bloggang.com mainmenu search


ส่วนหนึ่งใน ๑๐๐ ปี

ครูเทพี เดชานนท์


เวลาผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษ ผ่านไปเร็วมาก พร้อมกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่กลายเป็นอดีต จากเคยเป็นนักเรียน ก็เป็น ศิษย์เก่าครูเก่า แต่ก็ไม่รู้สึกว่านานเลย เวลาที่ผ่านมาชีวิตก็วนเวียนอยู่ในโรงเรียน ปี ๒๕๐๐ – ๒๕๐๖ เรียนที่โรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” ๒๕๐๗ – ๒๕๐๘ เรียนต่อที่โรงเรียนวัชรราษฏร์วิทยาลัย ๒๕๐๙ – ๒๕๑๑ เรียนโรงเรียนฝึกหัดครูนครสวรรค์ เป็นครูครั้งแรกที่โรงเรียนวัดคูยาง ครบสองปี ลาศึกษาต่อ ปี ๒๕๑๓ – ๒๕๑๖ ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาพลศึกษา กทม. จบแล้วกลับมาสอนที่โรงเรียนวัดคูยาง จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๕ โอนมาสอนที่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม และ ปลดเกษียณปี ๒๕๕๐ รวมอายุราชการ ๔๐ ปี

แต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานะก็เปลี่ยนไปตามเวลา จากนักเรียนมาเป็นครู สมัยนั้นการศึกษายังไม่กว้างไกลหลากหลายเหมือนปัจจุบัน โอกาสที่จะเลือกเรียนก็ไม่มาก โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัด การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน และ ตอนนั้นมหาวิทยาลัยก็มีไม่กี่แห่ง เด็ก ๆ ถูกสอนให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง โดยปฏิบัติได้จริง จะเลือกเรียนอะไร ต้องนึกถึงฐานะครอบครัวก่อน ต้องประหยัด อดทน อดออม เพราะกลัวพ่อแม่จะเดือดร้อน แต่ละครอบครัวจะมีลูกหลายคน ต้องแบ่งปันกัน นึกถึงคนอื่นด้วย สาขาที่จะเรียนต่อก็มีไม่มาก ในจังหวัดของเรา ก็มี ครู พยาบาล หรือ สายอาชีพไปเลย สอบแข่งขันภายในจังหวัดแล้วไปเรียนต่อที่ นครสวรรค์ หรือ พิษณุโลก แค่นี้ก็ตื่นเต้นแย่แล้ว เรื่องจะไปตะลอนสอบเหมือนปัจจุบันรึ ไม่มี แต่ข้าพเจ้าก็โชคดี ที่สอบครูได้ เพราะอยากเป็นครู คงประทับใจคุณครูที่สอนตอนเป็นนักเรียน

ช่วงเป็นนักเรียนเป็นช่วงที่สนุกที่สุด แต่ไม่สบายเหมือนเด็กสมัยนี้นะ เด็ก ๆ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในครอบครัวรวมกับพ่อแม่ ไม่ใช่เรียนอย่างเดียว ต้องตื่นแต่เช้าพร้อมพ่อแม่ ช่วยหุงหาอาหาร เสร็จแล้วนั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมกัน แล้วแยกย้ายกันไปโรงเรียน เด็กทุกครอบครัวจะได้กินอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน พร้อมทั้งนำอาหารกลางวันไปกินที่โรงเรียนด้วย น้อยคนที่จะไปซื้ออาหารที่โรงเรียน มื้อเช้า-เย็น กินพร้อมกับครอบครัว กลางวันกินพร้อมเพื่อน ๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี สมาชิกในครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน เด็ก ๆ สมัยนั้นโชคดีที่ไม่มีอาหารขยะเต็มห้างร้านเต็มตลาด ได้กินอาหารตามธรรมชาติ เด็กนักเรียนปัจจุบัน ส่วนหนึ่งอดอาหารเช้า อาจเพราะตื่นสาย แค่จะมาให้ทันเข้าแถวตอนเช้า (๐๘.๐๐น.) ก็แทบแย่แล้ว เมื่อก่อนต้องเดินไป-กลับโรงเรียน บ้านไกลก็ใช้จักรยาน ปัจจุบันเด็กบ้านอยู่แถวต้นโพธิ์ ต้องให้ผู้ปกครองมาส่ง บางรายถ้าไม่ทันเข้าแถว ผู้ปกครองก็จะส่งให้ปีนรั้วเข้าโรงเรียนก็เคยเห็นแล้ว พอเลิกเรียนต้องรีบกลับบ้านช่วยพ่อแม่ทำงาน เช่น ตักน้ำ ถูบ้าน ทำกับข้าว ซึ่งแล้วแต่พ่อแม่จะใช้ เสร็จแล้วจะไปเล่นได้ ไม่มีเรียนพิเศษ ไม่มีกวดวิชา สนามเด็กเล่นตอนเย็น ก็คือ บนถนน กีฬาที่นิยม เช่น กระโดดเชือก ฮึ่ม ตี่ อีเตะ อีบิน หมากเก็บ เป็นต้น และต้องกลับเข้าบ้านตามเวลาที่กำหนด หรือ พ่อแม่จะมาตามต้องกลับทันที ผู้ปกครองจะดูและเรื่องการเรียนที่บ้านอย่างเคร่งครัด

เด็กจะเคารพ เชื่อฟัง พ่อ แม่ ครู อาจารย์ มาก จะถูกฝึกความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ กิริยามารยาท สัมมาคารวะ ไม่ค่อยมีปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องชูสาว ถือว่าเป็นเรื่อง น่าอับอาย แต่เด็กสมัยนี้ กลายเป็นแฟชั่น โป๊สุด เปรี้ยวสุด อยู่กันเป็นคู่ ๆ เบื่อกันก็ทิ้งกันไปแล้วมีใหม่ พ่อแม่ทักท้วงไม่ได้ บางทีก็ส่งเสริมไปเลย สถาบันครอบครัว สังคม เปลี่ยนไปจนน่าเป็นห่วง จะโทษว่ายุคเทคโนโลยีกว้างไกล ทำให้เด็กแยกตัวห่างจากพ่อแม่ ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน พ่อแม่ก็ไม่มีเวลา ต้องทำมาหากิน ครูก็ภาระเยอะ สังคมก็เอารัดเอาเปรียบ แล้วยังไง ? ถ้าทุกครอบครัวไม่มุ่งเอาวัตถุและเงินเป็นตัวตั้ง ย้อนอดีตรากเหง้าความเป็นไทย และ ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ และ ปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ “ เศรษฐกิจพอเพียง “ คนไทยจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ไม่วุ่นวายเหมือนทุกวันนี้

ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ขอให้เราทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งดีและทำความดีเพื่อโรงเรียนของเรา
Create Date :29 กันยายน 2554 Last Update :29 กันยายน 2554 22:52:15 น. Counter : Pageviews. Comments :0