Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ย้อนวันพิพิธภัณฑ์ไทย สืบรักษามรดกวัฒนธรรม

* มรดกทางวัฒนธรรมที่ปรากฏทั้งทางด้านศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์อันเกิดจากการคิดค้นสิ่งแวดล้อมซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีคุณ ค่าความสำคัญซึ่งการรวบรวมจัดเก็บรักษาไว้นั้นมีความหมายยิ่งต่อการศึกษา

     ต่อเนื่องจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ ในเดือนกันยายนยังมีวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่เพิ่งผ่านไปนั่นคือ วันพิพิธภัณฑ์ไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 19 กันยายน ของทุกปี ในวันนี้นอกจากจะเป็นวันที่กล่าวขานชวนให้ระลึกถึงกันในประเทศไทย นานาประเทศต่างให้ความสำคัญถึงคุณค่าของพิพิธภัณฑ์ คลังความรู้ที่รวบรวมสรรพวิชาให้ทั้งความรู้ความเพลิดเพลินนี้ด้วยเช่นกัน

     ก่อนการก่อเกิดพิพิธภัณฑ์หลากหลายรูปแบบขึ้นในประเทศไทยตามประวัติความเป็นมากล่าวถึงพิพิธภัณฑ์ การเก็บรวบรวม สะสมสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นวัตถุ สิ่งของมีค่าหายากตลอดจนสิ่งของแปลกใหม่เพื่อ เป็นหลักฐานทางมรดกวัฒนธรรมของชาติอันเป็นการแสดงถึงความมั่นคงเป็น เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ในต่างประเทศทางด้านซีกโลกตะวันตกมีการตื่นตัวมาก ส่วนประเทศไทยตามประวัติการรวบรวมวัตถุสิ่งต่าง ๆ จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีขึ้นโดยสร้าง พระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุซึ่งการเรียกขาน พิพิธภัณฑสถาน ในครั้งนั้นทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า มิวเซียม ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า พิพิธภัณฑ์

*สืบเนื่องต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดตั้งมิวเซียมขึ้นที่ หอคองคอเดีย หรือ ศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวังเพื่อจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ พร้อมกันนั้นได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมครั้งแรกในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2417 จากนั้นมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานหมู่พระที่นั่งในพระราชวังบวรสถานมงคล จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ดูแลทางด้านโบราณคดี วรรณคดีเป็นที่ รวบรวมรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ

     หลังจากนั้นมาพิพิธภัณฑสถานพระนครก็ได้เปลี่ยนชื่อและหน่วยงานที่สังกัด อีกหลายครั้ง ฯลฯ และจากพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์เปลี่ยนมาสู่พิพิธภัณฑสถานประชาชน และพัฒนาต่อไปจากพิพิธภัณฑสถานที่เก็บรักษาสรรพสิ่งทั่วไปมาเป็น พิพิธภัณฑสถานหลากหลายรูปแบบ ตามลักษณะศิลปวิทยาการทั้งทางด้านศิลปะวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์ สังคมวิทยา ฯลฯ สมชาย ณ นครพนม ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านวิจัยและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรให้ความรู้เล่าถึงวันพิพิธภัณฑ์ไทยว่า นับแต่ปี พ.ศ. 2538 รัฐบาลประกาศให้มีวันนี้ขึ้น เนื่องด้วยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณวันที่ได้รับพระราชทานพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนครั้งแรก อีกทั้งเพื่อให้ได้เห็นถึงคุณค่าความสำคัญของพิพิธภัณฑ์นำมาซึ่งการสืบรักษา หวงแหนมรดกศิลปวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย

*พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เพียงแค่แหล่งเก็บรวบรวมสงวนรักษา ศึกษาวิจัยและจัดแสดงเฉพาะวัตถุแต่สถานที่นี้ยังเป็นแหล่งความรู้ รวบรวมสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ และจากพิพิธภัณฑ์ที่มีหลากหลายรูปแบบเวลานี้อีกทั้งยังเป็นแหล่งศึกษานอกรูปแบบที่มีความหมายสำคัญ

     พิพิธภัณฑสถานจึงเป็นคลังความรู้ที่พร้อมมอบความรู้และจากความเป็นมาเป็นที่ ทราบกันถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรง เป็นผู้ดำริสร้าง จากนั้นมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์นำวัตถุจัดแสดง มีผู้บรรยายนำชมครบรูปแบบ การจัดแสดงที่เกิดขึ้นภายในพิพิธ ภัณฑ์เหล่านี้คือแหล่งเรียนรู้ซึ่งสามารถเรียนได้ไม่รู้จบ สามารถต่อเติมเพิ่มพูนความรู้ได้ตามอัธยาศัย ตามความชื่นชอบ

*"ที่ผ่านมาคนทั่วไปอาจมีความเข้าใจพิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ที่เก็บแต่ของเก่า แต่หลังจากมีการกล่าวถึงวันนี้ซึ่งมีการบรรยาย การนำชมให้ความรู้ในเรื่องพิพิธภัณฑ์มาโดยตลอดก็เป็นที่รู้จักสนใจเพิ่มขึ้น จริง ๆ แล้วในการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมประเพณี หรือแม้แต่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ได้

     หลายปีที่ผ่านมามีพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากทั้งภาครัฐ เอกชน ฯลฯ อีกทั้งความเข้าใจในพิพิธภัณฑ์ก็มีเพิ่มขึ้นซึ่งสถานที่นี้เป็นมากกว่าที่ ที่เก็บรักษา แต่เป็นเรื่องของการให้ความรู้ การบริหารจัดการอีกทั้งยังมีศาสตร์น่าศึกษา ฯลฯ ในความหมายของพิพิธภัณฑ์จึงเป็นที่รู้จักเข้าใจมากขึ้น สถานที่นี้จึงเป็นแหล่งรวมความรู้ซึ่งเรียนรู้ได้ไม่รู้จบ"

*จากพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงหลากหลายรูปแบบนอกจากความดูแลของกรมศิลปากรซึ่งมี ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อย่าง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอ ศิลป์ ฯลฯ ขณะที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในส่วนภูมิภาค ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรี อยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่ง ชาติสมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ฯลฯ

     ความรู้มีชีวิตที่เกิดขึ้นภายในพิพิธภัณฑ์การจัดแบ่งยังแบ่งได้ตามลักษณะ การบริหาร ได้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์จังหวัด พิพิธภัณฑ์มหา วิทยาลัยภาครัฐ เอกชน ฯลฯ ส่วนอีกลักษณะ แบ่งตาม หัว ข้อทางวิชาการ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานทางมานุษยวิทยา ชาติพันธุ์วิทยา พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยา



     นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ทั่วไปเฉพาะทาง อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์แผ่นเสียง พิพิธภัณฑ์ตะเกียง พิพิธภัณฑ์มด อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งต่างมีจุดหมายเพื่อการศึกษาเป็นแหล่งค้นคว้า รวมทั้งให้ความเพลิดเพลินกับคนทุกเพศวัย แต่ทั้งนี้ในรูปแบบของความเป็นพิพิธภัณฑ์อยากให้เห็นว่าพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่ เพียงแค่สถานที่ที่เก็บสะสมสิ่งของ แต่อยากให้มีการพัฒนาด้านองค์ความรู้ มีการบันทึกหลักฐานบอกเล่ายุคสมัยเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้

     พิพิธภัณฑ์หลายสถานที่ปัจจุบันพัฒนารูปแบบสามารถจัดแสดงเชื่อมโยงเข้าถึง กลุ่มผู้ชม มีการสร้างกิจกรรมการนำชมสร้าง การเรียนรู้ที่ชวนเพลิดเพลิน อย่างมีเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ กิจกรรม ฯลฯ เข้ากับสิ่งที่จะศึกษาซึ่งเหล่านี้สร้างการเรียนรู้ที่ชวนจดจำ

     จากการก่อเกิดขึ้นของพิพิธภัณฑสถานนอกจากมีความหมายในการเก็บรวบรวมแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต สถานที่นี้ยังมีจุดหมายสำคัญเพื่อประ โยชน์ทางการศึกษาเป็นคลังความรู้ก่อเกิดการสืบสานรักษามรดกวัฒนธรรมความเป็น ไทยได้ดำรง คงอยู่สืบไป เป็นอีกความเคลื่อนไหวของวันสำคัญทรงคุณค่าอีกวันหนึ่ง ที่เกิดขึ้นทุกปีในเดือนกันยายน.

ทีมวาไรตี้

สุวิมล เชื้อชาญวงศ์ : รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
DailayNews 21 กันยายน 2551

H O M E



Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 23 กันยายน 2551 2:04:10 น. 0 comments
Counter : 1382 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.