มองโลกให้งาม ชีวิตก็งดงาม....................
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
24 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
ตามรอย...หลวงพ่อเทียน

พึ่งปฏิบัติธรรมมาได้ 3 ปี ในแนวปฏิบัติ"การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว"สายของหลวงพ่อเทียน ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตามสติกำลังระลึกได้ แต่ก็พบว่ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตมากมาย ใจเย็นขึ้น ได้กัลยาณมิตร ในทางธรรม เพิ่มขึ้น การปฏิบัติธรรมก้าวหน้า ส่งผลถึงการดำเนินชีวิต และหน้าที่การงาน

เดือนกันยายน 2551 เป็นปีที่หลวงพ่อเทียนละสังขาร ครบ 20 ปี ก็ปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธบูชาที่วัดสนามใน และสุดท้ายก็รวมตัวกันเดินทางไปบ้านบุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย (บ้านเกิดหลวงพ่อเทียน)



9 ชีวิต ที่ปฏิบัติธรรมมาด้วยกัน พวกเราลองเดินตามรอย ท่านดูซิ ไปแสวงหาถิ่น ที่เค้าร่ำรือว่าเงียบสงบ และยังมีบุคคลที่เคยปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเทียน



การเดินทางไปบ้านบุฮม ได้ใช้เส้นทาง เพชรบูรณ์ ขึ้นไปที่จ.เลย โดยผ่าน
อ.ด่านซ้าย / ภูเรือ / ท่าลี่ / เชียงคาน

แวะเที่ยวภูเรือ บรรยากาศหมอกลงจัดมาก เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์



ออกเดินทางจากกรุงเทพ สามทุ่มเย็นวันศุกร์ เดินทางไปถึงบ้านบุฮม อ.เชียงคาน เย็นวันเสาร์
ไปโดยไม่รู้ว่าบ้านหลวงพ่อเทียนอยู่ที่ไหนกว่าจะหาบ้านหลวงพ่อเทียนเจอ
ก็เกือบห้าโมงเย็น

หน้าบ้านหลวงพ่อเทียน



ต้องขอเล่าว่า...
กว่าจะเจอบ้านหลวงพ่อเทียน ใช้เวลานานมาก
เดินถามไปทุกหลังคาเรือน ตั้งแต่ปากทางเข้าบ้านบุฮม
ว่ารู้จักบ้านหลวงพ่อเทียนไหม ไม่มีคนรู้จัก
ต้องเปลี่ยนแผน ไปถามว่ารู้จักคนนามสกุล อินทะผิว(นามสกุลของหลวงพ่อเทียน)
เจอคุณยายแกม ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อเทียน ดีใจมาก กอดแขนคุณยายไว้ไม่ยอมปล่อยมือเลยค่ะ



คุณตาเรือง (หลานของหลวงพ่อเทียน ) ออกมาต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากแดนไกล ยิ้มปลื้มมาก บอกว่า "เด็กวัยนี้ สนใจธรรมะของหลวงปู่เทียน ตา มีความสุขใจจริงๆ "
(คุณตาเรียกหลวงพ่อเทียน ว่าหลวงปู่ ค่ะ)



ตอนแรก คุณยาย /คุณตาเรือง / ชาวบ้านบุฮม เข้าใจว่าพวกเรายังเป็นนักศึกษา


อาหารมื้อเย็น ที่บ้านหลวงพ่อเทียน อร่อยมากค่ะ



หลังจากทานข้าวเสร็จ คุณตา คุณยาย ก็พาสวดมนต์ ทำวัตรเย็น



เจริญสติ ทำความเพียรร่วมกันเพื่อเป็นพุทธบูชา และต่อด้วยการสนทนาธรรม



สนทนาธรรม คุณตา ตอบคำถามทุกคำถามที่สงสัย
พร้อมทั้งบอกเล่าประสบการณ์การปฏิบัติธรรม/ ปริศนาธรรม /ข้อคิด /สติ /
และสิ่งที่ควรปฏิบัติ และการนำไปใช้กับชีวิตประจำวัน

คุณตา ได้เล่าการปฏิบัติธรรม สมัยก่อนฝึกธรรมะกันอย่างไร
การฝึกกับหลวงพ่อเทียน ไม่ได้ฝึกกันเป็นจำนวนมาก ฝึกกันเป็นหมู่คณะเหมือนสมัยนี้ จะฝึกกันจำนวน 5-6 คน โดยการเก็บอารมณ์กันคนละกุฎิ
ต่างคนต่างฝึก ไม่พูดคุยกันตลอดระยะเวลาการฝึก ทำให้รู้รูปนาม ภายในเวลาไม่กี่วัน

การสนทนาธรรมกับคุณตา /คุณยาย ภาษาพูด คำสอนที่เรียบง่าย เสมือนหนึ่งหลวงพ่อเทียนมานั่งอยู่ตรงหน้าทีเดียว ขนลุก น้ำตาไหล พยายามจับความรู้สึกตัวตลอดเวลา



คำถามจากหลานๆ
ทำไมต้องฝึกธรรมะ ?
ฝึกแล้วได้อะไร ?
รู้ว่าทุกข์ทำไมถึงปล่อยวางไม่ได้สักที ?
ทำไมคุณตาถึงมาฝึกธรรมะ เพราะอะไร ?

คุณตา ถามหลานๆ บ้าง
รู้ไหมทุกข์คืออะไร ?
จิตหลุดพ้น ญาณย่อมมี หมายถึงอะไร


ฟังการสนทนาธรรม บางช่วง ก็แอบน้ำตาไหล ปิติ บอกไม่ถูก ทุกคำถาม ทุกคำตอบ อยู่ในหัวใจกระจ่างชัดไปหมด ขอนำมาเล่าให้ฟังบางส่วนนะคะ

คำถามจากหลานๆ
ทำไมจะต้องฝึกธรรมะ
คุณตาตอบว่า ฝึกเพื่อตัวเองสิ จะได้มองเห็นความทุกข์
(คุณตาทิ้งปริศนาธรรม คนที่อยุ่ไกลไม่ค่อยสนใจ
คนที่อยู่ใกล้เห็นคุณค่าของการฝึก มันรู้เฉพาะตัวจริงๆ)

ฝึกแล้วได้อะไร ?
คุณตาตอบว่า ลดทิฐิตัวตนของเราเองนั่นแหละ
อีกอย่างได้เห็นความทกข์ที่ปรุงจากที่เราคิด
แนะต่อว่า ให้เห็นและมองความคิด อย่าเข้าไปเล่นกับมันนะ
รู้ว่าทุกข์ทำไมถึงปล่อยวางไม่ได้สักที ?
คุณตาตอบว่า เพราะเราไปยึดกับมันนะสิ ตัวรู้สึกตัวไม่ต่อเนื่อง
กำลังสติมีน้อย ปัญญายังไม่พอต้องฝึกเยอะๆ
พวกหนูมาถูกทางแล้วให้ทำต่อไป
ทำไมคุณตาถึงมาฝึกธรรมะ เพราะอะไร ?
เริ่มจากความไม่เชื่อเลย เวลาหลวงปู่(หลวงพ่อเทียน)
มาสอนก็ไม่อยากมาเจอเลย พอช่วงหลังเห็นคนอื่นเขาปฎิบัติ อยากรู้
อยากลองว่าที่เขาพูด ปฎิบัตแล้วมันสามารถทำให้เราสบายหลุดจากความโกรธได้ พอได้ทำแล้วจึงเข้าใจและหายสงสัย
คุณตาเล่าต่อว่า สมัยที่ปฎิบัติหลวงปู่ให้อยุ่คนเดียว จะไม่พูด
การกินอาหารแต่ละมื้อแต่ละคำ ให้อยู่กับตัวรู้ตลอด ทำให้เข้าใจรูป - นาม ภายใน 7 วัน

คุณตา ถามหลานๆ บ้าง รู้ไหมทุกข์คืออะไร ? ทุกคนนั่งเงียบ
ถ้าให้ตอบคือ ถ้าเป็นทุกข์ทางกายความไม่สบายของกาย ทุกข์ทางใจ
เกิดจากความไม่พอใจ ,ความอึดอัดรำคาญใจ ที่เกิดจากที่รู้ไม่ทันจากทางอายตนะรับสิ่งต่างๆเข้ามาปรุงและยึดติดกับอารมณ์ เพราะเราไม่รู้สึกตัว

จิตหลุดพ้น ญาณย่อมมี หมายถึงอะไร ?
ความเข้าใจอย่างเรายังอ่อนปัญญาอยู่ หลุดจากอารมณ์ต่างๆ
หรือหลุดความโกรธได้ทันที ก็แจ๋วแล้ว
แต่ขอให้หลุดจริง
หนูเองยังติดอารมณ์อยู่คะ ?
คุณตาแนะนำว่าเป็นเรื่องปกติแต่ให้เรารู้ อย่าติดมันนานและอย่าบ่อย

จบการสนทนาธรรม ประมาณ 3 ทุ่ม
คุณตา / คุณยาย เห็นหลานๆ นั่งรถมาไกล ให้รีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า



คุณยายแกม ปลุกตั้งแต่ตี 4
เดินจงกรมกัน / พูดคุยกับคุณยาย
พร้อมทั้งเตรียมตัวใส่บาตร


คุณตา คุณยาย (บ้านบุฮม) รุ่นปฏิบัติธรรม รุ่นสุดท้าย กับหลวงพ่อเทียน


เปรียบเหมือน ตอนเช้าพากายเดิน....อยู่บนสรรค์ที่ภูเรือ
ตอนเย็นพาใจเดิน.......อยู่บนสวรรค์ที่บ้านบุฮม การเดินทางมาครั้งนี้คุ้มจริงๆ

ได้นอนค้างที่บ้านหลวงพ่อเทียน หลับตาลงก็นึกไปถึงว่า รุ่นสุดท้ายที่ได้ฝึกกับหลวงพ่อเทียน อายุต่ำสุดก็ 60 ปีแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีใครสานต่อ แล้วคนรุ่นหลังเรา ที่จะมาตามหาหลวงพ่อเทียน ก็คงเหลือแต่ตำนาน....และก็เลือนหายไป



เดินทางกลับบ้าน..ด้วยความอิ่มใจ สุขใจ
ระหว่างการสนทนาธรรมในคืนนั้น ปลื้มปิติ จับความรู้สึกตัวได้ชัดมาก และเรียนรู้ว่า การปฏิบัติธรรมไม่ได้ยากอะไรเลย สามารถที่จะดำเนินชีวิตไปในทางโลก และทางธรรม ไปพร้อมๆ กันได้

กลุ่มพวกหนูโชคดีที่ได้รู้จักธรรมะ สิ่งที่คุณตา คุณยาย(บ้านบุฮม) ฝากไว้ก็คือ อย่าตามรอยเพียงเพื่อมารู้จักบ้านหลวงพ่อเทียน ให้ตามรอยที่หลวงพ่อเทียนประพฤติปฏิบัติในทางธรรมให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยเถิด...




ฝึกสติรักษาใจไว้กับกาย ให้รู้อยู่กับปัจจุบัน ให้ทันความคิด อย่าปรุงแต่งจิต อย่ายึดติดรูปนาม





Create Date : 24 กันยายน 2551
Last Update : 20 สิงหาคม 2552 14:30:09 น. 0 comments
Counter : 2107 Pageviews.

Mena Summer
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




1.ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง
2.ศึกษาปฎิบัติธรรม เจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียน ตามธรรมะจัดสรร
3.สนใจงานถักนิตติ้ง
4.สะสมไหมพรม มีอุปกรณ์งานถักหลากหลาย
5.รักการอ่านหนังสือ สนุกกับการอ่านหนังสือหลายแนว มีความฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายก็เอาหนังสือที่ตนเองมีอยู่ทะยอยแบ่งปันกันไป ...
6.ชอบซีรีย์ญี่ปุ่น และเกาหลี
7.ชอบกีฬาว่ายน้ำ
8.เติมเต็มเรื่องราวดีๆ ให้ชีวิต ไปเรื่อยๆ
Friends' blogs
[Add Mena Summer's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.