Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
"ศึกพรหมาศ" โขน "สมเด็จพระราชินี" สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย

โดย ชมพูนุท นำภา


*หากยังจำได้...เมื่อครั้งที่มีการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พรหมาศ เมื่อปลายปี 2550 นั้น ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เป็นอย่างมาก

เพราะไม่เพียงความวิจิตรของเครื่องแต่งกายที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่โขนใน ตอน พรหมาศนี้ ยังประกอบไปด้วยเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ใจ ฉากที่ยิ่งใหญ่ การร่ายรำที่อ่อนช้อยงดงาม ล้วนแต่จับใจผู้มีโอกาสชมการแสดงเมื่อครั้งโน้นเป็นอย่างยิ่ง

     เสียงชื่นชมซึ่งสะท้อนมาจากครั้งก่อนเปรียบดั่งน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของทีมงาน คือ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และคณะกรรมการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขน-ละคร ให้เกิดกำลังกาย กำลังใจ พร้อมเสมอที่จะลุกขึ้นมาทำงานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

เป็นการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่ออนุรักษ์ และสืบสาน "โขน" นาฏกรรมตามแบบประเพณีไทยโบราณ ซึ่งเป็นการแสดงชั้นสูงของคนไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสชื่นชมการแสดงโขนชุดนี้ ในชื่อว่า การแสดงโขน ตอน พรหมาศ

คร่าวๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับรามเกียรติ์ตอนนี้มาก่อน

ทศกัณฐ์ เจ้าพระนครลงกา ทราบข่าวสมเด็จพระเจ้าหลาน คือ แสงอาทิตย์และมังกรกัณฐ์เสียทีแก่ทัพพระราม จึงตรัสสั่งให้กาลสูรไปทูลอินทรชิตให้เร่งชุบศรพรหมาศ ก่อนยกไปราญรอนกับกองทัพพระลักษณม์

อินทรชิตแสร้งทำกลแปลงกายาเป็นองค์อมรินทรา ให้การุณราชแปลงเป็นคชาเอราวัณ พร้อมกับให้โยธาทั้งหลายกลายเพศเป็นเทพบุตรและเทพธิดา ออกมาระบำรำฟ้อนกลางเวหา

พระลักษณม์และพลวานรหลงกล จึงพิศเพลินด้วยความจำเริญตา เป็นทีให้อินทรชิตแผลงศรพรหมาศ ต้ององค์พระลักษณม์และพลวานรสลบไสลทั้งกองทัพ เว้นแต่หนุมานที่ไม่ต้องศรศิลป์อินทรชิต จึงขึ้นราญรอนกับอินทรชิต

หนุมานตีควาญท้ายคชาอาสัญ และง้างหักคอพญาเอราวัณได้สำเร็จ แต่ก็ต้องคันศรอินทรชิตฟาดสลบอยู่กลางสนามรบ ฝ่ายอินทรชิต และโยธาทั้งหลายก็เลิกทัพกลับพระนครลงกาด้วยความหรรษา

เมื่อความทราบถึงพระรามจึงรีบรุดมาช่วยเหลือ ครั้นเดินทางมาถึงสนามรบ ก็พบกับหนุมานซึ่งกลับฟื้นคืนมาเมื่อพระพายพัดต้องกาย หนุมานจึงทูลความทั้งหมดให้พระรามได้ทราบ เมื่อพระรามตรัสถามวิธีแก้ไขกับพิเภก พิเภกโหราจารย์จึงกราบทูลว่ามีสรรพยาที่จะแก้ไขให้กลับฟื้นคืนมาได้ อยู่ในภูผาชื่ออาวุธ


*พระรามจึงใช้ให้หนุมานเดินทางไปเอาสรรพยามาแก้ไข กองทัพพระลักษณม์จึงกลับฟื้นคืนมา

รามเกียรติ์ตอนพรหมาศในครั้งนี้ มีหลายฉากที่คณะผู้ทำงานได้ศึกษาพัฒนาจากในครั้งก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคที่นำเข้ามาใช้ เช่น การใช้สลิง การชักรอก การใช้ไฮดรอลิกส์ เทคนิคการนำเสนอคอช้างขาด รวมทั้งการใช้วงโยธวาทิต และวงปี่พาทย์ในการบรรเลง เป็นต้น

     สุดสาคร ชายเสม ซึ่งรับหน้าที่การจัดสร้างสิ่งของประกอบการแสดง เล่าว่า งานโขนเป็นงานที่ใหญ่และต้องใช้ช่างมหาศาล เช่น หัวโขนชิ้นหนึ่งยังต้องใช้ช่างเยอะมาก ทั้งช่างปั้น ช่างกลึง ช่างเขียน เป็นต้น ส่วนงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบนั้น คือ สิ่งของประกอบฉาก ซึ่งต้องใช้ความรู้ทั้งทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม เข้ามาร่วมกันทั้งหมด

"อย่างฉากท้องพระโรงของกรุงลงกา เราจำลองเหมือนกับท้องพระโรงในพระที่นั่งจักรีเลย มีเครื่องสูงมาประดับ ถ้าเห็นแล้วจะชอบ เพราะมันดูอลังการมาก และบนเพดานเราก็จะห้อยอัจกลับ น่าดูมากเพราะเราได้จำลองเหมือนกับการออกท้องพระโรงของกษัตริย์โบราณของไทยเรา จะต่างก็เพียงแท่นทองที่ทศกัณฐ์นั่งจะทำแบบวังหลวงไม่ได้ ต้องเป็นแท่นขาสิงห์ธรรมดา แล้วแท่นที่ประทับของกษัตริย์จะมีเศวตฉัตร แต่นี่ไม่มี" สุดสาครกล่าว แล้วขยายความถึงเครื่องสูงที่ใช้ประกอบฉาก

"เครื่องสูงในครั้งนี้ เราใช้เทคนิคทำให้เหมือนจริง คือ เครื่องสูงของเจ้านายจะใช้เส้นไหมทองปักหักทองขวาง ซึ่งจะมีความนูนออกมา ฉะนั้น เราก็ใช้เทคนิคใหม่ คือใช้วิธีสกรีนทองลงไป แล้วก็ใช้ไดร์เป่าพ่นจนกระทั่งนูนให้มีความเหมือนจริงมากที่สุด"

     นอกจากนี้ รูปแบบของคชสีห์และราชสีห์ สัตว์ในจินตนาการที่เป็นสัญลักษณ์แทนฝ่ายกลาโหมและมหาดไทย ที่จะวางตั้งไว้สองข้างของบัลลังก์ในท้องพระโรงกรุงลงกาในครั้งนี้ สุดสาครได้ใช้ความรู้เรื่องกายวิภาคเข้ามาปรับเปลี่ยนจากที่มีลักษณะแบน ให้กลายเป็นสัตว์ในจินตนาการที่มีกล้ามเนื้อ ทำให้งานดูร่วมสมัยขึ้นอีกด้วย


*"ช่างไทยสมัยโบราณเขาจะไม่ใช้กายวิภาคมาก จะเป็นการจำมาเขียน แต่ว่าครั้งนี้เราใส่เข้าไป เพราะเป็นงานร่วมสมัย ถ้าเราศึกษาจริงๆ ก็จะเห็นว่าเป็นไทยด้วย และมีสิ่งใหม่ด้วย ไม่ได้เป็นแบบแผนอย่างเดียว อย่างช้างเมื่อเรามีความรู้เรื่องกายวิภาค ก็จะทำออกมาได้สัดส่วน เฉพาะหัวก็มีโหนกมีเหลี่ยม ดูแล้วเหมือนมีกระดูกอยู่ข้างใน"

ฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการจะพลาดไม่ได้นั้น ผู้รับหน้าที่การจัดสร้างสิ่งของประกอบการแสดง บอกว่า คือฉากพระอินทร์ประทับบนหลังช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างเอราวัณที่ตัวใหญ่มาก สูงเกือบ 4 เมตร ทำด้วยเรซิ่น และเขียนสีปิดทอง

"ฉากนี้แหละเป็นฟินาเล่ที่ใหญ่ที่สุด เพราะอินทรชิตที่แปลงเป็นพระอินทร์อยู่บนหลังช้างเหาะมาในอากาศ แล้วช้างถูกหนุมานน้าวจนคอหักขาดออกมาเลย แล้วจะมีควันสีแดงพวยพุ่งออกมา ซึ่งมหัศจรรย์มาก นางฟ้าที่รำอยู่บนอากาศก็รำสวยมาก ไม่กลัวเลย ไม่เชื่อลองไปดูสิ" สุดสาครยิ้มบอกเล่าอย่างอารมณ์ดี

ที่เล่ามานี้เป็นเพียงคร่าวๆ หากดูกันจริงๆ จะมีรายละเอียดอีกมาก เพราะต้องใช้ช่างเยอะ เฉพาะทีมงานที่ทำสิ่งของประกอบฉากนี้ มีกว่า 20 คน ทุกคนเป็นช่างจริงๆ และงานเต็มมือ

"เอาเป็นว่างานฉากเราทุ่มเทมาก ใช้เวลามาก ใช้งบประมาณมาก รับรองได้ว่าประชาชนจะไม่ผิดหวังในการดูโขนครั้งนี้ เพราะส่วนมากคนที่จะดูสนุก คือคนที่อ่านมาแล้ว เพราะจะรู้อยู่แล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง เวลามาดูก็มาดูท่ารำ เพลงเพราะไหม ทศกัณฐ์รำงามไหม จะไม่ได้ดูเอาเรื่อง เขาจะไปดูความอลังการของฉากทั้งนั้นแหละ" คำพูดทีเล่นทีจริง พร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า

     จากนั้น สุดสาครก็แสดงความเห็นของตัวเอง ว่า "ฉากที่ตนเองชอบมากที่สุดคือฉากรำปะเลง ซึ่งสวยมาก เพราะเป็นชุดที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้ทำขึ้น คนรำจะสวมชฎา รำให้เกิดความเป็นสวัสดิมงคลแก่การแสดง ผู้แสดง และผู้ชม เป็นเรื่องของการปัดรังควาน"

"งานโขนในครั้งนี้ทุกฝ่ายทุ่มเทกันมาก ทั้งความตั้งใจและความประณีต ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่างานวัฒนธรรม ทำยังไงก็ไม่ได้กำไร เป็นงานที่ขาดทุน แต่สมเด็จฯเคยรับสั่งว่า ขาดทุนไม่เป็นไร กำไรเป็นของประชาชน เราจึงทำกันเต็มที่ อยากให้คนไทยหันมาสนใจกันบ้าง ถ้าถามคนที่เคยดูเมื่อปี 2550 ก็จะรู้ว่าประทับใจแค่ไหน" สุดสาครกล่าว

     นอกจากสิ่งของประกอบฉากแล้วในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัสตราภรณ์ ที่ออกแบบควบคุมโดย วีรธรรม ตระกูลเงินไทย กลุ่มจันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ใช้วิธีการปักสะดึงกรึงไหมตามแบบโบราณ ผลงานที่ออกมาล้วนงดงาม รวมทั้งการจัดสร้างถนิมพิมพาภรณ์ ขอบตัวละครเอก ที่สร้างโดยใช้เงินสลักดุน กะไหล่ทอง ประดับพลอย ดำเนินการโดยกาญจนาภิเษกวิทยาลัย หรือช่างทองหลวง การจัดสร้างหัวโขนและศิราภรณ์ ตามแบบโบราณ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ผู้แสดงซึ่งเป็นศิลปินชั้นนำจากกองการสังคีต กรมศิลปากร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป และวิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ มาแสดงในครั้งนี้อีกด้วย

เชื่อว่า...ใครที่ได้ชมโขนครั้งนี้จะรู้ว่าน่าภูมิใจแค่ไหนที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย

และมีศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม


     มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และคณะกรรมการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขน-ละคร จัด "การแสดงโขน ชุดศึกพรหมาศ" วันที่ 19-21 มิถุนายน 2552 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

โดยการแสดงรอบปฐมทัศน์ วันที่ 19 มิถุนายน เวลา 19.30 น.

วันที่ 20-21 มิถุนายน เวลา 14.00 น. และเวลา 19.30 น. เป็นการแสดงรอบประชาชน

ระยะเวลาการแสดง 1 ชั่วโมง 45 นาที (โดยประมาณ)

สนใจสามารถซื้อบัตรชมการแสดงที่ Thai Ticket Major ราคา 200 บาท 400 บาท 600 บาท 800 บาท และพิเศษ 100 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษา

สำหรับวันที่ 19-20 มิถุนายน เวลา 19.30 น. เป็นการบรรเลงโดยวงปี่พาทย์ กรมศิลปากร ส่วนวันที่ 21 มิถุนายน เวลา 14.00 น. และเวลา 19.30 น. บรรเลงโดยวงดุริยางค์ทหารบก


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนออนไลน์ 5 มิถุนายน 2552 หน้า 20


H O M E



Create Date : 05 มิถุนายน 2552
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 13:04:30 น. 2 comments
Counter : 1856 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข่าวศิลปะวัฒนธรรมนะครับ อาจารย์สุดสาครยังแข็งแรงเหมือนเดิม เสียดายอาจารย์สมิธธิที่เสียไปก่อนไม่งั้นท่านต้องรับบททศกัณฑ์อีกเป็นแน่ครับ ชักชวนกันไปดูนะครับงานแบบนี้นานๆจะมีทีไม่บ่อยครับ


โดย: ปุราณ (ปุราณ ) วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:15:29:54 น.  

 
ขอขอบพรคุณที่แจ้งให้ทราบค่ะ


โดย: oh_veena IP: 124.121.41.125 วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:17:11:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.