เรื่องที่ไม่มีสอนในโรงเรียนแพทย์: The Untold Stories from The Medical School.

Elizabethtown; ความสำเร็จและล้มเหลว



ล้มเหลวเป็นอย่างไร แล้วสำเร็จเป็นอย่างไร ?



หนังปี 2005
กำกับการแสดง Cameron Crowe
นำแสดง Orlando Bloom, Kirsten Dunst
มี Tom Cruise เป็นหนึ่งใน producer ร่วมกับ Cameron Crowe

..........


มี spoil อยู่ตลอดรายการ review นะครับ


..........


ว่าจะเอาไว้ลงคอลัมน์แนะนำหนัง แต่คิดไปคิดมา เอามาเขียนเป็นบทความประจำสัปดาห์ดีกว่า... (ดีนะที่ web เรามีคนเขียนไม่กี่คน ถ้ามีคนเขียนสามสิบคน คงกลายเป็นบทความประจำเดือนแทน อ่านแล้วคงแดงเถือกไปหมด)

หนังพูดถึงนักออกแบบรองเท้าหนุ่ม ทำงานนี้มาแปดปี (เห็นแล้วก็นึกถึงโลกเราที่ทุกวันนี้ต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญในอะไรสักอย่างที่จำเพาะเจาะจงลงไปเรื่อย ๆ ; ช่างก่อสร้างผู้ถนัดการหมุนเกลียวน๊อตเวียนซ้าย หรือไม่ก็แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัด convexity meningioma ที่ temporal lobe ด้านขวา) ในบริษัทยักษ์ใหญ่ กระทั่งวันหนึ่งเขาออกแบบรองเท้า "ผิด" (ผิดพลาดทางการผลิต) ทำให้บริษัทต้องสูญเงินจำนวนหลายร้อยล้านเหรียญ ผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ของมันทำให้เขาต้องตกงานพร้อมกับสูญเสียแฟนที่ทำงานที่เดียวกันไปโดยปริยาย

เขากลับอพาร์ทเมนท์ ขนข้าวของทุกอย่างไปวางไว้ที่ริมถังขยะ ตั้งแต่โทรทัศน์ ชั้นวางของ โคมไฟ เหลือไว้แต่เพียงเครื่องออกกำลังที่เขาพยายามดัดแปลงให้เป็นอุปกรณ์ฆ่าตัวตายที่คลาสสิคที่สุดในโลก...

เหตุการณ์ควรจะเป็นไปด้วยดี (ร้าย ?) กระทั่งก่อนที่เขาจะได้เปิดการทำงานของเครื่องมือชิ้นนี้ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung ก็ดังขึ้นเป็นเพลงที่แสนเชย พร้อมกับสั่นเป็นจังหวะ (คน review ใน imdb.com บอกว่ารุ่นนี้จริง ๆ มันทำให้มีเสียงกับสั่นพร้อมกันไม่ได้ !) ...น้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ เจ้าตัวบอกว่าค่อยโทรฯ มาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน (วันนี้จะฆ่าตัวตาย) คำตอบของน้องสาวทำให้เขาต้องเลื่อนโครงการบันลือโลกอันนี้ออกไป อย่างน้อยก็อีกสองสามวัน


..........



โลกแบบนี้มันช่างโหดร้ายกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เสียเหลือเกิน พระสงฆ์องคเจ้าทั้งหลายท่านก็เทศนาอยู่ทุกวันว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นแหละที่มีความสามารถฆ่าตัวตายเป็นความสามารถพิเศษอันได้รับการประทานมาจากสรวงสวรรค์และขุมนรก นึกย้อนกลับไปถึงหนังที่เคยดู "Constantine" แค่ฆ่าตัวตายทีเดียวสองนาที (แปลกที่หลายคนตายได้หลายครั้ง) กลับต้องโดนลงโทษให้ตกนรกหมกไหม้ เพียงเพราะชีวิตไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของใครก็ไม่รู้ที่เราอุปโลกน์ขึ้นมา

เพิ่งอ่าน Candide ของวอลแตร์ จบ ก็เพิ่งรู้มานี่ว่าเมื่อศตวรรษที่ 18 มีนักทฤษฎีเรื่องการฆ่าตัวตายคนหนึ่ง (ศ.โรเบค เกิด 1672 พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายปี 1736 แล้วกระโดดน้าฆ่าตัวตายปี 1739) ก็วอลแตร์อีกนี่แหละที่บอกว่าถ้าพระเจ้าไม่มีจริงแล้วไซร้ มวลมนุษย์ก็คงหาทางประดิษฐ์ (invent) ขึ้นมาจนได้อยู่นั่นเอง

อะไรบ้างที่จะหยุดการ (ตั้งใจ) ฆ่าตัวตายได้ ไม่นับพวกที่ไปยืนริมดาดฟ้าแล้วตะโกนเรียกคนโน้นคนนี้ว่ามาดูหน่อย ฉันจะโดดแล้วนะ เขาว่าพวกนี้ไม่ได้ตั้งใจโดดแต่แรกอยู่แล้ว พวกที่ตั้งใจนั้นยังไงก็จะทำให้ได้อยู่นั่นเอง...


..........



น้องสาวโทร.มาบอกว่าพ่อหัวใจวายตายที่เมือง Elizabethtown รัฐเคนตั๊กกี้ เมืองบ้านเกิดเมืองนอนของพ่อนั่นเอง ส่วนแม่ก็ไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ผุดลุกผุดนั่งเสียสติอยู่ที่พ่อต้องมาตายต่างเมือง พระเอกก็เลยต้องยุติโครงการฆ่าตัวตายไว้ก่อน พร้อมกับอาฆาตเครื่องมือทรงคุณค่าไว้ว่าต้องกลับมาใช้มันอย่างแน่นอน

เขานั่งเครื่องบินไปเคนตั๊กกี้เพื่อหารถเช่าขับไปยังเมืองเกิดเมืองตายของพ่อ บนเครื่อง เขาเป็นผู้โดยสารชั้นประหยัดเพียงคนเดียว แอร์โฮสเตสสาวต้องมาขอร้องให้ไปนั่งที่นั่นชั้นหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินไกลเวลามาเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่ม

ความสัมพันธ์ของเขากับแอร์โฮสเตสสาวที่สายการบินพร้อมจะล้มละลายได้เริ่มต้นขึ้นตรงนี้...


..........



อันว่าผู้คนนั้นก็แปลก เราผ่านพบคนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิตอยู่แทบทุกขณะ แต่กับคนไหนเล่าที่เราจะรู้สึกผูกพันด้วย ?

คนเราคงไม่รู้สึกผูกพันกับคนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเหมือนกับเราเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ลักษณะ สีผิว เผ่าพันธุ์ (ยกเว้นเพศ... พวกนี้แปลก ส่วนใหญ่เพศตรงข้ามมักได้รับการยอมรับมากกว่าเพศเดียวกัน) หรือแม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ภายใน เช่นความรู้สึก แนวคิดทางการเมือง ศาสนา หรือกระทั่งสถานะทางสังคม

นางเอกเรื่องนี้ยกย่องให้ตัวเองเป็น "ตัวสำรอง" ในหนังใช้ตำว่า "substitute" เธอบอกว่ามีความสัมพันธ์กับใครสักคน (ที่อาจไม่มีตัวตนจริง) เป็นคนที่บ้างาน ชีวิตมีแต่งานเป็นอันดับหนึ่ง และเธอเป็นอันดับสอง (หรือมากกว่าสอง) เสมอ ซึ่งในความรู้สึกนั้นพระเอกของเรามีส่วนร่วมด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาเพิ่งสูญเสียอาชีพเดีวที่เขาทำได้ไปพร้อมกับโอกาสที่จะทำงานต่อในอนาคต (บริษัททำรองเท้าจะมีตำแหน่งนี้อยู่มากน้อยแค่ไหน ?) และการถูกกล่าวขวัญถึงในวงการอีกต่อไปนานเท่านานว่าเป็นผู้ที่แทบจะทำลายบริษัทที่จ้างเขามาให้พังทลายในชั่วข้ามคืน ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของบริษัทย่อมต้องเลือกทางที่ทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ (โดยไม่มีเขา) ...ความรู้สึกเช่นนี้น่าจะเป็นตัวอย่างของความผูกพันของชายหญิงแบบ love at first site ...รักแรกพบ ได้อย่างไม่ยาก


..........



ที่บ้านเกิดเมืองตายของพ่อซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในชนบทของเคนตั๊กกี้ (ลุงเคนยืนเด่นเป็นสง่าตั้งแต่ขับรถออกจากสนามบิน) หลังจากขับรถหลงทางอยู่พักหนึ่ง... ไปจนถึงป้ายบอกรัฐอีกรัฐหนึ่ง เขาขับไปถึงเมืองนั้นได้ในที่สุด เมืองเล็ก ๆ ที่มีป้ายแสดงความอาลัยการจากไปของพ่อของเขาบนกระจกหน้าร้าน และใครต่อใครต่างชี้ทางให้ทั้งที่แทบทุกคนในนั้นเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเป็นเด็ก พ่อของเขาทำกิจการเล็ก ๆ ในเมือง ก่อนที่จะขาดทุนและทำให้เขาต้องย้ายออกไปจากเมือง ความทรงจำครั้งเก่าของชายหนุ่มผู้ที่เมื่อวานยังอยากไปใช้ชีวิตในโลกไหนก็ได้ที่ไม่ใช่โลกนี้ได้ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง ภาพพ่อที่เก็บของลงในกล่อง ปลดป้ายบริษัทที่ติดอยู่หลังโต๊ะทำงาน พาลูกชายเดินออกไป หนีไปจากเมืองที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ ไปตั้งต้นชีวิตใหม่


..........



หลายเว็บวิจารณ์ไว้ตรงนี้ว่าหนังกล่าวถึงความสัมพันธ์ครั้งอดีตระหว่างพระเอกกับพ่อไว้น้อยเกินไป "มีเพียงฉาก flash back เพียงสองสามฉาก" แต่สิ่งที่ควรจะเป็นประเด็นก็คือ ทำไมคนที่หนีออกจากเมืองเกิดและเพื่อนฝูงไปกลับได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเพื่อนบ้านและคนรอบข้างที่เป็นอดีตอันปวดร้าวของเขา ไม่มีการกล่าวถึงว่าทำไมเขาถึงต้องกลับไป "ตายรัง" (ในความหมายของการตายจริง ๆ) เช่นนั้น แต่ทุกคนก็ยังต้อนรับเขาในฐานะของเพื่อน กิ๊กเก่า กระทั่งลูกหนี้เก่าที่เคยยืมเงินแล้วเบี้ยวจนเป็นเหตุให้กิจการล้มละลายก็กลับมาร่วมงานศพของเขา

แต่เมียและลูกสาวกลับไม่ได้มางานนี้ กลับมอบหมายให้ลูกชายผู้ซึ่งแม่คิดว่าเป็นตัวแทนความสำเร็จของคนในตระกูลไปเป็นตัวแทนนำอัฐิของพ่อกลับมา... เจ้าตัวแทบสะอึกเพราะพบว่าเพื่อนพ่อจองพื้นที่ กว้างคืบ ยาววา หนาศอก ไว้ให้พ่อเรียบร้อยแล้ว ศึกระหว่าง "เผา" กับ "ฝัง" จึงคุกรุ่นอยู่ในความรู้สึกลึก ๆ


..........



พระเอกผู้สับสนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในความสับสนอันนั้นได้ โรงแรมที่เขาพักถูกจองจนเกือบเป็นการเหมาจากงานแต่งงานงานหนึ่งที่ใช้เวลาตลอดสองวันไปกับการเฉลิมฉลอง เขาโทรศัพท์หากิ๊กเก่าซึ่งตัดเยื่อใยอย่างไม่ปราณี น้องสาวผู้ซึ่งขอร้องให้เขามายังเมืองเมืองนี้ก็เอาแต่พูดถึงความสติแตกของแม่ว่าตั้งใจจะทำโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา (ไม่รู้ว่าตอนพ่อยังไม่ตายนั้นเอาเวลาไปทำอะไรหมด ถึงมีอะไรที่อยากทำอีกตั้งเยอะแล้วไม่ได้ทำตอนสามียังอยู่)

คนที่เขาสามารถพูดคุยด้วยได้เพียงคนเดียวก็คือแอร์โฮสเตสสาวสวยอดีตภรรยาไอ้แมงมุม ผู้ซึ่งทิ้งเบอร์มือถือไว้บนแผนที่ที่เขียนขึ้นให้ชายหนุ่มก่อนลงเครื่องบิน

นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างตัวสำรองเก๋าเกมส์ กับตัวสำรองหน้าใหม่


..........



หนังเปิดประเด็นให้คิดอยู่สองสามเรื่อง

อันดับแรก พ่อพระเอก เขาประสบความล้มเหลวจนต้องออกจากเมืองที่เกิด-เติบโต-มีครอบครัว โดยทิ้งมันไปจนกระทั่งเขากลับมาเยือนมันก่อนตาย ผู้คนที่นั่นไม่เคยปฏิเสธเขา มีป้ายแสดงความเคารพแม้กระทั่งบนกระจกร้านขายของ มีเด็กวัยรุ่นขับรถนำทางให้พระเอกขับรถไปที่งานศพ มีคนมาร่วมแสดงความเสียใจจนเต็มบ้าน มองย้อนกลับมาหาตัวเอง ชีวิตเราทุกวันนี้มีจะมีเวลาอย่างนั้นบ้างไหมในบั้นปลายชีวิต ?? มีสถานที่แห่งไหนที่เราพร้อมจะล้มลงตายโดยมีคนรอบข้างพร้อมจะจัดการให้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่ไม่เคยแยแสว่าใครจะเคยล้มลงบ้างหรือเปล่า หรือใครจะล้มลงบ่อยแค่ไหน ถ้ามีสถานที่แบบนี้สักแห่ง ชีวิตก็คงไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกิจการใหญ่โต ไม่จำเป็นต้องมีกำไรในตลาดหุ้น ก็สามารถจบชีวิตลงได้อย่างมีรอยยิ้มแล้ว (ในหนังมีบทที่พระเอกจินตนาการถึงภาพพ่อที่ยิ้มกริ่มอยู่ในโลงศพด้วย) ...ความสำเร็จในชีวิตวัดกันที่อะไร ?

อันดับต่อมา ความสัมพันธ์ในครอบครัว พระเอกกับพ่อมีสิ่งยึดเหนี่ยวกันไม่มากนัก เขาออกไปทำงานออกแบบรองเท้าอยู่แปดปี วันที่เขาล้มละลายในอาชีพเป็นวันเดียวกับที่พ่อเขาหัวใจวายตาย ภาพในหนังที่ flash back ให้เห็นอยู่หลายครั้งคือภาพที่พ่อรัดเข็มขัดให้เขา ก่อนจะพาเขานั่งรถไปที่ไหนสักแห่ง... และทุกครั้งก็จะตัดกลับมาที่ภาพเขาขับรถแล้วมีโถบรรจุเถ้าอัฐิที่เขาและ "กิ๊กใหม่" พากันไปเลือกซื้อในร้านรับฌาปนกิจที่ตั้งศพพ่อของเขา ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ได้เพียงแค่พาเถ้าอัฐิของพ่อไปโปรยยังสถานที่ที่เขาและพ่ออยากไปโดยมีแผนที่อันวิเศษสุดที่แอร์โฮสเตสสาวทำไว้ให้ ขับรถไปแต่ละช่วงก็ฟังเพลงแต่ละเพลงที่หญิงคนรักคนใหม่นี้เตรียมไว้ให้ในแต่ละหน้าของแผนที่ ชายหนุ่มได้ยิ้ม ได้พูดคุย (คนเดียว) ได้ร้องไห้ ได้เต้นรำ ได้ปลดปล่อยความผิดหวังที่ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อและครอบครัวเนื่องจากต้องไปทำงานออกแบบรองเท้ามาตลอดแปดปี (ที่สูญเปล่า) นั่นเป็นการชดใช้ที่เขาต้องเผชิญแต่เพียงลำพัง ก่อนที่มันจะนำเขาไปสู่การเริ่มต้นใหม่ในที่สุด (หนังให้ตอนจบที่เป็นบวกกับการมองโลกในแง่ดีในที่สุด)

อันดับสาม "เมีย" ที่เรา ๆ กลัวกันนักหนานั่นแหละ เคยคิดกันหรือไม่ว่าถ้าวันไหนไมมี "เมีย" หรือวันไหนเมียไม่มีเรา ชีวิตของการอยู่คนเดียวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มีอะไรที่เราเคยคิดอยากทำแต่ไม่ได้ทำเพราะมีใครอีกคนคอยดึงความสนใจของเราไปหรือไม่ (หรือบางทีก็ห้ามเราทำเลยแหละ) แม่นางเอก... หลังจากสามีตายก็ได้ไปลงเรียนวิชาเต้นแทป วิชาพูดตลก วิชาทำอาหาร ฯ จิปาถะที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำเมื่อครั้งสามียังมีชีวิตอยู่ ลองมองไปยังคนข้าง ๆ สิว่าเราห้ามเมียเราทำอะไรบ้างหรือเปล่า... ไม่ใช่ห้ามโดยการปฏิเสธแต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการห้ามโดยไม่สนับสนุน ห้ามโดยไม่พูดถึงเมื่อเมียถาม หรือห้ามโดยพฤตินัยอื่น ๆ ...ยกเว้นที่เมียห้ามไป "ที่ชอบ ที่ชอบ... อันประกอบด้วย ผับ บาร์ คาราโอเกะ" นะ ผมชอบตรงที่เรื่องนี้สามารถทำให้การกล่าวตำหนิในงานเลี้ยงหลังพิธีศพเป็นเหมือนการประกาศคุณงามความดีของสามีได้โดยไม่ขัดขืน คิดดูว่าเมียบอกว่าตอนมีชีวิตไม่ได้ทำเลย สุดท้ายก็มาแสดงให้ดูต่อหน้ารูปสไลด์งานศพนี่แหละ ทุคนได้ปลดปล่อยและแสดงออกมาถึงชีวิตผู้ชายที่ล้มเหลวในทุกเรื่อง แต่ทุกคนก็ยอมรับเขาในฐานะเพื่อน สามี ลูก ฯลฯ ในที่สุด


..........



อยากให้หามาดูกัน หนังตลาดที่เอาพระเอกดัง นางเอกดังมาเล่น ผู้กำกับระดับหนัง jerry mcguire โปรดิวเซอร์ระดับ ทอม ครูซ ที่ imdb ให้แค่ 6.4 ... แต่ผมให้ 8/10

ความล้มเหลว ไหนเลยจะไม่ใช่มารดาชราของความสำเร็จ... โกวเล้ง




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550
2 comments
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 7:44:54 น.
Counter : 5977 Pageviews.

 

อยากดูค่ะ เลยยังไม่ขิอ่านสปอยล์
ส่วนตัวชอบนางเอกดันท์ มากที่สุดในบรรดาดาราฮอลิวู้ดค่ะ

 

โดย: ดวงตากระต่าย 12 พฤศจิกายน 2550 12:37:11 น.  

 

... บางที เราก็มัวแต่เสียเวลาให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ได้สำคัญจริงๆ
ทั้งที่ คนที่สำคัญจริงๆ นั้นเราไม่เคยสนใจ
อย่างพระเอกที่นัดกับพ่อว่าจะกลับมาเยี่ยมเมืองนี้ด้วยกัน ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ว่า "งาน" ก็สำคัญกว่า...ไปซะทุกครั้ง
จนเขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว...

 

โดย: aggressive red rabbit 12 พฤศจิกายน 2550 15:03:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Zhivago
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




มนุษย์เข้มแข็ง
กว่าที่ตนคิดไว้เสมอ
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zhivago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.