Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ยิ้มสยาม

คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม

โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ กองทุนเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ Knowledge Dissemination (KD Fund)


*'ยิ้มสยาม' มีความหมายหลายหลากมากมายไม่จำกัด มีทั้งความหมายดีและไม่ดีที่คนอื่นมักเข้าใจไม่ครบถ้วน ซึ่งต่างจากยิ้มของคนจำนวนมากในโลกที่มีความหมายจำกัด เช่น แสดงความพึงใจเท่านั้น ไม่มีความหมายเป็นอย่างอื่นอีก

     เหตุที่ 'ยิ้มสยาม' มีความหมายมากอย่างนั้น มาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่อยู่ในเขตมรสุม ต้องยอมจำนนต่อธรรมชาติเพราะพึ่งพาน้ำฝนทำกสิกรรม ต้องมีพิธีกรรมแสดงความสุภาพอ่อนน้อมวิงวอนร้องขอต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ ให้บันดาลความมั่นคงและความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ทางอาหารการกินให้แก่ตนเอง และเผ่าพันธุ์ในชุมชน ซึ่งมียิ้มเป็นการแสดงความอ่อนน้อมอย่างหนึ่งที่สุภาพกว่าหัวเราะ

ยิ้มสุวรรณภูมิ

     ยิ้ม เป็นกิริยาของคนทุกเพศทุกวัย แสดงออกทางริมฝีปากและดวงตา บอกความรู้สึกแรกสุดและเก่าแก่สุด คือ อ่อนน้อมถ่อมตัว ต่อมาก็แสดงออกให้มีความรู้สึกต่างๆ เช่น รัก, ชอบ, เกลียด, เสียดสี, เยาะเย้ย ฯลฯ และมีความหมายต่างๆ กัน จะขอยกจากพจนานุกรม ฉบับมติชน (พ.ศ.2547) มาเป็นตัวอย่าง ดังนี้

     ยิ้มกริ่ม แสดงออกถึงความพึงพอใจ, กระหยิ่มด้วยสีหน้า, ยิ้มแฉ่งยิ้มอย่างร่าเริงเบิกบาน ยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา (สำนวน) แสดงอาการดูหมิ่นด้วยสายตา, ยิ้มแต้ ยิ้มค้างอยู่นาน, ยิ้มอย่างเบิกบาน, ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยิ้มแล้วยิ้มเล่าด้วยความพออกพอใจอย่างมาก, ยิ้มแป้น ยิ้มอย่างหน้าบาน, ยิ้มเผล่ ยิ้มอย่างเอมอิ่มใจ, ยิ้มพราย ยิ้มอยู่ในทีด้วยความภูมิใจ เช่น พระยิ้มพรายคลายโกรธออกโอษฐ์อือ ถึงจะถือก็ทำไมแม้ได้มา (อภัยมณี), ยิ้มย่อง ยิ้มด้วยความดีใจ เช่น นางฟังคำซ้ำซักเห็นสบช่อง จึงยิ้มย่องเคลือบแฝงแถลงไข (อภัยมณี), ยิ้มเยาะ ยิ้มอย่างเย้ยหยัน, ยิ้มแย้ม ยิ้มอย่างอารมณ์ดี, ยิ้มละไม ยิ้มอยู่ในหน้า เช่น อีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า (ขุนช้างขุนแผน), ยิ้มสยาม เรียกการยิ้มของคนไทยซึ่งมีเรื่องราวอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน, ยิ้มหวาน ยิ้มทอดไมตรี, ยิ้มหัว ทั้งยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน, ยิ้มเหย [ยิ้ม-เหฺย] อาการยิ้มเมื่อถูกจับผิดได้, ยิ้มแห้ง ยิ้มด้วยความหดหู่ใจ, ฝืนยิ้ม, ยิ้มแหย [ยิ้ม แหย] ฝืนยิ้มเมื่อถูกจับได้ว่าทำผิด

คนทั้งโลกรู้จัก ยิ้ม แต่ยิ้มของคนในโลกมีกิริยาอาการต่างกันตามกาละ และเทศะ จนถึงเงื่อนไขทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีต่างกัน

ยิ้มสุวรรณภูมิ หมายถึงกิริยาอาการยิ้มของคนสุวรรณภูมิ หรือชาวสุวรรณภูมิ ที่ประกอบด้วยผู้คนหลายกลุ่ม หลายเหล่า หลายเผ่า หลายพันธุ์ หรือหลากหลายชาติพันธุ์ ที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ทั้งผืนแผ่นดินใหญ่และหมู่เกาะของอุษาคเนย์ (SEA-South East Asia)

     คนสุวรรณภูมิทั้งหมดล้วนมี 'บรรพชน' ร่วมกันสืบมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ไม่น้อยกว่า 3,000 ปี มาแล้ว (บางทีอาจถึง 10,000-5,000 ปีมาแล้ว) ต่างมีวิถียอมจำนนต่ออำนาจเหนือธรรมชาติเหมือนๆ กัน เช่น มีบทร้องขับในพิธีกรรมเพื่อวิงวอนร้องขอความสุข, ความเจริญ, ความมั่งคั่ง, และความมั่นคงต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ

     วิถียอมจำนนต่อ อำนาจเหนือธรรมชาติ แสดงออกโดยผ่านพิธีกรรม เช่น ร้องรำทำเพลง มีหัวเราะและยิ้มต่ออำนาจเหนือธรรมชาติและต่อคนแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสดงอาการวิงวอนและร้องขออย่างยอมจำนน ถ้าหัวเราะเท่ากับแสดงอาการแข็งกร้าวเกินไป จึงต้องทำให้อ่อนน้อม คือ ยิ้ม

ยิ้มสยาม

     ยิ้มสยาม หมายถึงกิริยาอาการยิ้มของชาวสยามที่ประกอบด้วยคนสุวรรณภูมิหลายชาติพันธุ์ ที่ล้วนมีลักษณะสังคมวัฒนธรรมร่วมกัน อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน จนแยกออกจากกันไม่ได้

ฉะนั้น ยิ้มสยาม ย่อมมีที่มาและมีความหมายอย่างเดียวกับยิ้มสุวรรณภูมิ โดยจะแยกเป็นยิ้มสยามโดดๆ ไม่ได้ เพราะยังมี ยิ้มลาว, ยิ้มเขมร, ยิ้มพม่า, ยิ้มมอญ, ยิ้มข่า, ยิ้มละว้า, ยิ้มมลายู, ยิ้มจาม, ยิ้มเรอแดว, ฯลฯ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับยิ้มสยามที่มีพื้นฐานจากยอมจำนน

ฉะนั้น มีเรื่องราวอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน เชื่อว่าปลอดภัย มั่นคง

ยิ้มยอมจำนน

     ลักษณะยอมจำนนของชาวสยามมีตัวอย่างในจดหมายเหตุลาลูแบร์ราชทูตฝรั่งเศส ที่เดินทางมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2199-2231) ที่กรุงศรีอยุธยา ดังนี้

     'ความสุภาพเรียบร้อยเป็นสิ่งจำเป็นแก่ชาว สยาม................เขาหลีกเลี่ยงต่อการที่จะพูดจาปราศรัยกับชาวต่างประเทศ เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรที่ไม่งามขึ้น พวกเขาจะต้องได้รับการพิจารณาว่าเป็นฝ่ายผิดทั้งนั้น และถ้าเกิดวิวาทกันขึ้นกับชาวต่างประเทศ พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายถูกลงโทษเสมอไป ฉะนั้นชาวสยามจึงฝึกบุตรของตนให้มีความเสงี่ยมเจียมตัวอย่างที่สุด ด้วยเป็นสิ่งจำเป็นในด้านดำเนินการค้าขาย และจำเป็นจะต้องสงบเสงี่ยมเป็นอย่างยิ่งในยามที่ถูกเกณฑ์ไปทำงานหลวงปีละ 6 เดือน หรือต่อขุนนางคนใดคนหนึ่งที่ปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ.'

ฝรั่งเรียก'ยิ้มสยาม'

     ยิ้มสยาม ถูกแยกออกมาโดดๆ จากยิ้มสุวรรณภูมิเมื่อราวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (หรือหลัง พ.ศ.2488-2489) เมื่อ 'ฝรั่ง' จากวัฒนธรรมตะวันตกเดินทางเข้ามาเกี่ยวข้องกับประเทศไทย (เปลี่ยนชื่อจากสยามเป็นไทยเมื่อ พ.ศ.2482) มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะรัฐบาลไทยเลือกข้าง 'ฝรั่ง' ที่ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเอาอกเอาใจยกย่อง 'ฝรั่ง' เป็นพิเศษกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

     ยิ้มฝรั่งก็มี แต่มีเพื่อแสดงกิริยาอาการพอใจอย่างมีความหมายจำกัด เมื่อมาเห็นชาวสยามยิ้มอย่างมีความหมายไม่จำกัด หรือยิ้มพร่ำเพรื่อ เลยรู้สึกแปลกๆ ประหลาดๆ มหัศจรรย์ หรือเรียกอย่างปัจจุบันว่า 'ฝรั่งงง' ทำไมยิ้มเรี่ยราดอย่างนี้?

'ฝรั่ง' พูดถึงยิ้มสยามในความหมายอะไร? ยกย่องชื่นชม หรือเหยียดหยาม งี่เง่า? ฯลฯ ตรงนี้ต้องพิจารณาภูมิหลังให้ดี อย่าเข้าข้างตัวเอง

คนไทยทั่วไปยก ตัวเองไว้เด่นกว่าเพื่อนบ้านโดยรอบ แต่ยอมจำนนว่าด้อยกว่า 'ฝรั่ง' เลยดุ่มเดาเหมาว่า 'ฝรั่ง' ยกย่องและชื่นชมยิ้มสยามของคนไทยว่าวิเศษมากๆ

แต่ไม่ค่อยมีใครสงสัยว่า 'ฝรั่ง' ยกย่องและชื่นชมแน่หรือ?

     ถ้าเทียบว่า 'ฝรั่ง' ไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อและเรี่ยราด เพราะยิ้มฝรั่งมีความหมายจำกัด เมื่อ 'ฝรั่ง' เห็นยิ้มสยามมีความหมายไม่จำกัด แล้วยิ้มเรี่ยราดพร่ำเพรื่อจนน่ารำคาญเพราะไม่เข้าใจ 'ฝรั่ง' เลยสบถในใจว่ายิ้มอยู่ได้ (ไอ้) สยามงี่เง่าเอ๊ย

หากเป็นอย่างนี้ จริงๆ ชาวสยามเข้าข้างยกตัวเองอยู่แล้ว เลยคิดเองว่าเขาชื่นชมก็ยิ้มให้ 'ฝรั่ง' อีกนั่นแหละ แถมจะร้องเพลงสนุกๆ ให้ฟังด้วยว่า

ยิ้มเถิด ยิ้มเถิด นะยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส

สุขสำราญบานใจ ขอให้สวัสดี



ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 หน้า 21

H O M E



Create Date : 19 กันยายน 2551
Last Update : 19 กันยายน 2551 23:30:30 น. 3 comments
Counter : 8642 Pageviews.

 
คนไทยยิ้มสวย


โดย: โอม เด็กุดมา IP: 49.0.116.186 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:55:29 น.  

 
คนไทยยิ้มสวย


โดย: song IP: 49.0.116.186 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:01:41 น.  

 
"ยิ้มสยาม" มาจากพระพุทธศาสนา หรือไม่


โดย: ปริชญา IP: 223.24.95.33 วันที่: 29 พฤษภาคม 2561 เวลา:19:13:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.