A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Moto Kare รักร้างในห้างรัก


นี้....อาจจะเป็นซีรีย์เรื่องที่รีวิวสั้นที่สุด Smiley
เพราะจะว่าไป เรือ่งมันก็มีอะไรอยู่ แต่ทำไมไม่รู้ อยู่ๆ รู้สึกไปเองว่าเหมือนจะไม่มีอะไร
Moto Kare เป็นซีรีย์ที่ผู้เขียนเคยเกริ่นเอาไว้ในตอนที่แนะนำซีรีย์การแสดงเรือ่งล่าสุด
ของเรียวโกะ ฮิโระสุเอะ ก็คือเรื่อง11nin mo Iru! เมื่อดูMoto Kareจบ
มันเลยเกิดสภาวะอารมณ์ประมาณว่า คอ่นข้างจะเต็มกลืนกับพล็อกที่มันขัดใจแบบร่วมสมัย
ของนิสิตจบใหม่วัยหางาน ที่ต้องมาเผชิญกับรักแบบสามเศร้า ในกลิ่นเมโลดราม่าที่ดูจะล้าสมัย





เมื่อ "คาชิวาบะ โทจิ" ผู้ดูแลมือใหม่แห่งแผนกอาหารของห้างสรรพสินค้าขนาดกลาง
แม้ตัวเองจะเริ่มงานมาได้ไม่นาน แต่ก็มีแฟนสาวที่คบหาดูใจ "ฮายากาวะ นาโอะ"
พนักงานต้อนรับในลิฟท์ แบบที่ยังไม่เปิดเผยตัวเท่าไรนัก จนกระทั่งทางสำนักงานใหญ่
ได้จัดส่งพนักงานประชาสัมพันธ์โฆษณาหญิง ซึ่งก็เป็นมือใหม่เช่นกัน
"ซาคาเอะ มาโคโตะ" ที่ถึงแม้เธอจะเป็นหน้าใหม่สำหรับห้างสรรพสินค้าที่นี้
แต่สำหรับโทจิแล้ว มาโคโตะเธอเคยเป็นอดีตแฟนที่คบหาระยะสั้นๆในช่วงศึกษาที่มหาวิทยาลัย
จึงเป็นสองรักสำหรับโทจิที่ต้องเลือก ระหว่างรักใหม่ที่เพิ่งเกิดกับรักครั้งเก่าที่ยังคงจดจำ



ความที่ซีรีย์มันไม่ค่อยมีอะไร ดังนั้นเลยขออาศัยอธิบายตัวละครเพื่อขยายผล





คาชิวาบะ โทจิ (แสดงโดย โดโมโตะ ทซึโยชิ จากSummer Snow และLast Present)
อาชีพเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแผนกสินค้าอาหาร ถือเป็นอาชีพรับเงินเดือนงานแรกของโทจิ
เขาจึงมีความมุ่งมั่น ตั้งใจและอุตสาหะเป็นพิเศษ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามความพึงพอใจ
ทั้งของตัวลูกค้าและบริษัทเอง แม้ว่าที่บ้านจะเปิดร้านซักอบรีดจนงานล้นมือก็ตาม
ครอบครัวของโทจิ ประกอบด้วยพ่อที่เอาแต่ใจตัวโดยไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกของภรรยา
กับน้องชายคนเล็กที่กำลังใช้ชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัย ซึ่งก็เป็นคนที่ไม่ค่อยแคร์ใครเช่นกัน
ความที่โทจิมุต่องานมากจึงเป็นเหตุให้เขามักจะระหองระแหงกับนาโอะอยู่เป็นประจำ
นาโอะเองอยากให้เขาปลีกสรรเวลางานเพื่อมาใช้ชีวิตแบบคนคบหาดูใจกัน
ท้ายสุดเมื่อเขาได้พบกับอดีตแฟนเก่ามาโคโตะ ซึ่งเป็นคนที่มุงานไม่ต่างจากเขาสักเท่าไร
อะไรหลายอย่างจึงคลิกกัน สุดท้าย.....เมื่อเขาต้องเลือกชีวิตรักกับคนที่ใช่เพียงหนึ่งเดียว
มันจึงช่างยาก เพราะสาวแต่ละคนต่างก็แสนดีกับเขาเสมอมา





ฮายากาวะ นาโอะ (แสดงโดย อุชิยามะ เรน่า จากGood Luck!!และFireboys)
พนักงานประจำลิฟต์ที่ทำงานที่เดียวกันกับโทจิ และคบหาดูใจกันตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ
นาโอะดูจะเป็นคนที่เลือกความรักที่มั่นใจ มากกว่าหน้าที่การงานที่มั่นคง
เธอมีความฝันที่อยากจะออกไปแต่งงาน แล้วใช้ชีวิตแม่บ้านที่ดีและเป็นภรรยาที่รู้ใจ
ด้วยอุดมคติชนิดนี้ จึงทำให้เธอมักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับโทจิที่บ้างานเข้าขั้น
ยิ่งมาสืบทราบต่อมาภายหลังว่า พนักงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์หญิงคนใหม่
เคยเป็นอดีตแฟนที่คบหาตอนอยู่สมัยมหาวิทยาลัย นาโอะก็ยิ่งไม่สบายใจ
และแสดงออกถึงการกีดกันไม่ให้โทจิกับมาโคโตะได้อยู่กันในที่ลับตาสองต่อสอง
แม้ภายนอกจะเป็นคนที่ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่ภายในดูจะกลัดกลุ้ม
หวาดระแวงถึงความสัมพันธ์ของตัวเธอกับโทจิอยู่โดยตลอด เพราะนอกจากโทจิแล้ว
เธอก็ไม่เคยเปิดใจรับกับชายอื่นคนใด จึงค่อนข้างจะเป็นรักที่มั่นคงและซื่อตรง
มากกว่าที่โทจิแสดงออกต่อเธอ




ซาเอกิ มาโคโตะ (แสดงโดย เรียวโกะ ฮิโระสุเอะ)
พนักงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์มือใหม่ ที่เข้ามาจับงานแผนอาหารของทางห้าง
เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจและกระจายข่าวในเทศกาลโปรโมชั่นใหม่ๆของทางห้าง
มาโคโตะเป็นคนที่มุงานไม่น้อยไปกว่าโทจิ ซึ่งเคยเป็นอดีตแฟนเก่ากันมาในช่วงสั้นๆ
ในวันแรกเธอจะรู้ว่าต้องมาทำงานที่เดียวกับโทจิ แต่มาโคโตะก็พยายามเก็บงำความรู้สึก
และปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ แม้ว่าในอดีตรักของคนทั้งสองจะขาดสะบั้นไปแล้ว
โดยคนที่ขอแยกทางกลับเป็นตัวมาโคโตะเสียเอง เลยเป็นเหตุให้โทจิ
ไม่กล้าที่จะสานต่อความสัมพันธ์ต่อ นอกเหนือไปจากเหตุผลที่โทจิกำลังคบหาแฟนคนใหม่อยู่
แต่ต่อมาภายหลัง เขามาสืบทราบว่าการแยกทางครั้งนั้นเพื่อให้เขากล้าที่จะเผชิญโลกความจริง
อีกทั้งตอนนี้เอง มาโคโตะก็ยังไม่คบหาใครอย่างจริงจัง รวมถึงยังคงเก็บที่ห้อยสายโทรศัพท์
ที่โทจิเคยให้ไว้เป็นของขวัญ แม้ว่าเวลาดังกล่าวจะล่วงเลยมาหลายปีแล้วก็ตาม





ฟุจิเอดะ โทรุ (แสดงโดย ซาซากิ คุราโนะสุเกะ จากAbsoluted Boyfriend และIRYU)
รุ่นพี่ในแผนกโฆษณาและประชาสัมพันธ์  ที่ค่อยเป็นพี่เลี้ยงแนะแนวการทำงานให้กับมาโคโตะ
เป็นที่ทราบกันดีของทางแผนกว่า ตัวโทรุมีนิสัยเจ้าชู้ และพร้อมจะทำลายใครก็ตาม
ที่ไม่ใยดีด้วยกับเขา เป็นรุ่นพี่ที่แสดงออกเชิงชู้สาวต่อมาโคโตะแบบออกนอกหน้า
แม้จะรู้ว่า มาโคโตะเองก็ยังเหลือเยื่อใยกับแฟนคนเก่าอยู่ก็ตาม





ชิโทเสะ ฮาจิเมะ (แสดงโดย อามาโนะ ฮิโรยุกิ จากROOKIES และOishii Proposal)
พนักงานจำหน่ายอาหารเกี๊ยวนึ่ง มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ของพระเอกโทจิ (แต่ถ้าให้เทียบระบบ
ความสัมพันธ์ที่ตรงตัวน่าจะเรียกว่า โอยาบุน-โกบุน หรือความเป็นลูกพี่ลูกน้องมากกว่า)
พื้นฐานเป็นคนขยันขันแข็งเอางานเอาการ แต่ขาดทักษะการบริการในบางเรื่อง
ซึ่งมักจะส่งผลต่อการประเมินของนายจ้าง และมีข้อร้องเรียนของลูกค้าที่เอาแต่ใจบางคน
แม้โดยตำแหน่ง จะเป็นลูกน้องของโทจิที่เป็นรุ่นน้องในสมัยเรียนก็ตาม
แต่โทจิก็ยังคงให้ความเคารพตามหลักอาวุโส และทุกหลังเลิกงานมีต้องไปก๊งเพื่อย้อมใจ
ไม่ว่าจะปรึกษาเรื่องงานหรือปัญหาชีวิต ฮาจิเมะแอบสนใจในตัวฮิโรเอะ
ที่รู้จักกันในโรงฝึกเต้นลีลาศ แม้การแสดงออกส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหญิงที่วิ่งเข้าหามากกว่า





นิชินะ ฮิโระเอะ (แสดงโดย โซนิม จากDensha Otoko SP และTokyo Wankei)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนและบรรณารักษ์ประจำมหาวิทยาลัย ที่แสดงออกอย่างเปิดเผย
ว่าชอบฮาจิเมะรุ่นพี่ของพระเอกโทจิ ฮิโระเอะจัดเป็นผู้หญิงสวยคนนึง
เพียงแต่.....การไม่รู้จักการแต่งตัวและค่อนข้างขี้อายต่อหน้าเพศตรงข้าม
จึงมักจะถูกน้องของโทจิที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แขวะแซวอยู่เสมอ
จนน้องของโทจิเกิดแอบชอบโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเธอเองก็แสดงออกชัดเจนว่ามีแฟนแล้ว
และจะของขึ้นทุกครั้ง ถ้าเกิดใครมาละลาบละล้วงในคุณสมบัติของแฟนหนุ่มฮาจิเมะ
(การรู้จักโซนิมจากเรื่องนี้เปิดโลกทัศน์ใหม่ของผู้เขียนว่า สาวเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่น
ไม่ได้มีดีเพียงแค่ยูมิน เพียงเท่านั้น!)



"สี่อุปสรรค" ที่ดูจะเป็นเกราะกำบังในการเชื่อมโยงระหว่างผู้เขียนกับซีรีย์เรื่องนี้






๑.ลัทธิลูกค้าเป็นพระเจ้า+เจ้านายเป็นคำตอบสุดท้าย
ถ้าใครรับหลักการต้นบัญญัตินี้ได้ มั่นใจว่าคงจะดูซีรีย์ปี๒๐๐๓เรื่องนี้อย่างสนุก
แต่กับผู้เขียนแล้ว รู้สึกเป็นการสยบยอมต่ออำนาจในระบบอย่างไงไม่รู้
ยิ่งมาเจอะลูกค้าประเภทเอาแต่ใจโดยไม่ดูมารยาท หรือเจ้านายที่ชอบโยนขี้ออกจากบ่า
แต่ละเคสต์ถ้าเป็นชีวิตจริง ผู้เขียนคงยอมถูกเข้าข่ายที่จะละเมิดสนธิสัญญาของนายจ้าง
พาลไปถึงยอมกระทำผิดกม.อาญาในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยทำไปเพราะบันดาลโทสะเป็นที่ตั้ง
เพราะซีรีย์พยายามปลูกฝังลัทธิพินอบพิเทา ที่ผู้น้อยจะต้องว่านอนสอนง่าย
ลูกค้าต้องเป็นใหญ่ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก (แม้จะรู้แจ้งว่าอีกฝ่ายมันทำผิดอยู่เต็มประดาก็ตาม)
ซีรีย์จึงว่าถึงการเอาชนะใจ........ที่เหนือกว่าการเอาชนะในทุกสิ่ง แม้ว่าอย่างที่รู้
มันอาจจะต้องแลกด้วยการเสียหน้า เสียเกียรติ์ สิ้นเรี่ยวเสียแรง เพราะการชนะใจนี้
เป็นการทำให้ผู้ถูกขอที่มีแต้มต่อที่เหนือกว่า เกิดความขัดแย้งดีชั่วภายใน
ระหว่างอัตตาในอกกับคุณธรรมในใจ แต่ผลสุดท้ายมันก็ช่วยให้เกิดการอะลุ้มอะล่วย
ลดการเสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้ขอก็สำเร็จในกิจ ผู้ถูกขอก็ถูกยกเป็นผู้เมตตาธรรม
แต่สำหรับผู้ชมคนไทยที่ซึมซับละครประเภท นังอิจฉากรี๊ดมีตบ! คุณนายขี้ยุมีฉะ!
ผู้เขียนมั่นใจเอาเองว่า ขืนใครได้ดูซีรีย์เรื่องนี้มีได้หงุดหงิดกันโดยตลอดเรื่อง
ถือเป็นเครื่องมือชี้วัดความเป็น "เทพ" ในตนเอง ซึ่งผู้เขียนได้ทดลองแล้ว
ถึงขั้นต้องสะบัดก้นหนีกันพัลวัน (ก่อนจะมาดูให้จบๆเพราะคุณน้องฮิโระสุโดยแท้)





๒.ความเงอะๆงะๆของคุณพระเอ๊กเอก
อันนี้อาจจะเป็นความเข้าใจผิดของผู้เขียนก็ได้ เพราะอาจจะเป็นเจตนาการตีโจทย์ของนักแสดง
หรือความต้องการที่จะเป็นไปของผู้กำกับ สำหรับซีรีย์แนวรักสามเศร้าเราสามคน
เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมจับไม่ได้ไล่ไม่ทันกับการตัดสินใจของพระเอกโทจิ ว่าจะเลือกผู้หญิงคนไหน
ระหว่างมาโคโตะ (รักเก่า) หรือ นาโอะ (รักใหม่) แต่เมื่อดูสาขารางวัลที่เข้าชิงปีนั้น
สาขาBest Actor ตัวทซึโยชิไม่หิ้วปีกมาเหมือนตอนที่เคยเล่นไว้ในSummer Snow
(เพราะไปเสร็จโยชิโอกะ ฮิเดทากะจากDr. Koto Shinryojo) แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่เรียวโกะของผู้เขียน
เธอเข้าวินทั้งจากซีรีย์เรื่องSummer SnowและMoto Kare ก็แสดงว่าการหงุดหงิด
ของผู้เขียนที่มีต่อเจ้าทซีโยชิเป็นเรื่องที่พอรับได้ ความจริงตัวบทของโทจิมันก็น่าหงุดหงิดอยู่พอประมาณ
เพราะมีโอกาสสบช่องจากสาวเจ้าที่เปิดท่าอยู่หลายพัก แต่ตัวเองก็ทำซื่อบื้อบ้าง เล่นตัวบ้าง
กลายเป็นว่า ตัวละครที่น่าเห็นใจเป็นที่สุด เลยไปตกกับสองสาวที่ต้องเลือก "มาโคโตะ"กับ "นาโอะ"
จนเกิดคำถามในใจว่า "หน้าพระเอกพรรค์นี้ มันดันมีอะไรดีฟะ!" ถูกสบถอยู่หลายรอบ
เพราะดูตามเงื่อนไขแล้ว คนเป็นพระเอกดูน่าสงสารเป็นเบื้องต้น รักใหม่เธอก็ทุ่มอย่างสุดตัว
แต่รักเก่าที่เขาทิ้งเราไปก็ยังเหลือเยื่อใยอยู่ เป็นคำถามที่โยนใส่คนดูไปให้ขบคิดเป็นการบ้าน
แต่นี้กลับกลายเป็นว่า ....ถ้าผู้เขียนคิดแทนตัวละครหญิงทั้งสอง คำตอบง่ายๆ
"คงไม่เลือกผู้ชายหน้าแป้น แถมยังเจือกโลเล(แล้ว)ช่างเลือกอย่างแกหรอกอะ!!"





๓. มารยาทไม่มี/บุพการีไม่สอนสั่งของบรรดาตัวประกอบ
ข้อนี้ก็ถือว่าหนักหนาเอามากๆ เหมือนฟ้าส่งมาให้ขัดใจซะอย่างนั้น!
อันนี้ถ้าใครได้ดู คิดว่าคงคิดไม่ต่างกัน ก็เข้าใจอยู่หรอกเรือ่งนินทากาเล
ออกความคิดเห็นแต่ให้ชาวบ้านเขารับผลกระทบไปคนเดียว ข้อนี้เป็นไปได้ทุกสังคม
เพียงแต่ .....เอาไปยุลับหลังเจ้าตัวเอาบ้างก็ได้ ไม่ใช่โขกสับกันต่อหน้าแบบบ่างช่างยุ
มีอย่างที่ไหนยกตัวอย่าง ตอนเพื่อนสาวของนาโอะรู้ว่าโทจิกำลังโคงานกับแฟนเก่า
ทั้งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เจ๊แกก็ซัดแบบคิดเหมาเอาเอง พูดแทนใจเพื่อนอย่างไม่เป็นมิตร
กันซะอย่างนั่น ,พ่อพระเอกปากร้ายชนิดเห็นเมียเป็นของตาย ,ปลดนางเอกออกจากงาน
เพียงเพราะจดหมายสนเท่ห์ไม่มีที่มา หรือตอนที่น้องชายพระเอกโทจิไปแดกดันความแก่
ของฮาจิเมะให้ฮิโระเอะฟัง นอกจากจะไม่เคารพในกฎความเป็นอาวุโสแล้ว
ยังไปตอกหน้าประมาณว่า มีแฟนแก่แล้วน่าขยะแขยง อันนี้โลกทัศน์ก็แคบไปนิด
ความจริงก่อนปี๒๐๐๓ ก็มีซีรีย์ผู้หญิงกินเด็ก เด็กชายชกข้ามรุ่น มีอยู่ถมไป
เข้าใจว่าคนเขียนบท "โคมาสึ เอริโกะ" ก็เป็นคนไม่แคร์ให้คนดูรักในตัวประกอบแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เพื่อผลสัมฤทธิ์ในการกระชากของตัวละครหลักเป็นสำคัญ ไม่ว่างานก่อนหน้าสองสามชิ้น
อย่าง Summer Snow หรือTo Heart เป็นต้น
จะว่าไปโดโมะโตะ ทซึโยชิ แทบจะเป็นลูกรักที่สกรีนไรเตอร์เอริโกะเล็งไว้ใช้งานหลายต่อหลายเรื่อง
อาทิ Summer Snowนี้ก็ใช่ To Heartนี้ก็ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีซีรีย์Ao no Jidai,
Second Chance และGakkou no Sensei พยายามจะไม่คิดอะไรเป็นอื่น
เพราะเจ๊เอริโกะแกก็อยู่เหย้าครองเรือนกับโปรดิวเซอร์ใหญ่แห่งค่ายทีบีเอสมานานเนิ่น
เข้าใจว่า...เป็นรสนิยมส่วนบุคคลในการสร้างจินตนาการงานเขียนอันเป็นการเฉพาะของคุณเธอ
เพียงสงสัยนิดว่า ไม่มีดาราชายไหนอื่นที่น่าอินกวี มากกว่าหมอนี้แล้วเหรอ?






๔. เตรียมจะเที่ยวทะเล กลับมาเดินเถแต่ในห้าง
ข้อนี้เป็นความผิดหวังเล็กๆของผู้เขียนเอง แต่ก็อดโยนบาปให้กับซีรีย์ไม่ได้
เพราะความที่เป็นMoto Kareเป็นซีรีย์รับเทศกาลหน้าร้อน ก่อนหน้านี้
ทซีโยชิกับฮิโระสุเอะก็เคยฟิชเชอลิ่งคู่พระ/นางจากซีรีย์โรแมนติกซัมเมอร์Summer Snow
ที่กวาดไปห้ารางวัลTelevision Drama Academy Awardsครั้งที่๒๔ ในปี๒๐๐๐
อีกทั้งผู้เขียนยังติดภาพลักษณ์นางสาวฮิโระสุเอะในยุคBeach Boys
จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของนางเอกซีซันหน้าร้อน ที่ไม่พ้นเรื่องทะเล ชายหาด และวินเซิร์ฟ
ถ้าแม้บทของฮิโระสุเอะจะไม่เข้าเป้า แต่ด้วยบรรยากาศของซีรีย์ซัมเมอร์ก็น่าจะพอฟินฯได้อยู่
ก็ขนาดทีเซอร์Moto Kareยังถ่ายให้เห็นทะเล รูปถ่ายในชุดชายหาด ร้านน้ำแข็งใส
ซึ่งมันก็มีนั่นแหละ แต่ก็แค่ช่วงนาทีที่ให้คิดถึงความหลังอยู่แค่นั้น ที่เหลือ
มันก็โยนใส่คนดูให้เห็นแต่ภาพแออัดของห้างสรรพสินค้า ผู้คนช้อปปิ้งกันพลุกพล่าน
พนักงานแหกปากชักชวนกันระวิง โคตรจะตรงกับการตั้งเป้าสุนทรีย์ศาสตร์กันคนละโยชน์








ส่วนถ้าใครปล่อยปละละเลยหรือหาได้แคร์กันเงื่อนไขทั้งสามสี่ข้อที่ว่ามานี้
Moto Kareก็น่าจะเป็นซีรีย์อรรถรสยุคปลายของสายJapanese dorama
รักกันแบบงูกินหางกินกลางตลอดตั๊ว ที่โยงใยกันไปมาไม่พ้นกลุ่มชนจำพวกแถวๆนี้
ซึ่งก็มีเหลี่ยมมีมุม เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ของตัวละครมันราบเรียบตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้เขียนยังมองว่า ซีรีย์พยายามไม่หักพลิกสถานการณ์แบบฉุกละหุก
อาศัยดำเนินเรือ่งไปเรื่อยๆ โดยอิงในแง่ความสมจริงของชีวิตคนปัจจุบันให้มากที่สุด
ดังนั้น...ซีรีย์เรื่องนี้จึงมีสัดส่วนการผสมกับในแง่เอาความเป็นจริงของ"ตัวงาน"เป็นที่ตั้ง
จากนั้นก็ใส่สีสันความเป็นละครลงไปภายหลัง เลยทำให้Moto Kareดูจะโดดเด่น
ในแง่การถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กร และอุปสรรคจากสภาพชีวิตปัญหาของคนทำงาน
จนมันดูเหมือนจะยกเอาชีวิตจริงของหนุ่มห้างสาวออฟฟิค ที่คนอาชีพเดียวกัน
เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ามาจากที่ทำงาน และมาเจอะการผลิตซ้ำเพื่อถ่ายทอดผ่านหน้าจอทีวี
เลยอาจจะเป็นซีรีย์ที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อประโลมโลก หลอกให้คนดูหลุดพ้นขุมนรกในชั่วขณะ
แต่เป็นการตีแผ่ความจริงและความเป็นไปได้จากการทำงาน โดยจำลองให้ "อิเยะ"
หรือกลุ่มในสังกัด สู่การถ่ายทอดวิถีชีวิตประจำวันผ่านกิจกรรมของแผนกงานที่สังกัด
สลับกับการสอดแทรกจินตนาการดราม่าลงไป แล้วความเป็นดราม่ามันก็ไม่ได้ใหม่อะไรเลย
เพียงแต่ถูกวางลงในพันธกิจชุดใหม่ เลยยังไม่พ้นความรักที่เป็นประเภท
การเข้าใจผิด-คิดไปเอง-เกรงว่าอีกฝ่ายจะตีจาก
เป็นความขัดแย้งระหว่างฮอนเนะ(หลักการส่วนตัว)กับทาเคมาเอะ(หลักการส่วนรวม)
วกไปเวียนมาก็ยังพอถูๆไถๆไปได้ แม้ว่าหลังๆดูจะหมดมุข และเก็กกิมมิกจะฝืดๆไปบ้าง
แต่มันก็ถูกปรับแต่งให้เข้ายุคเข้าสมัย กอ่นเจเนเรชั่นซีรีย์จะเปลี่ยนไป
เข้าสู่ความเป็นรูปแบบซีรีย์ไร้รัก ที่เล่าย้ำถึงการไปสู่พันธกิจหน้าที่และขายเนื้อหาอย่างเต็มตัว








อย่าคิดว่า อารมณ์ของซีรีย์จะมาคล้ายกับในสมัยSummer Snowหรอกนะครับ
ถึงแม้ว่าจะได้คู่พระคู่นางคนเดิม คนเขียนบทก็คนเดิม มีระยะเวลาห่างกันเพียง๓ปี
เพราะซีรีย์มันได้ข้ามวัยอุดมศึกษายูนิเวอร์ซิตี้ ไปสู่Amateur Routine
ดังนั้น ความสมเหตุสมผลของตัวละครก็เปลี่ยนแปลงไปตามวัย
จากเดิมที่ทซึโยชิเคยมีภาวะผู้นำประจำบ้านแถมยังขี้บ่น ในบทของ
พี่ชายคนโตนัตสึโอะจากSummer Snow พอมาเป็นโทจิในMoto Kare
เขาต้องมารับบทชายผู้ไม่กล้าแสดงออก ยกเว้นไว้เพียงแต่ช่วงเวลาทำงาน
(เลยไม่แปลกที่หมอนี้จะบ้างานชิบเป้ง) ส่วนฮิโระสุเอะ จากที่เคยเล่นเป็นยูกิ
ลูกสาวสุดประคับประหงมและอ่อนต่อโลกในSummer Snow
เมื่อมาเล่นเรื่องนี้ เธอกลายเป็นมาโคโตะสาวแกร่ง ที่ชอบพิสูจน์ตนเอง
ในชิ้นงานที่ว่ายากและมีความสุขจากผลสำเร็จในงานที่ทำ แม้จะเป็นประเภท
ปิดทองหลังพระก็ตาม ดังนั้น.....ความน่าเอาใจในตัวละครMoto Kare
มันก็มีอยู่แหละ เพียงแต่มันน่าเอาใจเชียร์ไม่เท่ากับSummer Snow
เพราะเรื่องนั่นอุปสรรคนานาประการ ไม่ว่าจะ
หมอหล่อ-พ่อห่วง-พระเอกจน-นางเอกโรครุม เป็นต้น หากไม่คิดอะไรมาก
ก็ถือเสียว่ามาย้อนดูยุค "สวยยังโสด" ของฮิโระสุเอะ
ก่อนที่ปีต่อมาจะประกาศแต่งกับสามีคนแรกไป สว่นการแสดงเรน่าจัง
ดูจะเป็นหญิงสวยธรรมดา ที่มีทั้งรักทั้งชังทั้งโลภทั้งหลงในคนๆเดียว เพียงแต่
เธอต้องพยายามรักษาระเบียบแบบแผนและมารยาททางสังคมที่พึงปฏิบัติ
เมื่อเธอปี๊ดแตกเมื่อไร ความภราดรของกลุ่มก็จะสั่นคลอน
ความขายหน้าจากการเป็นคู่ขัดแย้งที่ไม่สงวนท่าที ไม่แปลกที่ตัวละครนาโอะ
มักจะฉีกหนีไปจากวงคณะอยู่กอ่นเพื่อนเสมอ










Don't againt yourself.Everything what you do.lt's dishonesty.

(อย่าฝืนตัวเองอีกเลย ทุกสิ่งที่คุณทำไปมันถือว่าไม่มีซื่อสัตย์)


You try to love me.Aren't you?Don't try when you'll be fall in love.
l'll find someone who love me by his heart.

(คุณกำลังพยายามที่จะรักฉันใช่ไหม การตกหลุมรักกันมันไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
ฉันจะไปมองหาชายสักคนที่รักฉัน ด้วยหัวใจของเขาเอง)






สุดท้ายซีรีย์ก็ไม่ได้นำพาเราไปสู่ลัทธิคนบ้างานไปเสียหมด
(คลั่งงานอย่าคิดว่าเท่ เพราะญี่ปุ่นขึ้นชื่อในโรคชนิดนี้จนบัญญัติศัพท์ประเภท คลั่งงานจนตัวตาย
"คิโรชิ" ที่หมายถึงการตายด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นอันเนื่องจากโหมงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน)
อย่างน้อยๆ มันก็ถูลู่ถูกังไปตามวัฎจักรที่ให้ผู้หญิงเลือกปฏิบัติโดยเอาชีวิตคู่เป็นตัวตั้ง
เรียกได้ว่า ....ซีรีย์แทบจะยอมจำนนตามสภาพระบบของสังคมญี่ปุ่นทุกประการ
ไม่มีอะไรที่จะมาวิพากย์วิจารณ์ ตีแผ่สื่อ หรือตั้งคำถามถึงอคติวิธีใดใด
เป็นJapanizationเต็มขั้น เป็นวัฒนธรรมที่คนดูไทยๆอย่างผู้เขียน
แม้จะขัดใจพฤติกรรมตัวละคร ก็ต้องยอมให้มันขืนใจเพื่อแลกกับหน้าใสๆของน้องฮิโระสุเค้า
โดยภาพรวมซีรีย์ก็ยังพอจะดูร่วมสมัยไม่เชยมาก ยกเว้นวิธีคิดที่รู้สึกโบราณไม่แยบยล
เหมือนกับซีรีย์ญี่ปุ่นสมัยนี้ เพียงแต่อาจจะบริโภคอย่างไม่สะดวกเท่าไรนัก
ซึ่งก็ยังดีหน่อย เพราะหลังจากนี้แล้วความเป็นดาราคู่ขวัญระหว่างทซึโยะกับฮิโระสุเอะ
ก็หมอดลงโดยพลัน ฝ่ายชายดูจะเพลางานซีรีย์โดยหันไปให้เวลากับเบือ้งหลังงานเพลงเป็นหลัก
ส่วนฝ่ายหญิง แม้งานจะชุก แต่คุณภาพในการเลือกงานก็เป็นอะไรที่น่ากังขาอยู่ไม่ใช่น้อย





พิมพ์ไป....พิมพ์มา  ........... มันก็ยังยาวอยู่ดี ......
Smiley




อ้างอิงข้อมูล


Dramwiki , IMDB and 4Shared



Create Date : 23 ตุลาคม 2555
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 16:47:13 น. 4 comments
Counter : 4889 Pageviews.

 
แวะมาทักเพื่อบอกว่า Priceless นั้น Look Promising ทีเดียวค่ะ เพิ่งดูจบตอนแรก


โดย: วรินทร์รตา IP: 58.64.119.15 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:16:04:22 น.  

 
ตอนที่อ่านรีวิวเรื่องนี้ช่วงต้นๆได้แต่คิดในใจว่า
เป็นเรื่องของหนึ่งชายสองหญิงหรอกเหรอคะเนี่ย
ที่แฟนเก่าก็แสนดี ช่างเป็นผู้ที่เสียสละต่อความรักเเหลือเกิน
ยอมจากไปเพื่อให้คนที่ตัวรักได้เติบโตขึ้น ได้กล้าที่จะเผชิญโลก
แล้วแม้ปัจจุบันก็ยังรักเขาอยู่ ช่างเป็นยอดหญิงที่มั่นคงดีแท้
ส่วนแฟนคนปัจจุบันก็รักจริงหวังแต่ง ไม่มีเผื่อเลือก ทุ่มสุดตัว
แล้วคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ คนที่มีปัญหาต้องเป็นพระเอกแน่นอน
แล้วก็ใช่จริงๆด้วยเพราะจขบ.บอกว่าพระเอกเจือกโลเล
คงเป็นประเภทคนนั้นก็ดี คนนี้ก็รัก แบบเลือกไม่ถูก(โว้ย)
แต่ดูหน้าตาพระเอกแล้วบ้านๆมาก
ไม่น่าจะทำให้ผู้หญิงมาหลงรักแบบทุ่มเทใจให้ตั้งสองคน
แสดงว่าพระเอกจะต้องมีอะไรดีแน่นอน ถึงได้มัดใจสาวสวยทั้งสองคนได้
แล้วอะไรคือส่วนดีของพระเอกโทจิคนนี้ ความขยันขันแข็ง ใช่หรือเปล่า(ไม่รู้)
เพราะบอกว่าพระเอกเป็นคนบ้างานก็คงจะเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง(มั๊ง)
แล้วพอได้อ่านที่รีวิวมาเรื่อยๆก็เจอประเด็นของเรื่องแล้วว่า
ไม่ใช่เรื่องรักสามเส้าหรอกที่เป็นประเด็นใหญ่ แต่เป็นเรื่องของชีวิตวัยทำงาน
วัฒนธรรมขององค์กร และสภาพปัญหาของคนทำงานต่างหากล่ะ
ที่เป็นประเด็นของเรื่องนี้ อย่างนี้สิถึงค่อยเหมาะที่จะเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นหน่อย
รักสามเส้าเป็นแต่เพียงน้ำจิ้มเท่านั้น ซีรีส์ญี่ปุ่นน่าดูก็ตรงนี้แหละ(^___^)


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.95.109 วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:0:39:10 น.  

 
มันไม่ยาวหรอกค่ะ จริงๆ นะ อยากเขียนบล็อกให้ได้ประมาณนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ยักกะสำเร็จซักที ยิ่งยาวยิ่งเปลืองเวลา แต่ว่าถ้าเขียนแล้วไม่อิ่มอกอิ่มใจ ก็ไม่ถึงที่สุด เลชยาวทุกที

งวดนี้ คุณ Chanpanakrit มีใส่ emotion น่ารักมาด้วยแฮะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะเนี่ย นี่ถ้ามีรูปดอกมงดอกไม้ หัวใจมาด้วย
คงต้องแอบคิดว่าความรักกำลังผลิบาน

พลอตรักสามเส้า กับซีรีย์ญี่ปุ่นไม่ค่อยอยู่ในความเคยชินเท่าไหร่นะ อันที่จริงพลอตแนวความรักของญี่ปุ่นก็ไม่ได้เยอะแต่แรกแล้วล่ะ

อ่านไปกำลังคิดว่า สองหญิงรักหนึ่งชาย พระเอกหน้าตาน่าต้องหล่อกว่านี้นะ ก็อ่านเจอบอกว่า "หน้าพระเอกพรรค์นี้" 555 อ่านดูแล้ว พระเอกดูจะไม่ค่อยมีความดีความชอบอะไรให้สมควรถูกรุมรักสักเท่าไหร่เลยนะคะ อ่านดูแล้วพระเอกเหมือนจะไม่ค่อยได้ดั่งใจ แล้วบรรยากาศของเรื่องเหมือนจะชวนให้เหนื่อยใจไม่น้อย


โดย: prysang วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:58:21 น.  

 


เรียนท่าน prysang เห็นหน้าอย่างนี้
นักร้องผู้มีซิงเกิ้ลอันดับหนึ่งในออริกอนชาร์ตอยู่
บ่อยครั้งนะครับ แต่ชื่ออะไรคิคิๆแล้ว ไม่ค่อยได้ใส่ใจ

ถ้าอยากจะดูซีรีย์รักฉบับญีปุ่นจริงๆ
คงต้องย้อนสักสิบปี แล้วจะเห็นว่า
มันเยอะแยะบานตะไล แต่ก็อะนะรักสามเส้า
เสียเป็นส่วนใหญ่


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:36:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.