Blood Diamond; อัญมณีสีเลือด
ก้อนแค่เนี้ยะ เล่นเอาเสียแทบแย่ !
เพิ่งจะมีโอกาสได้ดู ...ถือว่าเยี่ยมใช้ได้เลย สมควรแล้วที่เข้าชิงออสการ์หลายตัว
หนังปี 2006 Director Edward Zwick ...The Last Samurai, The Seige, Courage Under Fire, Legends of the Falls, Glory หนังดี ๆ หลายเรื่องเลย Writer Charles Leavitt (screenplay+story), ...หนังที่พี่แกเขียน เข้าไปดูแล้วไม่รู้จักเลย ...เฮ้ย มี The Mighty เรื่องหนึ่งที่เคยดู หนังดีมาก ๆ
นำแสดง Leonardo DiCaprio ...ไอ้หมอนี่มันใครนะ ไม่เคยได้ยินชื่อ Djimon Hounsou ...The Island, Gladiator, Amistad ...เล่นเป็นคนเผ่า Mende เหมือนกันทั้งสองเรื่องเลย Jennifer Connelly ...Labyrinth, The Hot Spot, Mullholland Fall ...หนังเจ๊ ไม่ดูไม่ได้ ช่วงหลังได้บทดี ๆ หลายเรื่องครับ
..........
ดูโปสเตอร์หนังกันก่อน ผมชอบแบบนี้มากกว่าแบบที่เห็นอยู่ทั่วไปครับ ดูแล้วมันลึกลับชวนติดตามดี แต่คงขายไม่ได้เพราะมันแทบไม่มีอะไรเลย มีแต่ชื่อดารากับชื่อผู้กำกับ แล้วก็ภาพอัญมณีเปื้อนเลือดตามชื่อหนัง แต่ดูแล้วชอบแฮะ มันดูศิลป์ดี (อย่าถามผมนะว่าศิลป์หมายความว่าอะไร)
หนังเปิดตัวด้วยภาพของครอบครัวหนึ่งในประเทศเซียร่า รีโอน ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอาฟริกา พ่อแม่ และลูกชาย ลูกสาว แถมด้วยลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอดอีกคนหนึ่ง...เพิ่มความบีบคั้นให้กับคนดูตั้งแต่ฉากเปิดตัว เป็นครอบครัวที่มีความสุข พ่อเป็นคนหาปลา ลูกชายเรียนเก่งและหวังว่าเมื่อประเทศมีสันติสุข เขาจะเรียนหมอ
ความสุขทั้งหลายพังทลายในพริบตา ฝ่ายกบฎซึ่งเรียกตัวเองด้วยตัวย่อภาษาอังกฤษสามตัว (เหมือนเป็นหลักสากลของฝ่ายกบฎทั้งหลายที่ต้องย่อด้วยตัวอักษรสามตัว ไม่รู้ว่าใช้ตำราอะไร) เข้ามาทำลายหมู่บ้าน หลายครอบครัวต้องแตกแยกกันไป ..........
สุด (ไม่) หล่อจาก The Aviator, The Beach, Titanic เปิดตัวด้วยการเป็นพ่อค้าเพชรเถื่อนข้ามพรมแดน แต่ถูกจับได้เสียก่อน ลีโอนาร์โดเล่นเรื่องนี้ได้โหด ดิบ เถื่อน พร้อมจะหักหลังและเอาอะไรบางอย่างเสียบใครสักคนจากทางด้านหลังได้โดยตาไม่กระพริบ บทวิจารณ์ฝรั่งบอกว่าเป็นบุคลิกของคนที่มีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดสูง
..........
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อพระเอกผิวดำผู้ถูกฝ่ายกบฎเกณฑ์ไปทำเหมืองเพชร (เหมืองเปิด-ร่อนเพชร) แล้วเจอเพชรเม็ดใหญ่เม็ดหนึ่ง แต่ก็เอาไปไหนไม่ได้เพราะตัวเองก็เป็นนักโทษ (ทาสผิวดำของกบฎผิวดำ !) สุดท้ายก็ฝังไว้แถว ๆ ริมเหมืองเพชรริมแม่น้ำ จากนั้นก็จับพลัดจับผลูไปพบกับพระเอกผิวขาว การต่อรองจึงเกิดขึ้น
"พี่เอาเพชรให้น้อง น้องช่วยพี่เรื่องครอบครัวก็แล้วกัน" ..แต่มันไม่ได้ soft เหมือนคำพูดที่ยกมาเปรียบเทียบ
ฝ่ายกบฎ ฝ่ายกบฎของฝ่ายกบฎ ฝ่ายรัฐบาลกบฎ ฝ่ายรัฐบาลของฝ่ายกบฎของฝ่ายกบฎ... แต่ละฝ่ายที่ต่อสู้เพื่ออำนาจในดินแดน (และผลึกคาร์บอน) ทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เด็กที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารถูกล้างสมอง ครอบครัวที่แตกแยกก็ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพชรที่ฝังไว้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมาขุดไปแล้วหรือยัง
..........
Jennifer Connelly นักข่าวหัวเห็ด หาลู่ทางซอกซอนไปตามดินแดนที่ชีวิตคนพร้อมจะถูกปลิดด้วยกระสุนปืนอย่างง่าย ๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง ประเทศที่มีกลิ่นของความตายอบอวลไปแทบทั้งประเทศ แต่นักข่าว (ที่ดี) อย่างเธอก็สามารถทำงานนี้ได้ ด้วยอุดมการณ์และจรรยาวิชาชีพ
เธอเป็นนักข่าวที่ไม่ขายข่าว ไม่สร้างสถานการณ์ มีอุดมการณ์ในวิชาชีพ ...ดูเรื่องนี้จบผมอยากให้นักข่าวไทยเป็นอย่างนี้บ้างจัง
..........
เนื้อเรื่องขมวดปมเข้ามารัดคอทั้งพระเอกผิวขาวและพระเอกผิวดำ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าเพชรมีคุณค่ามากมหาศาลและพร้อมจะแลกมาด้วยชีวิตทหารกบฎคนใดก็ตามที่เข้ามาขวางทาง (หรือแม้กระทั่งเชลยของฝ่ายกบฎที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย) แต่อีกฝ่ายหวังเพียงตามหาลูกชายที่ถูกฝ่ายให้พบด้วยความหวังที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง
..........
หนังมาปลดปล่อยตัวละครเอาตอนท้ายของเรื่องก่อนถึงบทสรุป ซึ่งตอนนั้นความเป็นมนุษย์ของทั้งพ่อ-ลูก และพ่อค้าเพชรจะถูกพิสูจน์และท้าทาย ก่อนที่จะคลีคลายไปทีละเปลาะ จนถึงบทสรุปในที่สุด
บทสรุป (ในส่วนที่เป็นเรื่อง) ออกจะยาวสักนิด และดูเหมือนผู้สร้างตั้งใจและจงใจจนเกินไปสำหรับบทสรุปอันนี้ จนทำให้รู้สึกว่าผู้เขียนบทจะออกมาชดเชยให้กับความผิดพลาดในการเดินเข้าร้านจิวเวอรี่ของคนในประเทศพัฒนา(ทางวัตถุ)แล้วหรือเปล่า ด้วยประเด็นนี้เลยทำให้ความเสียสละของตัวละครหลาย ๆ คนในเรื่องกลายเป็นการบูชายัญไปเสีย
ส่วนดีก็คือหนังมีฉากแอ๊คชั่นหลายตอนจนไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็น Drama ของหนังเสียไป ตัวละครแต่ละตัวก็มีมิติและมีที่มาที่ไปให้คนดูยึดเป็นทิศทางได้ ตัวละครเด่น ๆ ทั้งสามคนเล่นได้ดี (โดยเฉพาะน้องเจน ..ชอบมาก) เสียดายที่ Djimon ได้แค่เสนอชื่อดาราสมทบยอดเยี่ยม เพราะดูกันจริง ๆ แล้วบทเด่นพอ ๆ กับเจ้าแจ็ค ไตตานิคเลย
..........
ลีโอนาโด เล่นได้ดีและเหี้ยมเกรียมสมกับที่ไปปลูกหนวดปลูกเครามา มีจุดมุ่งหมายและแรงขับที่ผลักดันพฤติกรรมของเขาได้อย่างสมเหตุสมผล (ในแบบของเขา-ซึ่งอาจไม่ถูกใจใครหลายคน) สิ่งที่ตัวละครต้องการคือเพชร...เท่านั้น ไม่ว่ามันจะก่อผลเสียใด ๆ กับใคร ๆ ก็ช่าง ...แน่นอนว่าบทนี้ต้องนับเป็นบทร้าย แต่สิ่งหนึ่งที่เราคอยลุ้นอยู่เสมอก็คือเมื่อไหร่ที่เขาจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนสิ่งที่เขาทำ
แต่คิดดูให้ดีแล้ว สังคมและค่านิยมของคนต่างหากที่สร้างตัวละครตัวนี้ขึ้นมา ตัวละครตัวนี้เป็นผลผลิตของค่านิยม เป็นผลผลิตของรสนิยม เป็นผลผลิตของความโลภที่แท้ของมนุษย์ เป็นด้านมืดที่เกือบจะมืดสนิทเลยทีเดียว
มีติดตลกตอนที่ลีโอนาโดถามดิจิมอนว่า "คุณเป็น fisherman ใช่ไหม?" แล้วก็ถามต่อว่า "แล้วคุณหาอะไรมาได้บ้าง?"
ดิจิมอนทำหน้างง ๆ แล้วตอบว่า "ปลา"
เหมือนตลก ..แต่คิดไปคิดมา ไม่ค่อยตลกเลยแฮะ มันไม่คิดอะไรเลยนอกจากเพชร เจ้านี่น่าจับมาตบบ้องหูสักสองสามที
..........
ดิจิมอน เป็นเหมือนตัวแทนของคนในโลกที่สาม (หรือสี่ ถ้ามี) เขาไม่ต้องการเพชร เขาไม่ต้องการฐานะทางการเงินหรือฐานะทางสังคม เขาต้องการเพียงครอบครัวและความสงบสุข ซึ่งคนเหล่านี้ในโลกที่สาม (ที่ยังเป็นคนส่วนใหญ่ของโลก) คิดอย่างนี้และเป็นอย่างนี้จริง ๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเรื่อง มันไม่สามรถเปลี่ยนเขาได้
เจนนิเฟอร์ ...บทนี้ผมมองว่าเป็น ideal เกินไป อยู่ในโลกของอุดมการณ์เกินไป เป็นตัวละครที่ทุกวันนี้เราแทบไม่เห็นในโลกแล้ว (หรือเฉพาะเมืองไทย ?) แต่ก็เป็นบทที่เราคอยเอาใจช่วยอยู่เสมอและอยากให้ตัวละครแบบนี้มีอยู่ในหนังหรือในชีวิตจริงในสังคมที่เรามีส่วนร่วมอยู่ แต่หากถามผม ผมอยากให้สื่อมวลชนเมืองไทยเป็นแบบนี้นะ เป็นคนที่มีจรรยาวิชาชีพเต็มเปี่ยม ไม่เอาเปรียบ แต่ก็ไม่ยอมแพ้
..........
หนังไม่สามารถทำให้ความแข็ง ความสุกสกาว และความระยิบระยับของเพชรให้ลดลงได้ แต่คงทำให้หลาย ๆ คนต้องคิดให้มากขึ้นก่อนซื้อเพชรเม็ดต่อไป
Create Date : 14 มิถุนายน 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 10:49:55 น. |
Counter : 2441 Pageviews. |
|
|
|