เมื่อไปถึงวัดดังกล่าวพบพระเจษฎา มหาลาโภ รักษาการเจ้าอาวาสวัดวัดทุ่งตูมคำ โดยพระเจษฎา เปิดเผยว่า ที่ปากทางเข้าวัดมีพระปางสมาธิ กำลังสร้างอยู่มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูงจากฐานถึงยอดเศียร 9 เมตร

 

โดยได้นำเอาเหรียญกษาปณ์ของไทยและต่างประเทศ ทั้งสมัยเก่าและสมัยใหม่ ที่ส่วนใหญ่ญาติโยมนำมาบริจาคให้กับทางวัดมาประดับไว้ ซึ่งขณะนี้ใช้เหรียญประดับไปแล้วกว่า 2 แสนเหรียญ เหลืออยู่อีกประมาณ 1 แสนเหรียญ ที่จะนำมาประดับถึงจะแล้วเสร็จ

 

พระเจษฎา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนอน มีขนาดยาว 7.90 เมตร ที่ประดับด้วยเหรียญต่างๆ เช่นเดียวกัน โดยใช้เหรียญจำนวน 1 แสนเหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญที่หาดูยากและเลิกใช้ไปแล้วก็มี โดยติดพร้อมกับกระจก เพื่อให้สะท้อนมองเห็นได้ไกล

ส่วนภายในอุโบสถ์นั้นประดับด้วยเหรียญ ต่างๆ เช่นกัน ประมาณ 3 หมื่นกว่าเหรียญ กับพระผงพระสมเด็จ อีก 8 หมื่น 4 พัน องค์ บนเพดาน ข้างฝาและหน้าประตู ซึ่งจะทำให้ภายในพระอุโบสถ์ สว่างไสว ลดการใช้ไฟฟ้าน้อยลง

นอกจากนี้ บนศาลาการเปรียญ ก็เช่นกันมีประดับเหรียญต่างๆ และพระผงพระพุทธรูปตามเสา พร้อมทั้งมีรูปภาพพระพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ถึงปรินิพาน และภาพเรื่องพระเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับธรรมมะ

 

รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า วัดทุ่งตูมคำนี้ ปัจจุบันมีพระและสามเณรจำพรรษาอยู่เพียง 6 รูป จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ที่มาทำการสำรวจ ว่า วัดนี้ยังมีปัญหากับทางราชการ เนื่องจากว่าตั้งอยู่บนพื้นที่ของที่ดิน สสร.หรือ เคยเป็นที่ดินของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของทหารบกอุดรธานี แล้วยังไม่มีการโอนย้าย

สันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างในระหว่าง พ.ศ.2300-2400 หรือมีอายุประมาณ 100 กว่าปี จากนั้น กลายเป็นวัดร้างอยู่หลายปี จนปี 2540 พระอธิการธวัชชัย ฐานิสสโร เดิมจำวัดอยู่ที่วัดนาคาเทวี ต.นาข่า และเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ในปัจจุบัน ขออนุญาตมาจำวัดที่วัดนี้

แล้วได้ร่วมกับชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันบูรณะวัดขึ้นใหม่ สร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ เอาไว้ เช่น พระองค์ใหญ่ที่ปากทางเข้าวัด และพระปางนอน รวมไปถึงอุโบสถ์ และศาลาการเปรียญ เป็นต้น  

 

พระเจษฎาฯ กล่าวอีกว่า แนวความคิดของเจ้าอาวาส ที่ให้นำเหรียญกษาปณ์มาติดประดับองค์พระพุทธรูปว่า เนื่องจากเหรียญกษาปณ์นั้นมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอีกด้านหนึ่งนั้น ก็มีภาพสถานที่สำคัญๆ ของประเทศไทย

จึงให้ช่างติดสลับหน้าและหลังกันไป เพื่อเป็นการรักษาอนุรักษ์เหรียญกษาปณ์ของไทยเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น ซึ่งจะมีเหรียญกษาปณ์สมัยใหม่ และเหรียญกษาปณ์สมัยเก่าๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่หาดูได้ยาก และยังมีเหรียญกษาปณ์ของประเทศต่างๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย