Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
26 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
วิ่งม้าแก้บน


นรา

     ยังจำฉากจบของเรื่อง "คู่กรรม" กันได้มั้ยครับ? ตอนที่ฝรั่งขี่เรือบินมาหย่อนระเบิดทิ้งบอมบ์แถวๆ สถานีรถไฟและคลองบางกอกน้อย จนเป็นเหตุให้โกโบริซังต้องเสียชีวิต

ประเพณีเวียนกระทงที่วัดสุวรรณาราม ก็เริ่มต้นเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ช่วงเดียวกันนี้ กล่าวคือ บริเวณชุมชนบ้านบุ หรือละแวกใกล้ๆ ปากคลองบางกอกน้อย เป็นจุดหนึ่งที่ระเบิดลงชุกชุม บ้านเรือนได้รับความเสียหายยับเยิน ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย คนที่ยังอยู่ก็เสียขวัญหวาดผวา จนกระทั่งต้องลี้ภัยชั่วคราว ไปพำนักอาศัยตามสวนซึ่งล่วงลึกเข้าสู่ลำคลองตอนใน

ครั้งที่หนักหน่วงสุด มีคนตายในคราวเดียวร่วมสิบกว่าคน บ้านเรือนพังพินาศไปเยอะ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังตลาดที่อยู่ถัดจากวัดไม่ไกลนัก ยังมีร่องรอยปรากฎเป็นหลุมมาจนถึงทุกวันนี้ เรียกกันว่า "บ่อระเบิด" อยู่ติดไปทางรถไฟหรือทางบ้านเนิน (อันนี้ผมอ่านเจอจากวิทยานิพนธ์เรื่อง "คติความเชื่อเรื่องมหาชาติชาดก:การเปลี่ยนแปลงและการสืบเนื่องสะท้อนจากภาพจิตรกรรมฝาผนัง กรณีศึกษาเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนัง ในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม คลองบางกอกน้อย" โดย แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย ซึ่งในบทความคราวที่แล้วผมถือวิสาสะอ้างอิงข้อมูลจากวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้เอาไว้เยอะพอสมควร จึงสมควรกล่าวถึงเพื่อให้เครดิตและแสดงความขอบคุณไว้ด้วย)

*ครั้นเมื่อสงครามสิ้นสุด จึงค่อยโยกย้ายกลับมายังถิ่นเดิม และเพื่อเป็นการเยียวยาสร้างขวัญกำลังใจ ชาวบ้านจึงจัดพิธีเวียนเทียนสู่ขวัญต่อหลวงพ่อพระศาสดา (พระประธานในโบสถ์ วัดสุวรรณาราม) ซึ่งทั้งองค์พระและบริเวณวัดไม่เพียงแต่จะรอดพ้นอันตรายจากระเบิดเท่านั้น ทว่าชาวบ้านยังถือว่า บารมีของท่านได้ช่วยปกป้องคุ้มกันผู้คนที่ไปอาศัยหลบในพระอุโบสถยามคับขันจวนตัวให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วย

ครั้งนั้นการเวียนเทียนสู่ขวัญหลวงพ่อ ตรงกับช่วงหน้าน้ำและเทศกาลพอดี พิธีจึงจบลงด้วยการลอยกระทงที่คลองบางกอกน้อยหน้าวัด และกลายเป็นประเพณีสืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งงานเวียนกระทงและการวิ่งม้าแก้บน ล้วนมีความเกี่ยวข้องผูกพันกับหลวงพ่อพระศาสดา

หลวงพ่อพระศาสดาเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริด ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สูง 8 ศอก 1 คืบ 8 นิ้ว หน้าตักกว้าง 6 ศอก 1 คืบ ลักษณะอ่อนช้อยงดงามมาก

มีสองสมมติฐานเกี่ยวกับความเป็นมาของท่าน

อย่างแรกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติของทางวัด โดยเชื่อกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้หล่อขึ้นเพื่อเป็นพระประธานในอุโบสถ เมื่อครั้งสถาปนาวัดขึ้นมาใหม่

อีกทางหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ว่า พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ปรากฎเรื่องราวความเป็นมา แต่พิจารณาจากลักษณะแล้ว เห็นว่าเป็นฝีมือเดียวกับช่างที่หล่อพระศรีศากยมุนี ซึ่งอัญเชิญมาจากสุโขทัยครั้งแผ่นดินรัชกาลที่ 1 จึงเป็นไปได้ที่น่าจะเชิญพระศาสดามาด้วยในคราวเดียวกัน

เพราะความที่ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ และรูปลักษณ์ละม้ายใกล้เคียงกับพระศรีศาสดา (ซึ่งอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศพร้อมกับพระพุทธชินสีห์) จึงเรียกขานสืบต่อกันมาว่า "พระศาสดา" โดยเติมคำว่า "หลวงพ่อ" ไว้ข้างหน้าเพื่อความใกล้ชิด

     หลวงพ่อพระศาสดาเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านบุ นับถือกันว่าท่านคอยปกป้องให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข และช่วยดลบันดาลประทานพรให้แก่ผู้คนที่มาบนบานศาลกล่าว

ถึงตรงนี้ ผมก็ควรจะต้องเล่าเกี่ยวกับชุมชนบ้านบุ ซึ่งเป็นแหล่งย่านหัตถกรรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงทางด้านผลิตขันลงหิน อันเป็นงานฝีมือละเอียดประณีต โดดเด่นทั้งในด้านความงามและความทนทาน

บ้านบุนั้นแบ่งออกเป็น "บ้านบน" และ "บ้านล่าง" บ้านบนนั้นนับจากบริเวณวัดสุวรรณาราม ล่วงลึกเข้าคลองบางกอกน้อยไปทางบางขุนนนท์ จนสุดเขตแถวๆ วัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) ส่วนบ้านล่างนับจากวัดสุวรรณารามไปทางสถานีรถไฟบางกอกน้อย จนถึงแถบวัดอัมรินทาราม (วัดบางว้า)

แต่เดิมทั้ง "บ้านบน" และ "บ้านล่าง" ต่างก็ทำขันลงหินเป็นอาชีพหลัก ปัจจุบันบ้านบนเลิกราไปหมด ขณะที่บ้านล่างยังพอหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็มีน้อยเพียงแค่ไม่กี่เจ้า

ว่ากันว่า ชาวบ้านบุรุ่นแรกๆ เป็นครัวเรือนอยุธยาช่างทำขันลงหิน ซึ่งหนีภัยสงครามเมื่อครั้งกรุงแตก อพยพมาพำนักอาศัยอยู่แถบนี้ และสืบทอดงานฝีมือดั้งเดิมเรื่อยมา กระทั่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

โด่งดังถึงขนาด นิราศพระแท่นดงรัง ซึ่งแต่งขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ได้บันทึกกล่าวถึงเอาไว้

     นิราศพระแท่นดงรัง ยังมีความเห็นแตกต่างไม่ลงรอยกันอยู่ว่าใครเป็นผู้แต่งที่แท้จริง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพและอาจารย์ฉันท์ ขำวิไล เชื่อว่าเป็นผลงานของท่านสุนทรภู่ เขียนไว้ประมาณปี พ.ศ. 2376 ขณะที่อาจารย์ธนิต อยู่โพธิ์และพ. ณ ประมวญมารค (หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี) คิดว่าไม่ใช่ผลงานของสุนทรภู่ จนปัจจุบันก็ยังปราศจากข้อสรุปที่แน่ชัด

ในนิราศดังกล่าว ได้พรรณาถึงบ้านบุเอาไว้ว่า

"ถึงบ้านบุบุขันสนั่นก้อง
เขาหลอมทองเทถ่ายละลายไหล"


"บุ" เป็นคำไทยโบราณแปลว่า "ตีให้เข้ารูป" นะครับ

เรื่องขันลงหิน รวมถึงวิถีชีวิตชาวบ้านบุที่ยังคงเชื่อมต่อเห็นร่องรอยหลายอย่างจากในอดีต หากสบโอกาสเหมาะ ผมคงจะได้เขียนเล่าอย่างละเอียดอีกที

เป็นที่รู้กันโดยทั่วในหมู่ชาวบ้านบุว่า หลวงพ่อพระศาสดาท่านศักดิ์สิทธิ์นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบนบานเกี่ยวกับเรื่องไม่ให้จับโดนใบแดง ถูกเกณฑ์เป็นทหาร

เล่ากันมาปากต่อปาก รุ่นสู่รุ่นในหมู่ชาวบ้านว่า หลวงพ่อท่านไม่โปรดให้มีการแก้บนด้วยดนตรี ละคร หรือการละเล่นอื่นๆ แต่จะชอบวิธีแก้บนแบบแปลกๆ ซึ่งมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน คือ แก้บนด้วยการเขกหัวตัวเอง แก้บนด้วยการกลิ้งเป็นตุ๊กตาล้มลุก และการวิ่งม้าแก้บน

การแก้บนด้วย 2 วิธีแรก มักจะเกี่ยวข้องกับการขอให้หลวงพ่อช่วยในเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจหรือบนขอให้ฝนไม่ตก

แก้บนเขกหัวตัวเอง กฎ กติกา มารยาทนั้นง่ายมาก คือ บนไว้เป็นจำนวนเท่าไร ก็ใช้มือเราเขกหัวเราให้ครบ ตามสูตร "เล่นจริง เจ็บจริง" และห้ามใช้สแตนด์อิน

ที่ไม่ธรรมดาก็คือ เล่ากันมาว่า (อีกแล้ว) บรรดาผู้แก้บนด้วยวิธีนี้ มักจะให้การตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่า ระหว่างเงื้อมือเตรียมจะกระทบกับศีรษะ มักจะรู้สึกเหมือนกับมีใครมาช่วยจับมือ เพิ่มน้ำหนักการเขกให้รุนแรงหนักหน่วงเป็นพิเศษ กระทั่งหัวปูดหัวโนไปตามๆ กัน

ส่วนการกลิ้งตุ๊กตาล้มลุก ขั้นตอนปฏิบัติมีอยู่ว่า เริ่มต้นด้วยการนั่งชันเข่าต่อหน้าใบเสมา ด้านทางเข้าพระอุโบสถ เอามือทั้งสองข้างสอดไปกุมใต้ขา จากนั้นก็กลิ้งวนขวาไปหาซ้ายให้เป็นวงกลม บนไว้กี่รอบก็กลิ้งให้ครบตามจำนวน และถ้าจะให้ครึกครื้นเต็มยศชุดใหญ่ยิ่งขึ้น ผู้แก้บนอาจจะแต่งกายในชุดเด็กหัวจุก (ตรงนี้จะทำหรือไม่ก็ได้ สุดแท้แต่จิตศรัทธา แต่ภาคบังคับก็คือ ต้องสมมติตนเองเป็นตุ๊กตา และสามารถจ้างวานคนอื่นมาทำแทนได้)

     ปัจจุบัน ดูเหมือนว่า การบนเขกหัวตัวเองและกลิ้งตุ๊กตาล้มลุก จะค่อย ๆ สร่างซาหายไป เนื่องจาก "ดูเหมือนง่าย แต่ยากลำบาก เจ็บเนื้อเจ็บตัวเกินไป" จึงไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักบนบานศาลกล่าว หลงเหลือเพียงแค่ "วิ่งม้าแก้บน"

ต้นตอที่มาของการ "วิ่งม้าแก้บน" มีเรื่องเล่าอีกเช่นกันว่า เมื่อวัดสุวรรณารามซ่อมสร้างเสร็จใหม่ๆ มีผู้มาบนบานเกี่ยวกับเรื่องการงาน การค้าขาย จนกระทั่งสำเร็จลุล่วงตามปรารถนา และได้ฝันว่า มีพราหมณ์มาบอกให้วิ่งม้าแก้บน จึงกลายเป็นธรรมเนียมความเชื่อว่า หลวงพ่อพระศาสดาท่านชอบให้แก้บนด้วยวิธีนี้

มีเคล็ดอยู่อย่างหนึ่งในการบนใดๆ ก็ตามกับหลวงพ่อพระศาสดา นั่นคือ ห้ามมิให้เอ่ยคำว่า "ขอ" เป็นอันขาด

วิ่งม้าแก้บนแต่เดิม มีม้าก้านกล้วยเป็นอุปกรณ์ประกอบ แต่ระยะหลังๆ เปลี่ยนมาใช้ผ้าขาวม้า (ของใหม่ที่ยังไม่เคยใช้สอยมาก่อน)

กรรมวิธีก็คือ นำผ้าขาวม้าที่ขมวดปม (เป็นรูปศีรษะม้า) จนเสร็จสรรพ มาวางที่ใบเสมาแรก หน้าพระอุโบสถ เพื่อกราบไหว้บอกกล่าวต่อหลวงพ่อ จากนั้นก็ควั่นผ้าให้เป็นเกลียวแล้วขี่คร่อม จับปลายผ้าข้างหน้าและข้างหลังไว้ วิ่งไปรอบโบสถ์ (จำนวนขั้นต่ำสุดคือ 3 รอบ แต่จะมากกว่านั้นแค่ไหนก็ได้ไม่จำกัด)

ระหว่างวิ่ง (ด้วยลีลาท่าทางเหมือนม้า) ปากก็ต้องร้อง "ฮี้ ฮี้" ไปด้วย

ฟังดูเหมือนเล่นๆ ขำๆ นะครับ แต่เรื่องนี้มีคนซาบซึ้งในรสพระธรรมมานักต่อนักแล้วเหมือนกัน เรื่องเล่าจากปากคำชาวบ้านที่ผมอ่านเจอมีอยู่หลายกรณี ตั้งแต่แกล้งวิ่งเหยาะๆ เหมือนไม่เต็มใจ จนต้องโดน "มือที่มองไม่เห็น" เขกหัวทำโทษ

     อีกเรื่องหนึ่งเล่าไว้ว่า มีคนถูกหวย และได้บนไว้ว่าจะวิ่งม้า 15 รอบ แต่พลันที่จะเริ่มวิ่ง ระยะจากหน้าถึงหลังโบสถ์ก็ยืดขยายกว้างไกลสุดตา วิ่งไปได้แค่ท้ายโบสถ์ก็หมดแรงเป็นลมล้มฟุบ ต้องเยียวยากัน และบอกกล่าวกับหลวงพ่อขอยกยอดที่เหลือไปเคลียร์กันต่อในวันอื่น

วันรุ่งขึ้น นักแก้บนฟิตซุ่มเตรียมตัวมาอย่างดี มีทีมงานหน่วยพยาบาลยืนรอ (เตรียมยาลม ยาดมต่างๆ ไว้พร้อมสรรพ) ตรงกึ่งกลางครึ่งทางของโบสถ์

ผลก็คือ วิ่งได้แค่ครึ่งรอบ ก็ต้องหิ้วปีกประคับประคองโซเซกลับบ้าน รวมความแล้วต้องใช้เวลาร่วมๆ หนึ่งเดือน กว่าจะวิ่งม้าแก้บนได้ครบ

ทั้งกรณีการเขกหัวแก้บน กลิ้งตุ๊กตาล้มลุก และวิ่งม้า ซึ่งมีอะไรเฮี้ยนๆ จนบอบช้ำเจ็บสาหัสหรือเหน็ดเหนื่อยเจียนขาดใจนั้น คนเฒ่าคนแก่ท่านฟันธงตรงกันหมดว่า สืบเนื่องจากบนบานเอาไว้ในเรื่องหวยหรือการพนันทั้งสิ้น

เชื่อกันว่า หลวงพ่อพระศาสดาท่านไม่สนับสนุนอบายมุขนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหวย (ขอแสดงความเสียใจต่อบรรดานักเสี่ยงโชคทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วย)

ใครมาขอในเรื่องเหล่านี้หลวงพ่อท่านก็จัดให้ตามประสงค์ แต่ต้องชดเชยตอบแทนกันสมน้ำสมเนื้อสักหน่อย เพื่อให้เกิดจิตสำนึก ขยันพากเพียรทำมาหากินโดยวิถีทางสุจริต และใช้สอยประหยัดรู้จักเก็บออม

ปัจจุบัน ผู้บนบานศาลกล่าวโดยการวิ่งม้าแก้บน สาขาอายเหนียมหรือเรี่ยวแรงน้อย มักจะนิยมจ้างวานเด็กๆ ละแวกนั้น ให้ปฏิบัติการเป็นนอมินีแทน

เรื่องเหล่านี้ ถือว่าเล่าสู่กันฟังพอเพลินๆ นะครับ

Credit : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มกราคม 2552

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2553 18:31:35 น. 1 comments
Counter : 1642 Pageviews.

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.6.112 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:0:10:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.