จรวยพร ริ้วตระกูลไพบูลย์
ช่วงปี 2508 – 2510 โรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” มีการเรียนการสอนระดับชั้น ม.ศ. 1 , ม.ศ. 3 ชีวิตนักเรียนในช่วงนั้น เด็กหญิงจรวยพร ริ้วตระกูลไพบูลย์ ใช้ศักยภาพแห่งการสร้างสรรค์อย่างเต็มที่จริง ๆ ได้คิดได้ทำ ได้แสดงออกอย่างอิสระ ตามสิทธิและหน้าที่อันพึ่งมีในขณะนั้น
ด้านบวก มีโอกาส ได้เป็นรองประธานนักเรียน ควบคุมการเข้าแถวเคารพธงชาติ นำร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ร่วมกิจกรรมของโรงเรียน เช่น กองดุริยางค์ ฟันดาบ ยิมนาสติก บาสเกตบอล ฟ้อนรำ และตั้งใจเรียน จบ ม.ศ. 3 ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของโรงเรียน (ข้อสอบเขตการศึกษา)
ด้านลบ เป็นคนรักบ้านเกิดอยู่ในสายเลือดใครแตะต้องไม่ได้ ตอนอยู่ ม.ศ. 3 มีอาจารย์ต่างชาติชื่อ สตีฟ (มาจากแคลิฟฟอร์เนีย) สอนการแต่งประโยค โดยใช้คำว่า ugly (ไม่น่ามอง)
อาจารย์ สตีฟ : Kamphaengphet is very ugly.
ด.ญ.จรวยพร : Kamphaengphet is very beautiful.
California is very ugly.
พูดจบอาจารย์ก็เชิญออกนอกห้อง ขณะนั้นรู้สึกสะใจ ที่ได้โต้ตอบ เดินยิ้มน้อย ๆ ออกจากห้อง (ไม่รู้สึกผิดเลย) อาจารย์เรียกกลับให้หยิบหนังสือภาษาอังกฤษ ไปยืนเรียนหน้าประตู (ไม่ได้ให้ออกไปเลย) สักพักใหญ่ๆ คุณครูกอบกุล นิลาภรณ์ เดินผ่านมาเห็น แล้วพูดว่า “อย่าซนนักซิลูก” แค่นั้นหละ เข่าอ่อน น้ำตาคลอ รู้สึกผิดที่ทำให้แม่กอบอันเป็นที่รักต้องไม่สบายใจ
ในช่วง 3 ปี ที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนสตรีกำแพงเพชร “นารีวิทยา” ได้รับความ รัก และความเมตตาจากคุณครูทุกคน ได้รับความสนุก ความมีน้ำใจ จากเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ๆ เป็นความประทับใจไม่เคยลืม
ช่วงปี 2520 – 2532 จากเด็กหญิงจรวยพร เปลี่ยนบทบาทใหม่ ในโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม เป็นคุณครูใหม่ไฟแรงมากๆ การกระทำใดที่คิดว่าถูกต้อง แม้นไม่ถูกใจใคร (เพื่อนๆ ผู้บังคับบัญชา) ไม่สนใจ คิด พูด ทำอย่างเดียวกัน ดังนั้นในการทำงานก็มีทั้งสมหวัง ผิดหวัง เจ็บช้ำ แต่พลังงานเยอะมากไม่เคยท้อถอย ทำไปเรียนรู้ไป เพราะคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตเป็นตำราที่ไม่เป็นตัวอักษร แต่คนฉลาดจะมองเห็นและเข้าใจ ในช่วงเวลานั้น โรงเรียนมีกำลังครูน้อย อุปกรณ์การเรียนขาดแคลน ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร ครูทุกคนในยุคนั้นต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสมองเพื่อให้นักเรียนเป็นคนดี และสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ นักเรียนในยุคนั้น ส่วนใหญ่ เป็นคนกตัญญู มีน้ำใจ มีความเกรงใจ ต่อครูอาจารย์สูงมาก มีจิตสาธารณะ และที่สำคัญ รักศักดิ์ศรีและมีความภาคภูมิใจในความเป็น “กำแพงเพชรพิทยาคม”
ช่วงปี 2544 – 2551 หลังจากไปหาประสบการณ์ เป็นครูในเมืองหลวงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โรงเรียนพัฒนาทางวัตถุมากจนแปลกตา อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ทันสมัยกว่าโรงเรียนในกรุงเทพฯ (โรงเรียนอยู่ในโครงการธนาคารโลก) จำนวนครูเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะมีปริญญาโทมากกว่าปริญญาตรี) ความเป็นอยู่ของครูและนักเรียนสะดวกสบายขึ้นมากๆ แต่นักเรียนในยุคนี้ ส่วนน้อย มีน้ำใจ ความเกรงใจครู มีจิตสาธารณะ และที่สำคัญ มีความรู้สึกเฉยๆ ไม่แสดงออกถึงความรักศักดิ์ศรี และภาคภูมิใจในความเป็น กำแพงเพชรพิทยาคม เลยทำให้คิดถึงข้อความซึ่งเคยอ่านจากหนังสือเล่มหนึ่งว่า ….
“ปริญญาทางโลก มีไว้สำหรับสร้างวัตถุ
ปริญญาทางธรรม มีไว้สำหรับทำจิตใจ”
ในโอกาส 100 ปี ของโรงเรียน อยากให้เพื่อนๆ พี่น้องชาวกำแพงเพชรพิทยาคม ช่วยกันกระตุ้นนำพา นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียนก้าวไปสู่ปริญญาทางธรรม เพื่อให้สถาบันอันเป็นที่รักของเราพัฒนาอย่างมีคุณค่าตลอดไป

Create Date :26 กันยายน 2554
Last Update :26 กันยายน 2554 23:47:57 น.
Counter : Pageviews.
Comments :0
- Comment