23 April 2016
หลังจากตื่นเช้ามาจัดการกับอาหารเช้า เก็บของเสร็จสรรพแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางเข้าไทเปกันซะทีค่ะ เคโกะมีแผนที่โรงแรมอยู่ในมือก็จริง แต่ก็ไม่มั่นใจเรื่องเส้นทางก็เลยถามกับพนง.ที่ล็อบบี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นคนละคนกับเมื่อคืนค่ะ และคนนี้พูดอังกฤษไม่ได้เลย
สำหรับการเข้าเมืองไทเปนี้ เคโกะเลือกใช้บริการ TRA ค่ะ นั่งไปแป๊บเดียวก็ถึงไทเปแล้วค่ะ แต่เรามากันก่อนเวลาเช็คอินเข้าที่พักในไทเป ก็เลยตัดสินใจว่าจะฝากของไว้ในล็อกเกอร์ที่สถานีก่อน แล้วไปเที่ยวกันก่อนค่อยกลับมาเอากระเป๋าและเข้าที่พักค่ะ
เคโกะใช้บริการตู้ฝากสัมภาระภายในสถานี Taipei Main Station นั่นแหละค่ะ ค่าเช่า 40 NTD (ถ้าจำไม่ผิดจะได้ประมาณ 3 ชม. หลังจากนั้นก็ชม.ละ 10 NTD มั้งคะ ไม่แน่ใจเรื่องตัวเลขนะคะ)
จากนั้นก็นั่ง MRT ตะลุยโลดค่ะ
ที่แรกที่เราไปกันก็คือ หมู่บ้านทหารผ่านศึก หรือ Xinyi Public Assembly Hall อันเป็นจุดชมวิวตึก Taipei 101 ที่ฮอทฮิตสำหรับสายถ่ายรูปจริง ๆ ค่ะ
การเดินทาง ก็นั่ง MRT ไปลงสถานี Taipei 101/World Trade Center ค่ะ ออกมาจะเจอกับลานจอดรถจักรยาน U-bike ก็เดินผ่านไปจนถึงสี่แยก ข้ามถนน และเดินไปทางซ้าย ก็จะถึงค่ะ
นั่งพักเหนื่อย กินลมชมวิวกันพักใหญ่ ก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ
นั่ง MRT มาถึง Zhongxiao Fuxing แล้วเดินเข้าห้าง Sogo Fuxing ลงไปชั้น B2 ค่ะ ก็จะเจอกับร้าน Ding Tai Fung อันมีคิวย้าวยาวเป็นเอกลักษณ์
เคโกะเข้าไปถามพนง.ถึงคิว พนง.แจ้งให้ทราบว่าถ้าต่อคิวก็จะต้องรอประมาณ 45 นาทีนะ ก็เลยเดินกลับมาถามแม่ว่าแม่โอเคที่จะรอมั้ย แม่โอเค เคโกะก็โอเคค่ะ ^^
เดินกลับไปบอกพนง.ใหม่ว่ายินดีจะรอคิว เค้าก็จะให้เมนูพร้อมใบสั่งอาหารมาเลือกสั่งได้เลยค่ะ ก็เลือก ๆ ไปแล้วก็ส่งคืนให้พนง. จากนั้นก็รอคิว และก็เข้าไปหม่ำค่ะ





พออาหารทะยอยมากันครบ เคโกะถึงเพิ่งรู้ตัวนะคะว่า มีแต่เมนูเนื้อ ๆ ไม่มีผักเลยนี่นา 55555
ทานกันสองคน อิ่มมากกก แทบกลิ้งออกจากร้านได้เลยค่ะ
จากนั้นเราก็กลับไปเอากระเป๋า และมารับกุญแจห้องพักที่เคโกะจองผ่าน airbnb ไว้ ซึ่งเป็นห้องพักในอพาร์ทเม้นท์ย่านซีเหมินติง (Ximen)
เรื่องมันก็เกิดอีกเพราะเคโกะไม่มีอินเตอร์เน็ตติดตัว ไม่สามารถส่งข้อความไปหาเจ้าของห้องได้เลยว่าเคโกะมาแล้ว และรออยู่ตรงไหน ยังดีที่นึกได้ว่าเคโกะปริ้นท์ใบ Itinerary มาและในนั้นมีเบอร์โทรเจ้าของห้องพักด้วย ก็เลยใช้การโทรแทนค่ะ คุยกันกิ๊วก๊าวก็วางหู รอประเดี๋ยวเดียวโฮสต์ก็มารับค่ะ เดินไปส่งที่ห้องพัก อธิบายห้องพักก่อนที่จะปล่อยให้เราพักกันตามสบาย
ในห้องพักมี pocket wifi ให้ใช้ด้วย สามารถนำออกไปติดตัวระหว่างวันได้ด้วยค่ะ (ก็คือเหตุผลที่ไม่ได้ซื้อซิม หรือเช่า pocket wifi มาใช้งานนี่แหละค่ะ) ทำเลก็จัดว่าดีงามมาก เหมาะกับขาช็อปเป็นอย่างยิ่งค่ะ เย็น ๆ ออกมาเดินช้อปปิ้งเหนื่อยก็หิ้วของกลับมากองไว้ในห้อง แล้วเดินลงมาไปช้อปใหม่ได้สบาย ๆ ค่ะ



พอได้พักแล้ว แม่ก็ดูจะเพลินจนถึงกับผล็อยหลับไป ก็เลยปล่อยให้แม่นอนพักค่ะ พอเย็น ๆ ก็เลยชวนแม่ออกไปเดินดูข้าวของในย่านซีเหมืนนั้นแหละ (ไม่มีรูปค่ะ) ก่อนที่จะกลับมาพักเอาแรงสำหรับวันต่อไป
24 April 2016
เช้านี้ก็นั่ง MRT เลยค่ะ นั่งไปที่สถานี Zhongxiao Fuxing ออก exit 2 เดินลงมาก็จะเจอแท็กซี่ดักชักชวนไปอุทยานหินเย๋หลิ่ว (Ye Liu) และจิ่วเฟิ่น (Jiu Fen) ค่ะ ก็เดินย้อนกลับมาที่สี่แยก ระหว่างทางเจอร้านขายซาละเปากับน้ำเต้าหู้ คิวยาวอีกแล้ว ก็เลยชวนแม่ซื้อกินเป็นอาหารเช้ากันค่ะ
พอเดินมาถึงสี่แยกก็เลี้ยวไปทางซ้าย เดินไปยาว ๆๆๆๆ เลยค่ะ ถึงจะเจอป้ายรถเมล์สาย 1062 ซึ่งเคโกะจะพาแม่ไปที่เหมืองทองคำค่ะ
ขึ้นรถปุ๊บ เห็นคนที่ขึ้นตามหลังหิ้วถุงซาละเปาร้านเดียวกันขึ้นมาด้วย ก็เข้าใจไปเองว่าทานบนรถได้ เลยรีบจัดการกันกับแม่ พอทานเสร็จถึงจะเห็นป้ายไฟตัวอักษรวิ่งว่า "ห้ามรับประทานอาหารบนรถ"
นั่งไปจนเกือบสุดสาย เลยจิ่วเฟิ่นไปนิดหน่อย (ป้ายเดียวค่ะ) รถเมล์ก็จะมาจอดตรงหน้าทางเข้าเหมืองทองคำค่ะ
อย่างที่เห็นในภาพ ฝนกำลังตกเปาะแปะเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ พะวงอยู่กับการจูงมือแม่เดิน แถมที่นี่บันไดขึ้นลงเยอะมาก ทั้งยังทางเดินเองก็เป็นเนินบ้างอะไรบ้างด้วย
ก่อนมาก็ไม่ทราบมาก่อนว่าด้านในจะเป็นเนินและบันไดเยอะขนาดนี้นะคะ T.T
สุดท้ายแม่ก็อดไปดูไฮไลท์ที่เคโกะโปรยคำโฆษณาชวนเชื่อกับแม่ไว้ ถึงก้อนทองคำก้อนยักษ์ที่สุดในโลก (มั้ง) น้ำหนักหนักถึง 150 กิโลกรัมค่ะ เคโกะคะยั้นคะยอให้แม่ไปดู ไปสัมผัสด้วยตัวเอง แต่แม่ก็ส่ายหน้าหวืดท่าเดียว สุดท้ายก็เลยต้องฝากแม่ไว้ในห้องจัดนิทรรศการห้องนึง และบอกกับพนง.ที่นั่นไว้ด้วยค่ะ กันเหนียว
แล้วเคโกะก็รีบขึ้นบันไดรัว ๆ ไปดูก้อนทองคำค่ะ


ลึกเข้าไปมีเหมืองทองคำจริง ๆ ให้เราเดินเข้าไปได้ด้วย แต่เคโกะไม่ทราบรายละเอียดนะคะ คงต้องต๊ะไว้เป็นทริปหน้าสำหรับตัวเอง ค่อยกลับมาแก้ตัวใหม่ค่ะ ^^"
ชื่นชมกับก้อนทองคำยักษ์แล้วก็กลับลงมารับแม่ แล้วก็ออกไปแวะเดินจิ่วเฟิ่นอีกสักแป๊บค่ะ
วิธีไปจิ่วเฟิ่น ก็นั่งรถย้อนกลับมา 1 ป้ายค่ะ จะมาลงป้ายใกล้ ๆ กับทางเข้าถนนคนเดินที่ปากซอยเป็น 7-11 นะคะ เดินนิดหน่อยก็ถึงค่ะ
ด้านในคนเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ใช่ตอนเย็นเลยค่ะ ก็เลยมีแต่วิวจากมุมสูงมาฝากค่ะ


เดินอยู่พักนึง ก็กลับไทเป ด้วยรถเมล์สาย 1062 ตามเดิมค่ะ นั่งยาว ๆ มาลงที่ป้ายรถเมล์เดียวกับที่รอรถตอนเช้าเลยค่ะ
เดินกันมาเหน็ดเหนื่อยอยู่ค่อนวัน เคโกะก็เลยชวนแม่ไปทานชาบูหม้อไฟยอดฮิต Yuanyang Mala ค่ะที่ซีเหมิน ใกล้ ๆ ที่พักค่ะ ตรงนี้เคโกะเปิด Google Maps ไปนะคะ ก็พาไปถึงพอดีเป๊ะเลย แอบงงนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็มาถึงค่ะ
ซึ่งเคโกะไปถึงเอาช่วงบ่าย ๆ คนน้อยมากค่ะ มีอยู่แค่สองสามโต๊ะเอง เดินตักทานกันสบายเลย พนง.พูดอังกฤษได้นิดหน่อย แต่ก็เทคแคร์ดีมากค่ะ อย่างตอนนึง เคโกะเดินไปกดน้ำดื่ม ก็ยืนอยู่ไลน์เครื่องดื่มค่ะ กำลังอ่านอยู่ว่ามีอะไรบ้าง พนง.ก็เข้ามาถามว่าอ่านเข้าใจใช่มั้ย มีอะไรให้ช่วยมั้ย ไรงี้ค่ะ
ไม่มีรูปมาประกอบคำอธิบายนะคะ แต่บอกได้คำเดียวว่าสมคำร่ำลือมาก ๆ ถ้าไม่มีกำหนด budget ก็น่ามาลองกันสักครั้งค่ะ ^^
ทานเสร็จก็อืดกันทั้งสองแม่ลูก ก็กลิ้งกลับห้อง ทิ้งแม่ไว้ให้นอนพักที่ห้องค่ะ แล้วเคโกะค่อยเดินลงมาช้อปปิ้งตามลิสต์ยาวเป็นหางว่าวที่รับฝากมาค่ะ
25 April 2016
เช้านี้ก็พาแม่ไปหาอาหารเช้าทานกันไกลไปสักหน่อยค่ะ เคโกะเคยมาทานทีนึงละ รู้สึกว่ารสชาติกำลังดีเลยทีเดียวก็เลยพาแม่มาลองบ้างค่ะ ที่ร้าน World Soybean Milk Magnate (永和豆漿永和原創店) ก็นั่ง MRT ไปที่ Dingxi Station ออกทางออก exit 2 ค่ะ ออกมาแล้วก็เดินไปทางซ้าย ข้ามถนนเพราะอยู่ฝั่งขวามือค่ะ
ร้านนี้ต้องสั่งและชำระเงินก่อนค่ะ พอเข้าไปในร้านก็รับลิสต์รายการอาหารมา มีแต่ภาษาจีนล้วน ๆ และเพื่อให้เป็นการรวดเร็ว เคโกะก็เลยลองถามพนง.ดูว่ามีเมนูภาษาอังกฤษมั้ย ปรากฏว่ามีนะคะ แต่พอเอามาดู ๆ แล้วเมนูกลับไม่ค่อยตรงกับภาษาจีนค่ะ
อาหารจะเป็นจานเล็ก ๆ อย่างละชิ้นสองชิ้นไรงี้ มากันหลาย ๆ คนก็น่าจะต้องสั่งหลายจาน หรือหลายชิ้นหน่อยนะคะ





รูปสุดท้ายเป็นน้ำข้าวกับน้ำเต้าหู้ค่ะ เป็นน้ำเต้าหู้ที่เคโกะทานได้อร่อยเลยค่ะ ผิดกับน้ำเต้าหู้ในไทยนะ เพราะเคโกะดื่มน้ำเต้าหูในไทยไม่ได้เลยค่ะ ไม่ชอบกลิ่นและรสชาติค่ะ แหะ ๆ
ทานเสร็จแล้ว ก็พาแม่ไป Chiang Kai-Shek Memorial Hall ต่อค่ะ ซึ่งจะอยู่ที่สถานี Zhongzheng JiNianTang ค่ะ ทางขึ้นไปที่อนุสาวรีย์ของเจียงไคเช็ค นอกจากบันไดสูงชันด้านหน้าแล้ว ก็จะมีลิฟท์บริการอยู่ด้านหลังค่ะ ต้องเดินวน ๆ อ้อม ๆ ไปด้านหลังหน่อยนะคะ
เคโกะมาได้จังหวะพอดี ยืนรอประเดี๋ยวก็เริ่มพิธีผลัดเปลี่ยนทหารเวรยามแล้วค่ะ ซึ่งพิธีการนี้จะเหมือนกับที่ Sun Yat-Sen Memorial Hall ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีค่ะ
เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ลงลิฟท์มาดูนิทรรศการด้านล่างเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกไปนั่ง MRT ต่อไปยัง Xin Beitou ค่ะ ซึ่งเปลี่ยนแผนเอาสด ๆ ร้อน ๆ กันตอนนั้นเองหลังจากที่วางแผนไว้ว่าจะไป Maokong แต่เพิ่งทราบว่า Maokong ปิดซ่อมกระเช้าพอดี
สถานี Xin Beitou นั้นเป็นสายรถไฟฟ้าสีชมพูสายสั้น ๆ ที่ต่อออกมาจากสถานีสายสีแดงที่สถานี Beitou ค่ะ
ออกมาจากสถานีแล้วเดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะถึงบ่อน้ำพุร้อน หรือ Thermal Valley ระหว่างทางก็จะมีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ได้แค่พักให้แม่พักเหนื่อยเป็นระยะ ๆ เท่านั้นเอง



พอไปถึงด้านหน้า พบว่าเงียบมากค่ะ เลยบอกแม่ให้ยืนรออยู่แถว ๆ นั้นก่อน เคโกะจะวิ่งเข้าไปดูด้านในก่อน ปรากฏว่า "ปิด" ค่ะ T.T ที่นี่ปิดทุกวันจันทร์นะคะ
ทำอะไรไม่ได้แล้ว บอกแม่ให้แช่น้ำร้อนที่บ่อเอกชน (เสียค่าเข้า) แทน แม่ก็ไม่เอาค่ะ ก็เลยกลับละกัน ไปช้อปปิ้งของฝากที่ห้างคาร์ฟูร์ ใกล้ ๆ กับซีเหมินกันจนเย็นก็กลับที่พักค่ะ
26 Apr 2016
จริง ๆ ก็ว่าจะพาแม่ไปเที่ยวอีกซักที่ก่อนขึ้นเครื่องกลับ แต่แม่เกิดติดใจแม่เหล็กแก้อาการปวดเมื่อยที่ไปซื้อมาจากคาร์ฟูร์เมื่อวาน อยากซื้อเพิ่ม ก็เลยต้องรอแผนกขายยาเปิด (ตัวห้างเปิด 24 ชม.ค่ะ แต่ร้านอื่น ๆ ในห้างเปิดตามเวลาปกติ คือ 11 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่มค่ะ) เคโกะก็เลยต้องวิ่งไปซื้อให้แม่ (ปล่อยแม่เฝ้าห้องไว้คนเดียว จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาให้เมื่อยนะคะ) และซื้อข้าวเข้ามาทานกันก่อนที่จะเก็บของ เช็คเอาท์ออกจากห้องและไปสนามบินค่ะ
ขาไปสนามบินนี้ เคโกะนั่ง MRT 1 สถานีไปที่ Taipei Main Station และเดินไป West Bus Terminal (ประมาณ Exit Z3) เพื่อนั่งรถบัสไปสนามบินค่ะ
ปกติก็ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีค่ะ แต่วันนั้นบังเอิญว่ารถติดมาก ๆ ยังดีว่าเผื่อเวลาไว้ค่อนข้างเยอะ ก็เลยยังทันเวลาเช็คอินอยู่นะคะ
ก็ฝากไว้สำหรับคนอื่นที่นั่งรถบัสช่วงกลางวันกลับสนามบินละกันเนอะ เผื่อเวลาไว้อีกนิดค่ะ เผื่อเจอรถติด จะได้ไม่ตกเครื่องกันค่ะ ^^"
ขากลับ เคโกะก็กลับด้วยสายการบิน Tiger Airways IT505 เวลา 15:55 ถึงดอนเมือง 18:20 ค่ะ จบลงอย่างสวัสดิภาพ ^^
สรุปสุดท้ายหากคิดจะพาผู้สูงอายุไปเที่ยวเองแบบแบ็คแพ็คค่ะ ::
1. หากพาผู้สูงอายุมาเที่ยวแบบแบคแพคเกอร์ พยายามสอดส่องมองหาทางขึ้นลงสถานีรถไฟที่เป็นลิฟท์หรือบันไดเลื่อนเข้าไว้ เดินไกลนิดหน่อย แต่แลกกับความสะดวกของผู้สูงวัยที่มาด้วยแล้ว ดีกว่าเยอะค่ะ เค้าจะไม่เหนื่อยเกินไป
2. จัดโปรแกรมหลวม ๆ เข้าไว้ ตื่นสาย เที่ยว 1 จุด ข้าวเที่ยง เที่ยวอีก 1 จุด แล้วพากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมที่พักก็พอค่ะ แต่หากผู้สูงวัยอยากไปเดินตลาดกลางคืน ก็ควรเลิกเที่ยวแต่หัววัน กลับมาให้ท่านพักก่อน แล้วค่อยไปใหม่
3. จากข้อ 2. ตลาดกลางคืนที่ควรเลือก เลือกใกล้ที่พักได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็เลือกเอาสักที่ก็พอค่ะ ไม่ต้องเลือกจะไปหลาย ๆ ที่เนาะ เหนื่อยเปล่า ๆ ค่ะ แล้วจะพาลไม่สนุกเอา
4. พกน้ำขวดติดตัวไว้เสมอ เว้นช่วงให้ผู้สูงวัยได้เข้าห้องน้ำด้วยค่ะ ตามสถานีรถไฟต่าง ๆ มักจะมีห้องน้ำอยู่แล้ว รวมทั้งห้องน้ำพิเศษด้วย (หมายถึง ห้องน้ำสำหรับคนพิการ คนชราค่ะ)
5. พยายามเลือกที่พักที่เดินทางสะดวก (แนะนำ Taipei Main Station รองลงไปเป็น Ximen ค่ะ) ติดกับสถานีรถไฟได้ยิ่งดี
6. สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งก็ไม่ควรพาผู้สูงอายุไป เนื่องจากเดินไกล/ทางเดินขึ้นลงเยอะ/เดินไม่สะดวก ก็ไม่ควรพาไป หรือหาทางอื่นหลีกเลี่ยงแทนค่ะ ตัวอย่างเช่น จิ่วเฟิ่น ทั้งขึ้นลงบันไดชัน (แต่จะไม่ขึ้นลงก็ได้) และผู้คนแออัดเบียดเสียด (ไปช่วงเที่ยงบ่ายแทนก็ได้) เป็นต้น
7. เวลาข้ามถนน หากเวลาเคาน์ดาวน์เหลือน้อยลง ก็ไม่ต้องรีบข้ามค่ะ ผู้สูงวัยอาจจะเดินตามเราไม่ทัน .. จริง ๆ แล้วเวลาพาเค้าไปเที่ยวเราก็ควรเดินช้าลง ไม่ควรรีบเร่งค่ะ
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้นะคะ //โบกมือแบบนางงาม
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ ^^
ลิสต์รีวิวแต่ละสถานที่ที่โพสต์ไปแล้วที่เว็บบล็อกใหม่ค่ะ
แล้วกลับมาเจอกันในโพสต์หน้ากับทริปถัดไปค่ะ ^^
นี่แบบไต้หวันยกเลิกวีซ่า แล้วช่วงนี้ให้ถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ได้ด้วยนี่ยิ่งอยากไปอ้ะะะะ
พี่พาแม่เที่ยวฮ่องกงปีที่แล้ว ยังไม่ได้ทำรีวิวเล้ยยย เหอๆ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
zungzaa Photo Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
keigolin Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น