<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 กันยายน 2558
 
 
Vegetarian runners: Gornergrat Zermatt Marathon 2015(Full Marathon 42km)...SWISS

profile   :Vegetarian /Mountain Trail -Sweet couple Ultra runners

รีวิวนี้ต่อมาจาก
Vegetarian runners: ตามรอย Eiger Ultratrail 2015 ...SWISS
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=03-09-2015&group=11&gblog=28


....Zermatt วันพฤหัสที่ 2 July

วันนี้เราเดินทางมาพักที่หมู่บ้านแสนสวยแสนน่ารัก Zermatt
เราเคยมาหมู่บ้านแห่งนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อมาเที่ยว แต่ปีนี้มาเยือนอีก แต่มาในฐานะนักวิ่ง

ทริปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ดูได้ที่
Trip......France & Monaco & Switzerland 2010( ตอน 3 Switzerland )
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=22-09-2010&group=10&gblog=6


Zermatt เป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์นะคะ นักท่องเที่ยวที่จะมาหมู่บ้านนี้ จะต้องจอดรถส่วนตัวที่เมืองTasch แล้วขนกระเป๋าขึ้นรถไฟมาที่Zermatt ที่นี่มีแต่รถที่ใช้ไฟฟ้า เราสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดเลย ไม่มีควันเสียจากท่อรถยนต์

มาปีนี้ดูคึกคักกว่าเดิมมาก เมื่อ5ปีที่แล้วมีโรงแรมน้อยกว่านี้ แต่ปีนี้ดูมีโรงแรมใหม่ๆสร้างเยอะขึ้นเยอะเลย ดูอึดอัดกว่าเดิม

ปี 2015 นี้ งานวิ่ง Gornergrat Zermatt Marathon มีความพิเศษคือ ได้รวมนักวิ่งแนวหน้าตัวแทนประเทศมาร่วมวิ่งในงาน  ปีนี้เป็น World Mountain Running Championship (WMRA long distance)  สุดยอดไปเลย! ได้กระทบไหล่นักวิ่งตัวแทนประเทศ และยังไม่พอค่ะ ในปีนี้ หมู่บ้าน Zermatt ยังจัดงานสำคัญอีก เพราะถือว่าเป็นงาน "150 years first ascent of the Matterhorn" ครบ 150 ปีที่มีการพิชิตยอดMatterhornได้ครั้งแรก

มาถึงปุ๊ป เราก็เดินทางไปงาน Expo เพื่อไปรับ bib ก่อนเลย
นั่งรถไฟไปเมือง St.Niklaus เพื่อไปงาน Expo
และเมืองนี้ก็เป็นจุดปล่อยตัวนักวิ่ง Ultra marathon และ Full marathonด้วย


งานวิ่ง Gornergrat Zermatt Marathon มีทั้งหมด 3 ระยะ คือ

1.Ultra marathon ระยะ 45.6km เข้าเส้นชัยที่ Gornergrat (ที่ความสูง 3089m) ให้ระยะเวลา 8h
2.Full marathon ระยะ 42.2km เข้าเส้นชัยที่ Riffelberg (ที่ความสูง 2585) ให้ระยะเวลา 7h
**ระยะ Ultra และ Full marathon ปล่อยตัวที่
St.Niklaus(ที่ความสูง 1116m)***
3.Half marathon ระยะ21km ปล่อยตัวที่ Zermatt(ที่ความสูง1616m) เข้าเส้นชัยที่ Riffelberg (ที่ความสูง 2585)


ผู้สมัครระยะ Ultra marathon ถ้าวิ่งมาถึง
Riffelberg และรู้ว่าไม่สามารถไปถึงGornergrat ได้ภายใน 8 ชั่วโมง ไม่ทัน cut off time ก็สามารถวิ่งแยกเพื่อไปเข้าเส้นชัยของระยะFull marathon ที่Riffelbergได้ ก็จะถือว่าได้เหรียญและเสื้อFinisherในระยะ Full marathon แทน

สำหรับเราสองคน แค่วิ่งในระยะ
Full marathon ขึ้นเขาสูงอากาศเบาบาง เส้นทางเทรลแบบนี้ให้ทัน 7 ชั่วโมงก็ถือว่ายากแล้วไม่แน่ใจว่าจะทันไหม จะให้ต่อไปถึงระยะ Ultra วิ่งเพิ่มขึ้นอีก 3กิโลกว่าๆกับ elevation gain เพิ่มอีก 500m ในเวลาที่เหลืออีกแค่ 1 ชั่วโมง คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเราทั้งคู่ยังปีนไม่เก่งขนาดนั้น ...แต่เราทั้งคู่ก็เสี่ยงวัดดวงดูค่ะ
สรุป...เราทั้งคู่ลงสมัครในระยะ
Ultra marathon ระยะ 45.6km เพราะถ้าไปไม่ทันเราก็วิ่งเข้าเส้นชัยของระยะFull marathonแทน ก็ยังได้เหรียญและเสื้อFinisherของระยะFull marathon ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า
เราแพลนว่า ถ้าเรามาถึง
Riffelberg ก่อน6ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะวิ่งต่อไป Gornergrat เพื่อไปเข้าเส้นชัยของระยะ Ultra marathon แต่ถ้ามาถึง Riffelberg ช้ากว่า6ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะไม่ไปต่อ เพราะไม่มีทางทัน cut off time 8h เราก็จะแยกไปเข้าเส้นชัยของระยะ Full marathonแทน

ค่าสมัครวิ่ง
ระยะ Ultra marathon ราคา 155 CHF ได้เหรียญและเสื้อFinisher(กำหนดไซส์ได้)
แถมbibของนักวิ่ง ยังสามารถใช้แทนตั๋วขึ้นรถไฟได้ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ใช้ได้ภายในวันศุกร์ 3July-วันอาทิตย์ 5July (วิ่งวันเสาร์ที่4July)
ในเส้นทางที่กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
Brig-St.Niklaus-Zermatt
St.Niklaus-Grachen
2สายด้านบนสำหรับนักวิ่งใช้เดินทางระหว่างเมืองใกล้ๆ ซึ่งบางคนอาจพักที่เมืองอื่นใกล้เคียง ก็ยังเดินทางได้ฟรีทั้งไปและกลับ และ นักวิ่งระยะUltraและ Full ที่ต้องปล่อยตัวที่เมือง
St.Niklaus ก็ยังขึ้นรถไฟได้ฟรี

รวมถึงรถไฟฟันเฟือง2สายคือ  Zermatt -Gornergrat และ สายZermatt-Sunnegga

ซึ่งรถไฟฟันเฟืองสาย
Zermatt -Gornergrat เมื่อนักวิ่งเข้าเส้นชัยที่ Gornergrat หรือ Riffelberg ก็ขึ้นรถไฟลงมาที่เมืองZermattได้ฟรี แถมสายนี้ก็เป็นสายสำคัญของนักท่องเที่ยว ทุกคนที่มาเที่ยวZermattก็จะขึ้นรถไฟสายนี้ขึ้นไปชมวิวยอดเขา Matterhorn และ วิวglacier ที่Gornergrat รวมถึงสามารถแวะลงที่จุดอื่นเพื่อลงไป hiking หรือไปดูทะเลสาบ
และสาย
Zermatt-Sunnegga ก็สามารถขึ้นไปชมวิวทะเลสาบ ไปhiking ได้อีกเช่นกัน

ค่าขึ้นรถไฟฟันเฟืองไปชมวิวที่Zermatt ถ้าซื้อตั๋วตามราคาปกติก็หลายตังค์อยู่ต่อรอบ แต่นักวิ่งสามารถใช้bibขึ้นฟรี แถมกี่รอบก็ได้ จะไปซ้อมวิ่งก่อน จะไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้า หรือไปเดินเที่ยว แถมวันอาทิตย์เขาก็ยังให้ใช้ฟรี เผื่อนักวิ่งอยู่เที่ยวต่อหรือไปเดินhiking เพื่อrecovery ก็ยังฟรี
คุ้มจริงๆ เมื่อเทียบกับค่าสมัครวิ่ง155 CHF และสิ่งที่ได้กลับมา ทั้งเสื้อFinisher ทั้งเหรียญ ของแจกจากงานวิ่ง(เป้อย่างดี/ถุงสำหรับใช้เป็นdrop bag)และยังนั่งรถไฟฟรีอีก ...สุดยอด !

บรรยากาศงานExpo
คนไม่เยอะ เพราะเรามาวันแรกที่เปิดรับbib แถมมาเนิ่นๆเลย










ระยะUltra ป้ายแดง กระเป๋าสำหรับdrop bag ก็สีแดง

แถมแจกเป้อย่างดีด้วย เห็นไหมคะ คุ้มค่ะคุ้ม!


ด้านหลังเป็นห้องน้ำชั่วคราวสำหรับนักวิ่ง


ด้านหลังเป็นที่ฉี่สำหรับหนุ่มๆ เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ยะ ..แปลกดี



นั่งรถไฟกลับมาที่หมู่บ้าน Zermatt
มีป้ายต้อนรับนักวิ่งโดดเด่นกลางถนนเลย "Runners welcome" ปีนี้มาในฐานะนักวิ่งค้าาาา
และยังมีงานครบ150ปีในการพิชิตยอดMatterhornเป็นครั้งแรก

เมืองคึกคักมาก นักท่องเที่ยวเยอะดี และ นักวิ่งก็มากันเยอะด้วย




ของที่ได้จากงานวิ่ง 

ชอบเป้  ดี๊ดี


แจกโปสเตอร์ฟรี


เอกสารต่างๆ
มีลูกโป่งให้ด้วย(เผื่อนักวิ่งมีลูก ก็เอาไปฝากได้)
มี postcard ของงานให้ด้วย ...ดีจัง จะได้เขียนแล้วส่งกลับไทย
อันนี้ชอบมากก็คือ สติกเกอร์งาน จะได้เอามาติดตกแต่งกระเป๋าเดินทาง5555


น้องJack Russell Terrier  ตัวนี้น่ารักมาก
รอเจ้าของอยู่หน้าร้านอย่างเรียบร้อยมากๆ
พี่หญิงขอถ่ายรูปด้วยน้าาาาาา


เห็นแล้วคิดถึงจีจี้น้อยที่บ้าน เป็น Jack Russell Terrier เหมือนกันเลย


ขอโชว์จีจี้น้อยหน่อย! ตอนเป็นนางเอกโฆษณาคู่กับพระเอกชื่อดังแห่งวิกน้อยสี



ไปเดินเที่ยวต่อดีกว่า
นั่งรถไฟฟันเฟืองสาย Zermatt -Gornergrat แวะลงป้าย Rotenboden (ที่ระดับความสูง 2815m)

รถไฟสายนี้ คนนิยมขึ้นแล้วลงตามป้ายที่ต้องการ เพื่อมาเดิน hiking เพื่อชมวิว
Matterhorn โดยเฉพาะทัวร์ญี่ปุ่น จะพาลูกทัวร์มาเดินhiking ขึ้นลงเขา ไม่ใช่ขึ้นรถไฟแล้วแวะเดินนิดๆหน่อยๆถ่ายรูปแล้วขึ้นรถไฟกลับนะคะ ทัวร์ญี่ปุ่นเดินกันจริงจังเลย  แบบว่าขึ้นรถไฟมายอดสูงหน่อย แล้วพาเดินhikingลงเพื่อกลับ ระหว่างทางก็ชมวิวถ่ายรูปตามเส้นทาง ส่วนใหญ่ลูกทัวร์จะสูงวัยและถือ trekking poles แบกเป้ เดินกันฉับๆๆ คนญี่ปุ่นแข็งแรงมาก ทัวร์เดินhikingแบบนี้เยอะจริงๆ


และสถานีRotenbodenนี้ ยังมีทะเลสาบแสนสวย มุมยอดฮิตที่จะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปทะเลสาบผิวกระจกสะท้อนเงาเทือกเขา Matterhorn
เมื่อ5 ปีที่แล้วหญิงก็ได้มาถ่ายรูปกับทะเลสาบด้วย

จะเดินhikingไปไหน มีป้ายบอกชัดเจน
เส้นทางขึ้นเขาตามเส้นทางวิ่งของรถไฟฟันเฟือง เป็นเส้นทางวิ่งของZermatt marathonนะคะ
เห็นไหมค่ะ วิวสวยมากๆ และก็ชันด้วย คุ้มกับที่มาวิ่งจริงๆ

วิวเบื้องหลังคือยอดเขาแสนสวย Matterhorn



ด้านหลัง เห็นธารน้ำแข็งด้วย ...สีเทาๆเหมือนน้ำกำลังไหล นั้นคือ ธารน้ำแข็งค่ะ


ยอดด้านบน คือทางเดินเพื่อไป Gornergrat จุดสูงสุดของรถไฟสายนี้ และ ยังเป็นจุดเข้าเส้นชัยของระยะ Ultra ด้วย ชันมากๆๆๆๆๆ  ต้องปีนกันเลยทีเดียว



นั่นไง ทะเลสาบแสนสวยเบื้องล่าง ต้องเดินไต่ลงไปถ่ายรูปสักหน่อย



ช่วงเย็น ผิวน้ำไม่นิ่ง เลยไม่เห็นเป็นกระจกสะท้อนวิวยอด Matterhorn แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ช่วงสายๆจะขึ้นมาใหม่ พรุ่งนี้ใช้ bib แทนตั๋วรถไฟใช้ขึ้นได้ฟรี ขึ้นกี่รอบก็ได้ งานวิ่งสวิสดี๊ดี ได้ใจไปเลย

ช่วงเย็นแบบนี้ ไม่มีทัวร์ลงเลย ดีมาก คนไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งวิวกันถ่าย


ขอวิ่งเล่นซะหน่อย ได้วิว Matterhorn อยู่เบื้องหลัง


Rave run กับวิว Matterhorn


วิ่งเสร็จ ก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว
เวลาเหลือก่อนรถไฟจะหมด ก็ขอขึ้นรถไฟต่อเพื่อไป Gornergrat

รออยู่หน้าป้าย Rotenboden



ถึงแล้ว Gornergrat (ที่ความสูง 3089m) จุดเข้าเส้นชัยของระยะ Ultra
วิวMatterhorn อยู่เบื้องหลัง สวยงามมาก



ถ่ายรูปเสร็จ รีบขึ้นรถไฟลงไปที่พัก หาอะไรหม่ำ พรุ่งนี้ลุยกันใหม่จ้าาาา

.......วันศุกร์ที่ 3 July

ตื่นเช้ามา อากาศเย็นๆ ไปเดินเล่นดีกว่า
วิว Matterhorn ถ่ายจากมุมข้างๆโรงแรม






รถไฟฟันเฟืองสาย Zermatt-Sunnegga ขึ้นชันเกือบๆจะแนว vertical เลยทีเดียว ในส่วนนี้ใช้bib ขึ้นฟรีได้
แต่ถ้าจะต่อกระเช้าในส่วน Rothorn จะต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่มค่ะ
เดินสำรวจเส้นทางสำหรับมาในวันอาทิตย์ในการเดินhiking สำหรับ recovery หลังวิ่ง



หมู่บ้านZermatt ตอนเช้า แดดยังไม่ออก อากาศจะเย็น
เห็นมีนักวิ่งมาซ้อมวิ่งพอสมควร เพราะพรุ่งนี้ก็มีงานวิ่งแล้ว


วันนี้ใช้bib แทนตั๋วรถไฟ
เช้านี้ขึ้นรถไฟฟันเฟืองสาย Zermatt -Gornergrat
จะเก็บภาพเส้นทางวิ่งสักหน่อย



ภาพถ่ายจากรถไฟ

 รถไฟฟันเฟือง ไต่ขึ้นเขา


อุโมงค์ไม้สำหรับรถไฟผ่าน สายยาวๆทอดไปตามภูเขา
ข้างๆอุโมงค์จะมีทางเดินสำหรับคนมา hiking และยังเป็นเส้นทางวิ่งของงานด้วย ซึ่งนักวิ่งจะต้องวิ่งขนานไปกับอุโมงค์นี้ เห็นค่อยๆขึ้น แต่จริงๆมันหลอกตา เพราะมันชันมากๆๆๆๆ


เชือกขาวๆยาวๆเอาไว้กั้นสำหรับเส้นทางวิ่งวันพรุ่งนี้
นักวิ่งจะวิ่งผ่านแล้วเห็นวิว Matterhorn ไปตลอดเส้นทางขึ้นเขาเลย





นี่คือเส้นทางวิ่งเพื่อเข้าเส้นชัยในระยะ Full marathon ที่ Riffelberg
มีเต็นท์กางเรียบร้อย


ต่อจากRiffelberg(ที่ความสูง 2585m) ก็คือเส้นทางของ Ultra
ต้องต่อไปอีก3กิโลกว่าๆกับ elevation gain เพิ่มอีก 500m เพื่อไปเข้าเส้นชัยที่ Gornergrat(ที่ความสูง 3089m)


เส้นทางของ Ultra ก็สวย เพราะเห็นวิวธารน้ำแข็งด้วย



บันไดเล็กๆนี้ ก็เป็นเส้นทางวิ่งของ Ultra มาถึงจุดนี้อีกไม่นานก็เข้าเส้นชัยที่ Gornergratแล้ว


เราลงรถไฟที่  Gornergrat เพื่อแวะถ่ายรูป
มีวิวMatterhorn อยู่เบื้องหลัง

 ย้อนอดีตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว(Jacketแดง)


จุดเดิมๆแต่ปีนี้ 2015 ความสวยของ Matterhornไม่ลดลงเลย







มุมถ่ายรูปกับพร็อพ แต่ต้องเสียเงิน ..มีชุดโบราณให้เปลี่ยนด้วยนะคะ



ขึ้นมา Gornergrat ก็จะเห็น Gorner glacier



Gorner glacier ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Aletsch glacier



ต่อมา เราแวะลงป้าย Rotenboden  เพื่อไปเก็บวิวทะเลสาบตอนสายๆอีกรอบ

ย้อนอดีต Rotenboden เมื่อ 5 ปีที่แล้ว(ใส่Jackerแดง)


ถ่ายที่ Rotenboden เช่นกัน แต่ปีนี้มาในฐานะนักวิ่ง



Matterhorn  โดดเด่นอยู่เบื้องหลัง


วิวสวยๆแบบนี้ต้องวิ่งเล่น


Rave run แบบมีวิวด้านหลังเป็น Matterhorn...เจ๋ง





ตอนเช้าๆทัวร์ลงเยอะ  

มีคนมานั่งวาดรูปและขายรูปที่วาด เป็นวิวMatterhornกับทะเลสาบ



ช่วงสายๆเกือบเที่ยงแบบนี้ ลมนิ่ง ทำให้ผิวน้ำนิ่งเป็นกระจก เห็นเงาสะท้อน Matterhorn ที่ผิวน้ำ



ต้องถ่ายรูปคู่รักนักวิ่ง



ได้ภาพเงาสะท้อนบนผิวน้ำสมใจ


วิวสวยๆแบบนี้ต้อง Rave run ฉบับคู่รักนักวิ่ง


วิ่งเสร็จ ไปเดินhikingต่อ เราจะเดินจาก Rotenboden(ความสูง 2815m) เพื่อไปRiffelberg(ความสูง 2585m)  ซึ่ง Riffelberg เป็นจุดเข้าเส้นชัยของระยะ Full marathon

 เห็นแถบคาดพลาสติกที่กั้นหรือเปล่าคะ?
นั้นคือแถบกั้น สำหรับงานวิ่งวันพรุ่งนี้



ดอกไม้น้ำเงินเล็กๆข้างทาง น่ารักมาก

เดินมาสักพัก จุดนี้ก็มีทะเลสาบ เป็นผิวกระจกสะท้อนเงาMatterhorn




เมื่อมาถึง Riffelberg เราก็นั่งรถไฟลงไปที่หมู่บ้าน Zermatt เพื่อไปขึ้นกระเช้าอีกส่วน สำหรับขึ้นมา Matterhorn glacier paradise(ที่ความสูง 3883m) ในส่วนนี้ใช้bibแทนตั๋วไม่ได้ค่ะ ต้องจ่ายเพิ่ม

รูประหว่างนั่งกระเช้า

รูปหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างหุบเขา ...นั่นคือหมู่บ้าน Zermattนั่นเอง



 มองลงมาเห็นธารน้ำด้วย เกิดจากหิมะบนยอดเขาที่ละลายแล้วไหลมาเป็นธารน้ำ



อุโมงค์รถไฟสายยาวๆ นั่นคือจุดที่นักวิ่งจะต้องวิ่งขนานไปกับอุโมงค์รถไฟขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มองจากตรงนี้ชันใช้ได้เลย ปลายทางของอุโมงค์ จะเห็นสิ่งก่อสร้างกลางเขา นั่นคือ สถานี
Riffelberg เป็นจุดเข้าเส้นชัยของระยะ Full marathon
แต่ถ้าจะวิ่งต่อไปในเส้นทาง Ultra จะต้องวิ่งขึ้นไปยอดบนสุด จะเห็นตึกที่มียอดมนๆ2อัน เป็นตึกที่อยู่มุมขวามือของรูป นั่นคือ Gornergrat เป็นจุดเข้าเส้นชัยของระยะ Ultra



ซูม
สถานีRiffelberg และ Gornergrat



วิวสวยๆ
ปีนี้มาช่วง Summer ต้น July ไม่ค่อยมีหิมะให้เห็น
แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มาช่วง Summer เหมือนกันแต่มาสัปดาห์ที่ 2 ของ June หิมะขาวโพลนไปหมด จ้าตามากๆ



อีกด้านของ Matterhorn กับทะเลสาบ

เมื่อ5 ปีที่แล้ว มองไปมุมไหนก็มีแต่หิมะขาวโพลนไปหมด ไม่เห็นหินดำๆเลย เห็นแต่ยอด Matterhorn กับท้องฟ้า และหิมะขาวๆไปหมด


ถึงแล้ว Matterhorn glacier paradise

รูปใส่หมวกแดง คือรูปที่มาเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ ...หิมะหนามาก และ หนาวมากด้วย




ปีนี้ 2015 Matterhorn ยังสวยไม่เปลี่ยน


มองไปด้านล่าง เห็นธารน้ำแข็งด้วย



ที่ส่วนนี้ ยังเปิดให้เล่นสกีได้อยู่นะคะ เห็นมีคนหอบสกีขึ้นกระเช้ามาเล่นเหมือนกัน ...เห็นแล้วอยากเล่น

สกี ก็เป็นกีฬาที่หญิงชอบมากๆๆๆๆ เล่นตอนที่ไปอยู่Australia
คือแบบว่า ตอนเล่นครั้งแรก แค่เห็นคนเล่น หญิงลองทำตามก็เล่นได้เลย ไม่ต้องมีใครสอน แบบว่าเป็นเอง แบบฝึกเล่นเอง ทรงตัวได้เลย อาจมาจากหญิงมีพื้นฐาน Ice skating แบบว่าตอนหัดเล่น ก็ฝึกเอง เล่นเอง หมุนตัว ยกขาเล่นท่าลีลาอะไรก็ฝึกเอง  จริงๆนะ ...5555 ไม่ได้โม้!


ลานสกีด้านล่าง


มองไปด้านล่างเห็นกระเช้า กับธารน้ำแข็ง


กลับลงมาที่หมู่บ้าน Zermatt

เย็นนี้มีเดินขบวนเดินพาเหรดของนักวิ่งแนวหน้าตัวแทนประเทศด้วย
เพราะปีนี้พิเศษ เป็น World Mountain Running Championship (WMRA long distance)

ด้านหลัง เหล่านักวิ่งเริ่มมารวมตัวกัน พูดคุยก่อนงานเริ่ม


ถ่ายกับรูปปั้นตัว marmot อยู่หน้า Matterhorn Museum

ตัว Marmot มันก็คือกระรอกยักษ์ อาศัยบนเขาสูง เช่น เทือกเขาAlps เป็นต้น

Matterhorn Museum ดีมากๆเลย ทำดีมาก

14 July 1865 เวลา 1.40pm  นักปีนเขาทั้งหมด 7 คน สามารถพิชิตยอดเขาMatterhorn ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แต่ตอนไต่เชือกช่วงขาลง ทั้ง 7 คนได้ผูกเชือกติดกันเป็นขบวน เกิดเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น คือ เชือกขาด  จุดที่เชือกขาดอยู่ระหว่างคนที่ 3ต่อกับคนที่4
ทำให้ 4 คนที่เหลือ ร่วงตกเขาเสียชีวิต แล้วเหลือรอดกลับลงมาแค่ 3 คน

ทาง Museum ได้จัดนำเชือกเส้นนั้นที่ขาด ที่ฆ่านักปีนเขา4คนจากการพิชิตยอดเขาได้ครั้งแรก นำมาแสดงโชว์ให้พวกเราได้เห็นของจริงด้วย

เมื่อปี 2005 บริษัทผลิตเชือกชื่อดังของ Swiss ยี่ห้อ Mammut ได้ทำเชือกขึ้นมาใหม่ตามแบบเชือก original  แล้วนำมาทดสอบ พบว่า เชือกเส้นนั้นสามารถรับน้ำหนักได้เพียง 150kg ไม่แปลกใจเลยที่เชือกเส้นนั้น ทำให้นักปีนเขา 4 คนไม่รอดกลับมา เพราะเชือกขาดก่อน

และปีนี้ 2015 ถือเป็น  "150 years first ascent of the Matterhorn" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรามาวิ่งพอดี เมืองคึกคักเป็นพิเศษ และ  งานวิ่งZermatt Marathon ในปีนี้ ยังเป็น World Mountain Running Championship (WMRA long distance)อีกด้วย



พรุ่งนี้ตามเส้นทางวิ่ง เราต้องวิ่งผ่านหมู่บ้าน Zermatt ประมาณโลที่ 21



 มีงาน Pasta Party
นักวิ่งจะได้ตั๋ว สำหรับเป็นส่วนลดค่าอาหาร เครื่องดื่ม



เราไม่ได้ร่วมงานPasta Party เพราะเย็นนี้เราจะไปหม่ำอาหารจีน โหลดเส้นบะหมี่ซักหน่อย 555

ในตั๋ว มีคูปองสำหรับแลกซื้อ pasta และ เบียร์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ 1แก้ว ในราคาเพียง 5 CHF

ในงานมีดนตรี และ สัมภาษณ์นักวิ่ง


มีธงหลายประเทศ แต่ไม่มีธงชาติไทยเลย


เดินพาเหรดนักกีฬาเริ่มแล้ว


ในคลิป ดูดีๆมี นักวิ่งสาวคนดัง Stevie Kremer ตัวแทน USA ด้วยค่ะ
จุดเด่นก็คือ เธอจะใส่ต่างหูมุกเม็ดโต เป็นเครื่องประดับประจำกายลงวิ่งแทบจะทุกสนาม


.........วันวิ่ง วันเสาร์ที่ 4 July

ตื่นเช้าสบายๆไม่ต้องเร่งรีบ หม่ำอาหารเช้าเสร็จ ก็มาถ่ายรูปเล่น

เราทั้งคู่ใส่ชุดวิ่ง เสื้อและกางเกงของ X-bionic ทั้งชุด
แบรนด์ X-bionic หญิงชอบมาก เพราะมันสวยดี แถมเป็นแบรนด์ของสวิส(Swiss Engineered)ได้รับรางวัล "Most innovative brand award"ด้วย
ส่วนปลอกแขนเป็นของ Compressport สีเดียวกันกับเสื้อเลย

รองเท้าก็ใส่ของ Altra รุ่น Superior2.0 เช่นเดิม



 ตอนเช้า ไม่มีแดด อากาศเย็นใช้ได้เลย



นักวิ่งระยะ Ultra และ Full marathon ปล่อยตัวที่เมือง St.Niklaus  ต้องนั่งรถไฟไปค่ะ
นักวิ่งใช้bib แทนตั๋วรถไฟขึ้นฟรี

ภาพบนรถไฟ...มีแต่นักวิ่ง


ถึง St.Niklaus แล้วค่ะ








จุดปล่อยตัวอยู่ด้านล่าง




เราทั้งคู่แต่งตัวเป็นจุดเด่นตามเคย เดินไปไหนคนก็มองแล้วยิ้มให้
เราว่า..เราได้ทำตัวเนียนๆไปกับสิ่งแวดล้อมแล้วน้าาาาา

ด้านหลังเป็นห้องน้ำ


ด้านล่าง เป็นจุดฝากกระเป๋า drop bag
ถุงแดงเป็นของระยะ Ultra /ถุงน้ำเงินเป็นของระยะ Full
นักวิ่งสามารถไปรับถุงคืนได้ที่ Riffelberg ซึ่งเป็นจุดเส้นชัยของระยะ Full marathon








จุดปล่อยตัว



เส้นทางระยะ Ultra


เส้นทางระยะ Full Marathon (วิวอีกมุม)





แต่ละจุด จะมี cut off time นะคะ เราต้องรีบไปให้ทันเวลาในแต่ละจุดด้วย
ระยะ Ultra ให้เวลา 8h
ระยะ Full marathon ให้เวลา 7h
งานนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ trekking poles นะคะ

นักวิ่งระยะ Ultra และ Full marathon ปล่อยตัวเวลาเดียวกัน
โดยนักวิ่งแนวหน้าตัวแทนประเทศ (ป้ายสีทอง) ปล่อยตัวเวลา 8.35am
และนักวิ่งคนอื่่นๆ ปล่อยตัวเวลา 8.50am



*****ภาพระหว่างเส้นทางวิ่ง


วิ่งขนานไปกับรถไฟ คนในรถเชียร์ให้กำลังใจนักวิ่ง



วิ่งมาครึ่งทางแล้ว มุมนี้ที่หมู่บ้าน Zermatt เห็นยอด Matterhorn













พี่จุ่นเริ่มเจ็บเข่า ทำให้การปีนช้าลง
ต้องคอยลุ้นว่าจะทัน cut off time หรือไม่


อากาศร้อนมากๆ




 ณ จุดนี้ มีวงดนตรีเล่นให้กำลังใจนักวิ่งด้วย
คึกคักมาก

ทุกคนยิ้มให้กล้องเราด้วย


พี่จุ่นเจ็บเข่า

 หนทางอีกยาวไกล




ภาพล่าง...จุดนี้กำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ต้องวิ่งขนานไปกับอุโมงค์รถไฟที่ไต่ขึ้นเขา
ถัดจากนี้ก็ใกล้ถึงจุดเข้าเส้นชัยของ Full marathon ที่ Riffelberg

ตอนนี้เวลา cut off time ของระยะ Full marathon (7ชั่วโมง)กำลังจี้ตูด
ลุ้นมาก กลัวจะไม่ทันเวลา แถมพี่จุ่นเจ็บเข่าด้วย



****ภาพถ่ายที่ซื้อจากงานค่ะ

เห็นวิว Matterhorn






วิวทะเลสาบ Grunsee


ถึง Riffelberg
มีธงสวิสปักตามทางด้วย ...น่ารักดี











*****
มาถึง Riffelberg เกือบจะ 7 ชั่วโมงแล้ว
cut off time ของระยะ Full marathon ให้ 7 h

ถ้าจะไปต่อเพื่อเข้าเส้นชัยระยะ Ultra เราเหลือเวลาอีกแค่ 1 h ในเส้นทางที่ชันกว่านี้มากๆๆๆๆ
เหลือระยะทางอีก 3กิโลกว่าๆกับ elevation gain เพิ่มอีก 500m ในเวลา 1 h กับสภาพที่พี่จุ่นเจ็บเข่ามากๆๆ ...ไม่ต้องหวังเลย

เราทั้งคู่ตัดสินใจ มุ่งหน้าเข้าเส้นชัยของระยะ
Full marathon ค่ะ  แค่ให้ทัน 7h ก็ยากแล้ว ถือว่าเราทั้งคู่ทำเต็มที่แล้ว แค่นี้ก็ดีใจสุดๆๆ แทบลอยเลย
ก่อนลงสมัครงานนี้ ก็ตั้งใจมาแค่ Full marathon ยังลุ้นเลยว่าจะทำได้ไหม แต่ก็เสี่ยงสมัครUltraเผื่อไว้ เผื่อฟลุค

เข้าเส้นชัยระยะ Full marathon ในเวลาเฉียดฉิวสุดๆ  6.59 h (Cut off time 7h) สุดยอดๆๆๆๆ ...ดีใจแทบลอย เราทั้งคู่ทำได้สำเร็จแล้ว


ถ่ายภาพวินาทีสุดแสนดีใจ ...ทำสำเร็จแล้ว Zermatt Marathon




จากsunnto ambit3;   elevation gain 1913m  ,elevation loss 421m

จากในคลิปหญิงกดstart นาฬิกาล่วงหน้าไปประมาณ 5 นาทีค่ะ



นักวิ่งระยะ Full marathon ....
นักวิ่งชายFinisher ทั้งหมด 656 คน พี่จุ่นได้ลำดับที่ 582
นักวิ่งหญิงFinisher ทั้งหมด 249 คน หญิงได้ลำดับที่ 216

สรุปว่าระยะ Full marathon ใครเข้าภายใน 8 ชั่วโมง ก็ Finisher ค่ะ
แต่cut off time จริงๆ ให้ 7 ชั่วโมง หญิงกับพี่จุ่นถือว่าเป็นคนสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยได้ภายใน 7 ชั่วโมง (เข้าในเวลา 6.59h)ไม่เช่นนั้นชื่อเราสองคนต้องครองตำแหน่งสุดท้ายของระยะ Full marathon เป็นแน่แท้ เท่ห์ได้ใจสุดๆ5555



งานนี้จัดดีมากๆๆ วิวสวย เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกดีมาก ให้ความเป็นกันเองกับคนเอเชียอย่างเราทั้งคู่
เส้นทางวิ่งชัดเจน ไม่ต้องกลัวหลง จุดไหนเป็นทางแยกดูแล้วอาจจะงง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ยืนประจำที่ กำกับบอกเส้นทางเลยทีเดียว
น้ำ/เกลือแร่/ขนม/น้ำอัดลม/ฟองน้ำชุบน้ำ.. ไม่มีขาด ขอเติมน้ำได้ด้วยไม่หวงน้ำ
มีคนเชียร์ตลอดเส้นทาง คึกคัก ไม่เหงา

งานนี้ มีนักวิ่งระยะ Ultra แต่เปลี่ยนมาเข้าเส้นชัยของระยะ Full marathon เยอะพอสมควรเลยนะคะ ไม่ใช่แค่คู่เรา .....
เส้นทางถือว่าไม่ง่ายเลยนะคะ เพราะอากาศบาง แถมวันวิ่งก็ร้อนมากๆๆๆๆๆๆ (ถ้าอากาศร้อน ปริมาณออกซิเจนก็จะน้อยกลงกว่าเดิม) ก็จะทำให้นักวิ่งเหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีก

ได้เหรียญ และ เสื้อ Finisher ระยะ Full marathon กลับไทย.... เย้!



มีวิว Matterhorn อยู่เบื้องหลัง



งงมาก! เพราะนักวิ่งตัวแทนประเทศยูเครน ขอถ่ายรูปกับเราด้วย
คงเห็นเราแปลกแน่ๆ 555

นักวิ่งแนวหน้าตัวแทนประเทศ จะติดป้ายสีทอง

 เราเบอร์5 บ้าเห่อ ...ใส่เสื้อFinisher เลย





คุณลุงคนนี้มาขอถ่ายรูปคู่ด้วยค่ะ คงเอ็นดูเรา
เพราะวิ่งฝีเท้าใกล้เคียงกัน  ระหว่างวิ่งก็เห็นคุณลุงเกือบตลอดทาง

ป้ายสีฟ้า คือ ระยะ Full marathon ค่ะ

 บรรยากาศหลังเส้นชัย 


เหรียญ และ เสื้อ Finisher อันแสนภาคภูมิใจ




เหรียญแกะสลักเป็นรูป Matterhorn ด้วย สวยมากเลย



ปีนี้เหรียญพิเศษ แกะว่า World Mountain Running Championship * WMRA long distance



คลิปบรรยากาศเส้นทางวิ่งสวยๆ










.........วันอาทิตย์ที่ 5 July

วันนี้เราจะไปเดิน hiking เพื่อ recovery กันค่ะ

นั่งรถไฟฟันเฟืองสาย Zermatt-Sunnegga  มาลงที่ Sunnegga แล้วต่อกระเช้าเพื่อขึ้นมาที่ Blauherd


ที่Blauherd  เป็นจุดที่คนนิยมมาเดิน hiking กัน





แต่เราจะขึ้นไปเที่ยว Rothorn ก่อน แล้วช่วงบ่ายๆ ค่อยกลับลงมาเดินhiking ที่ Blauherd

กระเช้ามุ่งสู่ Rothorn



ถึง Rothorn แล้ว....
 มีแพะภูเขานั่งหลบแดดอยู่



วิว Matterhorn จาก Rothorn


มีทางเดินhiking อันแสนชัน เพื่อขึ้นมาที่ Rothorn ด้วยนะคะ
ใครอยากขึ้นกระเช้าก็มีบริการ ใครอยากพึ่งกำลังขาของตัวเองก็มีทางให้เดิน




มีวิว Matterhorn อยู่เบื้องหลัง






กลับลงมาเดิน hiking ที่ Blauherd
ที่ Blauherd เขาว่ากันว่าเป็นบ้านของเจ้าตัว Marmot

นี่ไง Marmot ... (ถ่ายจากสถานีกระเช้า ถูกสตาฟไว้)



นี่คือดอกไม้ประจำชาติสวิสค่ะ 
ดอก Edelweiss (ถ่ายจากกระถางในร้านขายของฝาก)


เป้าหมายของเราคือ จะเดินไปถ่ายรูปที่ทะเลสาบ
ระหว่างทางก็จะมองหาตัวMarmotไปด้วย อยากเห็นตัวจริงที่วิ่งไปมาได้
และ ก็จะถ่ายรูปดอกไม้ข้างทางด้วย เผื่อบังเอิญได้เห็นดอก  Edelweiss ที่ขึ้นตามธรรมชาติ

ลุยกันเล้ย!


ดอกไม้สวยๆข้างทาง ดอกจิ๋วๆ













ถึงแล้ว ทะเลสาบ  มีวิว Matterhorn อยู่เบื้องหลัง









 ระหว่างทางเดินกลับไปยัง สถานีกระเช้า Blauherd 
ก็ถ่ายรูปดอกไม้ข้างทางไปเรื่อยๆ













สรุปว่า ไม่เห็นเจ้า Marmot ตัวเป็นๆ
และไม่เห็นดอก Edelweiss ที่ขึ้นตามธรรมชาติ

แต่ก็ได้วิวสวยๆเยอะแยะ ไม่ผิดหวังจริงๆกับประเทศสวิส มาอีกกี่รอบก็ไม่เบื่อ

วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับไทยค่ะ

แล้วจะมาเยือนสวิสใหม่เร็วๆนี้ เพราะมีงานวิ่งเทรลที่หมายตาไว้แล้ว ขอบอกว่าเส้นทางสวยมากๆๆๆๆๆ และยากกว่านี้ ...ต้องกลับไปฟิตร่างกายเพิ่มเพื่อกลับมาให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ร่างกายเราช่างวิเศษ เพราะพัฒนาได้ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ตาม แค่หมั่นใช้มัน แล้วเขาจะไม่เสื่อมไปตามอายุ
ร่างกายยิ่งใช้ยิ่งสร้าง แต่ปล่อยนิ่งๆไม่ยอมใช้ มันจะยิ่งเสื่อมนะค้าาาาาา

 %%%%%%%%

เจอกันทริปหน้านะคะ 



Create Date : 04 กันยายน 2558
Last Update : 7 กันยายน 2558 23:18:18 น. 1 comments
Counter : 2931 Pageviews.

 
สวยงามมากค่ะงานนี้ ดูรูปเพลินเลย


โดย: ming IP: 171.7.247.207 วันที่: 6 มกราคม 2559 เวลา:17:58:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Yoja&Jiji
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 560 คน [?]




***ขอแจ้งให้ทราบว่า สำหรับผู้ที่เข้ามาถามคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาพฤติกรรมสุนัข จะไม่มีการตอบแล้ว โปรดอ่านบทความในบล็อกให้ละเอียด ทำความเข้าใจทุกประโยค คำถามส่วนใหญ่ มีคนมาถามแล้ว ให้อ่านคำตอบที่เคยตอบปัญหาของคนที่เคยถามได้ในส่วน comment ก็จะช่วยให้ได้ความเข้าใจและได้คำตอบ***

บทความและรูปภาพในบล็อก Yoja&Jiji เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล็อก แต่ยินดีที่จะให้นำบทความไปเผยแพร่ต่อที่ไม่ใช่เพื่อการค้าและธุรกิจ
ด้วยเงื่อนไขที่ต้องเขียนลิงค์ที่มาของบทความให้ชัดเจน ว่ามาจาก http://yojajiji.bloggang.com เพื่อที่หากมีผู้อ่านที่มีข้อสงสัย จะได้ตามลิงค์เข้าไปอ่านบทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้รักสุนัขและสุนัข
--------------------------------------------------------
ผมโยจา พี่สาวผมชื่อจีจี้ และน้องสาวชื่อยูจิ
โปรดเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆนะครับ
Blog นี้สำหรับช่วย คนรักหมา คนเลี้ยงหมา ให้มีความสุขกับน้องหมาในแนวทางของ Cesar Millan
ปัญหาพฤติกรรมสุนัขที่ไม่เหมาะสมกับครอบครัวเรา ไม่ว่าจะร้ายแรงมากหรือน้อย เป็นมานานแค่ไหน 1 วัน หรือ หลายปี คุณเองก็แก้ไขปรับได้ ด้วยหลักการเดียวกัน
เริ่มเลี้ยงสุนัข อยากให้ไม่มีปัญหาพฤติกรรมสุนัขต่างๆ เลี้ยงดูป้องกันไม่ให้มีปัญหาได้ด้วยตัวคุณเอง ด้วยหลักการเดียวกัน
ติดตามอ่านให้เข้าใจหลักจิตวิทยาสุนัข ตามแนวทางของ Cesar Millan
New Comments
[Add Yoja&Jiji's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com