
พูดได้เลยว่าหลายๆคนต้องเคยผ่านการอุดฟันมาแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งจะมากจะน้อยก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาฟันของแต่ละท่าน ซึ่งการอุดฟันนั้นจะทำเมื่อมีอาการฟันผุ ฟันเป็นรู หรือฟันแตกหัก หรืออาจจะเกิดจากอุบัติเหตุทำให้ฟันบิ่นหรือแตกหักได้ และบางครั้งก็สามารถอุดฟันเพื่อไขรูปร่างฟันเพื่อที่จะให้ดูดีขึ้นได้ด้วย
วัสดุที่ใช้ในการอุดฟันโดยทั่วไปนิยมใช้อยู่ 3 ชนิด คือ
1. เรซิน คอมโพสิต เป็นวัสดุที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ ซึ่งจะนำมาใช้อุดฟันในตำแหน่งที่ต้องการความสวยงามและต้องการความดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้คลินิกทันตกรรมส่วนมากจะนิยมใช้วัสดุนี้ในการอุดฟันกันหมดแล้ว เพราะวัสดุมีความคงทนอุดได้ทั้งฟันหน้าและฟันหลัง แต่ก็มีข้อเสียคือจะมีราคาแพงกว่าวัสดุชนิดอื่นๆ
2. อมัลกัม เป็นวัสดุที่นิยมใช้กันมากในสมัยก่อน เพราะมีความแข็งแรง คงทนมาก อีกทั้งราคายังไม่แพง แต่ก็มีข้อเสียคือมีสีที่ไม่เหมือนฟันธรรมชาติ
3. กลาสไอโอโนเมอร์ เป็นวัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนฟันเช่นกัน มีการยึดติดที่ดี แต่ข้อเสียคือสึกกร่อนได้ง่ายกว่าวัสดุอุดฟันชนิดอื่นๆ จึงทำให้ไม่ค่อยนิยมใช้สักเท่าไหร่นัก
การอุดฟันโดยทั่วไปจะมีลักษณะในการอุดฟันแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน
อุดฟันด้านลึก คือฟันประเภทที่ผุลุกมากแต่ยังไม่ถึงโพรงประสาน หรือเกิดจากอุบัติเหตุทำให้ฟันบิ่น แตกหักเป็นแนวลึก ซึ่งการอุดฟันประเภทนี้ก็จะมีหลายขั้นตอนและมีการใช้วัสดุที่จะนำมารักษามากขึ้น คือถ้าฟันผุแนวลึกขั้นตอนแรกทันตแพทย์จะต้องใส่ยารองพื้นไปก่อน เพื่อทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อของฟันเพิ่มขึ้น และต่อมาก็จะใส่ซีเมนต์ที่จะป้องกันความร้อน และความเย็น และขั้นตอนสุดท้ายก็จะจบด้วยการอุดด้วยวัสดุอุดฟัน
อุดฟันด้านความกว้าง เป็นลักษณะของฟันพุที่ล่ามออกไปเป็นบริเวณกว้างทั่วฟัน ซึ่งจะทำการอุดโดยต้องทำการอุดหลายด้าน ซึ่งการอุดแบบนี้จะทำให้ความแข็งแรงก็จะน้อยลงเพราะมีเนื้อฟันในการเกาะยึดวัสดุอุดฟัน
สำหรับใครที่มีปัญหาด้านการอุดฟันลองเลือกดูว่าฟันตัวเองควรเหมาะกับการอุดฟันประเภทไหน และทำการปรึกษาทันตแพทย์ก่อนว่าสามารถใช้การอุดฟันรักษาได้หรือไม่ ถ้าหากใครต้องการปรึกษาทันตแพทย์ สามารถเข้าไปขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์ทันตกรรม PMDC หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอุดฟันได้ที่ www.pmdc-dental.com
Create Date :04 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update :4 กุมภาพันธ์ 2558 13:07:48 น.
Counter : 1252 Pageviews.
Comments :0
- Comment