อเมซิ่งพะเยา...อันซีนน้ำตกอุ่น-พระนั่งดิน สุดฟินหมอกงามภูลังกา ตื่นตาเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียว วิวทิวทัศน์ทะเลหมอกยามเช้าในแอ่งกระทะหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งจังหวัดพะเยา กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม นี่คือคำขวัญจังหวัดพะเยา จังหวัดเล็กๆแห่งภาคเหนือตอนบนที่ใครหลายๆคนอาจจะมองเป็นเมืองผ่าน หรือไม่ก็มองข้ามผ่านจังหวัดนี้ไป แต่ว่าถ้าหากใครมีโอกาสไปเที่ยวสัมผัสจังหวัดพะเยากันอย่างจริงจัง ก็จะพบว่าพะเยาเป็นเมืองเล็กๆที่แฝงเร้นไปด้วยมนต์เสน่ห์อันชวนค้นหาอยู่มากมาย กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต เส้นเลือดหลักแห่งจังหวัดพะเยา กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต สำหรับสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนพะเยาก็คือการไปเที่ยวชมกว๊านพะเยาหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและเป็นดังสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ กว๊านพะเยาเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ.เมือง พะเยา กว๊านพะเยานอกจากจะเป็นดังแหล่งชีวิตเส้นเลือดหลักของเมืองพะเยาแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องของทัศนียภาพอันงดงาม โดยเฉพาะบรรยากาศในยามเช้าและเย็นอันทรงเสน่ห์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ใครต่อหลายคนมาเยือนยังกว๊านพะเยาแห่งนี้ กว๊านพะเยา สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดพะเยาที่ไม่ควรพลาด โดยในช่วงเช้าตรู่ของวันอากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆลอยโผล่พ้นเหลี่ยมเขาเหนือน่านน้ำในกว๊าน มีสายหมอกลอยจางๆ มีภาพชาวบ้านพายเรือออกหาปลา ท่ามกลางแสงสีเหลืองทองของแสงแดดที่สาดส่อง จากนั้นในช่วงประมาณ 7 โมงเช้าจะมีกิจกรรม ตักบาตรข้าวเหนียว ที่ริมกว๊านให้ผู้สนใจได้ทำบุญใส่บาตรกัน ส่วนในเวลาเย็น บรรยากาศยามพระอาทิตย์ค่อยๆลาลับหลังม่านขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเคียงคู่ผืนแผ่นน้ำแห่งท้องทะเลสาบนั้น ดูงดงามเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยากันเป็นจำนวนมาก บริเวณริมกว๊านยังมีโรงแรม ที่พัก จำนวนหนึ่งให้เลือกสรร ส่วนที่มีมากก็คือร้านอาหารที่ตั้งอยู่เรียงราย โดยมี 2 เมนูชูโรงคู่กว๊าน คือ ปลาเผา และ กุ้งฝอยทอด อันชวนกิน บรรยากาศพักผ่อน ออกกำลังกายยามเย็นริมกว๊าน นอกจากนี้ที่ริมกว๊านฝั่งตรงข้ามถนนยังมีที่พักและร้านอาหารเรียงรายให้เลือกสรร ส่วนทางด้านริมฝั่งน้ำก็มีการจัดสวนสาธารณะ มีการจัดทำมุมเก๋ๆ ประดับประติมากรรมเท่ๆ ให้ถ่ายรูปกันเป็นที่เพลิดเพลิน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ประติมากรรมพญานาคคู่ที่อ้างอิงมาจากตำนานพญานาคแห่งกว๊านพะเยา ซึ่งในช่วงยามเย็นที่สวนริมกว๊านจะดูคึกคักมากไปด้วยสีสัน ทั้งจากผู้ที่มาท่องเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย ชมวิว และมาเฝ้าชมพระอาทิตย์ตกดินที่ถือเป็นช่วงเวลาไฮไลท์ของที่นี่ ขณะที่ฝั่งตรงข้ามของรูปปั้นพญานาคก็จะเป็นอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมืองกษัตริย์องค์ที่ 9 (พ.ศ. 1801 - 1841)แห่งเมืองภูกามยาว(เมืองพะเยาในสมัยโบราณ)ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้จนรุ่งเรืองให้เราได้เคารพสักการะกัน ประติมากรรมพญานาคริมกว๊าน หลวงพ่อศิลา - วัดติโลกอาราม กว๊านพะเยายังมีสถานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ วัดติโลกอาราม วัดกลางน้ำที่ตั้งเด่นอยู่บนเกาะกลางกว๊าน สามารถมองเห็นได้ไกลๆจากบนฝั่ง วัดติโลกอาราม เป็นวัดที่สันนิษฐานว่า พระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาเมืองเชียงใหม่ โปรดฯให้เจ้าหัวแสน เจ้าเมืองพะเยาสร้างขึ้นมาในช่วงราวปี พ.ศ. 2019-2030 วัดติโลกอาราม ตั้งเด่นอยู่กลางกว๊านสามารถมองเห็นได้จากบนฝั่ง ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงยุคปัจจุบันในปี พ.ศ. 2484-2484 ทางกรมประมงได้กั้นประตูน้ำเพื่อกักเก็บน้ำจนเกิดเป็นกว๊านพะเยาขึ้นมา แต่การกั้นประตูน้ำในครั้งนั้นส่งผลให้ ชุมชน บ้านเรือน เรือกสวน และวัดหลายแห่งในพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมถึงวัดติโลกอารามที่ต้องจมลงอยู่ใต้ผืนน้ำ จากนั้นในปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านวัดศรีอุโมงค์คำได้ขุดค้นพบพระเครื่องและพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ที่ต่อมาเรียกขานว่า หลวงพ่อศิลา หรือ พระเจ้ากว๊าน ซึ่งทางชาวบ้านได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ วัดศรีอุโมงค์คำ โดยได้มีการทำพิธีสมโภชน์ถึง 7 วัน 7 คืนด้วยกัน วัดติโลกอาราม วัดกลางแจ้งกลางกว๊าน ประดิษฐานหลวงพ่อศิลาโดดเด่น ต่อมาในปี 2550 ได้มีการสำรวจวัดร้างกลางกว๊านที่ค้นพบหลวงพ่อศิลา พบหลักฐานเป็นศิลาจารึกเขียนด้วยตัวอักษรฝักขาม แปลได้ว่าวัดติโลกอาราม ทางจังหวัดจึงได้ลงมือบูรณะปรับแต่งวัดติโลกอารามแล้วเสร็จภายในปี 2550 จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลาให้มาประดิษฐานที่วัดติโลกการามเป็นการกลับคืนสู่กว๊านพะเยาอีกครั้ง ปัจจุบันวัดติโลกอารามมีหลวงพ่อศิลาที่มีพุทธลักษณะอันงดงามเป็นพระประธาน ประดิษฐานโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแจ้งบนเกาะกลางกว๊านพะเยา ให้พุทธศาสนิกชนได้นั่งเรือแจวพื้นบ้านจากท่าเรือวัดติโลกอาราม(ค่าเรือคนละ 30 บาท นั่งเรือประมาณ 10 นาที) มาสักการะหลวงพ่อศิลาท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของสายน้ำขุนเขาอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์แห่งกว๊านพะเยา หลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม อีกหนึ่งพระพุทธรรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพะเยา เวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในไทย ปี พ.ศ. 2550 ในการอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับคืนสู่กว๊านพะเยา ทางจังหวัดได้ริเริ่มจัดงานเวียนเทียนกลางน้ำรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอารามขึ้นเป็นครั้งแรกในวันอาสาฬหบูชา จากนั้นก็ได้จัดงานเวียนเทียนกลางน้ำปฏิบัติเป็นประเพณีคู่เมืองพระเยาเรื่อยมาในทุกๆวันพระใหญ่ คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา พระ-เณร สวดมนต์ที่วัดติโลกอารามในพิธีเวียนเทียนกลางน้ำ งานประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยา จะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวัน(ประมาณ 17.00 น.) โดยจะมีการนำพระภิกษุ-สามเณร นั่งเรือขึ้นไปทำพิธี สวดมนต์ ที่ลานหลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม จากนั้นจะเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน นำดอกไม้ธูปเทียนนั่งเรือแจวพื้นบ้าน(เรือนำเที่ยว)ไปลอยลำเวียนเทียนรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอาราม ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้สนใจได้มาร่วมเวียนเทียนกลางน้ำเป็นรอบๆไป นับเป็นประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในไทยของจังหวัดพะเยา ที่นอกจากจะเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์จากพลังแห่งศรัทธาที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย พุทธศาสนิกชน นั่งเรือมาเวียนเทียนกลางน้ำรอบหลวงพ่อศิลา วัดติโลกอาราม พระเจ้าตนหลวง-หอวัฒนธรรมนิทัศน์ ในตัวเมืองพะเยายังมีอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งล้านนานั่นก็คือพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ซึ่งว่ากันว่าใครที่ไปเยือนพะเยาแล้วถ้าไม่ได้ไปกราบสักการะองค์พระเจ้าตนหลวงก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงพะเยาโดยสมบูรณ์ พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเจ้าตนหลวง แห่ง วัดศรีโคมคำ หรือวัดพระเจ้าตนหลวง โดยเมื่อเดินเข้าเขตกำแพงวิหารมาแล้ว ทางด้านขวามือจะมีองค์พระเจ้าตนหลวงจำลองให้พุทธศาสนิกชน ปิดทอง จุดธูปเทียน บูชา ส่วนพระเจ้าตนหลวงองค์จริงประดิษฐานอยู่ในวิหารให้เราได้เข้าไปกราบไหว้ ขอพรกัน พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา พระเจ้าตนหลวงนอกจากจะมีพุทธลักษณะอันงดงามแล้ว ยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา หน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 17 เมตร ใช้เวลาสร้างถึง 33 ปี ปัจจุบันมีอายุเก่าแก่กว่า 520 ปี ทุกๆปีในวันวิสาขบูชา จะมีการจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวง เรียกว่างานประเพณี นมัสการพระเจ้าองค์หลวงเดือนแปดเป็ง พระอุโบสถกลางน้ำ วัดศรีโคมคำ จากวิหารพระเจ้าตนหลวงหากเดินไปทางด้านหลังอีกนิดก็จะพบกับ พระอุโบสถกลางน้ำ โบสถ์หลังใหม่ที่สร้างอย่างสวยงามสมส่วนด้วยศิลปะล้านนาประยุกต์ ภายในโบสถ์โดดเด่นไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามฝีมือ (ท่าน)อังคาร กัลป์ยาณพงษ์ ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ส่วนด้านหลังโบสถ์ติดกับกว๊านพะเยา จึงมีคนนิยมมาทำบุญด้วยการ ปล่อยปลา ปล่อยเต่า กันอยู่เสมอ วัดศรีโคมคำยังมีอีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่ไม่ควรพลาดก็คือ หอวัฒนธรรมนิทัศน์ ที่ภายในจัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ โดยได้รวบรวมศิลปวัตถุน่าสนใจมากมายมาจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปเก่าแก่ต่างๆ พระพุทธรูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผา ศิลาจารึก ฯลฯ ส่วนถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของหอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ก็คือซากฟอสซิลต่างๆ อาทิ ฟอสซิลไดโนเสาร์,ฟอสซิลช้าง 4 งา, ฟอสซิลปูคู่รักมหัศจรรย์อันน่าทึ่ง เป็นต้น โถงจัดแสดงชั้นล่างของหอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ ด้วยความน่าสนใจของหอวัฒนธรรมฯ ทั้งจากสิ่งสำคัญต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดง และการถ่ายทอดเรื่องราวในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ ทำให้หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย หรือรางวัลกินรี จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยสามารถคว้ารางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2554 และ รางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว ในปี พ.ศ. 2556 มาครอง นับเป็นรางวัลเกียรติยศทางการท่องเที่ยวที่การันตีในความน่าสนใจและความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ที่สร้างสรรค์หอวัฒนธรรมฯแห่งนี้ ซึ่งหลักๆแล้วก็เป็นพระจากวัดศรีโคมคำนั่นเอง เที่ยววัดงามในเมือง นอกจากวัดศรีโคมคำและวัดติโลกอารามที่มี 2 พระพุทธรูปสำคัญแล้ว ในตัวเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจให้ไปสัมผัส ทัวร์ธรรมมะ ไหว้พระทำบุญ ชมสิ่งน่าสนใจภายในวัดเหล่านั้นกัน ซึ่งตะลอนเที่ยว ขอเริ่มกันที่วัดพระธาตุจอมทอง ที่ตั้งอยู่นดอยจอมทอง ตรงข้ามกับวัดศรีโคมคำ พระธาตุจอมทองคู่เมืองพะเยาแห่งวัดพระธาตุจอมทอง ภายในวัดพระธาตุจอมทอง โดดเด่นไปด้วยองค์พระธาตุจอมทอง พระธาตุศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ส่วนอีกหนึ่งวัดสำคัญคู่เมืองพะเยาที่มีสิ่งน่าสนใจในระดับสุดยอดแห่งล้านนาให้ทัศนากันนั่นก็คือวัดศรีอุโมงค์คำ ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ถ.ท่ากว๊าน ต.เวียง อ.เมือง วัดศรีอุโมงค์คำหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดสูง เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่เป็นเนินสูงเด่น ภายในวัดโดดเด่นไปด้วยองค์พระธาตุเจดีย์สีทองอายุเก่าแก่ไม่ตำกว่า 400 ปี ที่ตั้งอยู่บนเนินเห็นเด่นเป็นสง่า อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปน่าสนใจให้สักการะ อย่าง พระเจ้าทันใจ, องค์หลวงพ่อศิลาจำลอง และ พระเจ้าแข้งคม ที่เป็นพระพุทธรูปหินทรายศิลปะพื้นบ้านที่ช่างได้สร้างสรรค์ให้ท่านมีหน้าแข้ง(พระชงฆะ) เป็นเหลี่ยมเป็นสันคมชัดอย่างชัดเจน 15 หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์ วัดศรีอุโมงค์คำ พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่ามีพุทธลักษณะที่งดงามที่สุดในล้านนา ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดศรีอุโมงค์คำแห่งนี้ก็คือ หลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์(หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระเจ้าล้านตื้อ หรือ พระเจ้าแสนแส้) พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม มีพระวรกายอวบอิ่ม พระพักตร์ดูอมยิ้มตลอดเวลา ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งแห่งดินแดนล้านนา เที่ยววัดงามรอบเมือง ในเขตอำเภอเมืองพะเยายังมีวัดน่าสนใจอีกจำนวนหนึ่งที่แม้จะอยู่รอบนอกตัวเมืองไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าต่อการไปเที่ยวชม ซึ่งตะลอนเที่ยว ขอเริ่มกันที่ วัดลี ที่ตั้งอยู่ที่บ้านหล่ายอิง ต.เวียง อ.เมือง (ใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 3) วัดลีมีองค์พระธาตุวัดลีเป็นปูชนียสถานสำคัญ รวมถึงภายในวัดมี พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดลี ที่เก็บสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุน่าสนใจอันหลากหลาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปหินทราย ที่ทางวัดจัดแสดงไว้เป็นจำนวนมาก งานแกะสลักหินทราย ณ อุทยานพุทธศิลป์ วัดผาธรรมนิมิต ส่วนอีกหนึ่งวัดที่มีงานพุทธศิลป์ที่สร้างสรรค์จากหินทรายที่น่าสนใจยิ่งก็คือวัดผาธรรมนิมิต หรือ วัดห้วยผาเกี๋ยง ที่ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาเกี๋ยง ต.ท่าวังทอง อ.เมือง (ห่างจากตัวเมืองไปราว 10 กม.) ด้วยความที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หินทราย ทางวัดจึงสร้างสรรค์หินทรายในพื้นที่เพิงผาของวัดให้เป็น อุทยานพุทธศิลป์ ที่มากไปด้วยงานแกะสลักพระพุทธรูปหินทรายในปางต่างๆทั้งแบบประติมากรรมนูนสูงและนูนต่ำ นอกจากนี้ก็ยังมีรูปสลักทวยเทพ รอยพระพุทธบาท ซึ่งช่างสามารถแกะสลักออกมาได้อย่างงดงามน่าทึ่ง พระพุทธรูปมีพระพักตร์อ่อนหวานดูมีชีวิตชีวา นับได้ว่าทั้งวัดลีและวัดผาธรรมนิมิตถือเป็นแหล่งเที่ยวชมและแหล่งศึกษาพระพุทธรูปหินทรายอันสำคัญที่น่าสนใจยิ่งของภาคเหนือ อุทยานพระพุทธศาสนา อันร่มรื่นแห่งวัดอนาลโยทิพยาราม จากนั้นเราชวนขึ้นดอยใกล้เมืองไปยัง "วัดอนาลโยทิพยาราม" ที่ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม ห่างจากตัวเมืองพะเยาไปประมาณ 20 กิโลเมตร วัดอนาลโยสร้างโดยพระปัญญาพิศาลเถร(พระอาจารย์ไพบูลย์ฯ) ภายในวัดร่มรื่นตามลักษณะของวัดป่า ซึ่งทางวัดจัดทำเป็น อุทยานพระพุทธศาสนา ที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย ว่าจะเป็น รัตนเจดีย์ศิลปะแบบอินเดีย-พุทธคยา เก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม อีกทั้งยังมี หอพระแก้วมรกตจำลอง เครื่องบูชาพระแก้วมรกต พระเงิน พระทอง พระนาค พระบุษราคัม งาช้างดำ(เป็นคู่)พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก นอกจากนี้ภายในวัดอนาลโยยังมีศาลาชมวิวริมเชิงดอยที่สามารถชมทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาได้อย่างชัดเจน วัดอนาลโยฯกับบรรยากาศอันร่มรื่นในแบวัดป่า อันซีน งดงาม วัดแห่งเชียงคำ จากแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในเขตเมืองเราออกนอกเมืองไปยังอำเภอเชียงคำกันบ้าง เชียงคำเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออาศัยอยู่เป็นหลัก และเป็นหนึ่งอีกในอำเภอท่องเที่ยวสำคัญของพะเยา โดยจากตัวเมืองพะเยา มุ่งหน้าผ่านถนนสายดอกไม้ อำเภอดอกคำใต้ ไปยังอำเภอจุนสู่อำเภอเชียงคำ ระหว่างทางเราจะได้พบกับหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ แห่งเมืองพะเยานั่นก็คือ "พระเจ้านั่งดิน" ที่ประดิษฐานอยู่ที่ "วัดพระเจ้านั่งดิน" ต.เวียง อ.เชียงคำ (ห่างจากตัวอำเภอเชียงคำ 4 กม.) พระเจ้านั่งดิน พระพุทธรูปอันซีนไทยแลนด์ พระเจ้านั่งดิน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีความแปลกเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นหนึ่งเดียวไม่เหมือนที่ไหนๆ เพราะเป็นพระประธานที่ประดิษฐานอยู่บนพื้น ไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ สำหรับความเป็นมาของพระเจ้านั่งดินนั้น มีเรื่องเล่าขานว่า ในอดีตเมื่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้เสร็จได้วางท่านไว้บนพื้นราบ ครั้นต่อมามีชาวบ้านพยายามสร้างฐานชุกชีให้อัญเชิญท่านขึ้นตั้งอยู่บนนั้น แต่ปรากฏว่าพยายามเท่าไหร่ก็ยกไม่ขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกสืบต่อกันมาว่า "พระเจ้านั่งดิน" ในอำเภอเชียงคำยังมีอีกหนึ่งวัดสำคัญนั่นก็คือ วัดนันตาราม ที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนไชย ในเขตสุขาภิบาลเมืองเชียงคำ วิหารวัดนันตารามที่สร้างด้วยไม้อันสวยงาม วัดนันตารามเป็นวัดที่โดดเด่นไปด้วยงานศิลปกรรมแบบไทยใหญ่ ตัววิหารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีการฉลุไม้ตกแต่งลวดลายอย่างสวยงาม ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆอยู่หลายองค์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูปหยกขาว,พระเจ้าแสนแส้, พระพุทธรูปเกสรดอกไม้ และพระพุทธปฏิมาประธาน พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนปางมารวิชัย ทำจากทองสำริดทรงเครื่องแบบไทใหญ่ ประทับบนสิงหบัลลังก์ไม้ที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม และด้วยความงดงามที่ลงตัวทำให้วัดนันตารามได้รับการยกย่องให้เป็นวัดที่สวยที่สุดในจังหวัดพะเยา พระพุทธรูปต่างๆที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดนันตาราม ภูซาง อันซีนน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียว จากอำเภอเชียงคำเราเดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1093(เชียงคำ-เทิง) สู่อำเภอภูซาง ที่มี ตลาดชายแดนบ้านฮวก เป็นด่านการค้าชายแดน(จุดผ่อนปรน) ซึ่งสินค้าหลักๆนั้นจะเป็นสินค้าพื้นบ้าน จำพวกพืชผักสด สมุนไพร ผลไม้ และของป่าที่ส่วนใหญ่นำมาจากฝั่งสปป.ลาว อำเภอภูซางนอกจากจะเป็นอำเภอชายแดนไทย-ลาวแล้ว ยังเป็นอำเภอสุดท้ายของพะเยาก่อนที่จะข้ามเขตสู่ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย อำเภอที่มีภูชี้ฟ้าเป็นจุดเที่ยวทะเลหมอกอันเลื่องชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมท่องเที่ยวเชื่อมต่อในเส้นทาง พะเยา-เชียงราย กันด้วยเส้นทางสายนี้ น้ำตกอุ่นภูซาง อีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ โดยในอำเภอภูซางนั้นเป็นที่ตั้งของ อุทยานแห่งชาติภูซาง ที่มีไฮไลท์คือ น้ำตกภูซาง ที่มีความแปลกพิศวงเพราะเป็นน้ำตกอุ่นหนึ่งเดียวในไทยจนได้รับการยกย่องให้เป็น อันซีนไทยแลนด์ น้ำตกภูซาง มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เป็นน้ำตกหินปูนอันสวยงาม มีชั้นเดียว สูง 20 กว่าเมตร ไหลเป็นสายฟูฟ่องลงมาสู่ธารน้ำเบื้องล่าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติและแมกไม้อันร่มรื่น ภายใต้กันจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบ น่าพักผ่อนหย่อนใจของอุทยานฯ น้ำตกอุ่นภูซาง มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศา ต้นกำเนิดของน้ำตกอุ่นภูซางมาจาก "บ่อซับน้ำอุ่น" ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินของพรุน้ำจืดที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งทางอุทยานฯได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากน้ำตกภูซางสู่บ่อซับน้ำอุ่น โดยมีการทำเส้นทางให้เดินอย่างสะดวกสบาย ระหว่างทางผ่านพื้นป่าอันร่มรื่น มากไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอุทยานฯแห่งนี้ ภูลังกา ทะเลหมอกงามดุจภาพวาด หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากกว๊านพะเยาแล้วพะเยายังมีภูลังกา เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันเลื่องชื่อของจังหวัดนี้ ภูนม อีกหยึ่งยอดเขาสำคัญแห่งภูลังกา ภูลังกา ตั้งอยู่ในวนอุทยานภูลังกา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง มี ยอดภูลังกา เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเราต้องนั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป เพราะเส้นทางในช่วงท้ายเป็นถนนลูกรังวิบากสมบุกสมบัน จากนั้นเมื่อไปถึงจุดจอดรถตีนภู เราต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1 กม.กว่าๆ ผ่านป่าโปร่งและป่าทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างทางจะมีทางแยก นำสู่ลานหินล้านปี ที่เป็นลานหินโบราณ อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆหายาก ขณะที่ในเส้นทางเดินหลักนั้นจะพาไปสัมผัสกับยอดภู 2 ลูก ได้แก่ ภูนม ที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งภูลังกา มีความสูงประมาณ 1,600 เมตร เส้นทางเดินไต่เลาะสันเขาสู่ยอดภูลังกา ส่วนภูลูกที่สองคือ ภูลังกา ที่มียอดสูงสุด 1,720 เมตร ชาวเมี่ยน(เย้า) ในพื้นที่เรียกส่วนที่เป็นยอดสูงสุดนี้ว่าฟินจาเบาะ หรือ แท่นเทวดา เพราะเชื่อว่า บนนี้เป็นที่สิงสถิตของเทพ เทวดา ทั้งบนยอดภูนมและภูลังกาเป็นป่าทุ่งหญ้า โล่งแจ้ง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบตัว 360 องศา บนนี้จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และจุดชมทะเลหมอกชั้นดีที่มีคนเดินทางขึ้นมาชมกันไม่ได้ขาด บรรยากาศในโครงการหลวงปังค่า นอกจากยอดภูลังกาแล้ว ในพื้นที่ภูลัง ต.ผาช้างน้อย ยังมีสถานที่น่าสนให้เที่ยวชมกันคือ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางสู่ยอดภูลังกา ภายในศูนย์ฯมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงามน่ายล เน้นพวกกลุ่มไม้ดอก-ไม้ประดับเมืองหนาว โดยมีไฮไลท์คือมะเขือมิกกี้เมาส์ ลูกสีเหลืองสดที่ปลูกอยู่ทั่วไป รวมถึงมีร้านกาแฟสดเก๋ๆ ให้เลือกนั่งพัก จิบกาแฟดื่มด่ำบรรยากาศก่อนที่จะขึ้นไปลุยบนยอดภูลังกาต่อไป ทะเลหมอกยามเช้าในขณะที่พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากเหลี่ยมเขาในมุมมองจากภูลังการีสอร์ท สำหรับอีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์เคียงคู่กับยอดภูลังกาก็คือ ภูลังการีสอร์ท ที่เป็นหนึ่งในที่พักวิวเทพ ตั้งอยู่ริมเขาเบื้องล่างเป็นแอ่งกระทะ ในยามเช้าของวันที่อากาศเป็นใจ เมื่อมองลงไปยังหุบเขาแอ่งกระทะจะเห็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งอย่างสวยงามท่ามกลางองค์ประกอบของต้นไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ มีภูเขาหินขนาดย่อมขึ้นเป็นพระเอกอยู่ตรงกลาง ม่านทะเลหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งในแอ่งกระทะ เมื่อมองจากภูลังการีสอร์ท ทะเลหมอกที่นี่ขึ้นชื่อว่าสวยงามดุจภาพวาด นั่นจึงทำให้มุมมองวิวทะเลหมอกแห่งนี้กลายเป็นดังตัวแทนแห่งภูลังกา และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งพะเยาที่ดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก และนี่ก็เป็นมนต์เสน่ห์บางส่วนของพะเยา จังหวัดเล็กๆอันสงบ สวยงาม จัดอยู่ในประเภท จิ๋วแต่แจ๋ว หรือ Small is Beautiful ที่แฝงเร้นไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมายชวนให้ค้นหา และชวนให้เราหลงรักพะเยากันอยู่ไม่รู้เบื่อ ภูลังการีสอร์ท ได้ชื่อว่าเป็นที่พักที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าได้อย่างสวยงาม ***************************************** ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดพะเยาเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงราย(พื้นที่รับผิดชอบ เขียงราย,พะเยา) โทร.0-5371-7433,0-5374-4674-5 ***************************************** ที่มา //manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000056500 Create Date :19 พฤษภาคม 2558 Last Update :19 พฤษภาคม 2558 8:25:28 น. Counter : 1502 Pageviews. Comments :1 twitter google Comment * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก thx u crab โดย: Kavanich96 20 พฤษภาคม 2558 4:21:47 น.
โดย: Kavanich96 20 พฤษภาคม 2558 4:21:47 น.