ไปฝึกเป็นทหารของพระพุทธเจ้า
หยุด 3 วัน ไปฝึกสติมา
ฝึกหนักประหนึ่งฝึกเป็นทหารก็ไม่ปาน ฝึกเพื่อรบกับกิเลส
ตื่น ตี 3.30 น. นอน 3 ทุ่ม
ปฏิบัติตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น พักฉันเพลตอน 11 โมง แล้วก็รีบไปทำความเพียรต่อ ก็จะใช้เวลาในการปฏิบัติ 7 - 8 ชั่วโมงต่อวัน เดินจงกรมทั้งวัน ไม่มีหยุดพัก ขาแทบจะหลุด สลับกับการสร้างจังหวะ แต่ก็สู้ จนถึงเวลาตีระฆัง 5 โมงเย็นกว่า
การสร้างจังหวะหรือการเดินจงกรม เป็นการทำจิตให้ออกมาอยู่กับปัจจุบัน ให้จิตมาระลึกรู้อยู่กับกาย ออกจากความคิดฟุ้งซ่าน
ทางเดินเข้าวัด
สถานที่เงียบสงบ ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไผ่
ทางเดินจงกรม มากมายหลายลู่ ยังกะลู่นักแข่ง ต่างคนต่างปฏิบัติ
พอดีไปเจอคอร์สที่นักศึกษามาปฏิบัติธรรม ทางเดินจงกรมที่ว่างๆ นี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้ปฏิบัติธรรม
เดินทางด้วยรถทัวร์จากกรุงเทพหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน กว่าจะไปถึงวัดรุ่งเช้า ก็เข้าปฏิบัติเลย อาการง่วงนอน อ่อนแรงเป็นอุปสรรคมาเป็นระยะ เวลาความง่วงมาก็ได้แต่เงยหน้าดูท้องฟ้า ที่ปิดบังไปด้วยต้นไผ่ สู้กับความง่วง แพ้บ้างชนะบ้างผลัดกันไป
ถึงจะมาน้อยวัน ก็ตั้งใจทำความเพียรเต็มที่ แวดล้อมไปด้วยผู้คน ด้วยสถานที่เต็มไปด้วยความเงียบ ใครทำอะไรนิดหน่อยก็จะเกิดเสียงดัง มีเสียงเดินจงกรมสวนกันไปมา เสียงแม่ครัวคุยกัน เสียงคนซักผ้า เสียงเด็กกระชิบกระซาบกัน เสียงเด็กวิ่งในร่องจงกรมของตนเองเพื่อต่อสู้กับความง่วง ก็ไม่ทำให้มีอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมแม้แต่น้อย เหมือนเดินเข้าไปดูในใจของตนเอง...เสียงเหล่านี้กลับไม่มีผลอะไรเลย
ปกติก็ชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว หนีไปเดินจงกรมในที่ไม่มีคน คราวนี้ไม่หนีไปไหนล่ะ ลองเผชิญกับความวุ่นวายดู จิตกลับสงบนิ่ง ความรำคาญจางหายไป
ตอนเย็นก่อนทำวัตรเย็น ไปเดินจงกรมเป็นหมู่คณะที่หน้าวัด พื้นถนนเต็มไปด้วยกรวดเล็กๆ แหลมคม ต้องเดินด้วยการกำหนดรู้ไปทีละก้าว ถ้าย่ำไปอย่างแรงเศษหินก้อนเล็กทำความเจ็บให้ดีนัก
ภายในศาลาที่จุคนได้มากถึง 200 คน
อาหารที่ฉันก็เอาแต่พอประมาณด้วยสติกินมากเดี้ยวง่วงนอน ใส่ทุกอย่างในกาละมังเดียวกัน
อาหารคาวหวานให้เลือกหลากหลาย ยั่วกิเลสดีนัก
ห้องพักอยู่ข้างเมรุเผาศพ ชื่อห้องทุกขัง ห้องนี้จุ คนได้ประมาณ 15 คน เพราะปฏิบัติธรรมมาหลายครั้งความกลัวเลยไม่เกิด มีน้องตัวเล็กๆ ประมาณเด็กประถม ก็มาปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ทุกคนอยู่ในความสงบพูดกันแต่น้อย
มาคราวนี้เด็กๆ รุ่นประถมมีมากันหลายคน นึกแปลกใจเหมือนกัน พ่อแม่มาทิ้งไว้ให้ปฏิบัติธรรมเพราะปิดเทอม
กราบขอบพระคุณหลวงตาที่สอนสั่ง ให้รู้จักกับธรรมะที่แท้จริง รู้วิธีที่ลัดสั้นตรงสู่การรู้แจ้งในจิต
ทำให้เรียนรู้ว่า ความไม่ทุกข์เป็นสุขยอดแห่งขุมกำลังใจทั้งหลาย เป็นคลังของมหาสมบัติของชีวิตอย่างแท้จริง
โลกนี้ดูช่างกว้างไกล แต่ไร้คนเดิน โลกนี้มีแต่ทุกข์ที่้้ต้องเผชิญ แต่ก็ห่างเหินจากผู้มองเห็น โลกนี้ว่างเปล่า แต่ผู้คนก็หลงอยู่กับความอยากมีอยากเป็น โลกนี้เพียงของเล่น รีบเพียรให้เห็นของจริง อยากจะมุ่งมั่นไปให้สุดทางธรรม เท่าที่ความเพียรของตัวเองมีอยู่
Create Date : 26 ตุลาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 11:06:38 น. |
Counter : 1787 Pageviews. |
|
|
|