<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 พฤษภาคม 2558
 
 
Vegetarian runners; Trans Lantau 2015[ Ultramarathon 50km]..Hongkong


profile   :Vegetarian /Mountain Trail -Sweet couple Ultra runners

เราสองคนมุ่งหน้าสู่ Hongkong เพื่อมาวิ่งงานวิ่งที่นับว่ายาก โหด แต่มือใหม่ใฝ่ Ultraอย่างเราทั้งคู่ต้องขอลองหน่อย ไม่ลองไม่รู้ไม่ดูไม่เห็น

หลังจากการ DNF มาจาก TNF100 เมื่อ 31 มกราคม 2015 เนื่องจาก ITB syndrome ที่เข่าซ้ายด้านนอกกำเริบกวนใจระหว่างทางวิ่ง ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน หลังจากงาน หญิงก็เร่งรักษาเจ้า ITB ด้วยตัวเอง(เพราะหญิงเป็นนักกายภาพบำบัด เลยไม่ต้องพึ่งพาใคร) ทั้งการกำจัดจุดกดเจ็บ เน้นการออกกำลังกายเฉพาะจุดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและแก้การหดรั้งของกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้สะโพกทั้งสองข้างทำงานสมดุล ไม่ล้าง่าย รวมถึงเรื่องการทรงตัวเพื่อให้ proprioceptive senses ของข้อต่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุของปัญหา รื้อใหม่หมด เพื่อทำให้ไม่กระตุ้นให้เกิด ITB syndrome ระหว่างการวิ่งลงเขา ลงทางลาดชัน ซึ่งหญิงมีปัญหาเฉพาะการวิ่งลงเขา /ลงทางลาดชัน

จะรู้ว่ารักษามาถูกทางหรือไม่ จะเป็น ITBมาอีกหรือเปล่า จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อต้องไปวิ่งในงานจริง เพราะจุดเด่นของ ITB syndrome ก็คือ วิ่งปกติ หรือเดินไปเดินมา เราจะไม่รู้สึกเจ็บหรือใดๆเลย วิ่งเล็กๆน้อยๆสั้นๆก็ไม่รู้สึก แต่มันจะโชว์ก็ต่อเมื่อวิ่งมาหลายๆๆๆกิโลแล้ว ถึงจะเจ็บแบบทันทีทันใดและเจ็บรุนแรงเลยแบบไม่ทันตั้งตัว อย่างตอนไปวิ่งแพร่มาราธอนก็เจ็บตอนเริ่มโลที่ 30 /TNF100 ก็เจ็บตอนโลที่ 17 ซึ่งก่อนวิ่งก็ปกติดีทุกประการ ไม่มีอาการนำหรือโชว์ นี่คือข้อน่ากลัวของเจ้า ITB เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ถ้ามันมาระหว่างเส้นทางวิ่งที่อยู่บนเขา ในป่า ปีนเหว และห่างจากจุดcheck point เมื่อนั้นก็จบ เพราะต้องกัดฟันกระเผลกเดินออกจากการแข่งขันและหาทางเดินกลับมาหาจุด check point เองแบบเจ็บๆ เพราะการที่มันมาแบบไม่รู้ตัว เลยทำให้ไม่สามารถแพลนได้เลยว่า เราจะหยุดหรือออกจากการแข่งขันตั้งแต่ check point นี้เลยดีไหม หรือจะไปต่อ /จะหยุดก่อนเนิ่นๆหรือเสี่ยงวิ่งต่อไปดีซึ่งไม่รู้ว่าจะรอดถึงcheck pointหน้าไหม หรืออาจจะไม่เจ็บเลยก็ได้ ไม่รู้ .... ทำให้คาดการณ์ไม่ได้  นึกภาพออกไหมคะ!

ถ้าใครถามว่า ITB หายแล้วหรือ มาวิ่งได้แล้วหายแล้วหรือ อันนี้ก็ตอบไม่ได้ เพราะก่อนวิ่งจะไม่รู้ จะรู้ก็ต่อเมื่อวิ่งจบ เพราะมันอาจจะมาอีกก็ได้ แม้จะหายแล้วก็ตามหรือจะไม่มาก็ได้
ถ้าเมื่อไหร่สะโพกสองข้างทำงานไม่สมดุลกันไม่ว่าเกิดจากกำลังกล้ามเนื้อหรือปัญหาการหดรั้งตึงของกล้ามเนื้อ มันก็อาจมาอีกได้

แถม2 อาทิตย์ก่อนงานวิ่ง Trans Lantau เราทั้งคู่ก็ได้ไปซ้อมวิ่งขึ้นเขาแถมฝึกบนบรรยากาศบางๆที่ดอยอินทนนท์อีกด้วย  เพื่อซ้อมก่อนงานจริง
[27/2/2015] เริ่มวิ่งที่ประตูด่าน 1 (330m) ถึงยอดดอยอินทนนท์ สูงสุดแดนสยาม (2565m) ระยะทาง 38.3km ใช้เวลาไป 6.28h
จากsunnto ambit3;   elevation gain 2316m  ,elevation loss 97m

เมื่อพร้อมแล้ว ก็พร้อมบินสู่เกาะ Hongkong จ้าาาาา!
________________

พฤหัสที่ 12/3/2015.....เดินทาง

ถึงสนามบินฮ่องกง รอรถTaxi..สีฟ้า



เพื่อไป Mui Wo


เส้นทางจากสนามบินไปโรงแรม เป็นทางขึ้นลงเขาตลอดเลย แถมเขาทำถนนคนเดินคู่ขนานไปกับถนนรถวิ่งด้วย เห็นอย่างนี้แล้วอิจฉาคนฮ่องกงดีแท้ มีถนนสำหรับเดิน(วิ่ง)  แถมขึ้นเขาลงเขา ปลอดภัยอีกด้วย น่าวิ่งออกกำลังกายตอนเช้ามากๆ

เราพักที่ Silvermine beach resort อยู่ที่ Silvermine Bay, Mui Wo


 เนื่องจากเราพักอยู่ที่เกาะ Lantau เวลาจะเดินทางไปเกาะอื่น  ก็ต้องนั่งเรือ มีทั้งเรือเร็วเรือช้า มีตารางเวลาไปกลับ แถมหญิงนั่งหลับตลอด เพราะนั่งเรือทีไรง่วงทุกที



วิวสวยๆถ่ายจากเรือค่ะ




เราพักที่Silvermine beach resort เนื่องจากจุด Start-finish อยู่หน้าโรงแรมเราเลย คือบริเวณ Silvermine beach เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอเรือไปกลับ /เสียเวลาบนเรือในวันวิ่งจริง
แต่ในวันเที่ยววันอื่นๆอาจลำบากหน่อย เพราะต้องรอเวลาเรือออกแถมเสียเวลาบนเรือ 30-50นาที ขึ้นอยู่กับได้ขึ้นเรือด่วนหรือเรือปกติ และยังง่วงอีกด้วย


ภาพนี้ ถ่ายตอนรอเรือกลับไปยังเกาะ Lantau


____________

วันศุกร์ที่ 13/3/2015

ตื่นเช้ามาถ่ายรูปกับชายหาดหน้าโรงแรมจ้าาาา


เต็นท์เหลืองๆด้านหลัง คือ บริเวณที่จัดงานวิ่งค่ะ



ค่ำนี้ เวลา ห้าทุ่มครึ่ง กลุ่มนักวิ่ง 100km ปล่อยตัว (Cut off time 32h)
ส่วนเย็นนี้หญิงกะพี่จุ่นจะเดินออกมารับ Bib สำหรับนักวิ่ง 50km



ป้ายรถเมล์ อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือ


คนที่เกาะนี้ใช้จักรยานกันเยอะมาก
มีที่จอดจักรยานสำหรับคนที่ขี่มาเพื่อมาต่อเรือ


หน้าท่าเรือ



หิวแล้ว ไปหม่ำอาหารกลางวันกัน

ที่ร้าน Kung Tak Lam Shanghai Vegetarian Cuisine



อร่อยได้โดยไม่ต้องพึ่งเนื้อสัตว์ ไม่ต้องเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก ใครๆก็รักชีวิต ก็ไม่อยากถูกฆ่าด้วยกันทั้งนั้น

น้ำเต้าหู้สักแก้วไหมคะ !








เดินซื้ออุปกรณ์วิ่ง ชุดวิ่ง จนหิวท้องร้อง
ไปต่อกันเลยที่มื้อเย็น

นี่เลย Loving Hut
ร้าน Loving Hut มีสาขาอยู่เกือบทุกมุมโลก จะเป็นร้าน Vegan นะคะ ไปต่างประเทศไม่ต้องกลัวลำบาก หาร้านมังสวิรัติได้ไม่ยาก





หม่ำด้วยกันไหมคะ



พรุ่งนี้วิ่งแล้ว
จริงๆก็ไม่ได้โหลดก่อนวิ่งอะไรมากมาย 



ตอนค่ำแวะไปรับ bib และ race pack

แจก Buff ด้วย
และจะมีสายผ้ารัดข้อมือติด chipไว้ เวลาถึงจุด check point จะมีเจ้าหน้าที่สแกนที่สายรัดข้อมือ เพื่อบันทึกเวลา เพราะแต่ละจุด check point จะมี cut off tome กำหนดไว้


Gear ต่างๆ


งานนี้เราใช้รองเท้า Nike รุ่น Terra Kiger2 เป็นรองเท้า Trail โดยเฉพาะ
น้ำหนักเบา หน้ากว้าง วางนิ้วสบาย(แม้จะใส่Toe sock) นิ่ม และ Heel to Toe dropน้อย (ส้นไม่สูง)


ตื่นเต้นสุดๆ พรุ่งนี้ก็วิ่งแล้ว ใจยังหวั่นๆกับเจ้า ITB กลัวมันมากลางทางระหว่างปีนเขา กลัวมันมาตอนที่วิ่งห่างจากจุด Check point ไปแล้ว ใจลึกๆก็แอบคิดว่า คงไปได้ไกลสุดแค่ Check point[CP]2 แล้วเจ้า ITB ก็คงกลับมากวนใจอีกแน่ๆ  เพราะเริ่มกระบวนการรักษากำจัดจุดอ่อนแบบเต็มพิกัดได้ไม่นานเอง ไม่มั่นใจว่ากล้ามเนื้อสมบูรณ์หรือยังในเวลาสั้นๆ
แต่ก็ถือว่า มาหาสนามได้ทดลองวิ่ง สนามแบบปีนขึ้นลงเขาเต็มๆแบบนี้คงหาไม่ง่ายที่ประเทศไทย แถมวิวก็สวย เส้นทางดี ไม่ต้องเลอะเทอะเฉอะแฉะ
เคย DNF มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าจะมีการ DNF หลังจากนี้ก็เฉยๆแล้ว ...เพราะเราไม่ยึดติด...

_____________

วันเสาร์ที่ 14/3/2015....วันวิ่ง

หม่ำอาหารเช้าของโรงแรม



แม้ว่าวิ่ง Trail เช้ายันมืด เสื้อผ้า หน้า ผม ก็ยังคงจัดเต็มนะคะ ไม่เปลี่ยนแปลง555
เราทั้งคู่ใส่เสื้อวิ่งของ X-bionic




Vegetarian /Mountain Trail -Sweet couple Ultra runners จ้าาาาาาา



เนื่องจากงาน Trans Lantau 50km นี่ ที่บอกว่ายากเนื่องจาก มี elevation gain ประมาณ 2600 m และเป็นเส้นทาง trail ขึ้นเขาลงเขาเกือบทั้งหมด (ถนนประมาณ 10%) และCut off time 13ชั่วโมง แถมมี Course qualification point[UTMB] 1 point [3 points for 100km]อีกด้วย

เราทั้งคู่ลงวิ่งแบบ DUO ตามกฎก็คือ ต้องวิ่งไปด้วยกันตลอดเส้นทาง ห้ามต่างคนต่างวิ่ง

จะมีจุด Check point 5 จุด คือ km8 / km15 / km24[cut off time 16.00] / km35 [cot off time 19.00] / km45 [cut off time 21.00]

แต่ละ CP ก็จะมีน้ำ เกลือแร่ อาหาร ขนม
งานนี้ไม่มี drop bag แต่ละCP เหมือนกับ TNF100นะคะ นักวิ่งจะต้องแบกสิ่งของที่ต้องใช้ติดตัวไปเอง และอนุญาตให้ใช้ Trekking Poles แต่ต้องแบกไปเองตลอดเส้นทาง ไม่มีการฝาก
----------------
ถ่ายรูปเล่นที่จุดปล่อยตัวดีกว่า......

เจอพี่ป๊อก คนดังด้วย
พี่ป๊อกลง100km แต่เนื่องจากพี่ป๊อกเจ็บข้อเท้าระหว่างการแข่งขัน ทำให้ต้องออกจากการแข่งค่ะ

สนามวิ่งเทรล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการ DNF ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต สนาม/ภูเขาไม่ได้หนีไปไหน ปีหน้า ปีอื่นก็มาวิ่งอีกได้ ...อันนี้สอนตัวเอง เพราะเกรงว่าเจ้าITBจะมาเยือนโลที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ 555555......

ขนาดเทพอัลตร้าอย่างพี่ป๊อกยังไม่คิดมาก ยังยิ้มได้ เรามือใหม่เด็กอ่อนหัดก็ไม่ต้องคิดมากเด้ออออออ



วิวก็สวย บรรยากาศก็ดี







เจอน้องอิ๊บ สาวสวยแก้มป่องคนเก่งเด่นดังด้วย




น้องอิ๊บตัวสูงมากๆๆๆๆๆๆๆ พี่หญิงตัวเตี้ยหม้อต้อไปเลย
แถมคุยเก่งมากๆๆๆๆๆๆ พี่หญิงว่าตัวพี่พูดเก่งแล้วนะ แต่ก็พูดไม่ทันน้องอิ๊บผู้น่ารักเลย

ขอกอดให้หนำใจหน่อย



คนเริ่มเยอะแล้ว


มีซุ้มกายภาพบำบัดด้วย Physiotherapy




***ทดลองซื้อ gaiters ของ salomon มาใช้  สรุปว่า ทำให้ลื้นก้นกระแทกไป 3ที เพราะสายยาง(แถบกว้างประมาณ 1 cm)ที่รัดส้นรองเท้า มันรัดไม่อยู่ มันเลื่อนออก เลื่อนหลุดจากร่องส้นรองเท้า ทำให้พอเหยียบบนหินลื่นๆ เลยลื่นก้นกระแทก ที่มันหลุดจากส้นเพราะรองเท้าที่หญิงใส่เป็นรุ่นที่Heel to Toe dropน้อย ไม่มีร่องที่พื้นให้สายรัดgaitersเกาะ มันก็เลื่อนหลุด ในที่สุด ก็ถอดออกไม่ใช้ เลยทำให้ระหว่างวิ่งมีเศษหินเล็กๆเข้ารองเท้า...พอถอดออกก็ไม่ลื่นอีกเลย ...แต่ตัวรองเท้าจริงๆ เกาะพื้นดีมาก ไม่ลื่น เหยียบหินก็ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เพราะพื้นนุ่มดีมากเลย ประทับใจ********

ใกล้ปล่อยตัวแล้ว



ผูกโบว์ชมพูเต็มหัวเลย



ปากไม่แดง แรงไม่มา...นะจะบอกให้
นักวิ่ง 50km ปล่อยตัว 9.00 น ค่ะ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ภาพปล่อยตัว

Credit ; photos by Ko All Weather Kwok
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10204851992793408.1073742119.1046826658&











@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Credit ; photos by Fusy Choy

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10153670540772678.1073742161.755817677&





@@@@@@@@@@@@@@@
 Discovery Bay

Credit ;photos by Daniel Chung
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10153153209759267.1073741953.637794266&







@@@@@@@@@@@@@@@
Lo Fu Tau

Credit ; photos by SportSoho - Ceci Cecilia

//www.sportsoho.com/pg/photos/album/4376651/lantau-50-2015-lo-fu-tau-country-trail?offset=882






@@@@@@@@@@@@
Sunset peak

Credit ;photos by Fusy Choy

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10153675515907678.1073742172.755817677&









@@@@@@@@@@@@
Pak Hung Au

Credit ;photos by Ko All Weather Kwok
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10204857630494347.1073742124.1046826658&



@@@@@@@@@@@@
Pak Hung Au

Credit ;photos by 行山跑步之歡樂影集

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.675265179250054.1073741851.658442194265686&











@@@@@@@@@@@@@@@

ภาพระหว่างเส้นทางวิ่งค่ะ...กล้องส่วนตัว

จากจุดนี้ มองเห็นวิวเมืองเบื้องล่างเลย




วิวสวยไหมค่ะ
ชอบวิ่งเทรลเพราะระหว่างเส้นทางวิ่งเราจะได้เห็นวิวสวยๆ ถือว่าเป็นอาหารตา อาหารใจ ทำให้เพลินและลืมความเหนื่อย



วิวสวย ลมแรง


ถ่ายที่ CP2 Pak Mong [km15]
จุดนี้มีน้ำ เกลือแร่ กล้วย ส้ม


มองลงไปเห็นสนามบินด้วยค่ะ




เห็นคนตัวเล็กๆเรียงแถวกำลังปีนขึ้นเขาอยู่ไหมค่ะ
หญิงกำลังจะปีนขึ้นค่ะ สู้ๆ




เส้นทางกำลังจะมุ่งหน้าสู่ CP3 ถือว่ากำลังใจดีมาก เพราะคาดคะเนไว้ว่า น่าจะวิ่งได้แค่ถึงCP2 แล้วITB อาจจะมา แต่ในที่สุดเจ้า ITB ก็ไม่มีวี่แววจะมา ดีใจมาก เพราะถือว่า ระยะทางที่วิ่งได้เกิน 17 โลแล้วไม่มี ITB มา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะวิ่งได้มากขึ้นกว่าครั้งก่อน เพราะคราว TNF100 เจ้า ITB มาตอนโลที่ 17 ถ้าครั้งนี้วิ่งได้เกินกว่าเดิม แปลว่า การรักษามาถูกทาง และ มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ระหว่างวิ่งดูนาฬิกา เพราะลุ้นโลที่ 17 พอรู้ว่าอาการไม่มา ก็สุขมาก วิ่งแบบมีความสุขตลอดทาง แต่ก็ระวังตอนวิ่งลงเขาเป็นพิเศษ  จะไม่เร่ง ไม่รีบ ค่อยๆไป ระวังpostureตอนวิ่งลง ท่าต้องถูก

แต่ แต่ แต่ ระหว่างทางปีนขึ้นสู่ Sunset peak พี่จุ่นเกิดตะคริวขึ้นหลังเท้าค่ะ เลยทำให้ต้องหยุดพักระหว่างทาง พอคลายก็วิ่งต่อ พอเป็นก็หยุดพัก ทำให้เราทั้งคู่ทำเวลาไม่ได้เร็วเท่าไหร่ เพราะต้องหยุดพักเป็นระยะๆ 

ระหว่างขึ้นSunset peak มีละอองฝนด้วยค่ะ ลมแรงมาก จนต้องหยิบเสื้อกันลม/ฝนมาใส่ อากาศเย็นด้วย แว่นตากันแดดไอขึ้นหมดเลย มองไม่ชัดเพราะมัว พอเช็ดก็เป็นคราบน้ำ มองก็ไม่ชัดอีก  ก็เลยต้องถอดแว่น  ลมก็แรง พอไม่มีแว่นบังลม ขนตาปลอมก็ต้านกับลม ขนตาปลอมสั่นระริกเชียว ไอ้เราก็กลัวขนตาปลอมจะปลิวหลุดไปกับสายลม แต่ก็โชคดี กาวติดขนตาDolly wink เอาอยู่ค่ะ ขอบอกนะตรงนี้เลยว่าดีมาก ถูกใจมาก ติดง่าย แห้งไวกำลังดี แถมติดแน่นติดทน ทนลมทนฝน วิ่งUltra 13 ชั่วโมง เช้ายันค่ำ ก็เอาอยู่ค่ะ ขอบอก!

ในที่สุดก็มาถึง CP3


ถ่ายที่ CP3 Pak Hung Au [km24] cut off time 16.00
จุดนี้มีน้ำ เกลือแร่ กาแฟ อาหารเยอะแยะมากมาย มีขนม มีมาม่าด้วย


แอบดีใจเล็กๆ ที่ไม่มีอาการITBมากวนใจ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่า ทางไป CP4 จะเกิดITBไหม ก็ต้องลุ้นต่อไป จะหยุดก่อนก็เสียดาย มันอาจจะไม่มาก็ได้ จะเสี่ยงวิ่งต่อก็ต้องลุ้นเอา สรุปว่า วิ่งต่อค่ะ


****ภาพระหว่างเส้นทางวิ่งจากกล้อมมือถือของหญิงค้าาาา******

ถ่าย selfie คู่รักนักวิ่งหน่อย

ระหว่างติดคอขวด ก็เลยถ่ายรูปเล่นเลย
การจราจรติดขัด เคลื่อนตัวช้า กินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงแหนะ




เห็นคนตัวเล็กๆกำลังขึ้นยอดเขาไหมค่ะ
เส้นทางที่หญิงกำลังมุ่งหน้าไปจ้าาาาา

เวลาเห็นเส้นทางที่ต้องปีนขึ้น จะรู้สึกชอบ เพราะรู้ว่าตัวเองไหว ไม่ค่อยเมื่อย
แต่พอเห็นเส้นทางชันลงเขา จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะระแวงเจ้า ITB กลัวมันจะมาเกาะเข่า



ปีนๆๆ ชอบๆๆ
บอกตรงๆ หญิงชอบปีนนะคะ รู้สึกว่าไม่มีปัญหาสำหรับหญิง









ในที่สุดก็ถึง CP4 Chi Ma Wan [km35]  cut off time 19.00 จุดนี้มีอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเหมือน CP3

ระหว่างทางที่วิ่งมาหยุดเป็นระยะๆ เนื่องจากพี่จุ่นมีตะคริวขึ้นหลังเท้า วิ่งๆหยุดๆพักๆวิ่งๆเดินๆ แต่เราทั้งคู่ก็มาถึง CP4 ทันเวลา



ณ จุดนี้ เราทั้งคู่หยิบไฟมาคาดหัวเตรียมไว้เลย เพราะเส้นทางมุ่งสู่ CP5 รับรองค่ำมืดแน่นอน จำเป็นต้องใช้ไฟส่องทาง

สรุปเจ้า ITB ก็ยังไม่มากวนใจ สรุปก็วิ่งต่อไป จะหยุดก่อนก็เสียดาย มันอาจไม่มาก็ได้

ระหว่างทางวิ่งสู่ CP5 นั้นต้องวิ่งในความมืด บวกกับทำเวลาได้ไม่เร็วมาก เพราะต้นขาเริ่มล้า เดินขึ้นเขาปีนบันได สำหรับหญิงไม่ค่อยเป็นไรแต่ก็มีหยุดพักเป็นช่วงๆ เพราะต้นขาล้า แต่ตอนลงเขาหรือบันได รู้เลยว่าเข่าเริ่มตึงมาก เลยต้องลงช้า ประกอบกับตะคริวยังคงมาทักทายหลังเท้าพี่จุ่นเป็นระยะๆ ก็เลยต้องวิ่งๆหยุดๆพักๆเดินๆไปตลอดทางไป CP5 แถมทางก็มืด ทางก็มีรากไม้ กลัวสะดุดด้วย

ตอนนี้เข้าใจลึกซึ้งถึงหัวใจเลยว่า วิ่งให้ทัน cut off time เป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร
ดูนาฬิกาตลอดว่าถึงโลที่เท่าไหร่แล้ว เหลือเวลาอีกเท่าไหร เหลืออีกกี่โล จะทัน cut off timeไหม ตอนนี้เวลาจี้ตูด เส้นทางวิ่งก็มืด นักวิ่งเริ่มห่างกันแล้ว บางทีเหมือนวิ่งกันอยู่สองคน ไม่มีเพื่อนร่วมทางเลย บางทีก็งงว่าหลงทางหรือเปล่า แต่แถบสะท้อนแสงสำหรับบอกทางก็ชัดเจนดี แต่บางช่วงก็ทิ้งห่างมากๆๆๆ จนแอบใจหาย แต่เส้นทางมันบังคับไม่มีทางแยก ก็เลยคิดว่าคงไม่หลงทางง่ายๆ
 ระยะทางจาก CP4 ไป CP5 10โล มันดูไม่มาก แต่เนื่องจากความมืด เส้นทางเทรล กับการลุ้นเวลาจี้ตูด มันเลยดูไกลมากๆๆๆๆๆๆๆ

ระหว่างวิ่ง พี่จุ่นก็หยุดเป็นพักๆๆ เนื่องจากตะคริวมาเป็นเพื่อร่วมวิ่ง เขาคงกลัวเราทั้งคู่เหงามั้ง ก็เลยแอบมาเป็น กขค ตลอดเลย ไม่เกรงใจกันเลยนะน้องตะคริว

รีบกลัวไม่ทัน cut off time ขนาดไม่มีเวลาแม้กระทั้งหยุดกินเจล เศษหินเข้ารองเท้าหญิง หญิงก็ไม่มีเวลาแม้กระทั้งเคาะออก พี่จุ่นปวดฉิ่งฉ่องก็ไม่สามารถแวะได้ เพราะไม่ทันแล้ว ในใจคิดตลอดทางว่าไม่ทันแน่ๆ แต่อีกใจก็ลุ้นว่าอาจทันก็ได้ แต่ก็ทำให้ดีที่สุด 

ในที่สุดก็มาถึง CP5 Shap Long [km45] cut off time 21.00
เราทั้งคู่มาถึงเวลา 21.00น พอดีเลยค่ะ พอดี๊ พอดี
คิดในใจ ถ้าแวะผูกโบว์ แวะเกา แวะแคะขี้มูก แวะฉี่ หยุดรอหายตะคริวเพิ่มอีกครั้ง แม้แต่แวะผูกเชือกรองเท้า ก็ไม่ทันนะเนี่ยะ มันทันเป๊ะจริงๆ ไม่ขาดไม่เกิน 21.00 น

พอมาถึง CP5 ได้แต่เติมน้ำ ไม่มีเวลาแม้กระทั้งกินเจล หรือ แวะฉิ่งฉ่อง
 เติมน้ำเสร็จรีบไปต่อ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า มีเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
เราเหลืออีก 5 โล ต้องเข้าเส้นชัยภายใน 1 ชั่วโมง ไม่ง่ายเลย 

ออกจาก CP5 มีวิ่งถนนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ถนนทางเรียบ แต่ดันขึ้นเนินอีก
5 โลสุดท้าย มีทั้งถนน และ ทางเทรล แถมต้องขึ้นๆลงๆตลอดทาง ไม่มีทางราบเลย โหดจริงๆ ไม่กี่โลสุดท้าย ยังแกลังกันชัดๆ เหนื่อยนะตัวเอง

ตอนนี้วิ่งสุดชีวิต ใส่หมด เพราะกลัวไม่ทัน cut off time ที่เส้นชัย
ยอมรับว่า 5 โลสุดท้าย เหนื่อยมาก หายใจไม่ทันเลย ขาไม่ค่อยเหนื่อย แต่หายใจไม่ทัน มันเหนื่อยแทบขาดใจ ยิ่งโลสุดท้าย ก่อนเข้าเส้นชัย ต้องวิ่งผ่านท่าเรือ วิ่งตรงมุ่งหน้าผ่านโรงแรม วิ่งลงทราย เพื่อเข้าเส้นชัย เหนื่อยมาก เพราะเหลือไม่กี่นาทีก็จะ cut off time ตอนนี้ใส่หมด เทหน้าตัก เหนื่อยแทบขาดใจจริงๆ

ในที่สุดเราทั้งคู่ก็เข้าเส้นชัยได้สำเร็จ เราทั้งคู่ทำได้ เราทั้งคู่พิชิตเส้นทาง Trans Lantau 50km ได้สำเร็จ เส้นทางที่ใครๆก็บอกว่าไม่ง่าย แถมเราทั้งคู่ถือว่าเป็นมือใหม่ แต่ก็ทำได้สำเร็จ แถมพี่จุ่นทนวิ่งทั้งตะคริวขึ้นเท้า แต่เราทั้งคู่ก็ทำได้ ดีใจมาก

เรามาถึงเส้นชัย เมื่อเวลา 21.55น.[cut off time 22.00] ใช้เวลาไป 12.55 ชั่วโมง
ระยะทาง 50km
จากsunnto ambit3;   elevation gain 2566m  ,elevation loss 2560m
จากGarmin920XT;    elevation gain 2628m  ,elevation loss 2583m



ได้รับเหรียญ อันแสนภูมิใจ
แถมที่ดีใจอีกอย่างคือ NO ITB มากวนใจจ้าาาาาาาา การไม่มีเจ้า ITB มาขัดแข้งขัดขาในงานนี้ ดีใจมาก


งานนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จของเราทั้งคู่ เราให้กำลังใจกันตลอดเส้นทาง เรารอกัน ไปก็ไปด้วยกัน หยุดก็หยุดด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน



รับเหรียญเสร็จ ต่อคิวรอรับใบ Certificate
แถมได้ Course qualification point[UTMB] 1 point ด้วย


แม้จะวิ่งมา 50 km ใช้เวลาไป 12.55 h เช้าจรดค่ำ
ขนตายังเด้ง หน้าไม่โทรมนะเจ้าค่ะ
แจ๋วป่ะ! ขนตายังอยู่ครบ แต่แอบปากสีจางไปนิด


งานนี้เราทั้งคู่ไม่ได้ใช้ Trekking poles เลยค่ะ ใช้ขาตัวเองล้วนๆ ไม่มีตัวช่วยใดๆ
ที่หญิงพกTrekking poles ไว้ ก็เพราะบังเอิญถ้ามีเจ้า ITB โผล่มาระหว่างทาง และ ห่างจาก CP จะได้มีไม้ไว้พยุงช่วยเดินกลับไปจุด CP ได้ แต่โชคดีที่ไม่ต้องใช้ เพราะไม่มี ITB จ้าาาาาาา

@@@@@@@@@@@

วินาทีวิ่งเข้าเส้นชัย / บริเวณหน้าเส้นชัย

Credit ;photos by Oriental Radium
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10153134396767769.1073742151.687302768&












@@@@@@@@

ถ่ายรูปเล่นเสร็จ เดินขาแข็ง แบบว่าตึงขามาก เดินกลับโรงแรม

ถ่ายเหรียญอันแสนภาคภูมิใจ



ใบ Certificate
รับรองว่า ...Finisher







ถ่ายรูปเหรียญเสร็จ อาบน้ำ แล้วเตรียมหม่ำ
หิวนะคะ แต่กินไม่ลง รู้เลยว่ากระเพาะยังไม่พร้อมทำงาน กินมากมีอ้วกแน่เลย เลยกินได้นิดเดียวแต่รู้สึกหิว แต่กินไม่ลงแบบบอกไม่ถูก

พอจะเข้านอนก็นอนไม่หลับ ตาค้าง สรุปว่า ไม่หลับเลยถึงเช้า นอนไม่หลับค่ะ สมองตื่นตลอดคืน แบบว่าไม่ง่วงเลย ก็เลยเด้งหัวลุกจากหมอนตามเสียงนาฬิกาปลุก   ลุกขึ้นมาก็มีแรงปกติ ..แปลกดี

เราเดินทางกลับกรุงเทพ วันอาทิตย์เลยค่ะ ไม่ง่วงเลย ขนาดไม่ได้นอนทั้งคืน ตาค้าง แต่ตึงขามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



@@@@@@@@@@@@

มีช่วงหญิงกะพี่จุ่นวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยค่ะ  ช่วงเวลา 9.56.45 - 9.57.03



เข้าไปดูรายละเอียดงานวิ่งดีๆ จัดดีๆ วิวสุดยอด สนามท้าทาย ไม่ควรพลาด ...เผื่อเพื่อนๆสนใจ ได้ที่

//www.translantau.com/



จบการบรรยายเพียงเท่านี้

เจอกันทริปหน้าค้าาาาาาาาา





_____________________



If it's a nod from society you're looking for, run a marathon.
But if it's a life-changing experience of personal strength and perseverance that you want, finish an ultra.
                                               @@Vanessa Runs, writer,ultra runner,and spoiled pets.
                                                  Author "The Summit Seeker"



If you can't run,then walk. And if you can't walk,then crawl. Do what you have to do. Just keep moving forward and never,ever give up.
                                                  @@Dean Karnazes


Only those who will risk going too far can possibly find out how far they can go.
                                                  @@T.S. Eliot

 After climbing a great hill, one only finds that there are many more hills to climb.
                                                 @@Nelson Mandela


Vision without action is a daydream. Action without vision is a nightmare.
                                                 @@Japanese Proverb


There are only two days in a year that nothing can be done .
One is called ...yesterday.. and the other is called ...tomorrow.
                                                @@The Dalai Lama


You can hurt more than you ever thought possible, then continue until you discover that hurting isn't that big a deal.
                                       @@ Scott Jurek ,seven-time Western States 100 mile winner



Long distance running is not separate from the rest of life. It will affect your overall vitality, endurance, and patience,and may also affect your relationships and worldview. You will very likely becomed less complacent, more questioning, more adventurous, and more reconnected with your youth.
                                       @@ The Longest Race



Most runners run not because they want to live longer, but because they want to live life to the fullest.
                                      @@Haruki Murakami












Create Date : 03 พฤษภาคม 2558
Last Update : 10 กรกฎาคม 2558 16:18:04 น. 4 comments
Counter : 3317 Pageviews.

 
รบกวนฝากถามพี่ผู้ชายครับว่าเคยมีปัญหากางเกงในบาดขาบ้างหรือเปล่าครับถ้ามีจะแก้ปัญหาอย่างไรครับ ขอบคุณครับ


โดย: เตชิต IP: 112.121.130.18 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:14:10:56 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเตชิต

พี่เขาไม่เคยบาดนะคะ

บางทีก็อาจเกี่ยวกับเนื้อผ้า ชนิดของผ้าด้วยนะคะ ถ้ากางเกงในเป็นผ้า cotton100% ก็จะอุ้มน้ำ ระบายเหงื่อไม่ดี พอเปียกก็จะชุ่มน้ำ ทำให้ระคายเคือง บาดผิวได้ค่ะ
การที่เลือกใช้ผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี แห้งไว ก็จะลดการบาดผิวได้
แต่ก่อน กางเกงในผู้ชายจะทำจากผ้า Cotton ซะส่วนใหญ่ จะไม่เหมือนกางเกงในสตรี ที่จะเป็นผ้า Spandex, Lycra ที่จะเป็นผ้าลื่นๆ มันๆ ยืดหยุ่นและกระชับ ผ้าพวกนี้จะไม่อุ้มความชื่น จะแห้งไว ผู้หญิงเลยไม่ค่อยมีปัญหากางเกงในบาดเท่าไหร่

เดี๋ยวนี้กางเกงในชายพวกมีแบรนด์ ก็จะใช้ผ้ามันๆลื่นๆพวกSpandex, Lycra เหมือนกางเกงในสตรีแล้ว แต่อาจมีราคาสูงกว่าปกติเล็กน้อย
ลองหาดูตามห้างสรรพสินค้า มีให้เลือกหลายแบบหลายราคา

สามีของหญิงใช้กางเกงในยี่ห้อGuy Laroche และ ยี่ห้อ ELLE
จะเป็นผ้ามันๆลื่นๆ CottonผสมSpandex
หญิงเป็นคนเลือกให้เอง แถมเวลาซักก็แห้งไว ไม่บาดผิวเวลาวิ่งด้วย

การป้องกันไว้อีกด่านก็คือ ลองทาวาสลีนที่ง่ามขา หรือ จุดที่เสี่ยงต่อการเสียดสี ทาก่อนวิ่ง ก็จะช่วยเรื่องบาดผิวได้เช่นกัน แต่ต้องทาตอนที่ผิวไม่มีการถลอกใดๆนะคะ ตอนที่ผิวยังดีๆ ไม่่เช่นนั้นจะแสบมากทีเดียว

ลองดูนะคะ


โดย: Yoja&Jiji วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:00:52 น.  

 
ขอบคุณมากครับพี่หญิง


โดย: เตชิต IP: 112.121.130.18 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:08:26 น.  

 
ยินดีด้วยนะคะ สุดยอดเลย เห็นทางแล้วขาสั่นเลย (สั่นด้วยความกลัวนะ ไม่ใช่สั่นสู่ แหะๆ) :P


โดย: Gorgeous Girl วันที่: 20 กรกฎาคม 2558 เวลา:10:15:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Yoja&Jiji
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 560 คน [?]




***ขอแจ้งให้ทราบว่า สำหรับผู้ที่เข้ามาถามคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาพฤติกรรมสุนัข จะไม่มีการตอบแล้ว โปรดอ่านบทความในบล็อกให้ละเอียด ทำความเข้าใจทุกประโยค คำถามส่วนใหญ่ มีคนมาถามแล้ว ให้อ่านคำตอบที่เคยตอบปัญหาของคนที่เคยถามได้ในส่วน comment ก็จะช่วยให้ได้ความเข้าใจและได้คำตอบ***

บทความและรูปภาพในบล็อก Yoja&Jiji เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล็อก แต่ยินดีที่จะให้นำบทความไปเผยแพร่ต่อที่ไม่ใช่เพื่อการค้าและธุรกิจ
ด้วยเงื่อนไขที่ต้องเขียนลิงค์ที่มาของบทความให้ชัดเจน ว่ามาจาก http://yojajiji.bloggang.com เพื่อที่หากมีผู้อ่านที่มีข้อสงสัย จะได้ตามลิงค์เข้าไปอ่านบทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้รักสุนัขและสุนัข
--------------------------------------------------------
ผมโยจา พี่สาวผมชื่อจีจี้ และน้องสาวชื่อยูจิ
โปรดเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆนะครับ
Blog นี้สำหรับช่วย คนรักหมา คนเลี้ยงหมา ให้มีความสุขกับน้องหมาในแนวทางของ Cesar Millan
ปัญหาพฤติกรรมสุนัขที่ไม่เหมาะสมกับครอบครัวเรา ไม่ว่าจะร้ายแรงมากหรือน้อย เป็นมานานแค่ไหน 1 วัน หรือ หลายปี คุณเองก็แก้ไขปรับได้ ด้วยหลักการเดียวกัน
เริ่มเลี้ยงสุนัข อยากให้ไม่มีปัญหาพฤติกรรมสุนัขต่างๆ เลี้ยงดูป้องกันไม่ให้มีปัญหาได้ด้วยตัวคุณเอง ด้วยหลักการเดียวกัน
ติดตามอ่านให้เข้าใจหลักจิตวิทยาสุนัข ตามแนวทางของ Cesar Millan
New Comments
[Add Yoja&Jiji's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com