bloggang.com mainmenu search


ตุลาคม 2552 เป็นวันหมดอายุ (เกษียณ) ทางราชการของคณะครูโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม จำนวน 8 ท่าน (เกษียณจริงแค่ 4 และขอเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดอีก 4) ครูก็เป็นคนหนึ่งที่ขอเข้าโครงการนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี เนื่องจากเริ่มมีอาการข้อเข่าเสื่อม ขึ้นลงบันไดอาคาร 6 ชักตึงปวดทุกครั้ง ทั้งที่น้ำหนักของครูก็ปกติธรรมดา 94-97 กิโลกรัม (มาหลายปีแล้ว) เท่านั้นเอง

ถ้าจะนับความสัมพันธ์ของครูกับโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคมที่มีต่อกันช่วงปี 2502-2507 เรียน ม.1-มศ.3 (เทียบเท่า ม.6) และมาบรรจุเป็นครูโรงเรียนแห่งนี้อีกในช่วงปี 2521-2537 (มีไปช่วยราชการที่โรงเรียนเพชรพิทยาคม จ.เพชรบูรณ์ ในปี2532-2537) นับดูเวลาที่อยู่เรียนอยู่ทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้30กว่าปี ทีเดียว จึงมีเรื่องประทับใจในโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคมนี้หลายเรื่องจริง ๆ

พฤษภาคม 2502 ด.ช.โชคชัย ศรีธนราช เลขประจำตัว 1393 เข้าเรียน ม.1-ม.ศ.2 อาคารเรียนโรงเรียนวัชรราษฎร์วิทยาลัย (เพิ่งจะมาเปลี่ยนชื่อเป็นกำแพงเพชรพิทยาคม ในปี 2514 เมื่อมารวมกับโรงเรียนนารีวิทยา) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการประปาจังหวัดและห้องสมุดประชาชน ในปี 2507 ครูกำลังเรียนอยู่ม.ศ.3 โรงเรียนย้ายมาอยู่ที่ตั้งในปัจจุบัน ขณะนั้นมีอาคารเรียนถาวรเพียง 1 หลังคืออาคาร 3 (อาคารไม้) การย้ายโต๊ะนักเรียนก็ใช้เทคโนโลยีการขนที่น่าประทับใจคือ การแบกหรือยกโต๊ะเก้าอี้ แล้วเดินเท้าจากโรงเรียนเก่ามาโรงเรียนใหม่ (ประมาณ 1 กม.) เพราะในสมัยนั้นทั้งโรงเรียนมีรถยนต์อยู่คันเดียว เป็นรถจิ๊ปคันเล็ก ๆ ของอาจารย์ใหญ่ (นายบุญปลูก งามขำ) ดังนั้นการย้ายสถานที่ตั้งโรงเรียนครั้งนั้นจึงเป็นเรื่องประทับใจเรื่องหนึ่ง เพราะกว่าจะแบกโต๊ะ เก้าอี้ และวัสดุ จำเป็นในการเรียนการสอนเสร็จ ก็เดินแบกเดินยกกันหลายเที่ยวทีเดียว

ในปี 2507 ที่ย้ายมานั้นโรงเรียนวัชรราษฎร์วิทยาลัย (ชื่อตามสมัยนั้น) จะมีอาคารเรียนเพียงอาคารเดียว ก็เพียงพอกับจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียนทีมีอยู่ประมาณ 300 คน รั้วโรงเรียนยังไม่มี ช่วงเวลาพักกลางวัน ครูและเพื่อน ๆ ร่วมรุ่น (ที่ดัง ๆ เช่น พล.ต.ต.วรนิต ทองมี อ.เสริมศักดิ์ อยู่สุขเจริญ ครูตลับ เพชรรัตน์ รองอธิบดีประชุม อินทโชติ ฯลฯ) ก็นำห่อข้าวไปกินกันบนกำแพงเมืองโบราณ เสร็จแล้วก็เปลืองผ้าอาบน้ำในคูเมือง ส่วนใหญ่เปลื้องผ้าทั้งหมด เพราะมีแต่นักเรียนชาย 100% (ผู้หญิงไม่มี กระเทย ตุ๊ด ทอมฯลฯ ก็ไม่มี) บางคนก็พกหนังสะติ๊กมายิงนกด้วย ดังนั้นช่วงพักกินข้าวกลางวันจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในการเรียนอยู่ที่นี่อย่างแท้จริง

จำได้ว่าบริเวณตึก 6 จนถึงใกล้ ๆ ที่ทำการศาลเยาวชน (ภายหลังพิพิธภัณฑสถานฯมาขอแบ่งที่) เป็นบริเวณที่มีป่าไผ่และป่าหญ้าคาจำนวนมาก ทางโรงเรียนเลยจัดการให้มีการเข้าค่ายพักแรมลูกเสือในบริเวณนี้ทันที โดยอนุญาตให้ตัดต้นไผ่+หญ้าคาได้เต็มที่ (ตัดให้หมดยิ่งดี! ปัจจุบันนี้คือสนามฟุตบอลของโรงเรียน) และในปี 2507 ปีที่ครูจะจบ ม.ศ.3 นั้น ครูได้รับเลือกให้เป็นประธานสีเหลือง และลงเล่นฟุตบอลให้คณะสีเหลือง (ตำแหน่งผู้รักษาประตู) ยังจำได้ว่าทีมฟุตบอลสีเหลืองปีนั้นชนะเลิศด้วย แต่เมื่อมาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งนี้ร่วม 30 ปี เคยหมุนเวียนเป็นครูที่ปรึกษาที่อยู่ในคณะสีเหลือง (นครชุม) เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

วิชาที่ครูชอบเรียนในชั้นมัธยมนั้นต้องเป็นวิชาภาษาไทย ที่ครูเลือกเรียนเป็นวิชาเอกในหลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพิษณุโลกแน่นอน เพราะประทับใจในความดีของอาจารย์ภาษาไทยหลาย ๆ ท่าน เช่น อ.ทัศนีย์ กลิ่นบัว อ.ศศิธร สมจิตต์ (ทองอยู่) ฯลฯ ครูเรียนวิชานี้อย่างมีความสุข เพราะเรียนเข้าใจง่าย ครูผู้สอนใจดี พูดจาไพเราะ บางครั้งนักเรียนรุ่นครูก็สนุกกันมากเกินไปท่านก็ไม่เคยตีเลย อาจถูกหยิกที่พุงบ้าง ที่ชอบมากอีกอย่างก็คือมีการถอดคำประพันธ์ ครูก็ใช้การเปรียบเทียบตัวละคร ในเรื่องมาโยงกับดาราภาพยนตร์หรือนักร้องที่กำลังมีชื่อเสียงในขณะนั้น เรียกว่า เรียนกันอย่างมีความสุข ไม่ค่อยมีคนสอบตกในวิชาภาษาไทย ส่วนใหญ่จะตกในวิชาคณิตศาสตร์ อังกฤษ และวิทยาศาสตร์มากกว่า ในสมัยที่ครูเรียนนั้นถ้าสอบไล่ปลายปีแล้วคะแนนทุกรายวิชารวมกันได้ไม่ถึง 50% ก็ต้องเรียนซ้ำชั้นอีก 1 ปี เรียกว่า เรียน+สอบ แก้ตัวใหม่กันเป็นปีทีเดียว ไม่เหมือนในปัจจุบันตกวิชาใดก็ตาม แก้เฉพาะวิชานั้น ๆ สบายกว่ากันเยอะเลย

1 กันยายน 2521 ครูได้มาบรรจุเป็นครูโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม สอนวิชาภาษาไทยปีแรก ทั้ง ม.1 และ ม.ศ.5 ต่อมาก็ได้หมุนเวียนสอนจนครบทุกระดับชั้น แต่ระดับชั้นที่ได้สอนมากที่สุด มักได้สอน ม.1 และ ม.2 ดังนั้นเมื่อนักเรียนที่เคยสอนจบ ม.6 เรียนจบเป็นแพทย์ วิศวกร ฯลฯ บางคนครูก็จำชื่อไม่ค่อยได้ บางคนก็ไม่ได้สอน ครูฝากให้นักเรียนเก่า ๆ ทุกคนเมื่อพบคุณครูที่เคยสอนหรือจำได้ว่าอยู่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคมก็สมควรจะทักทาย รายงานตัวว่าเคยเรียนกับคุณครูเมื่อปี พ.ศ.นั้น ชั้น ม.2 เคยถูกคุณครูลงโทษหรือให้รางวัล คำชมเชย ฯลฯ คุณครูคนนั้นจะมีความสุขใจเป็นอย่างยิ่ง

นักเรียนทุก ๆ คนที่เรียนจบจากโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลายอาชีพ บางคนก็เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย เป็นผู้บังคับการตำรวจ เป็นอธิบดีกรมกองในกระทรวงต่าง ๆ เป็น ส.ส.,ส.จ.,นายก อบต.,แพทย์,วิศวกร,หรือเล่นกีฬา นักร้องนักแสดงภาพยนตร์ เช่น พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง (เพื่อนร่วมรุ่น อ.ประทวน เข็มเพชร) หรือแม้แต่ขายอาหารก็ประสบความสำเร็จในการงานของตน บางคนค้าขายมีฐานะดีกว่าเพื่อน ๆ ที่เรียนเก่งแล้วรับราชการเสียอีก

ตั้งแต่ปี 2521-ปัจจุบัน มีความแตกต่างด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น อาคารเรียนชั่วคราว (แบบที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า “เล้าไก่” ไม่มีแล้ว มีแต่อาคารเรียนและโรงฝึกงานต่าง ๆ ห้องเรียนที่ไม่เคยมีพัดลม ปัจจุบันมีทุกห้อง ห้องละ 4-5 เครื่อง ยิ่งห้องเรียนคอมพิวเตอร์หรือห้องเรียนภาษาต่างประเทศก็เป็นห้องเรียนแอร์กันเลยทีเดียว นับว่ามีบรรยากาศในการเรียนที่น่าจะมีความสุข ความสบาย กลุ่มสาระฯภาษาไทยก็พัฒนาห้องเรียนให้มีความทันสมัย นักเรียนมีความสุขจากการเรียน ห้องเรียนตึก 6 ที่เป็นที่ทำงานของกลุ่มสาระฯภาษาไทยนั้นทุกห้องจะมีโทรทัศน์+เครื่องเล่นVCDไว้ใช้เป็นสื่ออุปกรณ์การสอนของคณะครู ซึ่งแต่ก่อนนั้น ครูมีเพียงเทป-วิทยุไปเปิดให้นักเรียนฟังก็นับว่าทันสมัยแล้ว

คิดดูแล้วในปี 2521 ครูอายุเพียง 29 ปี กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ (ฉะกัน) ต้องเดินสอนเด็กนักเรียน ทุกคาบสอนตามอาคารต่าง ๆ (นักเรียนนั่งรอครูที่ห้องประจำของชั้นตัวเอง) แต่ปัจจุบันตรงกันข้าม ครูคอยสอนในห้องประจำของครูคนนั้น นักเรียนเป็นฝ่ายเดินทางไปหาครูผู้สอนทุกคาบเรียน แต่ปีนี้ครูกำลังจะอายุครบ 60 ปี ในเดือนตุลาคม 2552 นี้ แค่เดินจากห้องพักครูไปสอนไม่เกิน 20-30 เมตรก็มีอาการตึงน่อง ปวดหัวเข่า ยืนสอนนานๆ ขาก็จะแข็ง (อย่างอื่นน่าจะแข็งก็ไม่แข็ง) สมควรแล้วที่ทางราชการเขากำหนดการเกษียณอายุราชการไว้ที่ 60 ปี และมีโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด (เมื่อสุขภาพร่างกายดูจะไป ไม่ไหวแล้ว)

สุดท้ายก่อนที่ครูจะลาไปพักผ่อนร่างกาย อยากจะบอกนักเรียนทุกคนที่ครูจะเคยสอนหรือไม่ก็ตามว่า คุณครูทุกคนที่เกษียณอายุราชการทุกคนนั้นยังรักและคิดถึงนักเรียนทุกคนอยู่เสมอ จะคอยแอบให้กำลังใจ ส่งใจมาช่วยในการสอบทุกครั้ง ยังคอยติดตามข่าวดี ๆ ที่นักเรียนช่วยกันสร้างชื่อให้กับโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคมของพวกเราทุกคน ขอให้นักเรียนทุกคนโชคดี เป็นนักเรียนที่น่ารัก ตั้งใจเรียนเป็นที่สมใจทั้งของคนในครอบครัวและสังคม คือ ประทศชาติของเรานั่นเอง สู้ ๆ นะครับ

(จากวารสารประกายเพชร ฉบับที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552)
Create Date :29 กันยายน 2554 Last Update :29 กันยายน 2554 22:50:07 น. Counter : Pageviews. Comments :1