธีทางเคมีเป็นไขมันจากธรรมชาติ

ไขมันทรานส์นี่เป็นไขมันชนิดเลวค่ะ ไม่ดีต่อร่างกายเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 
โรคความดัน มะเร็งต่างๆ แถมยังเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลที่ไม่ดี และลดระดับ HDL หรือโคเลสเตอรอลชนิดดี 
โห…ดูเลวร้ายเนอะ  =.. =

ไขมันทรานส์ มีมากในน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีค่ะ เค้าจะเติมไฮโดรเจนเพื่อให้ไขมันไม่เหม็นหืน 
เก็บได้นาน และทนความร้อนได้ดี และเมื่อเรานำน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีนี้มาผ่าน
ความร้อนสูงเป็นเวลานานเช่นการทอด ก็จะทำให้กรดไขมันนั้นเปลี่ยนเป็นไขมันทรานส์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพค่ะ


ส่วนตัวนิชาคิดว่าที่น้ำมันหมูดีกว่าก็เพราะว่าวิธีการทำน้ำมันหมูเนี่ย  เราต้องทำเอง 
อยู่ในสายตาทุกขั้นตอน เริ่มจากการเลือกซื้อมันหมูที่ดี มีคุณภาพ สะอาด สดใหม่ 
เสร็จแล้วก็นำมาเจียวจนได้น้ำมันหมู ไม่มีการใส่สารกันบูด หรือสารเคมีต่างๆ 
เราจึงได้ใช้น้ำมันที่สดใหม่ที่ทำเองเป็นประจำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพอนิชาบอกว่าน้ำมันหมูดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันพืช
 ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทานแต่น้ำมันหมูนะคะ ไขมันจำเป็นต่อร่างกายค่ะ แต่เราต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม 
สลับเมนูอาหารประเภทต้ม นึ่งด้วย ทานแต่ของทอดๆอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ 
ยังไงไขมันก็คือไขมัน เราต้องรับประทานอย่างพอเหมาะ และออกกำลังกายควบคู่กับไปด้วยเพื่อสุขภาพที่ดี 
เราไม่หวังผอมหุ่นดี แต่ขออ้วนอย่างมีความสุขและสุขภาพดีๆกว่า 
เอาที่เราสบายใจ 5555 วันนี้ไปแล้วค่ะ จะไปหามันหมูดีๆมาเจียวน้ำมันหมูมาทำอาหารดูบ้าง ^_^




Follow me!
Facebook : NichachaCuisine





Create Date : 06 มิถุนายน 2558
Last Update : 17 มิถุนายน 2558 22:35:28 น.
Counter : 2416 Pageviews.

1 comment
ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใส ประสบการณ์ตรงจากนิชา


ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใส ประสบการณ์ตรงจากนิชา

สวัสดีค่ะ นิชาอยากจะลองเขียนบทความยาวๆดูบ้างก็ไม่แน่ใจว่าจะออกมาเป็นอย่างไรแต่อยากเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ประสบกับโรคหรืออาการแปลกๆที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองโรคที่เกิดขึ้นกับนิชาคือโรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันนิชาก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นโรคได้หรือป่าวหรือเรียกว่าอาการดีเรียกว่าอาการประสาทหูเสื่อมเฉียนพลันแล้วกันนะคะ บอกว่าเป็นโรคดูจะรุนแรงไป

นานมาแล้วค่ะเมื่อตอนนิชาอายุ 19(ตอนนี้กำลังจะ 29) ช่วงเดือนตุลาคมตอนนั้นนิชาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งตอนเช้าไปทำงานมีอาการเดินเซนิดหน่อยเราก็คิดว่าไม่มีอะไรมั้งอาจจะนอนดึกไป ระหว่างวันแม่โทรมาหา นิชาก็รับโทรศัพท์ด้วยหูข้างซ้าย"ฮัลโหลแม่...แม่...แม่ทำไมโทรมาไม่พูดนะ" แล้วก็วางไป พอแม่โทรมาอีกรอบ นิชาเริ่มเอะใจลองฟังด้วยหูข้างขวาดูก็ได้ยินนี่ ลองสลับมาข้างซ้ายลองให้แม่พูดกลับไม่ได้ยิน แม่ถามทำไมเมื่อกี้ไม่ได้ยินแม่ล่ะแม่ได้ยินเสียงหนูพูดนะ ว่าทำไมแม่ไม่พูด แม่ก็พูดแล้วไง แล้วหนูก็วางไปแม่เลยโทรมาใหม่เนี่ยก็เลยรู้ว่าหูซ้ายไม่ได้ยินโดยปกติถ้าเราเอานิ้วถูที่ใบหูเบาๆเราจะได้ยินเสียงใช่มั๊ยคะแต่ลองทำกับหูซ้ายนิชาไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ เย็นวันนั้นนิชาก็ไปหาหมอค่ะ ที่รพ.วิภาราม แถวพัฒนาการ เพราะใช้ประกันสังคมที่นั่นอยู่ พบหมอแผนกทั่วไป หมอตรวจอาการเบื้องต้นก็พบว่าหูนิชาภายนอกไม่มีปัญหาอะไรใสกิ๊ก ไม่ได้มีความเสียหายของอวัยวะภายนอกเลย ตอนแรกหมอคิดว่าจะเป็นซีเมนท์แว็กซ์หรือประมาณว่าขี้หูหนาเตอะจนไม่ได้ยินเสียงนั่นแหละค่ะหมอก็เลยส่งต่อขึ้นไปตรวจที่แผนกเฉพาะทาง ENTหูคอ จมูกหมอตรวจเบื้องต้นไม่พบความเสียหายและอาการบาดเจ็บของหูจริงๆก็เลยให้เราเข้าเครื่องตรวจวัดการได้ยินที่ชื่อว่าเครื่องAudiogramไปหารูปในอินเตอร์เน็ทมาให้ดูหน้าตาจะประมาณนี้

ภาพการทดสอบ Audiogram (แอบติ่งคิมซูฮยอนเล็กๆ >p<)

จะให้เราเข้าไปในห้องกระจก ใส่หูฟังแล้วเค้าจะปล่อยคลื่นเสียงออกมา ถ้าเราได้ยินก็ให้กดรีโมทค่ะวัดทั้งหูปกติและหลังหูด้วย หลังหูจะเอาหูฟังมาเกี่ยวไว้ค่ะ แล้วหมอก็จะอ่านผลสรุปว่าเป็นอาการประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน หมอให้ยามาทานค่ะน่าจะเป็นยาลดอาการอักเสบประเภทสเตียรอยด์มันก็ผ่านมานานมากแล้วนิชาจำไม่ค่อยได้แต่หมอบอกว่าโรคนี้ถ้าหายจะหายเองภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ถ้าหลังจากนั้นแล้วถ้าไม่หายก้คือไม่หายแหม..หมอให้กำลังใจดีมากรับยากลับบ้านทานยาตามปกติ

ตกกลางคืนตีสองนิชารู้สึกเวียนหัวมาก ลุกขึนมาเข้าห้องน้ำ อาเจียนความรู้สึกตอนนั้นไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างหมุนไปหมด หมุนแรงๆเหมือนขึ้นเครื่องเล่นหมุนๆลืมตาไม่ได้เลยลุกขึ้นเดินเองก็ไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนคนเมาหนักๆมั้งคะ แต่ตอนนั้นอายุสิบเก้ายังไม่เคยเมาด้วยสิคะ เป็นความรู้สึกที่ทรมานมากๆ ไปไหนไม่ได้เลยนอนอยู่หน้าห้องน้ำร้องเรียก แม่ แม่ หนูไม่ไหวแล้ว เสียงเบามากเพราะไม่มีแรงจะตะโกน ซักพักแม่ก็ออกจากห้องมา ไม่น่าเชื่อนะคะว่าแม่จะได้ยินความรักของแม่นี่ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ ตีสองแล้วเป็นเราคงไม่ตื่นแน่ๆแต่แม่ตื่นแม่ตกใจรีบประคองเราขึ้น เราบอกไม่ไหวแม่ ลุกไม่ไหว มันหมุนไปหมดแม่บอกหลับตาๆแล้วเกาะแม่ไว้ แม่ก็พาไปนอนเช้ามาแม่โทรไปหาหมอถามถึงอาการที่เป็นหมอบอกว่าเป็นปกติ เพราะอาการเกิดที่หู ทำให้เสียการทรงตัวจึงทำให้มีอาการเวียนหัวได้ ช่วงอยู่บ้านแรกๆลุกเองไม่ได้เลยค่ะ เหมือนเป็นคนพิการเลยต้องมีคนประคองตลอด หลังจากรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่ผ่านไปสองสัปดาห์อาการเวียนหัวบ้านหมุนหายไปแต่หูซ้ายไม่ได้ยินเหมือนเดิมค่ะหมอบอกว่าคงไม่หาย เราต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตที่ได้ยินเสียงจากหูข้างเดียว 

เราก็ถามว่าใช้เครื่องช่วยฟังได้ไหมหมอบอกได้แต่หนูยังเด็กใช้เครื่องช่วยฟังจะเสียบุคลิค ให้ลองปรับตัวก่อน เราก็ไม่มีทางเลือกก็ต้องปรับ ช่วงนั้นทำงานอยู่ร้านไอศครีมค่ะตอนรับออเดอร์ช่วงแรกๆลำบากมากเพราะลูกค้าไม่เข้าใจยิ่งเค้าพูดด้านซ้ายเราก็จะไม่ได้ยินถามซ้ำๆจนเค้าโมโหขว้างเมนูใส่งานนี้เฟลสิคะ แอบไปร้องไห้หลังร้าน แต่โชคดีมีพี่ๆเพื่อนๆใจดีคอยให้กำลังใจเลยผ่านมาได้คิดเสียว่าเป็นเรื่องขำๆอย่างพี่เค้าให้เราไปซื้อข้าวเปล่า เราได้ยินว่าให้ไปซื้อกระเป๋าก็ขำกันใหญ่หลังจากนั้นก็เปิดเทอมค่ะเวลาไปเรียนนั่งรถไปเรียนไกลมากกลับมากลางคืนจะอาเจียนตลอดจนแม่ไม่อยากให้ไปเรียนแล้ว เราก็ดื้อค่ะจนแม่ต้องลากไปหาหมอหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรเราต้องฝืนแล้วจะดีขึ้น อย่างถ้าหันหน้าไปทางซ้ายแล้วเวียนหัวเราก็ต้องหันบ่อยๆร่างกายจะชินอาการเวียนหัวจะหายไปในที่สุดตอนเรียนก็นั่งหน้าเลยค่ะ ไม่ได้ขยันนะคะ แต่นั่งหลังไม่ได้ยินอาจารย์พูดตอนเรียนไม่คุยกะใครเลยค่ะกลัวไม่ได้ยินอาจารย์ผลพลอยได้เทอมแรกท็อปห้าวิชาค่ะ เกรดได้ 3.75 หลังจากนั้นก็ตั้งใจเรียนมาตลอดเลยค่ัะ

ปัญหาการใช้ชีวิตของนิชาคือจะไม่ได้ยินถ้าใครมาคุยด้วยทางด้านซ้ายยิ้มอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ตอบ ไม่ได้หยิ่ง แต่ไม่ได้ยินค่ะใครเจอนิชาคุยทางด้ายขวานะคะแล้วก็หาทิศทางของเสียงไม่ได้คือถ้าคนเรียกเราๆจะไม่รู้ว่าเค้าเรียกมาจากทางหนอยู่ข้างล่าง ข้างบน ซ้ายหรือขวา เวลาเรียกแม่ก็จะแม่อยู่ไหน แม่ตอบอยุ่นี่ - -;โถ่..แม่อยุ่นี่นี่ข้างล่างรึข้างบนเล่า >< เวลามีคนเรียกทีหมุนรอบตัวเลยคะไม่รู้เสียงมาจากไหน แล้วก็นิชาจะได้ยินเสียงต่ำชัดมากๆค่ะ เสียงเบส เสียงกลองตึบๆ ตุบๆจะชัดแล้วจะปวดหูน่ารำคาญมากๆหูขางที่ไม่ได้ยินนี่ถ้าฟังเพลงโดยใช้หูฟังก็จะไม่ได้ยินเมโลดี้จะได้ยินแค่เสียงตุบๆๆๆของกลองค่ะ

ทั้งหมดที่นิชาเล่ามาหลายๆคนอาจจะอยากรู้สาเหตุว่าอยู่ๆทำไมถึงเป็นประสาทหูเสื่อมได้ถามหมอ หมอบอกว่าอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้เองโดยไม่มีสาเหตุค่ะหนึ่งในแสนจะมีซักคนแล้วเราคือผู้โชคดี เฮอะ!!ทำไมไม่เป็นรางวัลที่หนึ่งมั่งละแต่นิชาลองไปหาความอ่านเอาตามอินเตอร์เน็ทอาการนี้เกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อไวรัสบางชนิดเช่นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด หัดเยอรมัน งูสวัด คางทูม ไข้หวัดใหญ่ อีสุกอีใส เป็นต้นอ่านถึงบันทัดนี้นิชาถึงบางอ้อค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ หนึ่งเดือนนิชาเป็นอีสุกอีใสค่ะ เป็นตอนอายุสิบเก้าช่างแสนเจ็บปวดจริงๆทิ้งรอยแผลเป็นไว้ตรงหน้าหนึ่งแผล แถมทำให้หูดับไปอีกหนึ่งข้าง

อันนี้นิชาสันนิษฐานเอาเองนะคะเพราะนิชาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเกี่ยวกับหูก่อนหน้านั้นก็มีแต่อิสุกอีใสเนี่ยแหละค่ะ ตอนน้องชายเป็นยังไม่ติดเลยชะล่าใจคิดว่าคงไม่เป็นแล้วที่ไหนได้อยากจะบอกเล่าค่ะเดี่ยวมนีมีวัคซีนฉีดไม่ให้เป็นโรคอีสุกอีใสแล้วพาลูกหลานไปฉีดเถอะนะคะ ถ้าเกิดว่าสาเหตุที่นิชาเป็นประสาทหูเสื่อมเป็นอีสุกอีใสจริงถึงมันจะหนึ่งในแสนมันก็น่ากลัวนะคะทุกวันนี้นิชาชินแล้วใช้ชีวิตตามปกติ ได้ยินมั่งไม่ได้ยินมั่งแต่ไม่น้อยใจชีวิตค่ะ คนอื่นเป็นมากกว่าเราเยอะ นึกถึงในหลวงค่ะทรงเสียพระเนตรไปหนึ่ง แต่ยังทรงทำอะไรเพื่อประเทศเพื่อคนไทยได้มหาศาลเราเป็นแค่นี้เองแขนขายังอยู่ครบ เราต้องสู้ต่อไปค่ะ ยิ้ม ^____________________^

ใครสนใจอยากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ลอง คลิก นะคะ นิชาแปะลิงค์จากศิริราชมาให้อ่าน




Create Date : 20 เมษายน 2557
Last Update : 21 เมษายน 2557 14:21:38 น.
Counter : 2219 Pageviews.

9 comment
เคล็บลับความงามจากคีเฟอร์บัวหิมะธิเบตโยเกิร์ตจากธรรมชาติ

เคล็บลับความงามจากคีเฟอร์บัวหิมะธิเบตโยเกิร์ตจากธรรมชาติ

ภาพการกรองนมคีเฟอร์และตัวคีเฟอร์

สวัสดีค่ะ ปกตินิชาไม่ค่อยได้เขียนบทความยาวๆเท่าไหร่นัก แต่วันนี้อดไม่ได้จริงๆ
เพราะอยากจะแบ่งบันเคล็ดลับความสวยความงามที่นิชาใช้อยู่ซึ่งบอกไว้เลยว่าเป็น
อะไรที่สวย ประหยัด ดีต่อสุขภาพแน่นอน หลายๆคนที่ติดตามบล็อกของนิชาก็คง
ทราบว่านิชาเลี้ยงคีเฟอร์อยู่ แต่หลายๆคนอาจจะงง เอ...อะไรหนอออ..ไม่เคยได้ยิน
เลย นิชาอธิบายคร่าวๆ คีเฟอร์ หรือ มีชื่อในภาษาไทยเรียกว่าบัวหิมะธิเบต 

มีประวัติความเป็นมายาวนาน ประวัติลึกๆต้องไปถามไถ่อากู๋ (Google) แต่ถ้าอธิบาย
ตรงนี้ คีเฟอร์ คือ จุลินทรีย์ที่มาเกาะกลุ่มรวมตัวกันจนเป็นก้อนสีขาวๆ ตามภาพซึ่ง
จุลินทรีย์เหล่านี้มีคุณต่อร่างกาย เราจะเลี้ยงคีเฟอร์ด้วยนมสด วิธีการคือนำนมเท
ใส่เจ้าก้อนคีเฟอร์สีขาวๆนี้ ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน กรองนมออก นมที่ได้นี่แหละค่ะ
จะกลายเป็นโยเกิร์ตนำมาดื่มดีต่อสุขภาพมากๆ และเมื่อเราเลี้ยงไปเรื่อยๆก้อน
คีเฟอร์จะมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆค่ะ วิธิเลี้ยงคีเฟอร์คลิก นมที่ได้
จากคีเฟอร์มีประโยชน์มาก เพราะมีโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อ
ร่างกาย จึงช่วยปรับสมดุลในร่างกาย รักษาอาการที่เกิดจากโรคหัวใจ ลดคลอเรส
เตอรอล บรรเทาอาการภูมิแพ้ คนที่ทานนมสดปกติแล้วท้องเสียก็สามารถทานนม
จากคีเฟอร์ได้ค่ะเพราะจุลินทรีย์คีเฟอร์ได้ไปช่วยย่อยน้ำตาลในนมให้แล้ว โรคเกี่ยว
กับระบบกระเพาะลำไส้เนี่ยทานดีเลยค่ะ เอาล่ะค่ะเกริ่นเสียยืดยาว แต่ก็ต้องเกริ่น
เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน มาฟังกันต่อว่าเจ้าคีเฟอร์นี่เกี่ยวกับความสวยความงาม
ของนิชายังไง นิชาก็ใช้เจ้านมที่ได้จากคีเฟอรืนี่แหละค่ะ มาบำรุงความงามของตัว
เองนอกจากใช้ดื่มแล้ว นิชายังเอานมคีเฟอร์มาหมักผม ใช้ทาตัวหลังจากอาบน้ำ
แล้วชำระล้างออกอีกที ผิวนุ่มดีมากถ้ามีเวลาก็จะมาสก์หน้าด้วยครีมนมคีเฟอร์ 
วิธีทำก็แสนง่าย โดยการนำนมคีเฟอร์ที่เรากรองไว้แล้วตามปกติ ใช้ถ้วยเปิดฝาแช่
ตู้เย็นเอาไว้ 4-5 วันน้ำนมก็จะกลายเป็นครีมข้นๆตามภาพ 


ภาพนมคีเฟอร์ที่แช่เย็นจนกลายเป็นครีม และ ภาพเครื่องดื่มจากคีเฟอร์


นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ลดจุดด่างดำรอยสิวได้ดีทีเดียว ผิวหน้านุ่มชุ่มชื่น 
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้นนิชาอยากให้เห็นว่าคีเฟอร์มีประโยชน์ต่อสุขภาพและ
สามารถมาประยุกต์ใช้ในเรื่องความสวยความงามได้ด้วย ตอนนี้นิชาก็เริ่มเห็นการ
นำคีเฟอร์มาทำเป็นเครื่องสำอางค์บ้างแล้วเราสามารถเลี้ยงคีเฟอร์ได้เองที่บ้าน
ง่ายและประหยัดมากๆด้วยค่ะ เราดูแลเองทุกขั้นตอนปลอดภัยแน่นอน แต่บางคน
ก็ยังลังเลใจว่า เอ..นมที่ได้จากคีเฟอร์นั้นเป็นนมบูดหรือเปล่า ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่
ให้คุณคิดว่านมคีเฟอร์ก็คือโยเกิร์ตใช้หลักการเดียวกันกับการทำโยเกิร์ตแต่เราทำเอง
ได้ที่บ้านสามารถใส่ผลไม้ ปรุงแต่งให้น่าทานได้เหมือนๆกับโยเกิร์ตที่ขายตาม
ท้องตลาดเลยค่ะ วันนี้แนะนำกันแค่นี้ก่อนใครสนใจสอบถามนิชาได้
แบ่งบันสุขภาพดีๆและความสวยความงามให้เพื่อนๆค่ะ


ยังมีบทความเกี่ยวกับสุขภาพและความงามให้อ่านอีกเพียบที่ 
Bookup Asia และติดตามเพจที่ Bookup Asia Fanpage







Create Date : 17 เมษายน 2557
Last Update : 21 เมษายน 2557 14:26:43 น.
Counter : 2728 Pageviews.

7 comment

Am Nicha
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]



New Comments