1. เริ่มการขับเคลื่อนอัตโนมัติจากการร่างแผนที่ 3D ความละเอียดสูงด้วย LiDAR สำหรับการทำงานในสภาวะหิมะหรือฝนตก รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติฟอร์ด ฟิวชั่น ไฮบริด จำเป็นต้องวิ่งสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อสร้างแผนที่ดิจิทัลแบบสามมิติความละเอียดสูงเป็นอันดับแรก โดยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ดจะสร้างโมเดลดิจิทัลของสภาพท้องถนนที่มีความแม่นยำสูง รวมถึงจับสภาพอาคารโครงสร้างต่างๆ โดยรอบจากการวิ่งสำรวจในสภาพอากาศตามที่ต้องการ โดยใช้อุปกรณ์สแกน LiDAR จำนวน 4 ตัว ในการปล่อยเลเซอร์รวม 2.8 ล้านจุดต่อ 1 วินาที ผลลัพธ์ของแผนที่ที่ได้จะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการระบุตำแหน่งรถยนต์ขณะอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อสแกนสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์นี้ รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจึงสามารถระบุตำแหน่งของมันเองจากแผนที่ที่ได้บันทึกไว้ แม้ว่าถนนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ 2. เก็บข้อมูลแผนที่ขนาดมากถึง 600 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง ขณะที่ทำการร่างแผนที่ดิจิทัลแบบสามมิติ รถยนต์ฟอร์ดขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางและสถานที่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทาง ตึกอาคาร ต้นไม้ และอื่นๆ โดยรถยนต์จะเก็บข้อมูลมากถึง 600 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง เพื่อนำไปสร้างแผนที่ภูมิทัศน์สามมิติความละเอียดสูง ซึ่งเป็นขนาดข้อมูลเทียบเท่าการใช้งานข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน 10 ปี 3. เซ็นเซอร์ LiDAR อัจฉริยะ ตรวจจับเกล็ดหิมะและหยดน้ำฝน รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของฟอร์ด ปล่อยเลเซอร์หลายจุดจากเซ็นเซอร์ LiDAR ในจำนวนมาก โดยเซ็นเซอร์บางจุดกระทบเข้ากับเกล็ดหิมะหรือหยดน้ำฝน และทำให้ประมวลผลผิดไปว่ามีวัตถุขวางทางอยู่ ฟอร์ดได้ทำงานร่วมกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และได้สร้างอัลกอริทึ่มที่สามารถตรวจจับหิมะและน้ำฝน เพื่อช่วยกรองวัตถุเหล่านี้ให้พ้นจากทัศนวิสัยของรถยนต์ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
|