Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ล่อง“คลองมหาสวัสดิ์” สัมผัสเสน่ห์วิถีชุมชน



     ในปีฉลูที่เศรษฐกิจโลกทรุด เศรษฐกิจไทยซบ การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศถือเป็นช่องทางการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยกระจายรายได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชนที่เม็ดเงินส่วนใหญ่ตกถึงชาวบ้านโดยตรง

และนั่นจึงทำให้ทริปนี้"ตะลอนเที่ยว"เปลี่ยนบรรยากาศจากการขึ้นเขา ขึ้นดอย เที่ยวป่า เที่ยวไพร ที่ มาท่องเที่ยวชุมชนในจังหวัดปริมณฑลติดกรุงอย่างนครปฐม ที่"คลองมหาสวัสดิ์" สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนที่มีรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2550 (Thailand Tourism Awards 2007)การันตีในคุณภาพ

     คลองมหาสวัสดิ์ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เป็นคลองประวัติศาสตร์ที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อย่นระยะการเดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ คลองมหาสวัสดิ์เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงชุมชนมาเป็นเวลาร้อยกว่าปี โดยวิถีชีวิตของคนในชุมชนมีความเรียบง่าย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ทำสวนผลไม้



     ชาวบ้านในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มีบ้านเรือนอยู่ริมน้ำหรืออยู่ตามเรือกสวนไร่นา ซึ่งแม้วันนี้จะมีถนนตัดผ่านในชุมชน แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ทิ้งการเดินทางโดยทางเรือ ซึ่งในทริปนี้เราก็เลือกใช้การเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก โดยคณะของ"ตะลอนเที่ยว" เริ่มต้นกันที่กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร บริเวณวัดสุวรรณาราม ที่เป็นท่าเทียบเรือมาตรฐาน เรือที่นี่ 1 ลำ สามารถนั่งได้ 6 คนมีบริการเสื้อชูชีพและมีหน่วยกู้ภัยคอยดูแลให้คำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว

ก่อนออกล่องเรือ เราถือโอกาสทำบุญด้วยการซื้ออาหารมาเลี้ยงปลาตัวโตที่แหวกว่ายอย่างชุกชุมในแม่น้ำบริเวณท่าเรือ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตอภัยทานของวัด

     จากนั้นเรือก็ค่อยๆแล่นออกจากท่า ผ่านบ้านเรือนของคนในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์สองข้างทางเราจะเพลิดเพลินไปกับการมองบ้านริมน้ำบ้างเป็นบ้านไม้เก่า บ้างเป็นบ้านปูนสมัยใหม่ บนฝั่งบางช่วงมีเด็กๆวิ่งเล่นสนุกสนานเนื้อตัวมอมแมม นับเป็นสีสันริมคลองที่น่ายลไม่น้อย

สำหรับจุดแรกที่"ลุงอู๋"คนขับเรือพาแวะก็คือ "นาบัว"และจุดสาธิตการทำนาบัวประจำตำบล ที่ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การบริหารตำบลมหาสวัสดิ์



     เมื่อเราไปถึงก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ลุงอู๋พาเราไปที่ศาลากลางบ่อปลูกบัว ตามทางเดินที่เป็นคันดินที่ถมสูงมีความกว้างพอที่จะสามารถเดินสวนทางกันได้ ข้างทางมีต้นผลไม้ เช่นมะม่วง ขนุน ทำให้ทางเดินมีความร่มรื่น

ลุงอู๋ได้เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านที่นี่จะเก็บบัวกันในช่วงเช้าเพราะแดดไม่ร้อน ที่หากใครมาในช่วงนั้นจะได้เห็นถึงวิธีการต่างๆเกี่ยวกับการทำบัวของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การเก็บบัว คัดบัว หรือลงบัว ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่มา

"บัวส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านปลูกเป็นพันธุ์ฉัตรบุศย์หรือฉัตรขาวที่ใช้เฉพาะไหว้พระ ไม่มีเมล็ดบัวให้กินเหมือนบัวหลวง บัวที่เก็บแล้วต้องพรมน้ำตลอดเพื่อไม่ให้กลีบบัวเป็นสีดำ"ลุงอู๋อธิบาย

     ที่นี่เรารู้สึกว่าน่านอนไม่น้อย เพราะบรรยากาศค่อนข้างเป็นใจ เพราะบนศาลามีลมเย็นสบายพัดผ่านตลอด สำหรับนาบัวแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปพายเรือชมบรรยากาศได้ แต่ห้ามเด็ดดอกบัวเล่นเด็ดขาด เพราะถือเป็นการทำลายสินทรัพย์ของชาวบ้านที่อุตส่าห์เฝ้าเพียรทะนุถนอมปลูกมา โดยช่วงเวลาที่น่าพายเรือก็คือช่วงเช้า เพราะอากาศดี แดดไม่ร้อน แถมบรรยากาศยามเช้าก็ดูโรแมนติกไม่เบา



     หลังเราและชาวคณะพายเรือล่องชมนาบัวแล้ว ลุงอู๋พาเที่ยวต่อไปยังจุด 2 ที่"กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์" เมื่อมาถึงที่นี่ กลุ่มแม่บ้านต่างมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น พร้อมกับหาน้ำเย็นให้ดื่ม

สำหรับกลุ่มแม่บ้านฯมหาสวัสดิ์ เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อปชุมชน มีโรงอบกล้วยที่สะอาดปราศจากแมลงวัน มีขนมของดี ของดังของจังหวัดนครปฐม เช่นข้าวตังที่ทำจากข้าวกล้อง ข่าเค็มเสริมไอโอดีน กล้วยอบน้ำผึ้ง มะม่วงปรุงรสและอื่นๆอีกมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อติดไม้ติดมือกันเป็นของฝาก พร้อมมีตัวอย่างให้ชิมเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อเลือกหา นอกจากนี้ยังมีข้าวตังที่ยังไม่ได้ทอดให้นักท่องเที่ยวได้มาลองทอดรับประทานเองตามใจชอบโดยมีกลุ่มแม่บ้านคอยให้คำแนะนำ



     เราใช้เวลาในการเดินเลือกซื้อเลือกชมผลิตภัณฑ์และได้รับความรู้จากกลุ่มแม่บ้านและลุงอู๋จนพอใจ คงเริ่มหิวกันแล้ว เดินกลับมาทางท่าเรือ มีร้านอาหารตามสั่งขอบอกว่ารสชาติใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะหอยทอด หรือจะรับประทานอาหารอีสานเช่นส้มตำ น้ำตก ลาบ ไก่ย่างเฮลส์บลูบอย(ชาวบ้านเรียกกันเองเพราะว่ามีสีแดงอมชมพู) ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องไส้ เพราะมีห้องน้ำสะอาดไว้ให้ใช้บริการ

     หลังจากรับประทานอาหารกันอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราชาวคณะเดินกลับมาลงเรือที่เดิม ระหว่างนั่งเรือ สามารถสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื่นและความอุดมสมบูรณ์ของคลองมหาสวัสดิ์ ถึงแม้แดดจะแรง แต่อากาศกลับเย็นสบายมีลมพัดตลอด



     ลุงอู๋บอกพวกเราว่าจะพาไปชมจุดต่อไปที่ "สวนกล้วยไม้" ที่มีการตกแต่งพันธุ์กล้วยไม้โดยเกษตรกรในชุมชน โดยจุดนี้ต้องขึ้นจากเรือแล้วเดินไปบนถนนดินแดงอีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึง

สวนกล้วยไม้ ที่นี่มีพื้นที่กว่า 12 ไร่ กล้วยไม้ในนี้แม้ดูเหมือนสวนกล้วยไม้ธรรมดาๆทั่วไป แต่ว่าความจริงแล้วเป็นกล้วยไม้ที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะกล้วยไม้ทั้งหมดของที่นี่ล้วนต่างมีการตัดต่อพันธุ์ใหม่ เกิดเป็นพันธุ์ "ทัศนีย์" ที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นกล้วยไม้ที่ผิวกลีบดูคล้ายกำมะหยี่ยามสะท้อนแสงดูสวยงาม

     นอกจากนี้หากใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับกล้วยไม้ก็สามารถขอคำแนะนำจากเจ้าของสวนได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องวิธีการเลี้ยงกล้วยไม้ วิธีการดูพันธุ์กล้วยไม้ ส่วนใครที่ต้องการต้นกล้วยไม้กลับไปปลูกที่บ้านก็สามารถซื้อได้ที่สวนนี้เลย รับรองว่าของดี ของแท้ และราคาไม่แพง

จากสวนกล้วยไม้เรามาถึง จุดสุดท้ายของการออกทัวร์คลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งลุงอู๋พานั่งเรือย้อนกลับมาใกล้ๆท่าเทียบเรือวัดสุวรรณาราม เพื่อมาแวะ ชม ชิม ช้อป ผลไม้หลากหลายชนิดจาก"สวนเกษตรผสมผสาน"บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่



     ที่นี่มีผลไม้หลากหลายชนิดวางขาย อาทิ ส้มโอขาวทองดีและขาวน้ำผึ้งที่ถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐม กล้วยปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังมีผลไม้ที่แปรรูปแล้วมาวางขายเพื่อซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าของสวนยังเตรียมผลไม้ใส่จานจัดเป็นโต๊ะไว้ให้นักท่องเที่ยวรับประทานกันอย่างจุใจ ทั้ง ขนุน มะม่วงแช่อิ่ม มะกอกแช่อิ่ม ส้มโอ

แรกทุกคนดูเหมือนจะเขินๆจน เจ้าของสวนต้องแกล้งขู่ว่าถ้าใครไม่ไปนั่งกินจะตีให้ขาหัก ซึ่งนับว่าเป็นลูกเล่นพื้นบ้านชวนกินของเจ้าของสวน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจไปตามๆกัน

     ความน่าสนใจในจุดสุดท้ายยังไม่หมดเท่านี้ เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมนั่งรถอีแต๋นชมสวนเป็นการปิดท้าย หลายคนอาจมองว่าแค่นั่งรถอีแต๋น ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย แต่เมื่อได้ลองนั่งชมสวนดูก็จะรู้ว่ามันสนุกไม่หยอก เพราะนอกจากบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของสวนผลไม้ที่นี่แล้ว เรายังได้พบกับความตื่นเต้นบวกกับลีลาท่าทางของคนขับ ที่ชวนให้ตื่นเต้นกันหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงทางโค้งและช่วงที่ 2 ข้างทางเป็นล่องน้ำ ดูเหมือนว่าทุกคนในรถจะลุ้นระทึกกันไม่น้อย



     สำหรับช่วงสุดท้าย ถือเป็นทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งของคนขับ คือเขาจะกระโดดลงจากรถแล้วปล่อยให้รถวิ่งไปโดยไร้คนควบคุมแบบให้เราใจหายใจคว่ำเล่น ก่อนจะวิ่งบรื๋อกลับมากระโดดขึ้นรถอีกครั้ง ซึ่งก็สามารถสร้างความฮือฮาจากผู้โดยสารบนอีแต๋นได้เป็นอย่างดี ก่อนที่อีแต๋นคันเก่งจะพากลับมาส่งที่เดิมอย่างสวัสดิภาพ นับเป็นการปิดทริปเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ ทริปใกล้กรุงที่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้มาน้อยเลย



     การท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อความสะดวกควรติดต่อ"กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชุมชนคลองมหาสวัสดิ์" หมู่ที่ 1 บ้านสุวรรณาราม ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) วิ่งไปจนถึงแยกพุทธมณฑลสาย 4 ให้แยกเข้าไปทางศาลายา ผ่านมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าสู่ถนนศาลายา-นครชัยศรี ให้สังเกตป้ายวัดสุวรรณาราม และตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆก็จะถึงยังวัดสุวรรณาราม จุดล่องเรือและที่ตั้งของกลุ่มการท่องเที่ยวฯคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มฯ โทร.0-3429-7152,08-1495-9091

     สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้เคียงคลองมหาสวัสดิ์ก็มี พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ตลาดน้ำดอนหวาย ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงคลองมหาสวัสดิ์และแหล่งท่องเที่ยวใน จ.นครปฐมได้ที่ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม (สมุทรสงคราม,สมุทรสาคร,นครปฐม) โทร.0-3475-2847 - 8



สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กุมภาพันธ์ 2552


H O M E



Create Date : 24 มีนาคม 2552
Last Update : 24 มีนาคม 2552 18:36:59 น. 1 comments
Counter : 3574 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล


โดย: never the last วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:0:10:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.