พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮอมมะ (Homma Museum of Art) : Sakata
เราเดินทางมาถึง JR Sakata station จุดสิ้นสุดของ JR East Pass : Nagano, Niigata area นั่งรถไฟฟรีมาถึงแค่นี้ เลยจากนี้ไป ต้องจ่ายตังค์เพิ่มแล้วค่ะ ถึงตอน 10.33 น. จะจับรถไฟกลับเข้า Niigata อีกทีตอน 12.11 น.


เมืองซากาตะ (Sakata) คือ เมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยก่อน โดยมั่งคั่งจากการขนส่งข้าวและปลาด้วยเรือคิตามาเอะบูเนะ ไปยังทั่วญี่ปุ่นในยุคเอโดะ
มีที่เที่ยวสำคัญ คือ โกดังซังเคียวโซโกะ (Sankyo soko) สถานที่ที่เคยเป็นโกดังเก็บข้าวที่รอขนต่อไปยังโอซาก้าด้วยเรือสำเภาคิตามาเอะบูเนะมาก่อน โดยตั้งอยู่ติดกับท่าเรือซากาตะ (Port of Sakata) ด้านหลังของโกดังเรียงรายไปด้วยต้นเคยากิ (Japanese Zelkova) มากมายที่ปลูกเอาไว้เพื่อป้องกันแสงแดดและลมทะเลอันรุนแรง
อยู่ห่างจาก JR Sakata station ประมาณ 2 กิโลเมตร

ภาพในตราประท้ับประจำสถานี Sakata คือภาพโกดัง ซังเคียวโซโกะ (Sankyo soko)
ไปถึงได้ด้วยรถเมล์ ใช้เวลาแค่ 10 นาที (ไม่ได้มีหลายรอบนัก 15.14 - 15.30 17.14 - 17.24 น.)
หรือจะเช่าจักรยานจากร้านหน้าสถานี แล้วปั่นชมเมืองไป ...
แต่ ฝนยังตกเรื่อย ๆ ฟ้าไม่ยอมเปิด
หวยเลยมาตกที่ ที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่อยู่ใกล้สถานี Sakata มากที่สุด คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮอมมะ (Homma Museum of Art) เดินจากสถานีแค่ 450 เมตร

เมืองท่าซากาตะเจริญรุ่งเรืองในฐานะท่าเทียบเรือคิตามาเอะ-บุเนะที่ล่องระหว่างฮอกไกโดและโอซาก้าที่จะแวะพักตามท่าเรือตลอดชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1800 ถึงศตวรรษที่ 1900 ครอบครัวฮมมะนั้นขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในหมู่พ่อค้าเมืองซากาตะ
บ้านพักของครอบครัวและสวนสไตล์ญี่ปุ่นนั้นเปิดให้สาธารณะเข้าชมได้ในปี 1947 โดยครอบครัวนี้หวังว่าผู้คนในญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสามารถเรียกความหวังและความมั่นใจให้คืนมาได้ผ่านทางศิลปะ หลังจากนั้นในปี 1968 ได้มีการสร้างหอนิทรรศการใหม่ที่ใช้จัดแสดงงานศิลปะจำนวนมาก แล้วจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮมมะ (Homma Museum of Art)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮมมะ (Homma Museum of Art) เมืองซากาตะ (Sakata) จังหวัดยามางาตะ (Yamagata) แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องสวนสไตล์ญี่ปุ่นแสนตระการตา ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงวัตถุต่างๆ มากมายที่ครอบครัวฮมมะ ผู้ครอบครองที่ดินและร่ำรวยในพื้นที่โชไนนั้นเป็นผู้สะสม ซึ่งมีทั้งงานศิลปะ หัตถกรรม และวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ผู้มาเยือนสามารถสำรวจเซเอ็นคาคุซึ่งเป็นอาคารหลักที่อดีตเคยเป็นบ้านพักอาศัยของครอบครัวนี้ และคาคุบุเอ็นซึ่งก็คือสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อบ้านพักแห่งนี้




คาคุบุเอ็น เป็นสวนเดินเล่นสไตล์บ่อน้ำสร้างโดยใช้ เมเซกิ หรือหินที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสวยงามอันโดดเด่น ซึ่งส่งมาจากทั่วทั้งญี่ปุ่นด้วยเรือคิตามาเอะ-บุเนะ





คาคุบุเอ็นได้รับรางวัล 2 ดาวจาก Michelin Green Guide Japan (2009) และ 1 ดาวจาก Seienkaku
ในฤดูใบไม้ผลิจะมีกุหลาบพันปีสีขาวให้ชม ส่วนในฤดใบไม้ผลิ ก็มีใบไม้เปลี่ยนสี เราไป 14 พ.ย. 2024 ใบไม้เพิ่งจะเริ่ม ๆ เปลี่ยนสี



พื้นที่อื่น ๆ ภายในบริเวณ แม้จะเล็ก แต่ก็น่าเดินสำรวจมากค่ะ




ได้คนญี่ปุ่นสาวชาว Sakata ที่พาพ่อมาเดินเล่นชมสวน ถ่ายภาพให้ คุณพ่อดีใจมาก ที่มีคนต่างชาติมาเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของเมือง Sakata
เราไม่ได้เข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์เพราะมีเวลาจำกัด อยากดูพื้นที่รอบ ๆ มากกว่า

ระหว่างทางจากสถานี JR Sakata มาถึงพิพิธภัณฑ์ จะมีลานจอดรถและร้านสะดวกซื้อ ... พอดีเลยค่ะ แวะหาเสบียงไปเป็นมื้อเที่ยงบนรถไฟสายวิ่งเลียบชายทะเล

นั่งว่าง ๆ ชมวิวไป การหยิบอะไรใส่ปากไปด้วย ก็เป็นความฟินค่ะ


ในสถานีรถไฟ มีร้านประมาณร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ และร้านขายของฝาก ไม่มีร้านอาหารนั่งกิน

มีห้องนั่งรอรถไฟ อย่างสวยเลยค่ะ

ร้านขายของฝาก มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมากมาย ละลานตา น่าซื้อทั้งนั้นเลยค่ะ
 ลูกแพร์
 ขนมหวานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หวานแบบไม่หวานเจี๊ยบเลย
 เชอร์รี่ก็มีกับเค้าด้วย
 แอปเปิ้ลเชื่อม ซื้อมาชิมแล้ว หวานมากค่ะ อีกอันไม่แน่ใจว่าบ๊วยรึเปล่า อันนี้ไม่ได้ซื้อ
 แยมต่าง ๆ ก็มีค่ะ ถ้าน้ำหนักกระเป๋าเหลือ ซื้อไปชิมก็ดีนะคะ


อันนี้ดีค่ะ เค้าขึ้นชื่อเรื่องข้าว รูปแบบบรรจุภัณฑ์ก็แปลกตาดี เหลือน้ำหนักกระเป๋าไว้แบกข้าวกลับไทยค่ะ .. ต้องพิสูจน์ว่า อร่อยแค่ไหน

อันนี้ชอบ อยากได้มานานแล้ว Temari ของเล่นลูกคุณหนู
เทมาริ (Temari) เป็นลูกบอลขนาดพอดีมือซึ่งถือเป็นของเล่นประจำบ้านของเด็กญี่ปุ่นสมัยโบราณอย่างหนึ่ง โดยมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 1,300 ปีที่แล้ว
ในช่วงยุคเอโดะ (ราวๆ ต้นศตวรรษที่ 17 ถึงปลายศตวรรษที่ 19) อุตสาหกรรมผ้าไหมในญี่ปุ่นเริ่มเจริญเติบโตขึ้นอย่างจริงจัง ทำให้ให้วิวัฒนาการของเทมาริเกิดการพัฒนา จากลูกบอลผ้าแบบเรียบง่ายที่ใช้เศษผ้าเก่าๆ เป็นวัสดุหลัก เริ่มได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยมีการนำเส้นไหมราคาแพงมาพันสลับสีจนเกิดเป็นลวดลายที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ในยุคก่อนนั้นนิยมมอบเทมาริให้เด็กๆ แทนของขวัญปีใหม่ ซึ่งสำหรับเหล่าลูกคุณหนูผู้มีฐานะนั้น จะใช้เทมาริซึ่งได้รับการทำจากช่างฝีมือชั้นสูงที่แข่งกันประดิดประดอยลวดลายให้วิจิตรตระการตาและสวยงามซับซ้อนที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
ความสลับสีสวยงามของเส้นไหมที่พันไปพันมานี่แหละ ทำให้หลงรัก อยากได้เป็นเจ้าของ แต่ว่า สนนราคาก็สมกับเป็นสมบัติของลูกคุณหนู ... คือค่อนข้างแพง
มาเห็นที่นี่ล่ะค่ะ ที่มีขนาดและราคาย่อมเยา แม้ลวดลายจะเรียบง่ายไม่หวือหวา

สอยเอามาห้อยรถยนต์แล้วค่ะ หวังว่า เทมาริที่เค้าใช้มอบให้กับเด็กน้อยในวันขึ้นปีใหม่ จะเป็นแทนสัญลักษณ์ของความรัก ความสุข และปรารถนาดีที่ผู้เป็นพ่อแม่มีให้แก่ลูกๆ ของตน ส่งผลถึงตัวเราบ้าง

เริ่มช้อปปิ้งเยอะเกินไปแล้ว กลับค่ะ ได้เวลาแล้ว

หน้าตา รถไฟ Limited express Inaho ของเรา กลับเข้า Niigata กันค่ะ

ฝาท่อเมือง Sakata เป็นรูปเรือคิตามาเอะ-บุเนะ เรือขนส่งข้าวและปลาไปทั่วญี่ปุ่นในสมัยก่อน กับโกดังซังเคียวโซโกะ
เรือเซ็นโกคุบุเนะ ที่มาจากความหมายว่า มีขนาดใหญ่พอจะขนข้าวได้ 1 พันโกคุ (150 ตัน) เรือคิตะมาเอะบุเนะลำใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สามารถขนได้ 2,400 โคคุ (360 ตัน) และแล่นเรือด้วยผ้าใบผืนมหึมา 1 ผืน รวมถึงเป็นเรือที่ใช้แรงลมแล่นได้เป็นเลิศ
 ฝาท่ออีกแบบเป็นประภาคารกับเซ็นโกคุบุเนะ
ประภาคารไม้ทรงแปดเหลี่ยมที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่สวนสาธารณะฮิโยริยามะ กลุ่มคนเรือกับพ่อค้าเรือบรรทุกสินค้าที่เข้าออกท่าเรือซาคาตะได้ตั้งประภาคารขึ้นมาเพื่อขอพรให้เดินเรือข้ามมหาสมุทรได้อย่างปลอดภัยเมื่อปี 1813
แหม อยากไปชมให้หมดเลย แต่เวลาน้อย ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่
ตอนที่ 1 Niigata ครั้งแรก แบบตัวคนเดียว
ตอนที่ 2 Tokumei-en garden : Takasaki แบบไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่ 3 ใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขาทาคาสึโดะ Takatsudo Gorge
ตอนที่ 4 นั่งรถไฟ เลียบชายฝั่ง ซาซางาวะ นางาเระ (Sasagawa Nagare)
Create Date : 12 มิถุนายน 2567 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2567 22:14:15 น. |
|
1 comments
|
Counter : 455 Pageviews. |
 |
|