"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
โบราณสถานกรุงรัตนโกสินทร์ วัดพระแก้ว วังหน้า เชิงสะพานปิ่นเกล้า ฝั่งพระนคร

มติชน 11 พฤษภาคม 2555

โดย ผู้สื่อข่าวพิเศษ


(ซ้าย) พระพุทธรูปยืนสูง 6 ศอก พระประธานภายในอุโบสถวัดพระแก้ว วังหน้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ วังหน้าในรัชกาลที่ 2 โปรดให้หล่อขึ้น แต่มาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4

(ขวบน) บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เมื่อ พ.ศ. 2489 เห็นโบสถ์วัดพระแก้ว วังหน้า (ทางซ้ายของภาพ) ตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ภาพถ่ายฝีมือ นายปีเตอร์ วิลเลียมส์ ฮันท์ จากหนังสือ กรุงเทพฯ 2489-2539)

(ขวาล่าง) บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ใน พ.ศ. 2539 เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร, โรงละครแห่งชาติ, วิทยาลัยนาฏศิลป และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แออัดยัดเยียดเบียดบังจนมองไม่เห็นความโดดเด่นของโบสถ์วัดพระแก้ว วังหน้า (ภาพจากหนังสือ กรุงเทพฯ 2489-2539)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



 

วัดพระแก้ว วังหน้า มีนามทางการว่า วัดบวรสถานสุทธาวาส
สิ่งสำคัญที่ยังเหลืออยู่มีเพียงโบสถ์หลังเดียวเท่านั้น ส่วนสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ได้ถูกรื้อถอนไปหมดสิ้นแล้ว เหลือแต่ซากวัดฝังอยู่ใต้ดินเป็น Unseen ของกรุงเทพฯ

สาเหตุที่ได้ชื่อว่า "วัดพระแก้ว วังหน้า" ก็คงสืบเนื่องมาจากผู้คนเห็นว่าเป็นวัดที่อยู่ในเขตของพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) อันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต (พระแก้ววังหลวง)

วัดในลักษณะนี้จัดเป็นพระอารามประจำพระราชวัง (โดยไม่มีพระสงฆ์อยู่อาศัย จำพรรษา) ตามขนบธรรมเนียมที่เคยมีมาแต่ครั้งโบราณกาล

ทุกวันนี้ บริเวณวัดพระแก้ว วังหน้า เป็นโบราณสถานกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ถูกครอบครองอย่างผิดกฎหมายโดยสถาบันการศึกษาของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเท่ากับรบกวนโบราณสถานอย่าง "เย้ยฟ้า ท้าดิน"

เริ่มสร้างวัดวังหน้า สมัย ร.3

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (พระมหาอุปราช หรือ "วังหน้า" ในรัชกาลที่ 3) ได้โปรดให้สร้างวัดบวรสถานสุทธาวาส

เป็นพุทธบูชา (บนพื้นที่สวนวังหน้า หรืออุทยานวังหน้า สมัยรัชกาลที่ 1)

แต่เสด็จสวรรคตก่อนที่จะสร้างสำเร็จ


โบสถ์วัดพระแก้ววังหน้า มีภาพเขียนเรื่องพระพุทธสิหิงค์ แห่งเดียวในประเทศไทย



 

 

 

 

 

 

 

 



พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ (พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ 4) จึงได้ทรงดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา แต่ยังไม่เสร็จบริบูรณ์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมจนสำเร็จเรียบร้อย

และคงมีพระราชดำริจะให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ จึงโปรดให้ก่อฐานชุกชีสำหรับตั้งบุษบกกลางพระอุโบสถ

นอกจากนี้ยังโปรดให้เขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์และอดีตพระพุทธเจ้าไว้ในพระอุโบสถด้วย แต่จนสิ้นรัชกาลก็มิได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานไว้แต่ประการใด

เหลือแต่โบสถ์วัดพระแก้ว วังหน้า

ครั้นถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า (โดยมีกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นพระองค์สุดท้าย) พระราชวังบวรสถานมงคลก็ขาดผู้ดูแลรักษา พระองค์จึงโปรดให้รื้อปราการและสถานที่อื่นๆ ออกเสีย คงไว้แต่พระอุโบสถหลังเดียวเท่านั้น

จนในปี พ.ศ.2443 ได้โปรดให้ซ่อมแปลงพระอุโบสถเดิมเป็นพระเมรุพิมาน เพื่อใช้เป็นที่ตั้งพระศพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และพระศพเจ้านายซึ่งทรงเกียรติสูงหลายองค์


โบสถ์วัดพระแก้ว วังหน้า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งพระทัยจะให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ แต่สวรรคตเสียก่อน พระพุทธสิหิงค์จึงยังคงประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ต่อมาเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ ฝีมือช่างวังหน้าไว้ในโบสถ์ (ภาพถ่ายเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 จากหนังสือ ประชุมพงศาวดารภาคที่ 13. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าเสพจิตจำนงค์ สุทัศนีย์ 9 กรกฎาคม 2516)



 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



หลังจากสิ้นงานครั้งนั้นแล้ว พระอุโบสถหลังนี้ก็หมดความสำคัญและชำรุดทรุดโทรมลงอย่างมาก จนกระทั่งได้มีการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2480 และ พ.ศ.2505 ตามลำดับ

ภาพเขียนบนผนังโบสถ์

ภาพเขียนในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส บริเวณผนังด้านที่ประดิษฐานองค์พระประธาน เขียนเป็นภาพวิมานขนาดเล็กอยู่เบื้องบนหลายหลัง

นอกจากนี้ยังเขียนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์ อยู่ทั้งสองข้างองค์พระประธาน และยังมีภาพเทพที่เหาะมาสักการะอยู่รายรอบองค์พระด้วย หมายถึงการเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ของพระพุทธองค์ ภายหลังจากได้โปรดพุทธมารดาแล้ว

สำหรับผนังด้านอื่นๆ แบ่งภาพออกเป็น 2 แนว

ภาพแนวบน เหนือหน้าต่างขึ้นไป เป็นภาพเล่าเรื่องเหตุการณ์ของอดีตพระพุทธเจ้าซึ่งทรงมีพระจริยาวัตรที่คล้ายคลึงกัน
จิตรกรรมพระพุทธสิหิงค์แห่งเดียวในไทย

ภาพแนวล่าง ที่อยู่ระหว่างช่องกรอบประตูและหน้าต่างเป็นภาพเล่าเรื่องพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศไทย

เล่าเรื่องผสมกันระหว่างตำนานพระพุทธสิหิงค์ฉบับพระโพธิรังสี ซึ่งแสดงเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่ พญานาคเนรมิตกลายเป็นพระพุทธเจ้าจนถึงตอนเจ้ามหาพรหมรบกับพระเจ้าสิริราชบุตร (พระเจ้าแสนเมืองมา)

หลังจากนั้นจึงดำเนินเรื่องตามพระราชพงศาวดาร จนถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทยกทัพไปรบกับพม่าที่ยึดเมืองเชียงใหม่ แล้วอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มากรุงเทพฯ

ภาพหลังสุดเป็นการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ออกจากวังหลวงเพื่อมายังวังหน้า

ภาพแนวล่างนี้นอกจากเป็นภาพในตำนานพระพุทธสิหิงค์แล้ว ยังมีภาพเล่าเรื่องปัจเจกพุทธสอดแทรกอยู่บางผนัง และบางผนังยังไม่สามารถสรุปที่มาได้

ภาพเขียนสมัย ร.4

จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสเป็นฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 4

สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีลายพระหัตถ์ทูลสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า "...กรมหมื่นวรวัฒน์ว่าเจ้าฟ้าอิศราพงศ์เป็นแม่กองจัดเลือกช่างให้เขาเขียน มีฝีมืออาจารย์แดงห้องหนึ่ง เขียนดีนัก ในนั้นมีรูปชนช้าง..."

และลายพระหัตถ์อีกฉบับทรงกล่าวถึงจิตรกรรมตอนทิ้งผลกัลปพฤกษ์ว่า "...ติดใจรูปเขียนวัดบวรสถานอยู่อีกห้องหนึ่ง เห็นว่าดีล้ำเลิศกว่าที่เคยเห็นมา...ไม่เคยเห็นฝีมือช่างผู้นี้ที่ไหนมาก่อนเลย กรมหมื่นวรวัฒน์บอกว่าชื่อนายมั่น เป็นคนของเจ้าฟ้า..."

ภาพเขียนเหล่านี้ควรเปิดให้ประชาชนเข้าชม โดยไม่ถูกปิดกั้นจนทุกวันนี้นานมากกว่าครึ่งศตวรรษ

ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
ผู้สื่อข่าวพิเศษ

โสรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ




Create Date : 12 พฤษภาคม 2555
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 14:27:41 น. 0 comments
Counter : 2038 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.