Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
บ้านสมเด็จฯ ในมหา"ลัยมีตำนาน

วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6328 ข่าวสดรายวัน


บ้านสมเด็จฯ ในมหา"ลัยมีตำนาน

ราชภัฏวันนี้

คัคนานต์ ดลประสิทธิ์ เรื่อง จุลวัฒน์ ถีติปริวัตร์ ภาพ




*มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เป็นสถานศึกษาที่มีประวัติอันยาวนานมากว่า 100 ปี

เริ่มจากปีพ.ศ.2439 ก่อตั้งเป็นโรงเรียนราชวิทยาลัย หรือโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ต่อมาเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน

ทุกระยะทุกยุคของ "บ้านสมเด็จ" ได้ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพออกไปเป็นกำลังสำคัญของราชการและสังคม

ที่ตั้งและบริเวณโดยรอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เดิมเคยเป็นจวน และที่ดินของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ หรือ ท่านช่วง บุนนาค ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเมื่อต้นรัชกาลที่ 5

บริเวณนี้มีเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ พระยาสีหราชเดโชชัย หลานปู่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต่อมาจึงได้พระราชทานให้กระทรวงธรรมการนำมาเป็นที่ตั้งของโรงเรียน

ดังนั้นทุกๆ คนในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งนี้จึงเคารพเทิดทูนสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ โดยขนานนามท่านว่า "เจ้าพ่อ" และเรียกตนเองว่า "ลูกสุริยะ"

เนื่องจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้รับพระราชทานตรามหาสุริยมณฑล จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยึดถือเป็นสัญลักษณ์แทนตัวท่านมาโดยตลอด และตราประจำมหาวิทยาลัย คือ รูปเสมาสุริยมณฑล

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา หากนับรวมอายุแล้วเก่าแก่กว่าร้อยปี ความเข้มข้นทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ชัด

แต่ด้วยความเก่าแก่ และมีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ในแผ่นดินที่สมัยยังมีชีวิตเต็มไปด้วยบุญญาบารมี

จึงไม่แปลกที่จะมีเรื่องเล่าร่ำลือต่างๆ นานา

หลายเรื่องอาจเป็นเรื่องที่ชาวมหาวิทยาลัยเคยได้ยินกันจนคุ้นหู หรือบางเรื่องอาจจะยังเพิ่งเคยได้ยินกันก็มี

ดร.สุดารัตน์ ชาญเลขา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เล่าเรื่องของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ว่า อาคารวิเศษศุภวัฒน์เป็นอาคารดนตรีไทย มีเศียรบรมครูหลายชนิด มีเครื่องเล่นดนตรีไทยหลายชนิด

ไม่ว่าจะเป็น ระนาดเอก กลอง ปี่ ขลุ่ย ฆ้อง เป็นต้น เมื่อสมัยก่อนเป็นหอพักชาย มีนักศึกษาโดดออกไปเที่ยวด้านนอกหลายครั้ง

"แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งนักศึกษากลุ่มนั้นกำลังจะไปเที่ยวจึงพบว่ามี "เจ้าพ่อ" ยืนถือดาบขวาง ใส่ชุดสีขาวกั้นไม่ให้ออกไปด้านนอก และทำสีหน้าขึงขังโกรธ กลุ่มนักศึกษาก็ได้ไปขอขมากับเจ้าพ่อ จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าโดดออกเที่ยวด้านนอกอีกเลย"


*นอกจากนี้ยังมีคนงาน นักการภารโรง ที่พักอยู่บริเวณตึกดังกล่าว บ่อยครั้งในเวลากลางคืนจะมีเสียงระนาด หรือไม่ก็เป็นเสียงดนตรีไทยเต็มวง แทบทุกคืน

บางครั้งอาจารย์ประจำภาควิชายังเคยเห็นชายรูปร่างใหญ่กำยำ เดินผ่านไปมาในห้องปฏิบัติ แต่พอเดินออกมาดู พบว่ากุญแจที่คล้องอยู่หน้าประตูไม่ได้เปิดแต่อย่างใด บางครั้งมีไฟดับ มีเสียงดนตรีไทย และเงา ออกมาเป็นระยะๆ แทบทุกวันเช่นกัน

ถัดมาเป็นสำนักงานศิลปวัฒนธรรมและหอประชุมที่มีตำนานเล่าขานกันมาว่า พระภิกษุสงฆ์ หรือผู้มีสัมผัสที่ 6 ที่เข้ามาบริเวณห้องประชุมกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าภายในห้องประชุมมีวิญญาณของเจ้าพ่อสิงสถิตอยู่

"แต่ที่เจอกับตัวเองเลยก็มีอาจารย์สอนพิเศษอยู่ท่านหนึ่ง ท่านมาสอนวิชาขับเสภา ระหว่างที่ท่านเดินไปเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า อยากฟังเสภา ขยับกรับให้ด้วย อาจารย์จึงเดินกลับมาที่ห้องประชุม และให้นักศึกษาทุกคนเงียบ จากนั้นอาจารย์ก็ขับเสภาจนจบเพลง"

สําหรับบ้านเอกะนาค ที่ถูกเรียกขานอย่างไม่เป็นทางการว่า "บ้านผีสิง" นั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2462 ตรงสมัยรัชกาลที่ 6

เป็นบ้านเรือนไทย ทรงปั้นหยา ของ พ.ต.อ.พระยาประสงค์สรรพการ (ยวง เอกะนาค) ตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น

ต่อมาบ้านหลังนี้ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุตรสาว คือ คุณประยูร เอกะนาค ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา

แต่เนื่องจากบุตรสาวของท่านไม่มีทายาทสืบสกุล บ้านหลังนี้จึงตกเป็นของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ตามพินัยกรรมที่ได้ระบุไว้ว่า หากไม่มีทายาทสืบต่อแล้ว ก็ให้บ้านหลังนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ณ เวลานั้น)

ในเวลาต่อมามหาวิทยาลัยได้ปรับปรุงซ่อมแซมตัวบ้านให้สมบูรณ์เหมือนเดิมทั้งภายในตัวบ้านและภูมิทัศน์โดยรอบ

และใช้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฝั่งธนฯ เช่น จัดทำเป็นห้องบ้านช่างฝั่งธนฯ ขลุ่ย-บ้านลาว หัวโขน-บางไส้ไก่ ขันลงหิน-บ้านบุ หล่อพระ-บ้านช่างหล่อ ขนมฝรั่ง-กุฎีจีน ห้องพระเจ้าตากสิน

ห้องประวัติเจ้าของบ้าน (พระยาประสงค์) ห้องชีวิตชาวเรือ ชาวน้ำ ชาวสวนฝั่งธนฯ

แล้วยังจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ศูนย์กรุงธนบุรีศึกษา ภายในพิพิธภัณฑ์ศูนย์กรุงธนบุรีศึกษาประกอบด้วยห้องจัดแสดงทั้งหมด 10 ห้อง

เหตุการณ์ชวนขนหัวลุกที่เล่าต่อกันมา คือ นักศึกษาที่เข้ามาถ่ายรูปบริเวณบันไดด้านหน้า พอถ่ายรูปเสร็จนำรูปไปล้าง และนำมาดูพบว่าในภาพนั้นมีหญิงชรา นุ่งผ้าโจงกระเบน ตัดผมทรงดอกกระทุ่ม กำลังก้าวขึ้นไปบนบ้านหลังนั้น

อาจารย์นำรูปของคุณประยูรมาเทียบกับรูปที่ถ่ายไว้ พบว่าลักษณะรูปร่างและใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านมาก หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง

นายสุชาครีย์ ก่อเกียรติตระกูล หัวหน้างานอาคารและสถานที่ เล่าว่า ตอนที่เข้ามาทำงานในช่วงแรกๆ บริเวณด้านหลังอาคาร 100 ปี ศรีสุริยะวงศ์ มีกอกล้วยตานีรกมาก ทางอธิการบดีจึงมีคำสั่งให้ตัดกอกล้วยนั้นทิ้ง โดยมีคนงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างมาตัด

หลังจากตัดต้นกล้วยตานีได้ 1 ต้น คนงานคนดังกล่าวก็กลับบ้าน เมื่อถึงบ้านแล้ว คนงานดังกล่าวแสดงกิริยาอาละวาด โวยวาย เหมือนถูกผีเข้า

ญาตินำไปหาร่างทรง คนงานบอกว่ามาตัดเขาทำไม เขากำลังตั้งท้องอยู่ ต่อไปนี้ห้ามคนงานคนนี้เข้ามาที่มหาวิทยาลัยเด็ดขาด

"ผมและคนงานก็ได้ไปขอขมา หลังจากขอขมาเสร็จก็ไปดูที่ลำต้นกล้วยก็พบว่ามียางคล้ายๆ เลือดซึมออกมาอยู่ตลอดเวลา จึงได้ทำเป็นศาลเพียงตา และใช้ผ้า 3 สี ผูกบริเวณกอกล้วย" นายสุชาครีย์กล่าว

"หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทราบว่าต้นกล้วยดังกล่าวเป็นต้นกล้วยที่นำมาจากพิธีไหว้ครู แล้วนำมาลงไว้ที่บริเวณนี้ ซึ่งโดยปกติเป็นคนไม่เชื่อเรื่องลี้ลับอยู่แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ จากที่ไม่เชื่อเลย เหลือเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะถือว่าทำงาน อีกอย่างก็ไม่รู้ประวัติของมหาวิทยาลัยนี้ เพราะไม่มีใครเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะตัดต้นกล้วยทิ้งแล้ว อยู่ยังไงก็ให้อยู่อย่างนั้น" นายสุชาครีย์ กล่าว

นายธนาศาล ประกายสันติสุข หรือ "เซียะ" อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โปรแกรมวิชาดนตรีไทย เล่าถึงประสบการณ์ว่า ขณะที่ศึกษาอยู่ปี 2 วันที่เกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งต้องออกไปแสดงงานด้านนอก อาจารย์นัดตอน 08.00 น. จึงได้เข้ามาที่อาคารวิเศษศุภวัฒน์ เพื่อซ้อมดนตรีไทยกับเพื่อนก่อนขึ้นแสดงจริง

ระหว่างนั้นมีเพื่อนไปเข้าห้องน้ำ หลังจากทำธุระเสร็จต้องเดินผ่านห้องโถงที่มีเครื่องดนตรีไทย เรียกว่า เครื่องมอญ ประกอบด้วย ฆ้องมอญ 4 วง ระนาดเอก ระนาดทุ้ม เปิงมางคอก ตะโพน ซึ่งมีอายุตั้งแต่รัชกาลที่ 5

"จังหวะที่เดินกลับนั้น พอดีประตูห้องโถงเปิดอยู่ สายตาที่มองเข้าไปในห้องโถง พบชายผิวเข้ม ใส่เสื้อขาว นุ่งโจงกระเบนขาว นั่งมองหน้าอยู่ จึงรีบวิ่งออกมา หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างเดียวกันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งอาจารย์ที่ซื้อเครื่องมอญชุดนั้นมา เล่าที่มาของเครื่องมอญให้ฟังว่า เครื่องดนตรีชุดนี้เจ้าของเขาตายแล้ว แต่ลูกนำเครื่องดนตรีมาขาย เจ้าของหวงเครื่องดนตรีชุดนี้มาก"

เซียะเล่าต่ออีกว่า เมื่อครั้งงาน 117 ปี บ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีการแสดงเยอะมาก ซึ่งคนที่ต้องแสดงส่วนใหญ่ต้องขึ้นมาแต่งตัวที่ห้องโถงดังกล่าว มีผู้หญิงเรียนอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ เข้าไปเล่นเครื่องดนตรีชุดนี้แล้วเล่นอย่างแรงมาก หลังจากเสร็จงาน ผู้หญิงคนนั้นก็กลับบ้าน ระหว่างที่นอนอยู่ก็รู้สึกอึดอัดตัวเอง จึงลืมตาขึ้น พบว่ามีชายผิวเข้ม ใส่เสื้อขาว นุ่งโจงกระเบนสีแดง ขึ้นไปเหยียบอกและชี้หน้า พอวันรุ่งขึ้นผู้หญิงคนนั้นมาปรึกษาอาจารย์ ก็เลยให้ผู้หญิงคนนั้นไปจุดธูปขอขมากลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีนักการภารโรงบางคนเห็นเจ้าพ่อที่บริเวณศาลด้านหน้าอาคารดังกล่าว บางคนก็ได้ยินเสียง บางคนก็เห็นเป็นเงา

"ส่วนตัวแล้วเชื่อเรื่องนี้มาก เพราะเคยบนกับเจ้าพ่อไว้ว่าขอให้เรียนจบตามเกณฑ์ ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็มีปัญหาเรื่องการเรียนหลายอย่าง หลังจากบนไปแล้วเกรดก็เริ่มทยอยออกเรื่อยๆ ผมก็ซื้อดอกดาวเรืองกับ เป๊ปซี่ไปถวายเจ้าพ่อ" เซียะกล่าว

นอกจากนั้นยังมีศาลพระภูมิประจำสถาบัน หรือที่เรียกกันว่า ศาลพ่อปู่ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังอาคารเฉลิมพระเกียรติที่นักศึกษาใหม่ทุกรุ่นจะต้องไปเคารพสักการะ เชื่อกันว่า หากนักศึกษาคนใดต้องการที่พึ่งพิงทางใจในเรื่องต่างๆ สามารถมาขอพรกับพ่อปู่ได้

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ทำการบูรณะมหาวิทยาลัยใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เหลือตึกเก่าแก่อยู่ 3 ตึก ได้แก่ สำนักศิลปวัฒนธรรมและหอประชุม บ้านเอกะนาค และอาคารวิเศษศุภวัฒน์

พร้อมกับเรื่องเล่าและตำนานที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น


หน้า 21

H O M E



Create Date : 27 มีนาคม 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:29:14 น. 14 comments
Counter : 11844 Pageviews.

 
เฟรชชี่ คับ

กำลังขึ้น ปี1 มนุษย์ ศาสตร์




โดย: เพนกวิน IP: 125.25.251.66 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:23:37:30 น.  

 
เราชื่อสุเมธ สุฐาปัญณกุลนะเรียนที่บ้านเด็จไม่จบอยู่โปรแกรมดนตรีไทยอ่ะเพื่อนๆคนไหนอ่านเจอก้อแอดมาที่เอ็มนะhunterone_4@hotmail.com


โดย: โอ๊ต ระนาดเอก IP: 119.42.70.246 วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:23:35:45 น.  

 
เราจะขึ้นปี1 ครุสาดสังคม


โดย: พีชซ่า IP: 119.42.65.117 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:57:55 น.  

 
รุ่น 07 AAM พี่อู๊ด สนใจแอดได้น๊ะครับ aud_aud@hotmail.com


โดย: mongkol sirihong IP: 125.24.54.0 วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:18:49:48 น.  

 
ศิลปกรมมโว้ย บ้านสมเด็จว่ะ_16th


โดย: CKO.- IP: 58.9.83.140 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:15:05 น.  

 
เจอกะตัวเองละครับ ห้องเก็บของชมรมอยุ่หน้าห้องเก็บอัฐิเจ้าพ่อบอกได้คำเดียวไม่เชื่ออย่าลบหลู่

KobNokKalaClub.hi5.com แวะไปทักทายได้นะคร้าบชาวลูกสุริยะ


โดย: kobnokclub IP: 61.90.83.36 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:28:46 น.  

 
คิดถึงพี่เอกราช นาดำ บริหารการตลาดปี1


โดย: ying IP: 222.123.183.107 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:17:19:10 น.  

 
หนูรักโรงเรียนบ้านสมเด็จที่สู๊ดดดดดดดดดดดด


โดย: เด็กโรงเรียนบ้านสมเด็จ IP: 58.9.44.166 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:19:57:01 น.  

 
รักมาก


โดย: สุขศึกษา IP: 203.144.144.164 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:39:21 น.  

 
รักมาก


โดย: สุขศึกษา IP: 203.144.144.164 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:39:21 น.  

 
แวะมาทัก


โดย: ราชภัฎธนบุรี IP: 172.16.221.52, 202.28.54.221 วันที่: 1 ธันวาคม 2553 เวลา:12:36:58 น.  

 
ที่หอประชุมใหญ่น่ะครับ ตอนนั้นสร้างเสร็จแล้ว90% พวกเรากำลังซ้อมหลีดกาน..มันมีช่วงหนึ่งที่เรากำลังต่อตัว พอดีผมกับพี่อีกคนหนึ่งหันไปทางประตูทางเข้า เห็นเงาดำสูงมากศรีษะถึงขอบประตูและตัวใหญ่มากกำลังยืนมองมาทางพวกเรา..แล้วเค้าคือใคร...ทั้งที่ผู้ดูแลกิจกรรมตัวสูงๆ กลับไปตั้งแต่เย็นแล้ว..
aittisak_lordbaron@hotmail.com


โดย: Aitz Econ IP: 183.89.246.139 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:2:28:17 น.  

 
มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันแต่เรียนไม่จบ เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน


โดย: หนูนา IP: 49.230.151.188 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2556 เวลา:20:44:06 น.  

 
มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันแต่เรียนไม่จบ เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน


โดย: หนูนา IP: 49.230.151.188 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2556 เวลา:20:45:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.